ตอนที่ 8 งามใหม่ (2)
หัวใจของแฮจินเต้นรัวดั่งกำลังนั่งรถไฟเหาะ เขารู้สึกราวกับอึนแฮเพิ่งสารภาพรักเขา
อยากรู้จักฉัน? เธอคงไม่ได้หมายความว่าเธออยากจะเดทกับฉัน…
“อ้า! อย่าเพิ่งคิดอะไรแปลกๆ ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”
แฮจินผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงทำหน้านิ่งเพื่อไม่ให้อึนแฮเข้าใจผิด
“ฮาฮา จริงเหรอ? แล้วผมต้องแปลกใจไหมที่มันไม่มีอะไร”
“หืมม… ผู้ชายส่วนใหญ่ค่อนข้างชอบฉัน แต่ทำไมคราวนี้ฉันรู้สึกเหมือนถูกทิ้งกันนะ นี่ฉันผิดเหรอ?”
แฮจินตระหนักว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้เธอนำได้ เขาจึงตอบอย่างกล้าหาญมากขึ้น
“ผมไม่ใช่ผู้ชายที่จะตกหลุมรักใครง่ายๆเพียงเพราะหน้าตา”
“โอ้ งั้นคุณก็จะบอกว่าฉันสวยสินะคะ ขอบคุณค่ะ”
เธอเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
“อืมม… แล้วคุณต้องการอะไรจากผม?”
“ที่จริงแล้ว ฉันเป็นคนดูแลแกลเลอรี่ที่ปู่ของฉันทิ้งเอาไว้”
การสืบทอดคาเฟ่ก็นับเป็นเรื่องที่ดีมากพอแล้ว แต่เธอกลับได้รับมรดกเป็นแกลเลอรี่ เธอเป็นเจ้าของช้อนเงินตัวจริง
“นั่นเยี่ยมมาก”
“มันอาจจะดูดียอดเยี่ยมสำหรับคนอื่น แต่สำหรับฉันแล้วมันไม่ง่ายเลย เมื่อวานคุณก็ได้ยินใช่ไหมเรื่องที่ฉันถูกหลอก”
มันเป็นสิ่งที่ผู้คนมองว่าน่าอับอาย อย่างไรก็ตามเธอกลับดูสงบเมื่อเอ่ยถึงมัน
“แน่นอนว่าผมได้ยิน”
“ตอนนั้นฉันรีบเพราะคิดว่ากำลังจะได้วัตถุโบราณดีๆ แต่มันกลับกลายเป็นว่าฉันถูกหลอก ปัญหาคือฉันไม่สามารถแจ้งตำรวจได้ ครอบครัวของฉัน… ไม่สิ ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้ฉันอาจจะเสียแกลเลอรี่ของฉันไป”
ตอนแรกแฮจินคิดว่าตระกูลของเธออาจไม่ธรรมดา แต่เห็นได้ชัดเลยว่ามันมีความขัดแย้งอยู่ภายใน
“งั้นตอนนี้คุณก็คงกำลังตกที่นั่งลำบาก”
“ใช่ค่ะ แต่ไม่ใช่แค่เพราะฉันเสียเงินไป ฉันสามารถทำเป็นไม่สนใจเงินจำนวนนั้นได้ แต่หากเหตุการณ์เช่นนี้ยังคงเกิดขึ้นต่อไป เกรงว่าเรื่องเกี่ยวกับความผิดพลาดของฉันอาจจะหลุดออกไป แม้ว่าเยรินจะเกลียดฉัน แต่เธอจะไม่พูดเรื่องนี้ออกมาดังๆ ดังนั้นฉันจึงไม่กังวลเกี่ยวกับเธอ… อย่างไรก็ตามไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ได้”
“ผู้หญิงที่คุณทะเลาะด้วยเมื่อวานเธอชื่อเยรินงั้นเหรอ? ปากของเธอจะต้องหนักกว่าที่ผมคิดแน่เพราะเธอดูไม่เป็นเช่นนั้น…”
“ผิดแล้ว ปากของเธอเบายิ่งกว่าขนนกเพียงแต่ฉันรู้ความลับของเธอเช่นกันก็เท่านั้น ดังนั้นฉันจึงมั่นใจว่าเธอจะไม่พูดพล่ามเรื่องของฉันแน่นอน”
“หืมม… งั้นแปลว่าคุณต้องการให้ผมเปิดโปงเรื่องเหล่านั้นอย่างลับๆ…”
“อุฟ! โอ้ ฉันขอโทษ”
แฮจินรู้สึกแทบบ้า แต่รอยยิ้มของเธอก็ทำให้ความรู้สึกนั้นละลายหายไปราวกับหิมะ
“ไม่เป็นไร” แฮจินพูด
“คุณไม่ได้ดูเหมือนนักสืบเอกชนสักหน่อย ฉันแค่อยากจะให้คุณช่วยฉัน”
ตอนนี้แฮจินนึกย้อนไปถึงชายที่เป็นผู้ประเมินของเยริน
“คุณต้องการให้ผมเป็นผู้ประเมินส่วนตัวของคุณ?”
