Armipotent จักรวรรดิคลั่ง จักรพรรดิอมตะ - ตอนที่ 87 ล่าหรือถูกล่า 6
บทที่ 87 ล่าหรือถูกล่า 6
หยานเฉิงเดินขากะเผลกไปที่โถงทางเดิน แม้จะมีอาการปวดตุบๆที่ข้อเท้าข้างขวา แต่เขาก็ยังเร่งฝีเท้าเพื่อไปหาสมาชิกในทีมของเขาให้ทัน หากพวกเขาตายก่อนที่ เขาจะไปถึง เขาก็จะต้องหันหลังกลับไปในทันที เขาจะไม่ยอมทิ้งชีวิตของเขาไปกับ ารเผชิญหน้ากับดาร์คก็อบลินทั้งสามตัวด้วยสภาพแบนี้อย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่มีประตูหรือพื้นที่ที่สามารถจํากัดการต่อสู้ได้อีกแล้ว โถงทางเดินนั้นกว้าง และมันก็เพียงพอที่จะให้คนสิบถึงสิบห้าคนยืนเคียงข้างกันได้ ด้วยเหตุนี้เอง นี่จึงไม่ใช่สถานที่ในอดมคติที่เหมาะจะใช้เพื่อต่อสู้กับพวกก็อบลินล่องหน
ในขณะที่เขาคาดหวังว่าทีมของเขาจะอยู่รอด ความหวังนั้นก็พังทลายลงในทันทีที่เขาเห็นศพหัวขาด 2 ศพกําลังนอนกองอยู่กลางโถงทางเดิน
หยานเฉิงกําหอกของเขาแน่นในขณะที่เขาสํารวจบริเวณโดยรอบ “มันมีเพียงสองศพเท่านั้น บางทีพวกก็อบลินก็อาจจะยังคงไล่ตามอีกสองคนที่เหลืออยู่!” เขาพยายามคิดถึงความหวังเมื่อเขามองไปที่โถงทางเดินที่ว่างเปล่าสลัว
“ฉันควรไปต่อหรือกลับไปดี? เขาถามตัวเอง ตัวเลือกที่ปลอดภัที่สุดคือการกลับไป เขาหยุดฝีเท้าและเอนตัวพิงกําแพงข้างๆเขา “ไอ้เชี่ยเอ้ย! ถ้าไอ้เวรนั่นมันไม่กรีดร้องให้วิ่งหนี เราก็อาจจะเอาชนะพวกมอนสเตอร์เวรได้!” เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นใน ตอนนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะสาปแช่งชายที่เริ่มกรีดร้องและวิ่งหนีไปเป็นคนแรก
เขามองไปที่เท้าขวาที่ยังมีเลือดออกและกัดฟัน เขานึกขึ้นได้ว่าทีมของว่านจิงยี่เองก็ควรจะมาถึงชั้นนี้แล้วในเวลานี้ ถ้าฉันไปต่อ ฉันก็อาจจะเจอพวกเขาก็ได้ถ้าฉันโชคดี เอาล่ะ
หยานเฉิงตัดสินใจเดินต่อไป เขาไม่ได้มองดูศพด้วยซ้ํา ถ้าจะต้องเขาโทษใคร เขาก็จะโทษไอ้สาระเลวที่วิ่งหนีไปเป็นคนแรก
ในขณะที่หยานเฉิงเดินต่อไป เขาก็ไม่เคยลดความระมัดระวังลงเลย ดวงตาของเขากวาดไปรอบๆทั้งซ้ายและขวา ตอนนี้เขาอยู่ในสภาวะตื่นตัวขั้นสูงสุด ด้วยอาการบาดเจ็บที่เท้าของเขา แม้แต่การซุ่มโจมตีจากคลาวเลอร์ก็ยังอาจทําให้เขาเสียชีวิตลงได้
