แฮจินแทบจะไม่สามารถรักษาหน้าให้ปกติได้
ชายตรงหน้าเขาหล่อมากจนหากแฮจินเป็นผู้หญิงเขาคงตกหลุมรักไปแล้ว
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมลี จงมยอง ผมได้ยินมาว่าคุณช่วยอึนแฮของผมไว้มาก ขอบคุณนะครับ”
อา… แม้แต่เสียงของเขาก็ยังยอดเยี่ยม เสียงทุ้มต่ำของเขาสามารถเอาชนะใจสาวๆได้ด้วยการพูดเพียง 5 นาที อย่างไรก็ตามคำว่า ‘อึนแฮของผม’ มันทำให้แฮจินรู้สึกเศร้า
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับ ผมปาร์ค แฮจิน”
“ผมประหลาดใจมากเลยครับที่เห็นคนอายุน้อยอย่างคุณมีความรู้เรื่องวัตถุโบราณ”
“ฮาฮา อย่างที่คุณพูดผมยังเด็กสำหรับงานนี้”
“อึนแฮของผมไม่ค่อยจะชมหรือพึ่งพาใครบ่อยนัก ดังนั้นผมจึงค่อนข้างประทับใจเมื่อได้ยินเรื่องของคุณ”
‘อึนแฮของผม’ บัดซบ…. แต่สายตาที่จงมยองมองมาที่แฮจินนั้นไม่เป็นมิตรเหมือนคำพูดของเขา ดูเหมือนเขาจะตั้งการ์ดเต็มที่ แฮจินคิดว่าถ้าเขาอยู่ในตำแหน่งของจงมยองและอึนแฮพาผู้ชายคนหนึ่งมาโดยบอกว่าเธอต้องพึ่งพาเขา เขาก็คงไม่ชอบเช่นกัน
“เธอไม่ได้พึ่งพาผมหรอกครับ ผมทำงานให้เธอในฐานะฟรีแลนซ์… ผมเดาว่าที่เธอพูดแบบนั้นเพราะผมทำงานคุ้มกับค่าจ้างของผม ฮ่าฮาฮาฮา!”
อึนแฮหยิบแก้วน้ำผลไม้ที่พนักงานของเธอนำมาให้และนำมันมาวางไว้ที่โต๊ะ
“นั่นแหละที่ทำให้ผมเป็นห่วง บางทีเราควรจะคุยเรื่องเงินกันล่วงหน้า ผมหวังว่าคุณจะไม่ผิดหวัง…”
จริงๆแล้วค่าประเมินของหน่วยงานไม่ได้แพงขนาดนั้น เพียงแต่หน่อยงานประเมินไม่สามารถแยกแยะการปลอมแปลงได้อย่างสมบูรณ์แบบเหมือนที่แฮจินทำในช่วงเวลาสั้นๆ
ค่าธรรมเนียมการประเมินของหน่วยงานทุกที่ในโลกจะอยู่ที่ประมาณหลายแสนวอน อย่างไรก็ตามหากวัตถุโบราณชิ้นนั้นมีราคาแพงค่าประเมินก็จะสูงขึ้นตาม ส่วนค่าประเมินราคาวัตถุโบราณโบราณที่มีราคามากกว่าร้อยล้านแตกต่างกันมากซึ่งจะขึ้นอยู่กับเวลาและสถานที่
“ก่อนอื่นให้ผมบอกคุณเกี่ยวกับราคาประเมินของผม ค่าธรรมเนียมของผมคือ 1% ของสิ่งที่ประเมินโดยไม่มีการต่อรอง”
“ถ้าเป็นของปลอมล่ะ?”
