Armipotent จักรวรรดิคลั่ง จักรพรรดิอมตะ - ตอนที่ 83 ล่าหรือถูกล่า 2
บทที่ 83 ล่าหรือถูกล่า 2
หนึ่งในสมาชิกในทีมของเขาเสียชีวิตลงในขณะที่อีกสองคนพยายามหลบหลีกใบ มีดเคียว จ้าวจงเงยหน้าขึ้นมอง เขาเห็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กสามตัวยังคงห้อยตัวอยู่กลางอากาศพร้อมกับเคียวในมือของพวกมัน เขาตั้งสมาธิไปที่เท้าของเขาแล้วกระโดดขึ้นไปในอากาศ
“แกหนีไม่พ้นแน่ ไอ้พวกเวร!”
เขาพยายามที่จะสังหารสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ร่างกายของเขาพุ่งออกไปและเริ่มหมุนวนพร้อมๆกับชูดาบในมือของเขาขึ้น
[ การโจมตีเกลียวคลื่น ]
ดาบกวาดไปที่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้น แต่กระนั้นพวกเคียวมรณะก็ตอบสนองได้ทันเวลา พวกมันยื่นเคียวไปข้างหน้าเพื่อป้องกันดาบที่หมุนวนเป็นเกลียว
เคลัง! เคล้ง! เคลัง!
แม้ว่าพวกมันจะป้องกันดาบไม่ให้ฟันโดนร่างของพวกมันได้ แต่ความรุนแรงจาก การโจมตีของจ้าวจงนั้นก็อยู่คนละระดับ การโจมตีของเขาทําให้เคียวในมือของพวกมันปลิวหลุดมือไป พร้อมๆกับที่ร่างของพวกมันลอยกระเด็นกลับไปชนเข้ากับฝาผนัง
“คิกกี้!” มอนสเตอร์ส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมาอย่างแปลกๆ สิ่งนี้ทําให้จ้าวจงยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ การโจมตีของเขาได้ผล
แต่แล้ว เงาๆหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเขาพร้อมกับเคียวที่วาววับ เคียวถูกยกขึ้น และในขณะที่เกี่ยวกําลังจะเลือนไปที่คอของจ้าวจง หอกเล่มหนึ่งก็ได้พุ่งเข้าหาเคียวมรณะ
“คิกค์!”
เคียวมรณะปล่อยเคียวในมือออกไปในขณะที่มันพยายามจะดึงหอกออกจากหน้าอกของมัน อย่างไรก็ตาม ไปหยวนก็ไม่ยอมให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น เขาตรึงสิ่งมีชีวิตตัวนั้นไว้ด้วยหอกของเขา
ไปหยวนคอยจับตาดูมันมาตลอด และเขาก็ใช้โอกาสในตอนที่มันกําลังจะโจมตีจ้าวจงในการโจมตีมัน มันพยายามอย่างมากที่จะดิ้นรนให้หลุดออกมาจากการตรึงของ
เขา
กระนั้นไปหยวนก็จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น เขายกหอกอีกอันที่อยู่ในมือซ้ายของเขาขึ้น จากนั้นเขาก็เล็งและแทงหอกไปที่หน้าผากของสิ่งมีชีวิตตัวนั้น
ฉีก!
กะโหลกของสิ่งมีชีวิตตัวนั้นถูกเจาะและแทงทะลุด้วยหอกในขณะที่เลือดของมันพุ่งออกมา เคียวมรณะตายลงในทันทีเมื่อหัวของมันถูกเจาะเป็นรูโบด้วยหอก ใช่แล้ว ไปหยวนใช้หอกสั้นสองเล่มเป็นอาวุธของเขา และเขาก็มีความชํานาญในการใช้มัน
จ้าวจงรู้ว่าไปหยวนเป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้ แต่ดวงตาของเขาก็ยังคงจับจ้องไปที่เคียวมรณะที่กระเด็นออกไปเช่นกัน เมื่อเขาตั้งหลักได้ เขาก็รีบพุ่งไปที่ด้านหน้าของพวกมันเคียวมรณะทั้งสอง
“ตอนนี้ฉันจะทําให้แกได้มรณะสมชื่อเอง!” เขาแทงเคียวมรณะทางขวาด้วยดาบ ของเขาในขณะที่เขาตรึงเคียวมรณะอีกตัวด้วยขาซ้ายของเขา หลังจากที่เขาฆ่าพวกทางขวาเสร็จแล้ว เขาก็ดึงดาออกแล้วแทงมันลงไปที่ตัวทางซ้ยต่อ
เคียวมรณะทั้งสองตัวถูกฆ่าด้วยดาบของเขา จากนั้นจ้าวจงก็หันกลับมา เขาสังเกตเห็นเคียวมรณะหนึ่งตัวที่เหลือพยายามจะวิ่งหนีไปในขณะที่ร่างกายของมันค่อยๆมุดหายไปในความมืด
“อ้ว่าาาา!”
