BANDIT ILLICIT โคตรเลว SM25++ - โคตรเลว #12 - บุกรุก
ตึก ตึก ตึก..
พอเดินออกมาจากลิฟต์สายตาก็เหลือบเห็นแคนดี้กับแคทนั่งรอกันอยู่ตรงระเบียง ก่อนทั้งสองคนจะเอี้ยวหน้ามามองเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นกระเบื้อง
"เนเน่!!" ทั้งแคนดี้และแคทเอ่ยเรียกชื่อของเธอขึ้นพร้อมกัน แล้วดีดตัวขึ้นวิ่งผลุนผลันมาโผกอดพร้อมกับปล่อยโฮออกมาด้วยความเป็นห่วง
เมื่อหลายวันก่อนทั้งสองคนเห็นหญิงสาวหายไปไม่มาเรียนโทรไปหาก็ไม่รับไปที่บ้านลูกน้องบอกอยู่บนห้องห้ามไม่ใครขึ้นไปรบกวน ทำเอาพวกหล่อนเป็นห่วงไม่เป็นอันกินอันนอนเลยกลัวเพื่อนรักจะเป็นอะไรไป
สภาพแบบนี้เนเน่คิดว่าแคทคงน่าจะรู้เรื่องทั้งหมดที่เธอเจอมาจากแคนดี้หมดแล้ว ดีเหมือนกันเธอเองจะได้ไม่ต้องบอกและอีกอย่างก็ไม่อยากจะพูดถึงมันด้วย
แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆแคทรู้มาจากเพลิงไม่ใช่แคนดี้
"เป็นอะไรของพวกแกเนี่ย ร้องไห้กันทำไม" ว่าแล้วเนเน่ก็ตวัดมือขึ้นมาลูบหลังเพื่อนรักทั้งสองคน ทำเอานักศึกษาที่เดินผ่านไปมาและเข้าห้องเรียนเอี้ยวหน้ามองกันเป็นแถว
"ฮึก! แกหายไปไหนทำไมโทรไปหาไม่รับเลย" เป็นแคทที่พูดขึ้นพลางสะอื้นไห้อย่างหนัก ไม่ต่างจากแคนดี้ก็สะอื้นไห้จนตัวสั่นเอาแต่กอดเนเน่แน่น
"แกนั้นแหละหายไปไหนไม่มาเรียนตั้งหลายวัน" เธอเบี่ยงประเด็นไม่ตอบคำถามของเพื่อนรัก แต่กลับถามกลับแทนเพราะเธออยากรู้ว่าแคทหายไปไหนมามากกว่าสนใจเรื่องของตัวเอง
คนถูกถามไม่ได้ตอบในทันทีหล่อนผละตัวออกมา ปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มลวกๆ
"ฉันไม่สบายอ่ะ ลุกขึ้นไปไหนไม่ไหวเลย ดีนะมียายข้างบ้านคอยเอาข้าวกับยามาให้เลยดีขึ้นมาหน่อย"
"ฮึก..เอาเรื่องของแกเถอะเนเน่ เป็นอะไรทำไมเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องรู้ไหมว่าพวกฉันเป็นห่วงแกมากแค่ไหน กินไม่ได้นอนไม่หลับนึกว่าแกฆ่าตัวตายไปแล้ว" อยู่ๆแคนดี้ที่เอาแต่สะอื้นไห้ก็เอ่ยแทรกในตอนที่เนเน่กำลังจะอ้าปากถามต่อ เธอผละตัวออกจากร่างของเพื่อนรักแล้วยกฝ่ามือขึ้นปาดน้ำตาออกจากบนพวงแก้มแดงระเรื่อ
เธอไม่ได้ลำเอียงนะมีความเป็นห่วงเพื่อนทั้งสองคนเท่าๆกัน แต่แคทหายดีแล้วและเรื่องมันเล็กน้อยกว่าที่เนเน่กำลังเป็นอยู่ ไม่รู้ว่าตอนนี้สภาพจิตใจของเนเน่จะเป็นยังไงบ้างดีขึ้นหรือยังซึ่งดูจากหน้าตาที่ดูโทรมลง ไม่น่า..