“ก็1% เช่นกันครับ เป็นหนึ่ง1%ที่คุณจะต้องเสียไปหากมันเป็นของปลอม แต่ถ้าคุณไม่เห็นด้วยคุณก็สามารถให้ผมตามที่คุณต้องการได้เลย”
อึนแฮสัญญากับแฮจินไว้ว่าจะให้รางวัลใหญ่ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังดูประหลาดใจ หากเธอตกลงตามที่เขาเสนอ เธอจะต้องจ่ายให้เขาห้าสิบล้านวอนสำหรับการประเมินเพียงครั้งเดียว
ที่อึนแฮไม่ได้เสนอราคาก่อนเพราะค่าประเมินนอกสถานที่จะมากจะน้อยนั้นมันขึ้นอยู่กับที่ตกลงกัน ซึ่งเธอคิดว่าราคาที่แฮจินเรียกคงไม่ต่างจากปกติมากนัก…
เธอไม่คิดเลยว่าแฮจินจะมาพร้อมกับราคาที่สูงกว่าที่เธอคาดไว้
ลี จงมยองประหลาดใจและขัดจังหวะพวกเขา
“ผมยอมรับนะครับว่าคุณช่วยอึนแฮไว้มาก แต่ค่าประเมินที่Drouot Estimation ของฝรั่งเศสอยู่ที่ 0.5% ของราคาวัตถุโบราณ ยิ่งไปกว่านั้น 0.5% ที่ผมกล่าวไปข้างต้นพวกเขาจะคิดเรทนั้นก็ต่อเมื่อของมันราคา 152,000 ยูโรขึ้นไป ส่วนวัตถุโบราณที่ราคาต่ำกว่านั้นค่าธรรมเนียมจะต่ำกว่ามาก และหากมันไม่ใช่ของจริงมันก็ยิ่งลดลงไปอีก”
“แต่ที่คุณพูดมามันเป็นบริษัทส่วนผมมันคนธรรมดา แน่นอนว่าอย่างที่ผมกล่าวไปข้างต้น หากคุณไม่เห็นด้วยคุณก็สามารถจ่ายเท่าที่คุณต้องการได้เลย”
อึนแฮยิ้มอย่างขมขื่น
“งั้นมันก็จะไม่มีการว่าจ้างครั้งต่อไป”
“ผมก็เดาว่าอย่างนั้น”
แฮจินเรียกมากไปหน่อย แต่นั่นไม่ใช่เพราะคู่หมั้นของอึนแฮ
เขาร้องขอให้จ่ายเป็นจำนวนมากเพราะเขามั่นใจว่าเขาเป็นผู้ประเมินราคาที่ดีที่สุดในโลกด้วยความรู้และประสบการณ์ที่เขาได้รับจากพ่อของเขา นอกจากนี้เขาก็ยังมีเวทมนตร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาอีกด้วย
“ฮู่.. ฉันควรทำยังไงดี…”
อึนแฮกัดริมฝีปาก จงมยองพยามปลอมเธอขณะมองไปที่แฮจิน
“เราขอเวลาสักครู่ได้ไหมครับ?”
“แน่นอนครับ งั้นผมจะออกไปรอข้างนอก”
แม้ว่าอึนแฮจะมีเส้นสายกับฮวาจินและมีแกลเลอรี่ที่ขายและซื้อวัตถุโบราณมูลค่าหลายพันล้าน แต่การให้เงินห้าสิบล้านเป็นค่าประเมินมันคงไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นแฮจินจึงคิดที่จะยอมรับหากอึนแฮบอกว่าเธอไม่สามารถจ่ายเงินจำนวนนั้นได้
ที่เขาช่วยเธอในครั้งนี้เนื่องจากการพบกันโดยบังเอิญในงานแสดงตัวอย่างและเป็นก้าวแรกของเขาในฐานะผู้ประเมิน ดังนั้นหากเขาไม่ได้รับเงินห้าสิบล้านวอนมันก็คงไม่ได้ส่งผลอะไรกับเขามากนัก สิ่งเดียวที่ทำให้เขาเสียใจคือการที่เขาจะต้องบอกลาสาวสวย
หลังจากผ่านไปห้านาที จงมยองก็เปิดประตูออกมา
“เรียบร้อยแล้วครับ”
แฮจินเดินเข้าไปในห้องทำงานอีกครั้งและเห็นอึนแฮที่กำลังดูหนักใจ
“คำตอบของคุณคือ?”
อึนแฮลังเลก่อนจะพูดออกมา “ฉันขอโทษ ฉันไม่คิดว่าแกลเลอรี่นี้จะรับเงื่อนไขของคุณได้”
“งั้นนั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ยินดีที่ได้พบคุณนะครับ”
แฮจินไม่ได้แสดงความผิดหวังและทำเพียงแค่ยื่นมืออกไป
อึนแฮดูเสียใจมากเมื่อเธอจับมือเขา มือของเธอค่อนข้างนุ่มแฮจินรู้สึกได้ว่าเธอเสียใจผ่านการจับมือครั้งนี้
“งั้น… ฉันหวังว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง”
“ไม่รู้สิ ลาก่อนครับ…”
แฮจินออกมาจากแกลเลอรี่พร้อมกับซองจดหมายสีขาวที่อึนแฮมอบให้เขา เมื่อเขากลับมาถึงบ้านใหม่ของเขา เขาจึงทำการเปิดซองจดหมายดูและพบว่ามันมีเงินอยู่แสนห้าหมื่น
“อืมม… น่าผิดหวัง”
แฮจินเข้าใจว่าอึนแฮต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากเพราะเงินจำนวนห้าสิบล้านนั้นเป็นเรื่องใหญ่ แต่เงินจำนวนนั้นมันจะน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับเงินห้าพันล้านและปัญหาทางกฎหมายที่จะต้องเจอหากไม่ใช่เพราะเขาช่วย
กริ๊งงง……
เป็นบยองกุกที่โทรหาเขา เขามาถึงโซลแล้ว?