“ใช่ ฉันรู้ว่ามันดูหยาบคายเพราะพวกเราเพิ่งรู้จักกัน แต่ที่ฉันถามเพราะมันเป็นเรื่องด่วน คิดซะว่าเป็นฉันที่รับคุณมา คุณจะได้รับค่าตอบแทนเท่าหัวหน้าแผนก”
“หัวหน้าแผนก…”
“คุณจะได้เงินเดือน 8,000 พร้อมโบนัส 400% ฉันจะให้โบนัสคุณเพิ่มเติมเมื่อคุณได้รับวัตถุโบราณที่ดีในราคาต่ำ นอกจากนี้คุณก็ยังจะได้รับรถซีดานหนึ่งคัน แน่นอนว่ามันเป็นรถของบริษัท แต่คุณสามารถนำมันไปใช้ส่วนตัวได้ และหลังจากผ่านไปหนึ่งปีคุณก็สามารถขึ้นเป็นพนักงานเต็มเวลาได้หากเราทั้งคู่เห็นพ้องต้องกัน”
นั่นเป็นเงื่อนไขที่ยอดเยี่ยม ถ้ามันเป็นก่อนที่แฮจินจะได้รับเครื่องเคลือบลายคราม มันคงเป็นข้อเสนอที่ใหญ่แน่นอน อย่างไรก็ตามส่วนที่ดีที่สุดของข้อเสนอนี้คือเขาจะได้ทำงานร่วมกับอึนแฮ แต่น่าเสียดายที่คำตอบของแฮจินไม่ใช่สิ่งที่อึนแฮหวังไว้
“ผมขอโทษ ผมไม่คิดว่าผมจะสามารถรับข้อเสนอของคุณได้”
“หืมม… ทำไมล่ะ? ฉันขอทราบเหตุผลได้ไหม”
“ความจริงแล้วผมใฝ่ฝันที่จะเป็นเพลย์บอยมาตลอด โทรหาผมถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ ผมจะมาช่วยคุณเป็นครั้งคราวในฐานะฟรีแลนซ์ แน่นอนว่าหากคุณต้องการผมก็จะเก็บมันทั้งหมดเป็นความลับ”
อึนแฮมองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ
จากนั้นเธอจึงกอดอกและถามออกมา “ฉันเดาว่าฉันคงจะอวดดีไปหน่อยสินะคะ ฉันคิดว่าคุณคงเห็นว่าข้อเสนอของฉันดีพอหลังจากที่คุณบอกฉันว่าคุณทำงานในอุตสาหกรรมก่อสร้าง…”
เธอพูดว่า ‘ทำงานในอุตสาหกรรมก่อสร้าง’ แทนที่จะเป็น ‘คนงานก่อสร้าง’ เธอเป็นคนที่เอาใจใส่มาก คนรวยอย่างเธอมันง่ายที่จะดูถูกผู้อื่น แต่ปรากฏว่าเธอได้รับการศึกษาเป็นอย่างดี
“ข้อเสนอของคุณน่าสนใจก็จริง แต่น่าเสียดายที่ผมไม่ได้ทำงานเป็นคนงานก่อสร้างเพียงเพราะต้องการเงิน ผมแค่อยากจะแสดงให้พ่อเห็น… หรือผมควรเรียกมันว่าการต่อต้านดี? ในตอนนั้นผมต้องการหาเงินให้ได้มากพอด้วยวิธีการที่ยากลำบากโดยมีจุดประสงค์เพื่อเหตุผลนั้น และมันก็ไม่ใช่ว่าผมมีความสามารถมาก แต่ตอนนี้ผมไม่มีเหตุผลที่ต้องทำงานใช้แรงอีกแล้ว และผมก็ไม่ได้ยากจนถึงขนาดที่ต้องเอาตัวไปผูกติดกับงานด้วย… ที่จะสื่อคือผมอยากจะอยู่อย่างไร้กังวล”
“ฉันเข้าใจค่ะ แล้วคุณจะทำงานให้ฉันไหมหากฉันปฏิบัติต่อคุณเหมือนคุณเป็นฟรีแลนซ์?”
