บทที่ 40 มินิลอร์ด 2
[คุณได้เข้าสู่อาณาเขตของศัตรู! ออกไปในทันทีมิฉะนั้นคุณจะถูกโจมตีโดยผู้อยู่อาศัย!]
[คุณได้เข้าสู่อาณาเขตของศัตรู! ออกไปในทันทีมิฉะนั้นคุณจะถูกโจมตีโดยผู้อยู่อาศัย!]
[คุณได้เข้าสู่อาณาเขตของศัตรู! ออกไปในทันทีมิฉะนั้นคุณจะถูกโจมตีโดยผู้อยู่อาศัย!]
ถังเส้าหยางขมวดคิ้วกับคำเตือน เขาตั้งใจที่จะต่อสู้กับผู้อยู่อาศัยเพื่อเก็บเกี่ยวค่าประสบการณ์เพื่ออัพเลเวล คราวนี้เขาเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดีแล้ว และเขาก็จะไม่ทำผิดพลาดเป็นครั้งที่สอง
อย่างไรก็ตาม คำเตือนนี้ก็ทำให้จางเหมิงเหยาตกใจ คำเตือนที่ดังก้องนี้ดังอยู่ในหัวของเธอ มันพูดด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง และในฐานะที่เป็นคนที่ไม่คุ้นชินกับเสียงของหุ่นยนต์ คำเตือนนี้จึงทำให้เธอตกใจ
เธอถอยหลังกลับไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว แต่แล้ว ลู่อันก็รั้งเธอไว้จากด้านหลัง
“ อย่ากังวลไปเลย เมื่อคุณอยู่ใกล้บอส มันก็จะไม่มีใครแตะต้องคุณได้ แต่จำไว้ คุณจะต้องอยู่ใกล้บอสจริงๆ!” ลู่อันกล่าวด้วยความมั่นใจ
ใบหน้าของจางเหมิงเหยาแดงระเรื่อขณะที่เธอรู้สึกละอายใจที่ทำให้แม้แต่วัยรุ่นอย่างลู่อันก็ยังเป็นห่วงเธอ เธอเป็นทหาร อย่างนี้แล้วเธอจะแพ้วัยรุ่นได้อย่างไร?
จางเหมิงเหยาสูดหายใจเข้าลึกๆและพยายามสงบสติอารมณ์ของเธอ เธอตรวจดูบริเวณโดยรอบ แต่การมองเห็นของเธอก็ถูกหมอกหนาทึบบดบังทัศนวิสัย ไกลที่สุดที่เธอสามารถมองเห็นได้ก็คือ 5-7 เมตรข้างหน้า
ภูมิอากาศแบบนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เธอประหม่า ทัศนวิสัยของเธอมีจำกัด และโดยปกติแล้ว สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในภูมิอากาศแบบนี้ก็จะเป็นอันตราย เธอมั่นใจว่ามันจะต้องมีสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในหมอกนี้อย่างแน่นอน และพวกมันก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากหมอก
และต่อให้สิ่งมีชีวิตจะมีทัศนวิสัยที่จำกัดเพราะหมอก แต่พวกมันก็จะต้องมีวิธีมองทะลุผ่านหมอกได้อย่างแน่นอน
การคาดเดาของจางเหมิงเหยาเกิดขึ้นจริง วานรเมฆาที่อาศัยอยู่ที่นี่ไม่มีปัญหากับการมองเห็น
“ พวกมันกำลังมา! อยู่ใกล้ๆฉันเข้าไว้นะ เหมิงเหยา!” เสียงของถังเส้าหยางไม่ได้ดังมาก แต่จางเหมิงเหยาก็ยังคงได้ยินชัด
เธอทำตามคำแนะนำและติดตามถังเส้าหยางไปอย่างใกล้ชิด ในไม่ช้า เธอก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนบนพื้นดิน ซึ่งมันก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าศัตรูกำลังใหล้เข้ามา
จางเหมิงเหยาจับโล่และดาบของเธอแน่น เธออยู่ข้างหลังถังเส้าหยาง แต่ดวงตาของเธอก็มองไปรอบๆ เธอพยายามค้นหาสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่หลังม่านหมอก
“ เตรียมตัวให้พร้อม พวกมันอยู่ที่นี่แล้ว!”
ตึ้ม! ตึ้ม! ตึ้ม!
เสียงฝีเท้าดังขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของจางเหมิงเหยาส่ายไปมาและพยายามค้นหาว่าศัตรูจะมาจากทิศทางไหน
โว้ว! โว้ว! โว้ว!