จากนั้นจ้าวจงก็เปิดใช้งานสกิลพิเศษอีกสกิลของเบอร์เซิร์กเกอร์ [ เสียงเรียกแห่งเบอร์เซิร์กเกอร์] เคียวมรณะที่กําลังจะหายตัวไปจู่ๆก็พุ่งเข้าหาจ้าวจง อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ไม่ได้ใช้เคียวในการโจมตี แต่พวกมันพยายามใช้เล็บที่แหลมคมของพวกมันแทงไปที่หน้าอกของเขาแทน
เขาหลบการโจมตีนี้ได้อย่างง่ายดายโดยการก้าวเท้าไปทางซ้าย ในขณะที่ร่างของเคียวมรณะยังคงลอยอยู่ในอากาศ จ้าวจงก็ฟันดาบของเขาลงไปที่คอของมันสาด!
เลือดสาดกระเซ็นออกมาเมื่อหัวของเตียวมรณะกลิ้งตกลงมาบนพื้น จากนั้นการต่อสู้ก็จบลง เคียวมรณะทั้งสี่ที่ซุ่มโจมตีพวกเขาถูกสังหารโดยมีผู้เสียชีวิตหนึ่งราย
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
อะดรีนาลีนของจ้าวจงพุ่งขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดในขณะที่หัวใจของเขาเต้นเร็วแรงทะลุนรก มันเป็นการต่อสู้ที่ใกล้เคียงกับควาจายมาก ถ้าไม่ใช่เพราะการโจมตีที่รวดเร็วของไปหยวน ศีรษะของเขาก็อาจจะไม่ได้อยู่ติดกับร่างกายของเขาอีกต่อไปแล้ว
เขาเดินเข้ามาใกล้ไปหยวนและแตะไหล่ของชายคนนั้น “ขอบคุณ!”
“ไม่มีปัญหา!” ไปหยวนตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจในขณะที่เขาจ้องมองไปที่สิ่งมีชีวิตที่เขาเพิ่งฆ่าไป “นี่คือตัวอะไร?” หน้าผากของเขาย่นในขณะที่เขาพยายามระบุว่าพวกมันเป็นตัวอะไร
คําพูดของเขาทําให้จ้าวจงมองไปที่สิ่งมีชีวิตตัวนั้นเช่นกัน มันมีความรังเกียจปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขาในขณะที่เขามองไปที่สิ่งมีชีวิตตัวนั้น อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามรถบอกได้เช่นกันว่าพวกมันคือตัวอะไร
“มันเป็นก็อบลิน!” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านข้าง จ้าวจงและไปหยวนมองไปยังที่ต้น ทางของเสียงพร้อมๆกัน ชายหนุ่มคนนั้นอยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ
“อะไรนะ?” จ้าวจงถามอีกครั้งเมื่อเขาได้ยินคําที่ไม่คุ้นหู ก็อบลิน เขาไม่เคยได้ยินค่านี้มาก่อน และเขาก็เชื่อว่าก็อบลินนั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดาๆ เว้นซะแต่ว่ามันจะเป็นสัตว์ที่อภิมหาหายาก
ชายหนุ่มคนนี้ชื่อหลิวเป่า แตกต่างจากหยานเฉิง เขารู้จักก็อบลินมาจากการอ่านการ์ตูนเท่านั้น เขาเล่นเกมก็จริง แต่เขาก็ชอบอ่านการ์ตูนมากกว่า หลิวเป่าอธิบาย พื้นฐานของก็อบลินจากข้อมูลในการ์ตูนที่เขาเคยอ่าน รวมทั้งก็อบลินนั้นควรจะมีผิวสีเขียว
ในขณะที่ว่านจึงยี่รับฟังคําพูดของหยานเฉิง จ้าวจงก็ทําในสิ่งที่ตรงกันข้าม
“หยุดพูดเรื่องไร้สาระนเถอะ เรื่องในการ์ตูนนั้นก็เป็นแค่เรื่องในจินตนาการของนัก เขียนการ์ตูน! ยิ่งไปกว่านั้น ไอ้สิ่งนี้เรียกว่าเคียวมรณะนั้นก็ไม่ใช่ก็อบลิน!” หลังจากนั้น จ้าวจงก็ยังคงค้นหาผู้รอดชีวิตต่อไปโดยเข้าไปในห้องที่เขาเพิ่งตรวจสอบไปเมื่อกี้