“แน่นอนครับคุณอึนแฮ ผมพร้อมจะทำงานให้คุณเสมอ”
“ฮาฮา ฉันชอบมัน งั้นฉันจะจ้างคุณอย่างเป็นทางการ โปรดมาที่บริษัทของฉันเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียด คุณเคยได้ยินแกลเลอรี่ที่ชื่อแซยอนไหม?”
แฮจินไม่เพียงแค่เคยได้ยินเกี่ยวกับมัน แต่เขาเคยไปที่นั่นเลยด้วยซ้ำ
“คุณหมายถึงแกลเลอรี่ที่อยู่ในบุกชอนใช่ไหมครับ?”
“โอ้ คุณรู้จัก”
แน่นอนว่าแฮจินต้องรู้จักเป็นอย่างดี เขาเคยเห็นวัตถุโบราณที่พ่อของเขาขายในต่างประเทศถูกจัดแสดงที่แกลเลอรี่แซยอนสองสามครั้ง ดังนั้นมันจึงทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ
วัตถุโบราณดังกล่าวถูกขายในประเทศจีนและประเทศอื่นๆในฐานะของที่ถูกขโมยมา ดังนั้นแฮจินจึงสงสัยว่าพวกมันมาอยู่ในแกลเลอรี่ที่เกาหลีได้อย่างไร แต่เขาก็ไม่สามารถถามผู้อำนวยการได้ว่าเธอไปได้มาจากไหน ดังนั้นเขาจึงถอยออกมา และ… ผู้อำนวยการที่ว่านั่นก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้วตอนนี้…
“อืมม… ตกลง ผมจะไปพบคุณที่นั่นพรุ่งนี้ ผมตื่นเต้นมากที่ได้รับงานนี้”
“ฉันก็ดีใจเช่นกันค่ะที่เราได้ทำงานร่วมกัน”
อึนแฮขับรถพาแฮจินกลับไปที่ร้านหนังสืออีกครั้ง
เธอถามว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหน แต่เขาไม่อยากบอกเธอ เขาไม่สามารถบอกเธอได้ว่าเขาอาศัยอยู่ในสลัมที่แม้แต่โจรก็ยังไม่กล้าปล้น
ตอนแรกเขาวางแผนแค่จะขายเครื่องเคลือบลายครามเท่านั้น แต่ตอนนี้เมื่อเขานึกย้อนกลับไปเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากวัตถุโบราณ
เขาได้โหมงานอย่างหนักเพื่อหยุดยั้งพ่อของเขาจากการปล้นสุสานซึ่งตอนนี้มันไม่จำเป็นอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงคิดว่าในเมื่อทุกอย่างมันกลายเป็นแบบนี้ เขาก็ควรย้ายไปโซลและเริ่มต้นใหม่
แม้ว่าพ่อของฉันจะใช้ชีวิตแบบโจรปล้นสุสาน แต่ฉันจะกลายเป็นผู้ประเมินราคาวัตถุโบราณที่แท้จริง ไม่สิ ฉันจะทำมากกว่านั้น ฉันจะหาตัวพ่อค้าศิลปะผู้ชั่วร้ายที่มาคุกคามพ่อของฉันและทำให้เขาตายแบบนั้น จากนั้นฉันก็จะกู้คืนวัตถุโบราณของเกาหลีที่ถูกพรากไปจากเรากลับคืนมาด้วย
ขณะที่เขาคิดหัวใจของเขาก็เริ่มเต้นรัว เขาไม่คิดว่าทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ บางทีเหตุการณ์ล่าสุดอาจเป็นสัญญาณบอกให้เขาทำตามความปรารถสุดท้ายของพ่อ…
แฮจินเอาแต่แก้ตัวอย่างบ้าคลั่งในขณะที่กัดริมฝีปากของตัวเอง เขาไม่สามารถทำแบบขอไปทีได้ ดังนั้นเขาจะต้องทำทุกอย่างจากจุดเริ่มต้น
หากเขาสามารถนำวัตถุโบราณของเกาหลีที่กระจัดกระจายอยู่ในต่างประเทศกลับคืนมาได้ หากเขาสามารถเรียกคืนพวกมันจากผู้ที่นำพวกมันไปและอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งในคอลเลกชั่นของพวกเขาได้ แบบนั้นจะไม่มีความหมายมากกว่าเหรอ?
