Armipotent จักรวรรดิคลั่ง จักรพรรดิอมตะ - ตอนที่ 88 ล่าหรือถูกล่า 7
บทที่ 88 ล่าหรือถูกล่า 7
ดวงตาของคังเสวี่ยเบิกกว้างเมื่อเธอได้ยินชายคนนั้นบอกให้เธอจัดการฝูงซอมบีเธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะพูดแบบนั้นมันเป็นเพราะฉันปฏิเสธเขาก่อนหน้านี้เปล่านะหญิงสาวคิดกับตัวเอง
เพราะฉันปฏิเสธเขาไป ตอนนี้เขาเลยต้องการจะฆ่าฉันทางอ้อม… นี่เป็นคําอธิบายเดียวที่เธอนึกออก แต่เขาบอกว่าฉันเป็นของเขาแล้วงั้นทําไมเขาถึงอยากจะฆ่าฉันในตอนนี้ล่ะหญิงสาวไม่เข้าใจความคิดของชายคนนั้น
“ทําไมล่ะ? ทําไมนายถึงต้องการฆ่าฉัน” เธออดไม่ได้ที่จะถามชายคนนั้นตรงๆ น้ำตาเริ่มไหลคลอในดวงตาของเธอในขณะที่เธอถามอย่างเศร้าสร้อย
“ห้ะ!?” ถังเส้าหยางรู้สึกงุนงงกับหญิงสาว จากนั้นเขาสังเกตเห็นน้ำตาในดวงตาของเธอที่กําลังจะไหลลงมา
“อะไร… เธอร้องไห้ทําไม? ทําไมเธอถึงคิดว่าฉันจะฆ่าเธอ? คําถามหลายชุดผุดขึ้นในใจเขาในขณะที่เขาพยายามทําความเข้าใจหญิงสาว
“ใครกันที่พยายามจะฆ่าเธอ ฉันไม่ได้ทํา และทําไมฉันถึงต้องทํา” น้ำตาไหลลินออกมาเมื่อเธอได้ยินชายคนนั้นถามเธอ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชายคนนั้นจะยังพูดเล่นเหมือนไม่รู้เรื่องแบบนี้เขาขอให้เธอไปต่อสู้กับซอมบี้ที่เต็มโรงอาหาร มันต่างจากการสั่งให้เธอไปตายตรงไหนกัน?
“เป็นเพราะฉันปฏิเสธนายหรอ? ตอนนี้นายถึงต้องการจะฆ่าฉัน! นายโยนซอมบี้พวกนั้นมาใส่ฉันเลยพวกมันจะได้กินฉัน!”เมื่อดังเสวี่ยตอบเขาในที่สุดถังเส้หยางก็เข้าใจว่าทําไมหญิงสาวถึงคิดว่าเขาต้องการจะฆ่าเธอ
ถังเส้หยางยิ้มและจับไปที่เอวของหญิงสาว “เธอปฏิเสธฉันหรอ? ฉันจําไม่เห็นได้ว่าเธอปฏิเสธฉัน แต่ฉันจําได้ว่าเธอยอมรับมันอย่างเงียบๆเมื่อฉันบอกว่าเธอเป็นของฉัน” ด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ําของเขา เขาก็กระซิบไปที่หของเธอ
แป๊ะ!
เขาปล่อยเธอและดีดหน้าผากของเธออีกครั้ง “เด็กโง่ ฉันยังไม่ได้ชิมเธอเลยเธอคิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอตายง่ายๆอย่างงั้นหรอ?” จากนั้นเขาก็กุมมือเธอที่ถือเคียวขึ้นมา“สิ่งที่เธอต้องทําก็มีแค่เฉือนคอของซอมบ์ด้วยสิ่งนี้!”เขาขยับมือของเธอเพื่อกวัดแกว่ง
คังเสวี่ยใช้มืออีกข้างลูบหน้าผากของเธอ เธอมองไปที่ถังเส้หยางอย่างอุ่นเคืองในขณะที่เธอยังไม่ได้เชื่อใจเขาอย่างเต็มที่
“เธออาจจะเป็นผู้หญิงของฉัน แต่ฉันก็จะไม่เก็บผู้หญิงที่ไร้ประโยชน์ไว้ข้างกาย!เธอจะต้องฆ่าพวกมันและเอา…” ถังเส้าหยางลดเสียงลงในขณะที่ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของเขาผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาเป็นหมอดังนั้นเธอจึงอาจมีบทบาทสําคัญในการสร้างแผนกการแพทย์สําหรับจักรวรรดิของเขาก็ได้
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเงียบที่ผิดปกติจากชายคนนั้น หญิงสาวก็เริ่มมองไปที่ชายคนนั้นแล้วยังไงต่อ? นี่เขากําลังคิดอะไรอยู่กัน?
