Another Monster - ตอนที่ 5.1 คินเดอร์ไฮม์ 511 1
บทที่ 5: Kinderheim 511
(พฤษภาคม ปี 2001; เบอร์ลิน)
ผมใช้เวลาทั้งเดือนพฤษภาคมที่เหลือพยายามสืบสวนทุกอย่างที่ผมรู้เกี่ยวกับเส้นทางที่เทนมะใช้หลบหนีจากกฎหมาย แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นไปได้ก็เพราะความช่วยเหลือเรื่องข้อมูลที่มีค่าอย่างมากจากสารวัตรลุงค์เก้
เป้าหมายของการหลบหนีของเทนมะคือการฆ่าปีศาจที่เขาชุบชีวิตขึ้นมาด้วยมีดผ่าตัดของเขาเอง: โยฮัน เพื่อที่จะทำเช่นนั้นได้ เขาใช้เวลาสักพักหนึ่งในเมืองคีเซินเพื่อฝึกการต่อสู้กับอูโก้ แบร์นฮาร์ท อดีตทหารของกองพลทหารต่างด้าวของฝรั่งเศส
มีเหตุผลพอสมควรเลยที่จะสงสัยว่าเขาได้ฝึกฝนจนมีประสบการณ์ระดับเชี่ยวชาญหรือไม่; อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องจริงที่เขาสามารถหลบหลีกจากตำรวจเยอรมันด้วยทักษะใหม่ที่เขาเพิ่งค้นพบ
ต่อมา, ผมก็สนใจเรื่องเงินทุนที่เทนมะใช้เพื่อหลบหนี เขาถอนเงินจำนวนมากออกจากบัญชีไม่นานก่อนที่เขาจะหายตัวไป แต่มันก็ยากที่จะจินตนาการว่าเขาสามารถมีชีวิตรอดในโลกใต้ดินได้ถึงสามปีโดยไม่มีวิธีบางอย่างที่จะหาเงินมา เห็นได้ชัดว่า เทนมะจับพลัดจับพลูไปเจอกับหัวขโมยคนหนึ่งที่ชื่อ ออตโต้ เฮ็คเคิล และได้ทำงานในฐานะหมอเถื่อนพร้อมๆกับที่พวกเขาเดินทางไปด้วย
ทันทีหลังจากการหายตัวไป เทนมะก็ถูกพบเห็นแค่เฉพาะในเมืองที่เกิดคดีฆาตกรรมคู่รักวัยกลางคน จากแวร์เดน, บ้านของสามีภรรยาสปริงเกอร์, สู่ซิคเคอ, ที่ๆครอบครัวเฮสถูกฆาตกรรม แต่หลังจากนั้น เขาก็เปลี่ยนแผน เขาน่าจะคิดได้ว่าการไปยังบ้านของเหยื่อเหล่านี้คงไม่มีทางทำให้ได้พบกับโยฮัน เขามุ่งตรงไปยัง(อดีต)เบอร์ลินตะวันออกเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับสามีภรรยาลีแบร์ท พ่อแม่คนแรก(?)ของโยฮัน
เทนมะไปที่บ้านของครอบครัวลีแบร์ท และได้เรียนรู้จากเพื่อนบ้านว่าทั้งโยฮันและอันนา(นีน่า) ต่างก็ถูกรับเลี้ยงจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ชื่อของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่โยฮันเคยอยู่คือคินเดอร์ไฮม์ 511 — การทดลองที่ถูกจัดตั้งโดยรัฐบาลของเยอรมนีตะวันออกและกำกับดูแลโดยกระทรวงกิจการภายใน หรือนี่อาจจะคือรากเหง้าของความชั่วร้ายที่โยฮันถือกำเนิดขึ้นมา…?