ในคืนนั้นแฮจินมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนและวางแผนว่าจะทำอย่างไรกับอนาคตของเขาเป็นครั้งแรก
วันต่อมา เขาเดินทางไปยังหน่วยงานจัดหาบ้านบริเวณใกล้เคียงและพบสตูดิโอที่อยู่ไม่ไกลในราคาที่เหมาะสม เขาต้องใช้เงิน 10,000,000 จากเงินที่เหลือเป็นค่ามันจำ ทำให้ตอนนี้เขาเหลือเงินอยู่ 5,000,000 วอน
เขานั่งแท็กซี่กลับไปที่บ้านและเก็บข้าวของจนดึก เขาไม่มีของที่ต้องเก็บมากนักเนื่องจากเขาให้ของที่เขาเคลื่อนย้ายไม่ได้หรือไม่ต้องการให้กับเพื่อนบ้านของเขา ทำให้เขามีของที่ต้องการเพียงแค่สามกล่องเท่านั้น เขาย้ายพวกมันไปที่บ้านใหม่และเมื่อกลับไปที่โรงแรมมันก็เลยเที่ยงคืนมาแล้ว
วันรุ่งขึ้นเขาทำการเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมและเดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าใกล้เคียงเพื่อซื้อชุดสูท มันราคา 500,000 วอน แต่เขาคิดว่ามันจำเป็น เขาต้องดูเหมือนผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถไปที่แกลเลอรี่ได้โดยสวมแค่ชุดลำลอง
เขามาถึงแกลเลอรี่แซยอนตอนเวลาประมาณ 11โมง มันเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการคุยธุระและทานอาหารกลางวันร่วมกัน
เมื่อเขาเข้ามาในแกลเลอรี่สิ่งแรกที่เขาเห็นคือแจกันดอกไม้ใบใหญ่ที่มีสีสันสดใส มันมีภาพของกวางที่กำลังเล่นอยู่บนภูเขาประดับอยู่ ด้วยสภาพที่ดีสีของมันจึงชัดเจนและดูสวยงาม
ไม่ว่าใครที่เห็นต่างก็คิดว่ามันเป็นวัตถุโบราณล้ำค่า แฮจินไม่คุ้นเคยกับแจกันนักเพราะพ่อของเขาเป็นคนขุดมันขึ้นมาและขายให้กับพ่อค้าชาวจีน
ผู้ที่สนใจเรื่องเครื่องเคลือบจะรู้ดีว่าแจกันชิ้นนี้ถูกผลิตขึ้นในจีน แต่การที่มันถูกนำเข้ามาในเกาหลีได้โดยไม่มีปัญหานับเป็นเรื่องแปลก
“มันสวยใช่ไหม?”