“เอาล่ะ ฉันจะจัดการพวกมันครึ่งหนึ่งเอง ส่วนเธอก็ไปจัดการอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือก็พอ!”จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าหญิงสาวยังคงจ้องมาที่เขา“นี่ก็เพื่อประโยชน์ของตัวเธอเองสาวน้อย!เธอไม่สามารถหวังให้ฉันหรือคนอื่นปกป้องเธอตลอดไปได้!”
เขาคิดว่าหญิงสาวน่าจะตระหนักได้แล้วว่าคุณสมบัตินั้นมีความสําคัญเพียงใดและเธอก็สามารถได้รับค่าคุณสมบัติมาจากการอัพเลเวลเท่านั้นซึ่งนั่นก็หมายความว่าเธอจะต้องฆ่าซอมบี้
แน่นอน หญิงสาวไม่ได้โง่ขนาดนั้นที่จะไม่เข้าใจเจตนาของชายคนนั้นหลังจากที่อธิบายถึงขนาดนั้นยังไงก็ตาม ครึ่งหนึ่งของพวกมันหรอ? มันมีพวกมันมากเกินไปที่นี่ฉันอาจจะตายก่อนที่ฉันจะฆ่าพวกมันทั้งหมดได้” หญิงสาวคิดกับตัวเองในขณะที่เธอยังไม่เชื่อว่าเธอจะสามารถทําได้
อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นก็ไม่ได้ให้โอกาสเธอได้เตรียมตัว เขากระโดดลงจากบันไดเพื่อดึงดูดความสนใจของซอมบี้จากนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่าชายคนนั้นก่าลังมุ่งหน้าไปยังซอมบี้ตัวใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆเคาน์เตอร์
คังเสวี่ยกําลังจะสาปแช่งชายคนนั้น แต่เสียงของเธอก็ไม่ก็ดังออกมาในขณะที่เธอสังเกตเห็นสถานการณ์ทั้งหมดความสนใจของซอมบี้ทั้งหมดมุ่งไปอยู่ที่ชายคนนั้นดังนั้นพวกมันจึงกาลังไล่ตามเขาไป
“นี่คือโอกาสของฉัน… เธอไม่ยอมเสียโอกาสเลย เธอวิ่งลงบันไดไปขณะที่พยายามส่งเสียงให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทําได้ เธอไม่ต้องการดึงดูดซอมบี้ให้เข้ามาหาเธอการเผชิญหน้ากับซอมบี้หนึ่งหรือสองตัวอาจไม่ใช่ปัญหาสําหรับเธอแต่มันก็ไม่ใช่กับพวกมันหลายสิบตัวในเวลาเดียวกัน
ด้วยการก้าวเบาๆ เธอก็ย่องเข้าไปหาซอมบี้ที่อยู่ใกล้เธอที่สุด เมื่อเธอเห็นคอของซอมบี้เธอก็เหวี่ยงเคียวออกไปโดยใช้มือทั้งสองข้างของเธอ
ฟ้าว!
เคียวนั้นคมมาก มันตัดคอซอมบี้ขาดได้เหมือนกับตัดเต้าหู
นัก!
เสียงหัวตกกระแทกพื้นดังขึ้นโอ้ เชี่ย!! หญิงสาวคิดว่ามันจะดึงดูดความสนใจของซอมบี้ที่อยู่ใกล้เคียงได้ดังนั้นเธอจึงมองไปรอบๆและพยายามค้นหาที่ซ่อนเพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่รอบๆสังเกตเห็นเธอในเวลาเดียวกันเธอก็เห็นซอมบี้ห้าตัวหยุดเดิน
บูมมม!