“ครับ?”
“นี่ฉันเอง ตอนนี้เธออยู่โซลแล้วใช่ไหม?”
“ใช่ครับ คุณมาถึงแล้ว?”
“อืม ฉันเพิ่งลงที่สถานีโซล เธอรู้จักโรงแรมโฟร์ซีซั่นที่จังกูไหม?”
“โรงแรมนั้นราคาแพงมาก คุณจองที่นั่นเอาไว้งั้นเหรอ?”
“ฉันมีนัดที่นั่นเย็นนี้”
บยองกุกจัดการเรื่องต่างๆอย่างรวดเร็วเสมอ เขามักจะเร่งรีบแบบนั้น แต่นี่เป็นธรรมชาติของเขา เขาไม่อาจเปลี่ยนมันได้
“นั่นเร็วมาก คุณพบผู้ซื้อแล้ว?”
“เธอคิดว่าฉันจะขอให้เธอประเมินราคาของให้โดยที่งั้นไม่มีคนซื้อ? ฉันแค่ส่งรูปถ่ายไปให้โดยยังไม่ได้บอกราคา ดังนั้นผู้ซื้อน่าจะมีราคาในใจอยู่แล้ว สิ่งที่เธอต้องทำคือประเมินมัน”
“หืมม.. ผู้ซื้อคือใคร?”
การทำข้อตกลงที่โรงแรมถือเป็นเรื่องแปลกเล็กน้อย
โดยปกติแล้วเมื่อคนรวยซื้อวัตถุโบราณ พวกเขาจะเรียกให้ไปที่บ้าน เพราะยังไงมันก็มีกรปลอมแปลงจำนวนมากดังนั้นพวกเขาจึงต้องการให้มีการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญที่พวกเขาไว้ใจก่อนจะตัดสินใจซื้อ
ในทางกลับกันมันก็มักมีการทำข้อตกลงกันภายนอกเมื่อผู้ขายไม่สามารถไว้วางใจผู้ซื้อได้
น้อยนักที่ผู้ซื้อมาที่บ้านของผู้ขายและจากไปโดยไม่ได้จ่ายเงิน แน่นอนว่ามันจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อไม่สามารถบอกแหล่งที่มาของวัตถุโบราณได้
ส่วนในกรณีนี้ที่ผู้ขายเรียกผู้ซื้อมาที่โรงแรมหรือแกลเลอรี่ที่พวกเขารู้จัก ความเป็นไปได้ของสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นไปตามสัดส่วนและมูลค่าของวัตถุโบราณ
“ทำไมล่ะ? เธอกังวลว่าฉันกำลังติดต่อกับพวกแก๊ง?”
“ผมไม่ได้กังวลเรื่องอันธพาลพวกนั้น แก๊งของประเทศนี้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับของวัตถุโบราณ ผมกังวลว่าจะเป็นพวกมีอำนวจมากกว่า เพราะไม่ว่ายังไงคุณก็ไม่สามารถไว้ใจพวกเขาได้”
เหมือนอย่างพวกนักการเมือง…
“เธอฉลาดเหมือนพ่อของเธอ”
“ระวังไว้ คุณก็รู้ว่าคุณอาจเป็นคนเดียวที่สูญเสีย”
“ฉันขายของให้คนระดับสูงพวกนั้นมาหลายครั้งแล้ว วันนี้ไม่มีสารเลวพวกนั้นมา บวกกับฉันขอให้พวกเขาไปพบกันที่โรงแรมเนื่องจากความระวังของฉัน จากนั้นผู้ซื้อจะส่งมันให้คนอื่นอีกที”
เอาเถอะ.. ยังไงแฮจินก็เป็นแค่คนที่ได้ยินและมองดูจากด้านข้างเท่านั้น แต่บยองกุกทำธุรกิจนี้มาหลายสิบปี เขาจะต้องรู้ดีกว่าแน่นอน
“ผู้ซื้อส่งคนแทนที่จะมาเอง? เขาต้องเป็นใครสักคนที่สำคัญกว่าที่ผมคิดแน่”
“ฮา… แล้วเธอจะแปลกใจเมื่อรู้ ยังไงก็ช่างเถอะรีบมาได้แล้ว เรามีเวลาไม่มาก”
“โอเค แต่คุณต้องจ่ายเงินให้ผมด้วย”
อึนแฮมองไปที่ประตูที่แฮจินเดินออกไปแล้วถอนหายใจ
“เฮ้อ… ฉันคิดว่าฉันด่วนตัดสินใจไปหน่อย”
จงมยองเอนกายพิงโซฟาและตำหนิเธอ
“นั้นคุณกำลังพูดอะไร? คุณคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติงั้นหรือกับการขอเงินห้าสิบล้านสำหรับการประเมินวัตถุโบราณเพียงชิ้นเดียว? เขาหลงตัวเองหลังจากประเมินแค่สองสามครั้ง… อะไรกันที่ทำให้เขาคิดว่าคุณจะให้เขาห้าสิบล้าน? คุณคิดว่าคนพวกนั้นจะปล่อยคุณไปงั้นเหรอเมื่อพวกเขาพบเรื่องนี้? พวกเขาจะคิดว่าคุณมันบ้า!”