วานรเมฆาสีขาวขนาดยักษ์หลายสิบตัวโผล่ออกมาจากหมอก เมื่อมองไปที่ดวงตาสีแดงที้ดูดุดันและฟันที่แหลมคม จางเหมิงเหยาก็สะดุ้ง อย่างไรก็ตาม เธอก็จำคำแนะนำของถังเส้าหยางได้อย่างชัดเจน
“ อย่าขยับจากที่ของเธอโดยไม่ได้รับคำสั่งของฉัน! และจงฆ่าสัตว์ร้ายที่กำลังจะตายที่ฉันโยนไปให้เธอ! จากนั้นก็โยนซากทิ้งหลังจากที่เธอฆ่ามันสร็จแล้ว!”
เธออยู่ในจุดของเธอแล้ว และเธอก็ไว้วางใจที่จะฝากชีวิตของเธอไว้กับผู้ชายของเธอ
โว้ว!
ในเวลาเดียวกัน ถังเส้าหยางก็เคลื่อนไหว เขาเหวี่ยงขวานศึกออกไปในแนวนอน มันกวาดลิงที่ออกมาจากหมอก และลิงกว่าสิบตัวก็ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ
บัก! บัก!
จางเหมิงเหยาไม่รู้ว่าเมื่อไร แต่เมื่อเธอรู้สึกตัวอีกที มันก็มีลิงสองตัวที่กำลังจะตายปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าเธอ เธอสะบัดดาบออกไปด้วยความตกใจและแทงเข้าไปที่หัวของลิงด้วยดาบของเธอ
เมื่อลิงสองตัวตาย เธอก็ทิ้งโล่และเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เธอคว้าข้อเท้าของลิงแล้วโยนศพออกไปนอกบริเวณที่มีหมอกหนา
อันที่จริง จางเหมิงเหยาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถังเส้าหยางถึงสั่งให้เธอทำนี้ แต่เธอก็สังเกตเห็นว่าลู่อันก็ทำเช่นเดียวกัน ในมือขวาของเขาถือดาบและอีกมือหนึ่งก็กำลังขว้างศพออกไปด้านนอก
สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจก็คือ ลู่อันกำลังเผชิญหน้ากับลิงห้าถึงเจ็ดตัวได้อย่างสบายๆในเวลาเดียวกัน ลู่อันแข็งแกร่งมาก เด็กวัยรุ่นคนนี้อายุน้อยกว่าเธอมากแต่เขาก็แข็งแกร่งกว่าที่เธอคิดเอาไว้มากเช่นกัน
เป๊บ! เป๊บ!
“ จางเหมิงเหยา ตั้งสติ!” ถังเส้หยางตะโกนออกมาในขณะที่เขาโยนลิงสองตัวที่กำลังจะตายไปหาเธอ เขาค่อนข้างผิดหวังกับการแสดงออกของจางเหมิงเหยา
เนื่องจากเธอเป็นทหาร ดังนั้นเขาจึงคาดหวังกับเธอเอาไว้สูง อย่างไรก็ตาม เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น การแสดงออกของหญิงสาวคนนี้ก็ค่อนข้างน่าผิดหวัง
‘ ไม่ ฉันไม่ต้องการพลังการต่อสู้ของเธอ แต่ฉันต้องการทักษะการบริหารของเธอในกองทัพต่างหาก!’ ถังเส้าหยางพยายามปรับความคิด
เมื่อถูกเรียกอย่างรุนแรง จางเหมิงเหยาก็หันกลับมาและแทงดาบของเธอไปที่ลิงสองตัวที่อยู่ข้างหน้าเธอ
เธอทำซ้ำการกระทำแบบเดียวกันอีกครั้ง เธอคว้าศพลิงตัวนั้นแล้วโยนมันทิ้งไป จากนั้นเธอก็หยิบโล่ขึ้นมาสวมไว้บนหลังของเธอ
ขณะที่เธอทำสิ่งนี้ จางเหมิงเหยาก็สังเกตเห็นลิงอีกสองตัวที่กำลังจะตายลอยเข้ามาหาเธอ คราวนี้การกระทำของเธอรวดเร็วกว่าเดิม เธอฟันดาบไปที่ลิงที่กำลังจะตายตัวหนึ่งและฟันคอของลิงที่กำลังจะตายอีกตัวหนึ่ง
เธอทำได้เร็วกว่าเมื่อก่อนมาก และเมื่อเวลาผ่านไป ลิงที่กำลังจะตายก็ลอยเข้ามาหาเธอเร็วขึ้นเรื่อยๆ