หลังจากเดินช้าๆต่อไปอีกสองถึงสามนาที เขาก็เห็นศพอีกร่างหนึ่งที่ไร้หัว คราวนี้มันเหลือเพียงคนเดียวเท่านั้น และเขาก็จาได้ทันทีว่าร่างนี้เป็นร่างของทาริเออร์ที่อยู่ในทีมของเขา หยางเผิง
“บัดซบ คราวนี้บอสจะต้องฆ่าฉันแน่!” หยานเฉิงกามือซ้ายของเขา เขารู้ดีว่าถึงเส้า หยางให้คุณค่ากับชีวิตของผู้คนมากขนาดไหน
ในขณะที่เขาอยู่ในความงุนงง เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหน้า หยานเฉิงได้รับการแจ้งเตือนและเขาก็ยกหอกขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาเตรียมตัวสําหรับการต่อสู้ที่กําลังจะเกิดขึ้น เขาสัมผัสได้ถึงการสั่นสะเทือนเล็กน้อย “ดูเหมือนว่ามันจะมีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่อยู่ในนั้นนะ…” เขาพึมพัมกับตัวเอง “ตอนนี้ฉันกําลังจะตายใช่ไหม?” หยานเฉิงได้ยอมจํานนต่อโชคชะตาแล้ว
ร่างสี่ร่างค่อยๆโผล่ออกมาจากโถงทางเดินที่มืดมิด เขาว่าร่างทั้งสี่ร่างได้ในทันที พวกเขาคือทีมของว่านจิงอี้ จากนั้นเขาก็เห็นหมีขาวตัวใหญ่ที่มีแถบสีน้ําเงินเดินตาม หญิงสาวทั้งสี่คน
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าใครเป็นต้นเหตุของแรงสั่นสะเทือนบนพื้น มันคือสัตว์ อัญเชิญของหลี่อันมูน
ทันทีที่หยานเฉิงระบุได้ว่าใครกําลังมา เขาก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก เขาลดการป้องกันลงและปล่อยให้ร่างกายพิงกาแพงเพื่อพักผ่อน ทั้งหมดนี่นั้นเป็นเรื่องที่น่า ปวดหัวสําหรับเขา
ว่านจึงยี่ดีใจที่ได้เห็นว่าหยานเฉิงยังมีชีวิตอยู่ แต่ในไม่ช้ํา เธอก็สังเกตเห็นศพที่ไร้หัวอยู่ข้างๆเขา เธอจําได้ว่าศพนั้นเป็นหนึ่งในทาริเออร์
และในขณะที่เธอกําลังจะตรวจสอบรางศพอย่างรวดเร็ว เธอก็สังเกตเห็นหยานเฉิงเดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าที่โกรธจัด ว่านจึงยี่สับสนว่าทําไมหยานเฉิงถึงมีสีหน้าแบบนี้ เขาเสียใจกับคนที่ตายหรอ? แต่ทีมของเธอก็ไม่ควรถูกตําหนิในเรื่องนี้
ในขณะที่ ว่านจึงยี่กําลังสับสน โม่เหวินก็รู้เหตุผลที่ทําให้หยานเฉิงโกรธ แน่นอนว่า หยานเฉิงได้เดินผ่านหญิงสาวทั้งสี่คนไปและเดินตรงไปที่โม่เหวิน เขาชกไปที่ใบหน้าของโม่เหวินและตามด้วยการหมุนตัวเตะไปที่หน้าท้องของมัน
ร่างกายของโม่เหวินเหมือนกับกระสอบทรายที่ลอยไป ผู้ชายคนนั้นไม่มีโอกาสได้ หลบหรือบล็อกการโจมตีเลย
แค่กๆ! แค่กๆ!