"ฉันไม่สบายลุกไปไหนไม่ไหว แล้วเลิกคิดสักทีว่าฉันจะทำร้ายตัวเองเพราะเรื่องแค่นี้ ชีวิตของฉันมันมีค่าพอมากกว่าจะเอาไปทิ้ง" เนเน่พูดแค่นั้นก็เบี่ยงตัวเดินเข้าไปในห้องเรียน ปล่อยให้เพื่อนรักทั้งสองคนยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น
กว่าพ่อจะทำให้แม่มีเธอมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไหนจะอุ้มท้องมาอีกเก้าเดือนไหนจะเลี้ยงมากว่าจะโตได้ขนาดนี้ แค่เรื่องเลวๆเรื่องเดียวเธอจะมาจบชีวิตตัวเองมันก็ไม่ใช่ สู้รอวันเอาคืนดีกว่าแถมยังได้อีกสะใจด้วย
เธอไม่ได้โง่ถึงกับคิดอะไรไม่ได้
หญิงสาวเดินออกจากลิฟต์บนอาคารห้องอธิการบดีหลังเรียนเสร็จด้วยสีหน้าที่สดใสขึ้นกว่าเดิม ดวงตากลมโตมองตรงไปยังห้องหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่อย่างเรียบนิ่ง ก่อนจะหยุดฝีเท้าเมื่อมาถึงหน้าประตูบานใหญ่พร้อมยกมือขึ้นมาเคาะมัน
ก๊อก! ก๊อก!
"เข้ามา"
แกร็ก|
มือเล็กผลักบานประตูเข้าไปเมื่อได้ยินเสียงอนุญาตจากคนข้างในดังออกมา สองเท้าเล็กย่างกรายเข้าไปหาชายหนุ่มที่นั่งรออยู่บนเก้าอี้ตรงโต๊ะทำงาน
"รอนานไหมคะ" เนเน่เอ่ยถาม หลังเดินมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานของผู้เป็นลุงซึ่งเป็นพ่อของฟีฟาย
"ไม่ครับ ไปกันเลยไหมเราหิวรึยัง" ฟีฟายยิ้มกริ่มมองสีหน้าของหญิงสาว รู้สึกว่าเธอดูสดใสขึ้นไม่โทรมเหมือนเมื่อตอนบ่าย
"แล้วแต่พี่ฟีฟายเลยค่ะ"
"งั้นไปกันเลยเนอะ พี่หิวแล้ว" พูดจบฟีฟายก็หยัดกายลุกขึ้นคว้าหยิบกุญแจรถ แล้วเดินไปกอดคอเนเน่อย่างที่เคยทำ
"….." ริมฝีปากอวบอิ่มหันไปคลี่ยิ้มอ่อนไม่ได้ห้ามในการกระทำของเขาอาจจะเป็นเพราะความเคยชิน หากเป็นคนอื่นที่มาคุกคามเธอแบบนี้คงถูกผลักออกห่างไปแล้ว
บนรถ-
มีแต่ความเงียบปกคลุมอยู่ภายในรถตั้งแต่ขับออกมายังไม่มีใครพูดอะไรเลย จนกระทั้งผ่านไปสักพัก..