สิบนาทีต่อมา เธอก็ได้ยินเสียงหุ่นยนต์ที่ไร้อารมณ์บนหัวของเธอ
[ คุณได้เลเวลอัพแล้ว! ]
[ คุณได้รับคะแนนค่าคุณสมบัติ 2 คะแนน! ]
[ คุณสามารถจัดสรรคะแนนค่าคุณสมบัติได้โดยการเปิดหน้าจอค่าสถานะ! ]
พร้อมกันกับเสียงหุ่นยนต์ ความเหนื่อยล้าของเธอก็ได้หายไป เธอรู้สึกว่าเธอกลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์อีกครั้ง
จางเหมิงเหยาจัดสรรคะแนนค่าคุณสมบัติของเธอไปยังค่าความแข็งแกร่งและค่าความว่องไวในทันที ในขณะนี้ เธอก็ได้ตัดสินใจที่จะมุ่งเน้นไปที่ค่าคุณสมบัติทั้งสองนี้
เมื่อความเหนื่อยล้าหายไป เธอก็กลับมาคงฆ่าลิงที่ถังเส้าหยางส่งมาให้ต่อ
การต่อสู้ดำเนินไปเป็นเวลาสามชั่วโมงและถังเส้าหยางก็ตัดสินใจที่จะพัก
“ หยุดได้แล้ว!” ถังเส้าหยางตะโกนในขณะที่เขาเหวี่ยงเดสทรอยเยอร์
ตามคำสั่งของเขา กลุ่มคนสามคนก็ได้วิ่งออกจากหมอกไป เมื่อพวกเขาออกมาจากหมอก พวกเขาก็พบกับซากของลิงที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ
จางเหมิงเหยาประมาณการว่าพวกเขาน่าจะฆ่าลิงไปหลายร้อยตัว จำนวนลิงเหล่านี้เกินความคาดหมายของเธอไปมาก
ถังเส้าหยางเดินไปที่ศพใกล้ๆเขาและสั่งว่า “ ไปเก็บศพให้เรียบร้อยก่อน แล้วเราจะไปรับประทานอาหารกลางวันกัน!”
เธอไม่รู้ว่าทำไมถังเส้าหยางถึงต้องการให้พวกเธอรวบรวมศพ แต่เธอก็ทำตามคำสั่งของเขา
มันใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการเก็บศพลงในกองสามกองข้างถนน
ฮึ่บ!
จางเหมิงเหยาโยนศพสุดท้ายในมือของเธอและถามด้วยความสงสัย “ นายจะทำอะไรกับซากศพพวกนี้ อย่าบอกนะว่านายคิดจะกินเนื้อลิง!?”
เธอไม่เคยกินเนื้อลิงมาก่อน แล้วนับประสาอะไรกับเนื้อกอริลลาพวกนี้ เธอค่อนข้างรังเกียจที่จะกินเนื้อของพวกมัน
“ อ่า พูดตามตรงนั่นก็เป็นความคิดที่ดี! มาลองดูกันดีกว่าว่าเนื้อพวกนี้จะกินได้หรือไม่!”
ถังเส้าหยางเดินไปที่ศพที่ใกล้ที่สุดและฉีกขาซ้ายของมันออกมา หลังจากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ที่อยู่ใกล้ที่สุดบนถนน
ขณะเดิน เขาก็คิดอะไรบางอย่างและพึมพำว่า “ ขนของมันค่อนข้างเรียบ มันสามารถใช้เป็นวัสดุที่ดีในการทำเสื้อโค้ทหรือเสื้อผ้าได้ และหน้าหนาวก็ใกล้เข้ามาแล้ว…”
ระหว่างทางไปคฤหาสน์ ถังเส้าหยางก็ตัดสินใจค้นหาช่างตัดเสื้อเมื่อเขากลับไปที่ฐาน ด้วยขนนี้ พวกเขาก็จะสามารถเก็บเหรียญ GC ของพวกเขาจากการซื้อเสื้อผ้าหรือเสื้อโค้ตจากร้านค้าทั่วไปได้ หรือแม้แต่ประหยัดเวลาในการมองหาเสื้อผ้าข้างนอกนั่น
“ พวกเธอสองคนไปล้างตัวได้ ฉันจะไปเตรียมอาหาร!”
“ ให้ฉัน…” จางเหมิงเหยาและลู่อันพูดพร้อมกันและหยุดไปครึ่งทางพร้อมกัน ทั้งสองมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
ถังเส้าหยางโบกมือให้ทั้งสองคน “ ไปล้างตัวเถอะ พวกนายตัวเหม็นหมดแล้ว!