“ฉันรู้ แต่…”
“สมมุติว่าคุณให้เงินเขา แล้วคุณจะจัดการเรื่องบัญชียังไง? คุณเสียเงินห้าสิบล้านเป็นค่าประเมินโดยไม่ได้ซื้อวัตถุโบราณด้วยซ้ำ ใครมันจะปล่อยเรื่องนี้ไป? เขาช่วยคุณไม่ให้คุณเสียเงินห้าพันล้าน? นั่นก็ถูก แต่การทำงานในบริษัทมันทำแบบนั้นไม่ได้ พวกเขาจะสงสัยว่าคุณคงเอาเงินนั้นไปเป็นกองทุนลับส่วนตัวของคุณ!”
จงมยองพูดถูก แต่อึนแฮส่ายหัว
“เฮ้อ… ฉันคิดว่าฉันพลาดไป ฉันไม่คิดเลยว่าแฮจินจะเรียกมากขนาดนี้ ฉันควรคุยเรื่องค่าธรรมเนียมกับเขาก่อน…”
อึนแฮกัดริมฝีปากแล้วนั่งโทษตัวเอง
จงมยองไม่อยากเห็นเธอทำแบบนั้น เขาจึงลุกขึ้นและเข้าหาเธอ
“มันก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกตั้งมากมาย แต่ถ้าคุณกังวลขนาดนั้น ผมก็จะหาใครสักคนมาให้คุณเอง”
“ฉันได้เจอกับผู้เชี่ยวชาญมากก็ตั้งมากมาย และตอนที่ฉันซื้อของปลอมครั้งล่าสุดก็มีพวกเขาสามคนอยู่กับฉัน พวกเขาบอกกับฉันว่าพวกเขาไม่มั่นใจว่ามันเป็นของปลอมหลังจากที่ประเมินไปแล้วหนึ่งชั่วโมง โอ้ จริงสิ หนึ่งในนั้นเป็นคนที่คุณแนะนำ”
อึนแฮตอบกลับอย่างเฉียบคมในขณะที่ใบหน้าของจงมยองเริ่มแข็งขึ้น
“นี่คุณจะโทษผมงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันแค่จะบอกว่าฉันตัดสินใจเร็วเกินไป และฉันก็คิดว่าฉันควรให้เงินส่วนตัวของฉันกับเขา”
จงมยองยิ้มและกลับมาเอนกายบนโซฟาอีกครั้ง
“เยี่ยมมาก งั้นทำไมคุณไม่โทรหาเขาเลยล่ะ? ผมเห็นว่าก่อนหน้านี้เขากำลังตกหลุมรักคุณ มันคงถึงเวลาที่จะใช้ความสวยของคุณแล้วจริงไหม?”
“อย่ามาเหน็บแนม”
ใบหน้าของอึนแฮแข็งขึ้น เธอดูเย็นชาราวกับคนแปลกหน้าทำให้จงมยองหยุดล้อเลียนเธอ
“อะไร? คุณก็สนใจเขาด้วยเหรอ?”
“จงมยอง!”
“โอ้ หยุดเลย นี่คือสิ่งที่ผมได้รับจากการช่วยเหลือคุณสินะ โปรดอย่าลืมว่าทั้งผมและคุณไม่สามารถไปห่วงคนอื่นได้ คุณก็รู้นี่ว่าถ้าคุณพลาดและไม่สามารถรักษาตำแหน่งของคุณได้ คุณก็จะเสียผมไปเช่นกัน”
อึนแฮมองไปทางเขา เธอแทบบ้าแต่เธอยังต้องการจงมยอง เขาจ้องเธอสักพักแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป
“เฮ้อ.. ผู้หญิงคนนี้ทำให้ฉันปวดหัว… แต่ห้าสิบล้านสำหรับการประเมินวัตถุโบราณเพียงชิ้นเดียว? ชายคนนั้นมันบ้า”
จงมยองโทรหาใครบางคนขณะออกจากแกลเลอรี่ไป
MANGA DISCUSSION