บทที่ 81 เริ่มการล่า 2
“ม่าย!!!!” โดยไม่รู้ตัวน้ำตาของคังเสวี่ยก็เอ่อล้นออกมาจากดวงตาขอเธอในขณะที่เธอร้องไห้ออกมาอย่างไม่เต็มใจ ชายผู้นี้เป็นผู้ช่วยชีวิตของเธอแต่ตอนนี้เขาก็ได้ตายไปแล้ว
ถ้าฉันยอมวิ่งตามคนอื่นไป… ถ้าฉัน… เธอเสียใจกับการตัดสินใจที่โง่เขลาของเธอหลังจากดูการต่อสู้ ดังเสวี่ยก็เข้าใจได้ทันทีว่าเธอนั้นเป็นภาระของชายคนนั้นถ้าเธอไม่อยู่ที่นี่บางทีชายคนนั้นก็อาจจะยังไม่ตายอย่างไรก็ตามตอนนี้เขาก็ได้ตายไปแล้ว
“ทําไมนายถึงไม่ปล่อยให้ฉันตายล่ะ? ทําไมนายถึงต้องมาปกป้องฉันด้วย?”นั้นคือสิ่งที่เธอคิดขณะมองดูเคียวที่แทงเข้าไปที่หลังของชายคนนั้น
อย่างไรก็ตาม ในวินาทีถัดมา เสียงที่ฟังดูรําคาญก็ดังขึ้นมาจากทิศทางของชายคนนั้น“ทําไมเธอถึงต้องมาดราม่าขนาดนี้ด้วย ฉันยังสบายดีนังโง่นั่งหงส์อัปลักษณ์!”
ถังเส้าหยางแกว่งแขนขวาไปด้านหลังขณะที่หมุนตัวไปรอบๆจากนั้นดาร์คก็อบลิ นทั้งห้าก็ถูกจับและโยนกระแทกไปทางขวาด้วยแขนขวาของเขาก็อบลินทั้งห้ากอง ซ้อนกันทางด้านซ้าย
[ ขวานคลั่ง ]
เขาเปิดใช้งานสกิลของเขาและขวานทั้งสองก็บินไปยังก๊อบลินที่กองซ้อนกันอยู่ห้าตัว
สาด!
[ ขวานคลั่ง ]ฆ่าก็อบลินได้เพียงแค่สามตัวแรกเท่านั้น ก็อบลินทั้งสามตัวถูกนั่นเป็นสามส่วนด้วยขวาน
จากนั้นถึงเส้หยางก็เคลื่อนไปหยิบขวานศึกขึ้นมา เนื่องจากเขาต่อสู้กับพวกมันในระยะพื้นที่ที่จํากัด ดังนั้นเขาจึงจับไปที่ตรงกลางด้ามขวานศึกเพื่อที่เขาจะได้สามารถใช้เดสทรอยเยอร์ได้อย่างอิสระแม้จะมีพื้นที่จํากัดก็ตาม
เมื่อหยิบมันขึ้นมาได้แล้ว ยังเส้าหยางก็ยกและสับมันลงไปที่ก็อบลินทั้งสองตัวที่เหลืออยู่
กระเด็น!