ทั้งสองมองมาที่เขาและพบว่าร่างของเขาเปื้อนเลือดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันค่อนข้างน่าแปลกใจเพราะเขาเป็นผู้ที่ฆ่าลิงส่วนใหญ่ไป
ถังเส้าหยางเพิกเฉยต่อสายตาที่อยากรู้อยากเห็นของทั้งสองคน เขานำกระเป๋าเป้สะพายหลังและขาลิงไปที่ห้องครัว จากนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างได้และหันกลับมา “ ขอยืมดาบของนายหน่อยสิ ขวานของฉันมันใช้ถลกหนังและเนื้อได้ยาก”
ลู่อันโยนดาบของเขาให้ถังเส้าหยางโดยไม่ลังเลก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ห้อง ที่เขาคุ้นเคยและล้างตัว
จางเหมิงเหยาใช้เวลาในการหาห้องของเธอ
ส่วนถังเส้าหยางก็ไปที่ห้องครัว เขาเองก็คุ้นเคยกับแผนผังของคฤหาสน์หลังนี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าครัวนั้นอยู่ไหน
เขาวางกระเป๋าเป้สะพายหลังลงและหยิบเครื่องเทศออกมา หลังจากนั้นเขาก็เริ่มถลกหนังขาลิง เขาเอาเฉพาะเนื้อส่วนที่น่าจะกินได้เท่านั้น
การกระทำของเขาราบรื่นราวกับว่าเขาทำงานประเภทนี้มาเป็นเวลานาน หลังจากที่เขาทำความสะอาดเนื้อแล้ว เขาก็โรยเนื้อด้วยเกลือและพริกไทย
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เขาก็วางเนื้อลงบนถาดแล้วใส่ลงในเตาอบ
“ ประมาณสัก 30 นาที? 150 องศา?” ถังเส้าหยางพึมพำด้วยเสียงต่ำในขณะที่เขาเองก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับอุณหภูมิและระยะเวลาในการอบเนื้อ
“ เอาเป็นว่าฉันจะอบมันที่ 100 องศาเป็นเวลา 30 นาที” ถังเส้าหยางตั้งเตาอบและใส่เนื้อข้างใน
“ จานหลักเสร็จแล้ว เอาล่ะ ไปทำบะหมี่ต่อเลย…” จากนั้นเขาก็หยิบบะหมี่สามห่อออกมาจากกระเป๋าเป้ของเขา อาหารกลางวันเป็นส่วนผสมที่แปลกประหลาดระหว่างเนื้อลิงกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
สามสิบนาทีต่อมา ถังเส้าหยางก็เสิร์ฟบะหมี่พร้อมกับเนื้อลิงห้าชิ้นเป็นท็อปปิ้ง
เนื้อลิงร้อนจัดและมีไขมันไหลออกมาจากเนื้อ มันดูเลี่ยนมากแต่ก็ดูยั่วเย้า
“ เนื้อนี้มันปลอดภัยที่จะกินแน่นะ?” แม้ว่าเนื้อจะดูน่าดึงดูด แต่จางเหมิงเหยาก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“ ใครจะไปรู้ ของมันต้องลอง!” ถังเส้าหยางคีบเนื้ออย่างกล้าหาญด้วยตะเกียบและส่งเนื้อเข้าไปในปากของเขา
เขาเคี้ยวเนื้อและชิมมันอย่างระมัดระวัง หลังจากเคี้ยวเนื้อไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาก็สว่างขึ้น
โดยไม่พูดอะไร ถังเส้าหยางก็ได้คีบชิ้นเนื้ออีกชิ้นแล้วใส่เข้าไปในปากของเขา เขาปฏิเสธที่จะพูดอะไรทั้งๆที่ผู้หญิงของเขาจ้องมองอย่างร้อนรน
ลู่อันเป็นคนต่อไปที่เอาเนื้อเข้าไปในปาก ฉากเดียวกันนี้ถูกเล่นซ้ำแล้วซ้ำอีก ลู่อันกินเนื้อชิ้นที่สองต่อโดยไม่รอช้า
เมื่อดูจากการที่ชายทั้งสองกินเนื้อราวกับเป็นอาหารอันโอชะจากสวรรค์ จางเหมิงเหยาก็ไม่สามารถต้านทานการล่อลวงนี้ได้อีกต่อไป
ด้วยเหตุนี้เอง ทั้งสามคนจึงมัวเมาอยู่กับการกินเนื้อลิง พวกเขากินเนื้อลิงทั้งตัวภายใต้บรรยากาศที่เงียบสงบอย่างน่าประหลาดใจ
MANGA DISCUSSION