แต่แล้วมันก็มีเสียงดังขึ้นมาจากระยะไกล แม้แต่คังเสวียเองก็ยังตกใจกับเสียงนั้นเธอมองไปยังทิศทางของเสียงโดยไม่รู้ตัวและพบว่ามันมีซอมบี้ตัวใหญ่ตัวหนึ่งกําลังถูกชายคนนั้นทุบอยู่ที่เคาน์เตอร์
ด้วยเหตุนี้เองซอมบี้ทั้งห้าจึงเดินต่อไปหาถึงเส้าหยางทั้งเสวี่ยรู้สึกยินดีกับสิ่งนี้จากนั้นเธอก็ทําตามแผนของเธอต่อไปมันไม่มีเทคนิคหรืออะไรเลยเธอแค่เดินไปรอบๆในขณะที่เธอตัดหัวของซอมบี้ไปมา
สถานการณ์เช่นนี้ดาเนินต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งเธอฆ่าพวกมันไปมากเท่าไหร่ความประหม่าที่เธอมีก็ยิ่งลดน้อยลงเท่านั้น จนในที่สุดเธอก็เริ่มวิ่งไปตัดหัวซอมบี้ที่เป็นเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอตัดหัวของซอมบี้ตัวนั้นเสร็จ จู่ๆเงาๆหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาหัวเธอคังเสวี่ยมองขึ้นไปโดยไม่รู้ตัวและดวงตาของเธอเบิกกว้างกับสิ่งที่เธอเห็นมันเป็นซอมบี้ที่มีแขนขายาว ซอมบี้ตัวนั้นกําลังไต่อยู่บนเพดานจากนั้นมันก็กระโดดเข้าหาเธอจากด้านบนโดยยืนนิ้วชี้เล็งไปที่หัวของเธอ
เธอตกตะลึงและไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา และในฐานะที่เป็นคนที่ไม่เคยลงสนามรบปฏิกิริยาของเธอจึงค่อนข้างช้า
“ฉันตายแน่! บ้าบอที่สุด ผู้ชายคนนั้น!” นั่นคือสิ่งที่เธอคิดเมื่อซอมบี้กาลังกระโดดเข้าหาเธอ เธอไม่ลืมที่จะสาปแช่งถึงเส้าหยางที่ดึงเธอเข้าสู่สถานการณ์นี้
ว้าว! ว้าว! ว้าว!
ในขณะที่เธอกําลังคิดว่าเธอกําาลังจะตาย ขวานศึกขนาดใหญ่ก็พุ่งเข้าใส่ซอมบี้ตัวนั้นเธอได้รับความช่วยเหลืออีกครั้งหนึ่งและมันก็เป็นความช่วยเหลือจากชายคนเดิม
จากนั้นชายคนนั้นก็มาถึงตรงหน้าเธอ เธอเห็นชายคนนั้นกําลังทําหน้าหงุดหงิดและดีดไปที่หน้าผากของเธอเป็นครั้งที่สาม“หงส์โง่! อย่ามัวแต่เหม่อลอยในสนามรบถ้าเธอยังไม่อยากตาย!”
การดีดในครั้งนี้นั้นรุนแรงกว่าครั้งก่อน อย่างไรก็ตาม คังเสวี่ยก็ไม่ได้โกรธเธอยิ้มใช่แล้วเธอกําลังยิ้มพร้อมกับกาเคียวเอาไว้แน่น
ชั้น 4 ของโรงพยาบาล SH
ว่านจึงยี่กําลังนั่งอยู่ถัดจากหยานเฉิง เธอกําลังทําแผลให้กับเขาอยู่ เธอสามารถสังเกตเห็นรอยแผลที่บาดลึกทั้ง 5 รอยของเขาได้
“นายไม่เป็นไรนะ นายยังสู้ได้ไหม?” ว่านนจึงยี่กังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของหยานเฉิงเธอไม่ต้องการที่จะสูญเสียผู้คนไปมากกว่านี้แล้ว
“ฉันสบายดีและฉันก็ยังสามารถต่อสู้ได้! ฉันจะไม่ยอมแพ้แค่นี้แน่นอน..” หยานเฉิงตอบ
เธอไม่รู้ว่าอาการบาดเจ็บของเขามันแย่แค่ไหน แต่เนื่องจากผู้ชายคนนั้นบอกว่าเขาไหวดังนั้นเธอจึงไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
“งั้นลุกขึ้นมา เราจะไปพบกับจ้าวจงและฉินซิ่วซ่านที่ชั้นห้า!” เธอสั่งขณะตรวจสอบโถงทางเดินอกจากซอมบี้ระยะที่ 1 สองสามตัวแล้ว เคียวมรณะในชั้นนี้ทั้งหมดก็ได้ถูกฆ่าตายไปแล้ว
หยานเฉิงยืนขึ้น ดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปที่โม่เหวินซึ่งกาลังสวมใส่อุปกรณ์ที่ถอดออกมาจากร่างของหยางเผิง ในเมื่อหยางเผิงได้เสียชีวิตลงไปแล้วว่านจึง จึงได้สั่งให้เขานําอุปกรณ์ของหยางเผิงไปใช้