ไปหยวนไม่ได้พูดอะไร แต่เขามองไปที่หลิวเป่า ก่อนที่เขาจะฆ่าเยวมรณะ เขา ก็ได้ใช้ [ การตรวจสอบขั้นพื้นฐาน ] กับสิ่งมีชีวิตตัวนั้น และเขาก็พบว่าเคียวมรณะนั้นเป็นชื่อคลาสของมอนสเตอร์ตัวนี้ ในขณะที่ชื่อของมันจริงๆก็คือดาร์คก็อบลิน เขาแปลกใจที่หลิวเป่าเดาถูก
แล้วเพราะอะไรเขาถึงนิ่งเงียบ? นั่นก็เป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้เกิดการโต้เถียงกับจ้าวจง หลังจากการโต้ตอบกับเขาสั้นๆ ไปหยวนก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่าจ้าวจงจะเชื่อฟังก็แต่กับคนที่เขาเคารพหรือคนที่มีสถานะสูงกว่าเขาเท่านั้น
และสาเหตุที่จ้าวจงเชื่อฟังผู้หญิงคนนั้นก็เป็นเพราะเขาเคารพเธอ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสาเหตุที่เขาสู้ถวายชีวิตเพื่อถังเหยางนั้นก็เป็นเพราะเขาเคารพในตัวบอสของเขาอย่างสุดซึ้ง
และเหนือสิ่งอื่นใด มันก็ไม่มีใครในที่นี้ที่ตรงตามเกณฑ์นั้น ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่ยอมฟังพวกเขาแน่นอน และด้วยเหตุนี้เอง ไปหยวนจึงไม่สนใจที่จะพูดถึงสิ่งที่เขาพบเช่นกัน
หลังจากการตรวจสอบอย่างรวดเร็ว จ้าวจงก็เดินออกมา “ไม่มีใครอยู่ข้างใน ไปกันต่อเถอะ!” จากนั้นเขาก็เดินไปที่ห้องถัดไป
“แล้วเขาล่ะ?” จางติงถามในขณะที่ชี้ไปที่ศพของเพื่อน จางติงและกั่วหนานคนที่เพิ่งเสียชีวิตไปนั้นเป็นเพื่อนกัน และพวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มทาส
จ้าวจงหันกลับมาและมองไปที่ผู้ชายที่ชี้ไปที่ศพ เขาขมวดคิ้ว เขาไม่พอใจกับค่าถามโง่ๆนี้ “อะไรนะ? แกถามว่าจะทํายังไงกับศพนั่นหรอ? แกต้องการน่าศพของมันไปด้วยในขณะที่ต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์เวรนั่นไง?” เขาชี้ไปที่ศพของเคียวมรณะขณะพูด
คําถามนี้ทําให้จางติงเงียบไป เขาไม่คิดว่าจ้าวจงจะนิ่งเฉยต่อการตายของเพื่อนร่วมทีมมากถึงขนาดนี้
“ถ้าแกอยากตายลงนรกไปตามมัน งั้นแกก็เอาศพมันไปได้เลย แต่อย่ามาทําตัวเป็นภาระของทีมล่ะ!” จ้าวจงโบกมือให้จางยิ่ง
จางติงมองไปที่ไปหยวน แต่ไปหยวนก็ไม่สนใจจางติง เขาไม่แม้แต่จะมองย้อน กลับไปที่จางติงในขณะที่เขาเดินตามจ้าวจงไป จากนั้นจาวติงก็มองไปที่หลิวเป่า
หลิวเป่าส่ายหัวบอกเป็นนัยว่าอย่าทําอะไรโง่ๆ แม้ทั้งคู่จะมีอายุใกล้เคียงกัน แต่หลิวเป่าก็เคยมีประสบการณ์การต่อสู้กับฝูงซอมบี้มาก่อน เขาเคยเห็นคนจํานวนมากตายต่อหน้าต่อตาเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากการตายของ เพื่อนของจางยิ่ง
ในท้ายที่สุด จางติงก็ต้องทิ้งศพของเพื่อนของเขาเอาไว้เบื้องหลัง เขามีความคิดที่จะฝังศพให้เพื่อนของเขา แต่เนื่องจากชีวิตของเขาเองก็ถูกแขวนอยู่บนเส้นดาย ดังนั้นเขาจึงยังไม่สามารถทํามันได้