"เราอยากกินร้านอาหารข้างนอกหรือในห้าง" ฟีฟายละสายตาจากถนนเบื้องหน้าหันไปมองคนข้างๆ ขณะที่เธอกำลังมองบรรยากาศภายนอกยามเย็นในเมืองหลวงนอกหน้าต่างที่มีฝนตกพร่ำๆ
เสียงทุ้มฉุดรั้งเนเน่ให้หลุดจากภวังค์ความเหม่อลอย เธอหันกลับไปมองเจ้าของคำถามนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะถูกมือใหญ่เอื้อมมาจับมือของเธอสอดประสานกันวางลงบนหน้าตักแกร่ง
"แล้วแต่พี่ฟีฟายเลยค่ะ เน่ยังไงก็ได้"
"เนเน่คนเดิมหายไปไหนแล้ว หื้ม~ คนที่เอาแต่ใจไม่ตามใจพี่เหมือนตอนนี้" ว่าแล้วฟีฟายก็หันกลับไปมองถนนเบื้องหน้าตามเดิม เขาอยากได้เนเน่คนเดิมกลับมามากกว่า แม้จะไม่รู้ว่าเธอมีเรื่องไม่สบายใจอะไรในใจแต่ก็ดีใจที่ตัวเองได้อยู่กับเธอในเวลานี้ และจะทำให้เธอกลับมาเป็นคนเดิมให้ได้
"….." เธอยิ้มแห้งเลือกที่จะไม่ตอบ เบือนหน้าออกไปมองบรรยากาศภายนอกดังเดิม พอเห็นอีกฝ่ายเงียบฟีฟายเองก็ไม่ได้เค้นถามอะไรไปมากกว่านั้น จนความเงียบจะถูกปกคลุมภายในรถอีกครั้ง
@Tazu Shabu-Yaki (ห้างสรรพสินค้าkn)
"อาหารไม่อร่อยเหรอ หรือรอพี่ป้อน" ฟีฟายเลิกคิ้วถาม เมื่อเห็นคนตรงข้ามเอาแค่นั่งเขี่ยอาหารเล่นไม่ยอมกินเข้าไปสักที
ดวงตาคู่งามละสายตาออกจากอาหารตรงหน้าช้อนขึ้นมามองเจ้าของคำพูดนั้น "ถ้าบอกว่ารอพี่ฟีฟายป้อนจะป้อนให้ไหม" เนเน่ตอบหยอกล้อกลับ รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย
ได้ยินอย่างนั้นชายหนุ่มถึงกับฉีกยิ้มอ่อน "ได้ดิถ้าเราต้องการ" ว่าแล้วเขาก็หยัดกายลุกขึ้นเดินไปนั่งฝั่งเดียวกันกับหญิงสาวในทันที ถ้าให้นั่งป้อนอยู่ฝั่งตรงข้ามแบบนี้เขาไม่ถนัดและอีกอย่างกลัวจะหกเลอะเทอะเสื้อนักศึกษาเธอด้วย มานั่งใกล้ๆกันเนี่ยแหละจะได้ไม่เกิดปัญหา ในขณะที่เนเน่นั่งมองการกระทำน่ารักดูเอาใส่ใจของเขาด้วยรอยยิ้ม
ฟีฟายก็คีบอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะมากมายป้อนให้เธอสลับกับใส่ปากตัวเอง ก่อนทั้งสองคนจะหยอกล้อกันไปมาราวกับเป็นคู่รัก ท่ามกลางแสงไฟสลัวเจือบรรยากาศในร้านที่ดูเงียบๆไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่านสักเท่าไหร่ โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำเหล่านั้นตกอยู่ในสายตาของใครบางคน
ติ๊ง~
อีกด้านเสียงแจ้งเตือนข้อความจากโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานดังขึ้น ทำให้เพลิงที่นั่งเอนตัวสูบบุหรี่อยู่บนเก้าอี้โดยขายืดพาดโต๊ะ เหลือบสายตาไปมอง และค่อยๆดีดตัวขึ้นพร้อมกับมือหนึ่งจับบุหรี่ยกขึ้นมาคาบไว้ เอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูข้อความนั้น