ก็อบลินผู้น่าสงสารทั้งสองถูกผ่าออกเป็นสองซีก เลือดสาดกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง พื้นกระเบื้องสีน้ำเงินตอนนี้ได้ถูกปกคลุมไปด้วยเลือดของก็อบลิน
เคียวมรณะเจ็ดจากสิบสองถูกฆ่าตายไปแล้ว ถึงเส้หยางเดินออกจากบันไดจุกเฉินโดยไม่หันกลับมามอง “อยู่ตรงนั้นแหละ นังโงงี่เง่าอัปลักษณ์!”เขาไม่ลืมเตือนหญิงสาวให้ก้าวออกจากบันไดฉุกเฉิน
แม้ว่าจะมีคําว่าโงงี่เง่าและอัปลักษณ์เป็ชื่อ แต่เธอก็มีความสุขอยู่ลึกๆ เมื่อกี้เธอคิดว่าเคียวทั้งห้าจะแทงทะลุแผ่นหลังของเขาไปยังหัวใจของเขาแล้ว แต่ตอนนี้เธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
เคียวทั้งห้ายังคงห้อยอยู่บนหลังของเขา อย่างไรก็ตาม ใบมีดของเคียวก็เจาะเข้าไปได้เพียงสองนิ้วเท่านั้น
ในขณะนี้ คังเสวี่ยก็ไม่สนใจแล้วว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับชายคนนี้ไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนไปเป็นอะไร มันก็ไม่สําคัญสําหรับเธออีกต่อไปแล้วสิ่งที่สําคัญคือชายคนนั้นลอดภัยดีแม้ว่าเธอจะกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บที่หลังของเขาอยู่ก็ตาม
และเนื่องจากชายคนนั้นบอกให้เธออยู่ข้างหลัง ดังนั้นเธอก็จะเชื่อฟังคําพูดของเขาและอยู่ข้างหลัง
หลังจากฆ่าก็อบลินไปเจ็ดตัว อีกห้าตัวที่เหลือก็ยังไม่แสดงตัว พวกมันซ่อนตัวอยู่ในความมืดถังเส้หยางกําเดสทรอยเยอร์เอาไว้ในมือขณะเดินไปรอบๆโรงอาหาร
สิ่งหนึ่งที่เขาได้เรียนรู้หลังจากกลับเข้าโรงพยาบาลอีกครั้งก็คือ เขาไม่สามารถมองเห็นพวกก็อบลินได้ด้วยตาของเขา แต่เขาสามารถได้ยินเสียงเล็กน้อยได้เมื่อพวกก็อบลินใช้สกิลของพวกมันสกิลนี้คือสกิลที่ทําให้พวกมันล่องหนและเขาก็คิดว่ามันน่าจะเป็นสกิลที่ได้มาจากคลาสของพวกมัน
เขาจดจ่ออยู่กับการได้ยินมากกว่าการมองเห็น ถังเส้หยางหลับตาลงช้าๆและสิ่งนี้ก็ทําให้เขาประหลาดใจ เขาได้ยินเสียงหายใจของหญิงสาวที่อยู่ข้างหลังเขา
คังเสวี่ยไม่รู้ว่าชายคนนั้นทําอะไรในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม บรรยากาศที่เงียบสงบและมืดมิดก็ทําให้การหายใจของเธอถี่ขึ้นเล็กน้อย เธอหายใจออกและสูดอากาศเร็วขึ้นซึ่งเกิดจากความประหม่า
เกมแห่งความอดทน นั่นคือสิ่งที่ตั้งเส้าหยางกําลังท่าอยู่ในตอนนี้ เขาต้องอดทนที่จะฆ่าก็อบลินที่เหลืออยู่
สิบวินาทีผ่านไป…
ยี่สิบวินาทีผ่านไป…