เขากระอักเลือดออกมาในขณะที่เขาเอามือกุมท้องไว้ ความเจ็บปวดอันแสนสาหัส จากการเตะนั้นเหลือทน เขาคร่ครวญด้วยความเจ็บปวดในขณะที่เขากลิ้งไปบนพื้น จากนั้นเขาก็มองผ่านช่องว่างเล็กๆของดวงตาของเขา เขาคิดว่าหยานเฉิงจะหยุดแล้ว แต่มันก็ไม่เป็นเช่นนั้น ชายคนนั้นยังคงเดินเข้าหาเขาพร้อมกับหอกในมือขวา
หยานเฉิงเดินมาอยู่ข้างๆเขา เขาวางเท้าขวาไว้บนหน้าอกของโม่เหวิน จากนั้นเขาก็ยกหอกขึ้น เขากําลังจะแทงไปที่คอของชายคนนั้นด้วยหอกเพื่อที่โม่เหวินได้ส่ง เสียงร้องออกมาอีก
โม่เหวินรู้สึกหวาดกลัวเพราะเขาไม่คิดว่าเขาจะถูกหยานเฉิงฆ่า ดวงตาของเขาเบิก กว้างด้วยความสยดสยองในขณะที่เขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนใบหน้าและหน้าท้อ งของเขาอีกต่อไป
โชคดีที่ผ่ตันตันและไต่เหวินเฉียนพุ่งเข้ามาห้ามหยานเฉิงได้ทัน “อย่า!” “เดี๋ยวก่อน!” ทั้งสองตะโกนออกมาในขณะที่ผู้ตันตันพุ่งไปหยิบหอกออกมา ไต่หวินเฉีย นก็พุ่งไปล็อคหยานเฉิงเอาไว้
ว่านจึงรีบวิ่งเข้าไปหาหยานเฉิงในทันที “นายกําลังทําอะไรอยู่!?” เธอขึ้นเสียงเธอรู้สึกโกรธที่คนเหล่านี้พยายามจะฆ่ากันต่อหน้าต่อตาเธอ
หลีอันตื่นตระหนก เธอเองก็ไม่คาดคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นต่อหน้าเธอ ดูเหมือนว่ามนจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเธอ มันเดินไปอยู่ตรงหน้าเธอและพยายามปกป้องเธอ
“ฉันจะฆ่ามัน! ให้ฉันฆ่าไอ้ขยะนี่ซะ!!! ไอ้ขยะพวกนี้สมควรตายด้วยน้ํามือของฉัน!” หยางเฉิงพยายามขัดขืน เขารู้สึกโกรธหลังจากที่ได้เห็นคนที่เกือบทําให้เขาต้องตาย เขาต้องการที่จะฆ่าชายคนนั้นจริงๆ ดวงตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง และเส้นเลื อดก็เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ว่านจึงยมองเข้าไปในสายตาของหยานเฉิง เธอรู้ได้ทันทีว่ามันจะต้องมีเหตุผล แน่นอนว่าทําไมหยานเฉิงจึงโกรธมาก อย่างไรก็ตาม เธอก็รู้ว่าเธอไม่สามารถปล่อยให้หยานเฉิงฆ่าโม่เหวินต่อหน้าต่อตาเธอได้
“เลิกบ้าได้แล้ว หยานเฉิง!” ว่านจึงยี่รีบเรียกสติเขากลับมา จากนั้นหยางเฉิงก็มองปี่ว่านจิงยี่ “ไม่ว่าเขาจะผิดหรือไม่ แต่นายก็ไม่มีสิทธิ์ไปลงโทษเขา! บอสเท่านั้นที่มี สิทธิ์ เข้าใจไหม?”
เมื่อพูดถึงบอส หยานเฉิงก็สงบลง เขาปล่อยลมหายใจยาว เขาปลดปล่อยความโกรธและความเครียดที่กักขังไว้
“บอกมาเดี๋ยวนี้ เกิดอะไรขึ้นกับทีมของคุณ” เมื่อสังเกตเห็นว่าหยานเฉิงสงบลง เธอจึงถามผู้ชายคนนั้น เธออยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น หยานเฉิงถึงได้โกรธมากขนาดนี้
ในเวลาเดียวกัน เธอก็อดไม่ได้ที่จะยอมรับว่าคนเหล่านี้เคารพตั้งเส้หยางมาก ขนาดไหน เมื่อเธอพูดถึงเขา มันก็ทําให้หยานเฉิงที่โกรธจัดเงียบงในทันที