เขาเหยียดยิ้มมุมปากอย่างไม่ชอบใจนักหลังเห็นอะไรบางอย่าง ปากหนาอัดควันบุหรี่เข้าเต็มปอดแล้วมันขาวคลุ้งออกจากปาก ก่อนโจรหนุ่มจะหยัดกายลุกขึ้นจิ้มมันลงดับในโถแก้ว ผลุนผลันออกจากห้องไป
"พอเห็นว่าเปย์หน่อย นี่เล่นซื้อเยอะแยะเลยนะ" ฟีฟายเอ่ยหยอกล้อคนที่เดินนำหน้าเข้าไปในคอนโดของตัวเอง ขณะที่ตนถือของพะรุงพะรังแต่เจ้าของกลับเดินตัวปลิวอย่างสบายใจ
เจ้าของเรือนร่างอรชรเอี้ยวหน้ามามองคนข้างหลัง พลางไหวไหล่ให้อย่างไม่สะทกสะท้าน "ต้องเอาให้คุ้มหน่อย นี่เน่ไม่ได้ผลาญเงินพี่ฟีฟายมาตั้งสามปีและนะ" พูดจบหญิงสาวก็เอี้ยวหน้ากลับไปมองทางดังเดิม
วันนี้เธอโทรไปบอกผู้เป็นพ่อแล้วว่าจะนอนคอนโด เนื่องจากฝนตกทางกลับบ้านรถคงติดมากกว่าจะถึงคงดึกดื่น ซึ่งท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังสบายใจหมดห่วงเพราะรู้ว่าเธออยู่กับใคร
"งั้นหลังจากนี้ก็ผลาญมันทุกวันเลยนะ" ริมฝีปากหนาอมยิ้มกริ่ม เห็นหญิงสาวเริ่มกลับมาเป็นตัวเองบ้างแล้วเขาเองก็ดีใจ
"จัดไป เน่จะเอาให้พี่ฟีฟายจนเลยคอยดู" ว่าแล้วเนเน่ก็เดินเข้าลิฟท์ไปอย่างอารมณ์ดี โดยมีฟีฟายเดินตามหลังเข้ามา
"ยาก"
แกร็ก|
เท้าเล็กหยุดชะงักทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องพักของตัวเองและรับรู้ถึงความผิดปกติ กลิ่นควันบุหรี่ที่ลอยอบอวลมาแตะจมูกราวกับว่ามีคนมาบุกรุกทำเอาหญิงสาวเริ่มหวั่นใจแปลกๆ เพราะรู้สึกคุ้นชินกับกลิ่นของมันมาก คงไม่ใช่.. แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้เนื่องจากไม่มีใครรู้รหัสห้องนี้นอกจากเพื่อนรักทั้งสองคน และอีกอย่างที่นี่ความปลอดภัยแน่นหนา
อาจจะเป็นกลิ่นเก่าที่ติดจากตัวเธอมาในวันนั้นมันยังสะสมอยู่แหละมั่ง ไม่มีอากาศถ่ายเท เนเน่ได้แต่ยืนคาดเดาจนคนที่เดินตามหลังมาสงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่เดินเข้าไปสักที
"ทำไมไม่เดินเข้าไปล่ะ มีอะไรหรือเปล่า"
"มะ..ไม่มีค่ะ"
เธอคงจะคิดไปเอง
มือเล็กเอื้อมไปเปิดไฟข้างฝาผนังซึ่งอยู่ห่างจากประตูไม่มาก
พรึ่บ!
"….." เนเน่เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ สมองหยุดประมวลผลไปชั่วขณะเมื่อสายตาเหลือบมองตรงไปยังโซฟา เจอเข้ากับใครคนหนึ่งนั่งไขว่ห้างเคาะนิ้วลงบนเบาะที่วางแขน
เธอคงไม่ได้ตาฟาดไปหรอกใช่ไหม
ร่างกายแข็งทื่อปนสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เพียงแค่คนตรงหน้าหันมาสบตา
"ร่านดี..มีความสุขอยู่กับชู้ไม่พอ ยังพามันมาสมสู่กันถึงห้องอีก"
—————————————