ในวินาทีที่สามสิบ หูของเขาก็กระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินการเคลื่อนไหว
‘สองจากซ้าย หนึ่งจากบน และอีกหนึ่งจากขวา… หนึ่งตัวหายไป…เขานับในใจขณะลืมตาขึ้นพร้อมๆกัน
[ สงครามร่ำไห้ ]
ถังเส้หยางใช้สกิลของเขาเมื่อเขาตรวจพบการเคลื่อนไหว เสียงสิงโตคารามดังสนั่นออกมาจากปากของถังเส้าหยาง เสียงคํารามนี้ทําให้ผนังและพื้นสั่นสะเทือนเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกัน ก็อบลินทั้งห้าก็ได้แสดงตัวออกมา หรือไม่บางที่สกิลของพวกมันก็อาจจะถูกยกเลิกโดยผลของ [ สงครามร่าไห้ ] ของถังเส้หยางเขารู้สึกยินดีกับความประหลาดใจนี้และโดยไม่เสียเวลเขาเหวี่ยงเดสทรอยเยอร์ออกไปทางก็อบลินทั้งห้าเมื่อถึงตอนนี้เขาก็ได้รู้ว่ามันยังมีก็อบลินอีกตัวที่อยู่ด้านบนแต่ที่สุดแล้วมันก็อยู่ในระยะของเขาพอดี
ด้วยการเหวี่ยงเดสทรอยเยอร์เพียงครั้งเดียว ถังเส้าหยางก็
สามารถสังหารก็อบลินทั้งห้าตัวลงได้สําเร็จ
[ คุณได้เลเวลอัพแล้ว! ]
[ คุณได้รับคะแนนค่าคุณสมบัติ 2 คะแนน! ]
[ คุณสามารถจัดสรรคะแนนค่าคุณสมบัติได้โดยการเปิดหน้าจอค่าสถานะ! ]
แม้น้ำเสียงของเสียงหุ่นยนต์จะฟังดูเย็นชา แต่มันก็ทําให้ถึงเส้หยางยิ้มออกมาในขณะที่เขาชูมือขึ้น “ใช่แล้ว ที่รัก อัพเลเวล …”
“อ๊ย!”
การแสดงความยินดีหยุดลงกลางคันเมื่อความเจ็บปวดรวดร้าวปรากฎขึ้นที่แผ่นหลังของเขา เขาเพิ่งรู้ว่าเคียวทั้งห้ายังคงห้อยอยู่บนหลังของเขา เขาเอื้อมมือไปที่เคียวและดึงมันออกมาในทันที
“อย่า…!” คังเสวี่ยตะโกนขึ้นอย่างกะทันหัน แต่กระนั้นเธอก็ยังสายเกินไปถึงเส้าหยางได้ดึงพวกมันออกมาจากหลังของเขาแล้ว
“อะไร?” ถึงเส้หยางหันกลับมา
“คุณดึงมันออกมาทําไม?” เธอเข้ามาใกล้ในขณะที่เธอพยายามจะดูแผลที่หลัง
ของเขา
“แน่นอน ฉันต้องดึงมันออกสิ! ก็มันติดอยู่บนหลังของฉันนี่!” เขาไม่เข้าใจว่าทําไมหงส์ขี้เหล่คนนี้จึงพยายามห้ามไม่ให้เขาดึงเคียวออกมันเจ็บปวดเมื่อคุณมีสิ่งเหล่านั้นบนหลังของคุณดังนั้นเพื่อกําจัดความเจ็บปวดนั้นเขาจึงต้องดึงสิ่งเหล่านั้นออกมาจากหลังของเขา
“เราต้องเตรียมอะไรมารักษาบาดแผลและห้ามเลือด” เธอหันความสนใจไปที่หลังของถังเส้าหยาง “ดูสิ มันมีเลือดออกเยอะเลย เราต้องดูแลบาดแผลในตอนนี้ไม่อ่างนั้นคุณก็อาจจะเสียเลือดจนตายก็ได้!”เธอตรวจดูบาดแผลด้วยความห่วงใย
“ไม่เป็นไร! ฉันแข็งแกร่งจะตาย!” ถึงเส้าหยางโบกมืออย่างสบายๆ
“เธอควรไป รวมกลุ่มกับคนอื่นๆนะ หรืออย่างน้อยก็ออกไปจากโรงพยาบาลซะ!”
“การล่าเริ่มต้นขึ้น!