ในขณะเดียวกัน ทางฟากทีมของฉันซัวซาน พวกเขาก็ยังไม่พบกับเคียวมรณะเลย มันแต่มีซอมบี้หลายสิบตัวระหว่างทาง และสี่ตัวในนั้นก็เป็นซอมบี้ระยะที่ 2 คลาวเลอร์
ถึงอย่างนั้น ฉันรั่วซานก็สามารถจัดการกับซอมบี้ระยะที่ 2 ได้อย่างง่ายดาย เขาจัดการกับคลาวเลอร์ทั้งสี่เองด้วยัวคนเดียวในขณะที่ลูกทีมของเขาก็ยืนดูการแสดงอยู่เฉยๆ
ทีมของว่านจึงยี่ยังไม่พบการซุ่มโจมตีจากเคียวมรณะในขณะที่ทีมของเธอสํารวจปีกซ้ายของชั้นสอง อย่างไรก็ตาม ในระหว่างทางพวกเธอก็พบศพของซอมบี้
เมื่อดูจากวิธีการที่ซอมบี้ถูกฆ่าตาย พวกเขาก็สามารถบอกได้เลยว่านี่จะต้องเป็นฝีมือของถังเส้าหยาง ศพของซอมบี้ส่วนใหญ่ถูกผ่าออกเป็นสองซีก หรือถ้าพวกมันไม่ถูกผ่า ศพของพวกมันก็จะไร้หัว
ท้ายที่สุดพวกเธอก็มาถึงปลายปีกซ้ํายอย่างราบรื่น พวกเธอพบบันไดฉุกเฉิน และนอกจากบันไดฉุกเฉินแล้ว พวกเธอก็ยังพบกับประตูที่น่าไปสู่หอพัก
“เราจะไปทางไหนดี? เราจะไปหาเขาหรือไปตามที่เราวางแผนไว้” ว่านจึงยี่ถามผู้หญิงอีกสามคน
หลอันอยากจะบอกว่าไปหาเขา แต่เธอก็เลือกที่จะไม่พูด เธอไม่ต้องการทําให้มันดูชัดเจนนักเพราะคนที่อยู่ในทีมนั้นก็ยังมีลูกน้องเก่าของจางเหมิ่งเหยา
“เราทําตามแผนของเรากันต่อเถอะ! ฉันสัมผัสได้เลยว่าเขาจะต้องต้องการให้เราท่าแบบนี้แน่ๆ!” ไต่เหวินเฉียนตอบกลับในทันที
ผู้ตันตันกาลังจินตนาการถึงตอนที่ถึงเส้หยางกําลังด่าเธอที่ไปช่วยเขา เธอส่ายหัวในทันทีและเห็นด้วยกับไต่เหวินเฉียน
ว่านจึงยี่ยิ้มเป็นคําตอบ เธอเองก็มีความคิดแบบเดียวกันกับสองสาว “ดี งั้นเราก็ไปต่อที่ชั้นสี่กันเถอะ!”
ชั้นสามเป็นหน้าที่ของจ้าวจงและฉินซัวซาน ในขณะที่ชั้นสี่, หกและสิบนั้นก็เป็นหน้าที่ของเธอและหยางเฉิง
ตามที่ว่านจึงยี่คาดการณ์ไว้ ถังเส้าหยางกาลังไปที่หอพักจริงๆ เหตุผลที่เขาไปที่หอพักในทันทีนั้นก็เป็นเพราะเขารู้ว่าคนของเขาจะเข้ามาสํารวจโรงพยาบาล ดังนั้น แทนที่จะเสียเวลาอยู่ในโรงพยาบาล เขาก็จะไปลองสํารวจที่หอพัก
และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือหงส์ขี้เหล่ ผู้หญิงคนนี้ยืนกรานที่จะรักษาบาดแผลของเขา เธอบังคับให้เขาไปที่หอพักและไปที่ห้องของเธอ
ใช่แล้ว ถังเส้าหยางอยู่ในห้องของคังเสวี่ย ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในห้อง หญิงสาวก็เปิดชุดเกราะหนังและเสื้อผ้าของเขาออกอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม คังเสวี่ยก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าแผลของเขานั้นหายดีแล้ว มันเหลือเพียงรอยข่วนเล็กๆเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าแผลของเขาได้รับการรักษา และในฐานะหมอ เธอก็ตกใจมากที่ได้เห็นปรากฏการณ์นี้ มันถือได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์แห่งวงการการ
แพทย์
“มันเป็นไปได้ยังไงกัน” เธอโพล่งออกมาด้วยความสับสน