เสียงของเธอกระจ่างใสและงดงามเช่นเดียวกับใบหน้าของเธอ
แฮจินหันกลับไป และพบอึนแฮในชุดกระโปรงรัดรูปทรง H-lineพร้อมกับเสื้อเบลาส์กำลังมองไปที่แจกันด้วยความภาคภูมิใจ
“ใช่ครับมันเป็นวัตถุโบราณที่ดี”
“มันเป็นหนึ่งในรายการโปรดของปู่ฉัน”
“โอ้… ผมพนันได้เลยว่าคุณต้องรักเขามากแน่ๆ”
“ค่ะ ท่านเอ็นดูฉัน แม้ว่าตอนนี้ท่านจะจากไปแล้ว แต่เมื่อเวลาที่ฉันคิดถึงท่าน ฉันก็มักจะมาดูสิ่งที่ท่านชอบ เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่าท่านกำลังคุยกับฉัน”
เธอเป็นคนอ่อนไหว ถ้าเป็นคนอื่นแฮจินคงคิดว่าคนๆนั้นแค่กำลังสะอื้น แต่เมื่อเป็นอึนแฮเขากลับรู้สึกเสียใจแทนเธอ เป็นเพราะความสวยของเธองั้นเหรอที่ทำให้เขาคิดแบบนั้น?
“ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงรักคุณมาก”
“จริงเหรอ? งั้นเราเข้าไปข้างในกันเลยดีไหมคะ? ยังไงเราก็ไม่สามารถคุยเรื่องธุรกิจที่นี่ได้”
“โอเคครับ”
อึนแฮพาแฮจินไปยังห้องทำงานที่อยู่ลึกเข้าไปในแกลเลอรี่
เนื่องจากผู้มีอำนาจและความมั่งคั่งมักจะมาเยี่ยม ห้องทำงานของเธอจึงอยู่ในโทนสีขาดเรียบง่ายแต่ดูหรูหราด้วยภาพวาดอันทรงคุณค่า
“อันที่จริงฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณอย่างเร่งด่วน เมื่อไม่นานมานี้ชายที่ฉันทำธุรกิจด้วยส่วนใหญ่มีปัญหา ดังนั้นฉันเลยต้องหาคนใหม่… แต่ปัญหาคือฉันไม่รู้ว่าใครไว้ใจได้”
“มีปัญหา นั่นหมายความว่าเขา… อืม ผมควรเรียกคุณว่าCEOไหม?”
แฮจินไม่รู้ว่าเขาควรเรียกเธอว่าอย่างไรดี เธอยิ้มออกมา
“เรียกแค่ชื่อฉันก็ได้ค่ะ CEOหรือผู้อำนวยการมันไม่เหมาะกับอายุของฉัน”
“ตำแหน่งของคุณไม่ได้อยู่ในนามบัตรที่คุณให้มา”
“ฉันมีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายก็จริง แต่ฉันไม่ได้เขียนลงในนามบัตรใบนั้นเพราะมันไม่ได้มีไว้สำหรับคนที่ฉันไปพบเพื่อทำธุรกิจ”
แฮจินไม่รู้ว่านั่นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่มันทำให้เขารู้สึกดี
“โอ้…ผมเข้าใจ อืมม… ต้องการดำเนินการต่อแต่คุณพบปัญหา หมายความว่านายหน้าคนนั้นให้วัตถุโบราณที่มีปัญหากับคุณ?”
“ใช่ค่ะ เขาหลอกลวงฉันด้วยของปลอม และตอนนี้ฉันก็กำลังหาตัวเขา แต่ฉันมีปัญหาที่ใหญ่กว่าการพบการฉ้อโกงนั้นรออยู่ ฉันมีวัตถุโบราณไม่เพียงพอสำหรับนิทรรศการที่กำลังจะมาถึง”
“พระพุทธรูปหยกที่เราพบในงานแสดงตัวอย่าง?”
“ฉันตั้งใจว่าจะเก็บเงียบเอาไว้ แต่วันนั้นคุณพูดเสียงดังมาก ดังนั้นฉันคิดว่าฉันอาจจะไม่ได้รับมัน และปีนี้ฉันก็สามารถใช้เงินได้แค่จำนวนหนึ่งเท่านั้นในการประมูลของปีนี้”
“ผมเข้าใจ งั้นคุณก็รับพวกวัตถุโบราณจากนายหน้าเป็นหลักใช่ไหม?”