เนื่องจาก [ สงครามร่ำไห้ ] สามารถยกเลิกสกิลหายตัวของเคียวมรณะได้ดังนั้นถังเส้าหยางจึงสามารถฆ่าเคียวมรณะก่อนหน้านี้ได้ และมันก็ทําให้เขาเลเวลอัพขึ้นมาหนึ่งเลเวล ด้วยเหตุนี้เองถึงเส้าหยางจึงคาดว่าหากเขาสามารถฆ่าพวกมันทั้ง 88 ตัวได้มันก็อาจจะทําให้เขาเลเวลอัพขึ้นมาอีกสามเลเวล
[ มินิเกมโหมดปกติ ]
วัตถุประสงค์ :
1. ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตในพื้นที่โรงพยาบาล 31 ผู้รอดชีวิต 2. สังหารเคียวมรณะทั้งหมด (76)
หมายเหตุ: หากบรรลุวัตถุประสงค์ทั้งสองสาเร็จ คุณจะได้รับรางวัลโบนัส!
การล้มเหลว:
1. ผู้รอดชีวิตทั้งหมดตาย 2. ผู้เข้าร่วมทั้งหมดเสียชีวิต
หมายเหตุ: มินิเกมโหมดปกติไม่ได้ให้บทโทษแก่คุณ
รางวัล:
1. หีบสมบัติเลเวล 7 สําหรับผู้เข้าร่วมที่รอดตายแต่ละคน 2. +20 คะแนนสกิล 3. +3 เลเวล 4. 100,000 GC สําหรับผู้เข้าร่วมที่รอดตายแต่ละคนและ 100,000 GC สําหรับสังกัดของคุณหากคุณมีสังกัด 5. รางวัลโบนัสแบบสุ่มหากคุณทําสําเร็จทั้งสองวัตถุประสงค์
ระยะเวลา: ไม่จํากัดเวลา!
จากนั้นเขาก็ตรวจสอบความคืบหน้าของวัตถุประสงค์มันมีเคียวมรณะตายไปแล้ว 12 ตัวดังนั้นมันจึงเหลือเคียวมรณะเพียง 76 ตัวเท่านั้น
“ผู้รอดชีวิตอีก 10 คนและเคียวมรณะ 76 ตัว!”
ในขณะเดียวกันที่ด้านนอกโรงพยาบาล ว่านจึงยี่เข้ารับตําแหน่งแทนถึงเส้าหยางชั่วคราวมันไม่มีใครคัดค้านอะไรเมื่อเห็นว่ามีข้าวจงและฉินซิ่วซ่านสนับสนุนเธอ
“ดูเหมือนว่าเขาจะยังสบายดีนะ!” เสียงคํารามดังมาจากข้างในโรงพยาบาลและเมื่อฟังจากเสียงคําราม เธอก็สามารถบอกได้ว่าที่มาของเสียงครามนั่นก็คือบอสของเธอถังเส้าหยาง ในตอนแรกพวกเขาก็กังวลเรื่องควมปลอดภัยของถังเส้าหยางอย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าเขายังมีแรงตะโกนทุกคนจึงยังเชื่อว่าเขายังสบายดี
“รออีกสิบนาที ถ้าเขาไม่กลับมา เราก็จะกลับเข้าไปในโรงพยาบาล! เราจะเริ่มภารกิจช่วยเหลือผู้รอดชีวิตอีกสิบคน และฆ่าเคียวมรณะทั้งหมด!”จากนั้นว่ายจึงยี่ก็หันไปทางผู้รอดชีวิตที่พวกเขาเพิ่งช่วยไว้“มีใครรู้จักแผนผังของโรงพยาบาลไหม”
ก่อนที่ผู้รอดชีวิตคนใดจะทันได้ตอบเธอ หนึ่งในทีมของเธอก็คัดค้านขึ้นมาว่า “เราจะกลับเข้าไปจริงๆหรอ? มันเหมือนกับการฆ่าตัวตายเลยนะเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบอสยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วในตอนนี้?”