ผมได้พบกับคนๆหนึ่งที่จะเปิดเผยเรื่องราวอันน่าสยดสยองนี้ ชื่อของเธอคือ เอร์น่า ทีทเซ่อ — เจ้าหน้าที่ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอีกแห่งหนึ่งที่แยกจากคินเดอร์ไฮม์ 511, ผู้ที่เคยดูแลอันนา น้องสาวฝาแฝดของโยฮัน
เมื่อคุณเอร์น่าปรากฎตัวที่คาเฟ่ไอน์สไตน์อีสต์ที่เรานัดกันไว้ เธอดูเหมือนกับสิ่งที่คนๆหนึ่งจะจินตนาการถึงผู้คุมคุกของเยอรมนีตะวันออกผู้เย็นชาและเกรี้ยวกราดว่าเป็นอย่างไร; สูง, ผอม และไม่เป็นมิตร แต่สายตาอันแหลมคมหลังแว่นตาของเธอกลับกลายเป็นประกายเมื่อเธอพูดถึงเรื่องของอันนา และริมฝีปากบางๆของเธอก็ขยับเป็นรอยยิ้ม “อันนาเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักมาก ฉันหวังเพียงแค่ให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้หลังจากเรื่องทุกอย่างนั่นที่เกิดขึ้นกับเธอ”
ผมตระหนักได้ว่าความประทับใจแรกพบของผมที่มีต่อผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างจะไม่ถูกต้อง แววตาที่ดูเข้มงวดและคิ้วที่ขมวดของเธอแสดงออกถึงมืออาชีพผู้ทุกข์ใจและคุ้นเคยการทำงานกับเด็ก แต่เอร์น่า ทีทเซ่อ เป็นผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจอย่างไม่ต้องสงสัย ผมเข้าใจเรื่องนี้เมื่อการสนทนาของเราพูดถึงเรื่องการปฏิบัติต่อเด็กกำพร้าภายใต้คอมมิวนิสต์เยอรมนีตะวันออก
“มันคงดูไม่เหมาะที่จะพูดแบบนี้ เพราะเมื่อก่อนฉันก็เคยเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้, แต่มันน่ากลัวจริงๆ มีสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าบางแห่งที่ก็พอใช้ได้ แต่เด็กๆที่นั่นเป็นลูกๆของพวกต่อต้านรัฐบาล, พวกนักเคลื่อนไหวใต้ดิน, ผู้อพยพผิดกฎหมาย และอาชญากร… หรือก็คือ ลูกๆของ “สิ่งอันตราย” ที่ถูกส่งไปสถานที่เฉพาะเพื่อเรียนรู้ใหม่ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะบริสุทธิ์ไม่ได้ทำอะไรผิดเลยก็ตาม สถานที่พวกนี้มันเหมือนกับคุก พวกเด็กๆไม่มีสิทธิใดๆ และพวกเขาพบเจอกับการทารุณจากผู้ดูแลวันแล้ววันเล่า…”
ผมเริ่มด้วยการถามคำถามที่ผมอยากรู้มากที่สุด
– และคินเดอร์ไฮม์ 511 คงจะเป็นที่ๆเลวร้ายที่สุดจากทั้งหมดที่คุณเล่ามา
“โอ ไม่ ไม่เลย คินเดอร์ไฮม์ 511 เป็น… มันเป็นการทดลองของรัฐบาล สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าปกติจะอยู่ใต้การควบคุมของกระทรวงสวัสดิการสังคม แต่คินเดอร์ไฮม์ 511 นั้นอยู่ใต้การดูแลของกระทรวงกิจการภายใน คุณรู้ใช่ไหมว่านั่นหมายถึงอะไร?”
– คนที่ต้องรับผิดชอบต่อความโหดร้ายที่เลวร้ายที่สุดในโลกคอมมิวนิสต์ ไม่กระทรวงกิจการภายในก็สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ ใช่มั้ยล่ะครับ? ตำรวจลับอยู่ใต้การบังคับบัญชาของสำนักงานความมั่นคง… พวกเขาวางรั้วหนามไว้รอบประเทศ, สอดแนมประชาชนของตัวเอง, ปิดปากพวกที่ข่มขู่พวกเขาหรือเรียกร้องประชาธิปไตย และใช้การล้างสมองเพื่อจะสร้างคอมมิวนิสต์ที่เชื่อฟังและเหมาะสม
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ พวกเขาอยากจะสร้างทหารที่จะทำทุกอย่างโดยไม่สะทกสะท้านในนามของผลประโยชน์และอุดมการณ์ของชาติ เหมือนกับไซบอร์ก และนั่นก็คือที่ๆคินเดอร์ไฮม์ 511 เข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกๆคนคิดว่าพวกเขาต้องทำอะไรบางอย่างที่โหดร้ายที่นั่น เพราะอัตราการเสียชีวิตมันสูงจนน่าตกใจ”
– คุณคิดว่าพวกเขาทำอะไรที่นั่นบ้าง?