โม่เหวินหลีกเลี่ยงการสบสายตาในขณะที่เขาเดินตามไต่เหวินเฉียนไปอย่างใกล้ชิดเขากลัวเกินกว่าจะอยู่ใกล้หยานเฉิง ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังสาวๆ ฝตันตันและไต่เหวินเฉียนเดินนําหน้าโม่เหวินและหลีอันอยู่ตรงกลางและว่านจึงยี่กับหยานเฉิงเดินตามมาด้านหลังนั่นคือรูปแบบการเดินทีมของพวกเขา
ทุกคนแปลกใจที่พวกเขาได้พบกับจ้าวจงและฉินซัวซานหลังจากที่พวกเขาเดินออกมาจากบันไดฉุกเฉิน ทั้งสองกลุ่มเพิ่งเสร็จสิ้นการต่อสู้กับเคียวมรณะทั้ง 8 ตัว
จ้าวจงเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นว่านจึงยี่ เขาเดินเข้าไปหาเธอพร้อมกับโบกมือ “ว่าไง” นี่ไม่ใช่แผนที่พวกเขาวางไว้ ดังนั้นมันจึงจะต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆว่านจึงยถึงได้มาที่นี่
คนอื่นๆเองก็สังเกตเห็นทีมของว่านจึงยี่ที่กําลังเดินเข้ามา และพวกเขาก็เดินเข้าไปหาทีมของว่านจึงยี่ด้วยเช่นกัน
ว่านจึงยี่ตรวจสอบกลุ่มของพวกเขาในทันที เธอสังเกตเห็นว่าพวกเขาเหลือกันเพียงแค่ 8 คนเท่านั้น ดังนั้นมันจึงหมายความว่ามันจะต้องมี 2 คนในนั้นเสียชีวิตไปอย่างแน่นอน
เธอถอนหายใจ จากนั้นเธอก็บอกกับพวกเขาว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับทีมของหยานเฉิงโดยไม่ปกปิดอะไรไว้แม้แต่เรื่องเดียวและเมื่อเธอเล่าจบทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่โม่เหวินอย่างรังเกียจ
อย่างไรก็ตาม จาวจงก็เดินเข้าไปหาโม่เหวินด้วยรอยยิ้มขณะที่เขาเอาแขนขวาโอบรอบคอของโม่เหวินและพูดว่า “ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่าบอสจะทํายังไงกับแกในอนาคตฉันชักจะรอไม่ไหวแล้วสิ!”
เมื่อค่าว่า “บอส” ดังออกมาจากปากของจาวจง ร่างกายของโม่เหวินก็สั่นเทาในทันทีตัวตนของถังเส้าหยางนั้นไม่ต่างอะไรไปจากพญามัจจุราช
“ฉันต้องหนีจากพวกเขา…ฉันต้องหาทางหนี… โม่เหวินวางแผนอะไรบางอย่างเขาไม่อยากตกไปอยู่ในเงื้อมมือของถังเส้หยาง
“แล้วตอนนี้เราจะทํายังไงล่ะ?” ฉินซิ่วซ่านไม่ได้สนใจผู้ชายที่ชื่อโม่เหวินในสายตาของเขา ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนที่รอเวลาตายเพราะจากการที่เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับถังเส้าหยางมา เขาก็มั่นใจได้เลยว่าโม่เหวินจะได้พบกับชะตากรรมที่น่าสมเพชอย่างแน่นอน
“เข้ากลุ่มกันเถอะ พวกเคียวมรณะนั้นเป็นอะไรที่ยากจะฆ่า และยิ่งพวกมันรวมกลุ่มกันมากเท่าไหร่พวกมันก็ยิ่งฆ่ายากมากขึ้นเท่านั้น” ว่านจึงยี่บอกความคิดของเธอออกมานั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขาจะสามารถทําได้ในตอนนี้
“ดูเหมือนว่านี่จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสําหรับตอนนี้ หรือไม่เราก็ไปรวมตัวกับบอสก็ได้”ถึงเส้าหยางเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือที่สุดที่พวกเขามีถ้าเขาอยู่ที่นี่กับพวกเขาพวกเขาก็จะไม่ต้องกังวลเลยว่ามันจะมีผู้เสียชีวิตหรือไม่
“ไม่ดีกว่า!” ว่านจึงยี่ส่ายหัว “เราเจอพวกเคียวมรณะตลอดทาง ดังนั้นมันจึงหมายความว่าบอสไม่ได้อยู่ที่อาคารหลังนี้เพราะฉะนั้นเราก็จะยังคงทําตามแผนที่เราวางเอาไว้และปล่อยให้บอสไปค้นหาอาคารหลังอื่น!”
“หึหึ ดูเหมือนว่าพวกเราจะกําลังถูกล่าแทนที่จะเป็นฝ่ายออกล่านะ” จ้าวจงหัวเราะออกมาในขณะที่เขาพากลุ่มไปที่ชั้นหก