หลังจากนั้นทุกคนก็จับจ้องไปที่ชายคนนั้น เขาเป็นหนึ่งในยี่สิบคนจากกลุ่ม “ทาส” มันมีสองคนเสียชีวิตไปแล้วก่อนหน้านี้และพวกเขาก็ยังต้องการให้เขาเข้าไปในโรงพยาบาลอีกครั้ง? ไม่มีทางเขาไม่ต้องการที่จะเอาชีวิตของเขาเข้าไปเสี่ยงอีกแล้ว
เนื่องจากกลุ่มทาสนั้นไม่เคยมีโอกาสได้ไปสัมผัสกับการโจมตีของฝูงซอมบี้สองฝูงใหญ่ดังนั้นพวกเขาจึงยังไม่เข้าใจว่าการเอาชีวิตไปเสี่ยงที่แท้จริงนั้นเป็นยังไง
“อะไรกัน ฉันผิดหรอ? เราจะฆ่าสิ่งที่เรามองไม่เห็นได้ยังไงกัน?” การเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจนั้นท่าให้ผู้ชายคนนั้นกังวลเขาลุกขึ้นและตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ถ้าแกไม่อยากเข้าไปในโรงพยาบาล งั้นฉันก็จะฟื้นคอของแกด้วยดาบของฉันนี้แหละ!” ฉินซิ่วซ่านที่เงียบอยู่เสมอยืนขึ้นเขาจับไปที่ด้ามดาบในขณะที่เขาพร้อมที่จะชักดาบออกมาเขาดูทจริงจังกับค่าพูดของเขา
จ้าวจงเองก็ยืนขึ้นด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา เขาพร้อมที่จะสนับสนุนฉินชั่วซานเช่นกัน
ผู้ชายคนนั้นถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว เขาถูกคนสองคนข่มขู่จากนั้นเขาก็มองไปรอบๆในขณะที่เขาพยายามมองหาเพื่อนที่จะช่วยเหลือเขา เขาเชื่อว่ามันจะต้องไม่ใช่แค่เขาคนเดียวแน่ๆที่กลัวสิ่งที่อยู่ในโรงพยาบาลอย่างไรก็ตามทุกคนก็หลบสายตาของเขา มันไม่มีใครเต็มใจที่จะท้าทายคนสําคัญทั้งสามคนของฐาน
ว่านจึงยี่ก้าวเข้ามาในขณะที่เธอป้องกันไม่ให้สองคนนี้บ้าคลั่งและเริ่มการสังหารหมู่ เธอเดินไปหาชายผู้ที่กล่าวคัดค้านการเข้าไปในโรงพยาบาล“ถ้าเราไม่เข้าไปในโรงพยาบาลเราก็จะไม่บรรลุวัตถุประสงค์อย่างงั้นแล้วเราจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง?” เธอชี้ไปที่ทางเข้าที่ถูกขวางอยู่
“ยิ่งไปกว่านั้น อย่าลืมสถานะของนาย! นายยอมรับมันแล้ว! นายมีหน้าที่แค่ทําตามคําสั่ง! นายเข้าใจไหม” ว่านจึงยี่หยุดอยู่เหนือผู้ชายคนนั้นสิ่งนี้ทําให้เขาไม่กล้าที่จะสบตาเธอ
ชายคนนั้นหลีกเลี่ยงการสบตากับว่านจึงยี่ในขณะที่เขาก้มศีรษะลงเขาไม่กล้าแม้แต่จะตอบคําถามของเธอ
“นายเข้าใจแล้วใช่ไหม?” ว่านจึงยถามซ้ำอีกครั้ง
“เข้าใจแล้วครับ..” ชายคนนั้นพยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง
“ดี!” จากนั้นว่านจึงยก็หันกลับมา เธอเดินกลับไปหาผู้รอดชีวิต “มีใครในพวกคุณที่รู้แผนผังของโรงพยาบาลไหมถ้ารู้ก็โปรดยกมือขึ้น!”
ฉินซัวซานและจาวจงเองก็มองตามสายตาของว่านจึงยี่ ด้วยเหตุผลบางอย่างเหล่าผู้รอดชีวิตที่ถูกข่มขู่โดยสายตาก็ค่อยๆยกมือขึ้นทีละคน
“ดี! ถ้าอย่างนั้นก็บอกเรามาเราจะเริ่มการล่าในอีกสิบนาที!”
MANGA DISCUSSION