“ฉันได้รับ 70% จากการประมูลและที่เหลือผ่านอินซาคง อย่างที่คุณทราบว่ามันอาจมีวัตถุโบราณที่ดีในราคาที่ถูกมาก แต่มันก็อาจจะเป็นของปลอมได้เช่นกัน เช่นเดียวกันกับในครั้งนั้น ดังนั้นฉันจึงกังวลทุกครั้งที่ต้องทำข้อตกลง”
“ผมมีคำถาม ผมไม่คิดว่าคุณจะเก็บวัตถุโบราณทั้งหมดที่คุณได้รับไว้ในแกลเลอรี่… คุณทำอะไรกับพวกมัน?”
”มันมีกลุ่มที่คอยซื้อพวกมันบ่อยครั้ง อันที่จริงลูกพี่ลูกน้องของฉันอยากได้แจกันที่คุณเห็นตรงทางเข้า เขาบอกว่าเขาอยากได้มัน…”
“กลุ่ม…”
“กลุ่มบริษัทฮวาจิน(Hwajin Corporate Group.) ลูกพี่ลูกน้องของฉันเป็นรองประทางกรรมการของฮวาจิน”
โหว… ตอนแรกฉันคิดแค่ว่าเธอคงมาจากตระกูลที่ร่ำรวย แต่กลับกลายเป็นว่าเธอคือสมาชิกของตระกูลที่เป็นเจ้าของกิจการที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี
“โอ้… ช่างเป็นตระกูลที่ยอดเยี่ยมไปเลยนะครับ!”
“ผิดแล้ว ที่ถูกต้องคือเราไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับฮวาจินเลย แม้แต่ 1%ก็ไม่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม… คุณจะช่วยฉันไหม?”
ความจริงแล้วเธอไม่ต้องถามด้วยซ้ำ
Chapters
Comments
- ตอนที่ 21 ภาพสองภาพ (2) พฤศจิกายน 6, 2021
- ตอนที่ 20 ตุลาคม 29, 2021
- ตอนที่ 19 ตุลาคม 22, 2021
- ตอนที่ 18 มรดกที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ ตุลาคม 15, 2021
- ตอนที่ 17 ตุลาคม 9, 2021
- ตอนที่ 16 มรดกที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ (1) ตุลาคม 9, 2021
- ตอนที่ 15 ความตั้งใจของคนฝึกสิงโต (3) ตุลาคม 9, 2021
- ตอนที่ 14 ความตั้งใจของคนฝึกสิงโต (2) กันยายน 24, 2021
- ตอนที่ 13 ความตั้งใจของคนฝึกสิงโต (1) กันยายน 24, 2021
- ตอนที่ 12 ก้าวแรกในฐานะผู้ประเมินวัตถุโบราณ (2) กันยายน 24, 2021
- ตอนที่ 11 ก้าวแรกในฐานะผู้ประเมินวัตถุโบราณ (1) กันยายน 24, 2021
- ตอนที่ 10 Ma Won’s Ume Flower Seowon (2) กันยายน 24, 2021
- ตอนที่ 9 Ma Won’s Ume Flower Seowon (1) กันยายน 24, 2021
- ตอนที่ 8 งามใหม่ (2) กันยายน 24, 2021
- ตอนที่ 7 งานใหม่ (1) กันยายน 24, 2021
- ตอนที่ 6 ใช้เวทมนต์ (2) กันยายน 24, 2021
- ตอนที่ 5 ใช้เวทมนตร์ (1) กันยายน 24, 2021
- ตอนที่ 4 มันอยู่ในสายเลือด (3) กันยายน 24, 2021
- ตอนที่ 3 สายเลือดไม่สามารถปฏิเสธได้ (2) กันยายน 24, 2021
- ตอนที่ 2 สายเลือดไม่สามารถปฏิเสธได้ (1) กันยายน 24, 2021
- ตอนที่ 1 ภายในห้องหินที่ไหนสักแห่ง ….(อารัมภบท) กันยายน 24, 2021
MANGA DISCUSSION