“ปล่อยฉันก่อนได้ไหม?” หยานเฉิงขอร้องสาวๆ ว่านจึงยี่โบกมือใหสาวๆ จากนั้นผู้ต้นตันและไต่เหวินเฉียนก็ปล่อยเขา อย่างไรก็ตาม พวกเธอก็ยังคงยืนคั่นกลาง ระหว่างโม่เหวินและหยานเฉิน
หยานเฉิงเดินไปด้านข้างและเอนตัวพิงกําแพงอย่างช้าๆ เขาปล่อยให้ร่างของเขา เลื่อนลงไปที่พื้น เขานั่งอยู่ที่นั่นขณะเล่าให้สาวๆฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้
หลังจากได้ยินทุกอย่าง หญิงสาวทั้งสี่ก็เข้าใจได้ทันทีว่าทําไมหยานเฉิงจึงโกรธโม่เหวินเป็นฟืนเป็นไฟ มันเป็นเพราะการกระทําที่โง่เขลาของโม่เหวินนี่เอง มันจึงทําให้ลูกทีมของเขาอีกสามคนต้องตายและทําให้เขาก็เกือบที่จะต้องตาย เมื่อได้ยินแบบนี้ ผู้ตันตันและไต่เหวินเฉียนก็มองไปที่โม่เหวินอย่างรังเกียจ
ว่านจึงยถอนหายใจและพึมพา “การสั่งการกลุ่มทาสอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดี…” อย่างไรก็ตาม เธอก็เข้าใจการตัดสินใจของถังเส้าหยางที่เลือกจะนํากลุ่มทาสมาด้วย ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะมีมินิเกมที่ไร้สาระเช่นนี้เกิดขึ้น
“เอาล่ะ เราไปต่อกันเถอะ! นายกับหลีอันและมูนไปดูห้องใกล้ๆ เธอสองคนไปค้นห้องต่อไปเผื่อว่าจะมีผู้รอดชีวิตอยู่บนชั้นนี้! ส่วนฉันจะไปหากล่องพยาบาลเพื่อรักษาหยานเฉิงที่บาดเจ็บ!” เธอสั่งสมาชิกในทีมของเธอในขณะที่ชี้ไปที่เท้าขวาของหยาน เฉิงที่มีเลือดออก
เธอเข้าไปในห้องหนึ่งห้องที่อยู่ใกล้เธอที่สุด และขณะที่มองหากล่องพยาบาล เธอกตรวจสอบหน้าจอภารกิจ เคียวมรณะ 64 ตัวยังมีชีวิตอยู่ แต่พวกเธอก็ได้เสียทีมหนึ่งไปแล้ว
“เราควรจัดกลุ่มใหม่กับทีมของฉันซัวซานและทีมของจาวจงที่ชั้นห้า…” ว่านจิงยี่ เปลี่ยนแผนของเธอ
***
***
ในอีกฟากหนึ่ง ถังเส้าหยางและคังเสวี่ยก็อยู่บนชั้นสองของอาคารหอพักหลังแรก พวกเขาต้องหยุดการค้นหาเมื่อพบว่าชั้นแรกนั้นเต็มไปด้วยซอมบี้
คังเสวี่ยมองตรวจสอบโรงอาหาร ดวงตาของเธอพุ่งไปรอบๆและพยายามมองหาชองว่างที่จะแอบหนีออกไป ใช่แล้ว เธอวางแผนที่จะหนีออกจาฝูงซอมบี้ ซอมบี้พวกนี้มีเป็นร้อยหรือไม่ก็อาจจะมากกว่านั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาสองคนจะกําจัด ซอมบี้พวกนั้นได้ หรืออย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่เธอคิด
“ดูเสร็จแล้วหรอ” เสียงดังมาจากทางหลังของเธอ เธอหันไปทางชายคนนั้น เขาสงบมาก โอบรับขวานศึกใหญ่ เอนหลังพิงกําแพง ดูไม่กังวลกับสถานการณ์ของพวกเขา
“ใช่ ฉันดูเสร็จแล้ว มันไม่มีช่องว่างให้เราหนี้เลย! เราต้องคิดหาทางออกอื่นแล้วล่ะ” เธอบอกความคิดของเธอออกมา แต่ชายคนนั้นก็ไม่ได้สนใจความคิดของเธอ
“ถ้าไม่มีช่องว่างให้หนี้ งั้นเราก็แค่ต้องสร้างมัน!” ถังเส้าหยางเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวและชี้ไปที่ซอมบี้ระยะที่ 3 “ฉันจะจัดการไอ้พวกตัวใหญ่นั่นเอง ที่เหลือเธอก็จัดการเองนะ!”