“ฉันไม่รู้ มีการตั้งชุดสอบสวนขึ้นมา… และทางปฏิบัติแล้ว ฉันก็เป็นสมาชิกด้วย แต่มันไม่มีบันทึกอย่างเป็นทางการสำหรับเรื่องนั้น คนส่วนมากที่ผ่านที่แห่งนั้นมามักจะหายตัวไป และแม้กระทั่งคนที่ยอมเอ่ยปากพูดก็ไม่มีความทรงจำของที่นั่นหลงเหลืออยู่เลย เราพยายามใช้การสะกดจิตกับพวกเขา แต่ทั้งหมดที่เราได้คือ ภาพนามธรรมของประสบการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว… พวก ‘ประตูห้องใต้ดินอันมืดมิด’ หรือ ‘อสูรกาย’
“แน่นอนว่าการออกกำลังกายและฝึกการต่อสู้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้และถูกจับตามองเพื่อเก็บข้อมูลอย่างใกล้ชิด และที่แห่งนั้นไม่มีวิธีการลงโทษหรือทารุณที่แปลกใหม่หรือรุนแรง แต่เรารู้ว่าที่นั่นมีงานในชั้นเรียนแปลกๆบางอย่าง คนๆหนึ่งที่เราสะกดจิตยังคงจำมันได้… เหมือนเป็นการโต้เถียงบางอย่าง…”
– โต้เถียงเหรอครับ?
“มันเหมือน… เหมือนกับหลักสูตรบางอย่างที่คุณคาดว่าคนที่อยากจะเป็นนักการเมืองหรือผู้นำลัทธิน่าจะต้องผ่านมัน และเห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้มันสำคัญมาก ทุกๆคนที่ถูกสะกดจิตต่างก็หวาดกลัวมันถึงขีดสุด”
– กลัวงั้นเหรอ?
“ใช่ กลัวว่าตัวตนพวกเขาจะหายไป… กลัวว่าพวกเขาจะพังทลาย พวกเขาบอกว่าแม้แต่หมายเลขของพวกเขาก็จะหายไปด้วย”
– หมายเลข?
“เราเดาว่าเด็กๆที่ถูกกักขังที่นี่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อจริงๆของตัวเอง และถูกเรียกด้วยหมายเลขบางอย่างแทน”
– คินเดอร์ไฮม์ 511 มีมานานแค่ไหนแล้ว?
“ฉันไม่รู้ มันน่าจะอย่างน้อย 20 ปีก่อนที่ฉันจะเริ่มทำงานนี้ ฉันไม่รู้ชื่อของสถานที่นั้น แต่มันก็มีข่าวลือน่ากลัวหลายเรื่องเกี่ยวกับที่แห่งนั้น ฉันคิดว่ามันคือช่วงต้นทศวรรษ 1980 ที่ฉันได้รู้ชื่อของที่นั่น ตอนนั้นเป็นช่วงที่มันกลายเป็นโครงการร่วมระหว่างกระทรวงสวัสดิการสังคมกับกระทรวงกิจการภายใน วิธีดำเนินงานก็คือกระทรวงสวัสดิการสังคมจะเป็นผู้จัดสรรงบประมาณมาให้ และกระทรวงกิจการภายในก็จะบริหารงานต่อเหมือนที่เคยทำมา แต่ก็มีครูหลายคนที่ถูกแต่งตั้งโดยกระทรวงสวัสดิการสังคมเหมือนกัน… นั่นคือตอนที่เรารู้ว่ามันถูกเรียกว่าคินเดอร์ไฮม์ 511 และหลังจากนั้นมา, บางครั้งเราก็จะรับเด็กที่ถูกไล่ออกมาจากที่แห่งนั้น”
– ไล่ออกเหรอ?
“ใช่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ ‘เหมาะสม’ กับจุดประสงค์อะไรก็ตามของที่นั่น… แต่พวกเขาทุกคนล้วนไร้อารมณ์ความรู้สึกและปิดกั้นตัวเองจากคนอื่นๆ สีหน้าของพวกเขาดูหวาดกลัวตลอดเวลา… ปฏิกิริยาของมนุษย์อย่างเดียวที่เราเห็นคือเมื่อมีใครบางคนเริ่มอ่านหนังสือเสียงดังออกมา พวกเขาจะกรีดร้องแล้วปิดหูของตัวเอง”
คุณทีทเซ่อดูเป็นคนดุร้ายในตอนแรก แต่การมองอย่างละเอียดก็จะเผยให้เห็นถึงบุคลิกที่เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและอุดมคติที่ไม่สั่นคลอน