Another Monster - ตอนที่ 8 ธนาคารใต้ดิน
บทที่ 8: Underground Banks
(มิถุนายน ปี 2001; ฟึสเซิน)
เรื่องราวบทใหม่เริ่มต้นที่มิวนิค โยฮันปรากฎตัวต่อหน้าคนจำนวนมาก เขากลายเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยมิวนิคและเข้าหายักษ์ใหญ่แห่งการเงินของรัฐบาเยิร์น, ฮันส์ เกออร์ค ชูวัลด์ มันเป็นสัญญาณชัดเจนว่าบางสิ่งในตัวของโยฮันเริ่มจะเปลี่ยนไป…
ก่อนจะถึงจุดนี้, เขาซ่อนตัวอยู่ในความมืดมาโดยตลอด
โยฮันและอันนาน้องสาวได้ร่อนเร่ไปตามแนวพรมแดนระหว่างเชกโกสโลวาเกียและเยอรมนีตะวันออก ในตอนที่เขาถูกพบโดยนายพลวูลฟ์และถูกส่งไปยังคินเดอร์ไฮม์ 511 เราสามารถคาดเดาได้ว่าเขาอายุ 6 ไม่ก็ 7 ขวบ เมื่ออายุประมาณ 10 ขวบ, เขาทำลายสถานรับเลี้ยงเด็กและถูกรับเลี้ยงดูโดยข้าราชการระดับสูงของเยอรมนีตะวันออก, นายลีแบร์ท และย้ายมายังเยอรมนีตะวันตก หลังจากการฆาตกรรมครอบครัวลีแบร์ท, โยฮันถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการสาหัสที่ๆเขาพบกับเทนมะเป็นครั้งแรก หลังจากที่เขาถูกช่วยชีวิตไว้, เขาก็หายตัวไปจากโรงพยาบาล, และใช้ชีวิตวัยเด็กที่เหลืออาศัยอยู่กับเหล่าคู่รักที่ไม่มีลูก ก่อนจะอายุ 20 ปีได้ไม่นาน, เขาได้พบกับเทนมะอีกครั้ง ฆ่าผู้ร่วมงานคนหนึ่งของเขาเองและหายตัวไปอีกครั้ง ในช่วงเวลานี้, เขาได้ฆ่าเหล่าสามีภรรยาที่เคยดูแลเขาเพื่อลบอดีตของตัวเอง
ก่อนที่โยฮันจะสำเร็จโทษเขา, ยุงเกลส์นักสะเดาะกุญแจได้กรีดร้องว่า “เราถูกว่าจ้างโดยอสูรกาย”
ในโลกใต้ดิน โยฮันเป็นที่รู้จักในฐานะอสูรกายอยู่แล้ว…
โยฮันทำอะไรในโลกใต้ดินกันก่อนที่เขาจะมาปรากฎตัวที่มหาวิทยาลัยมิวนิค? ผมประสบความสำเร็จในการขอสัมภาษณ์คนๆหนึ่งที่จะสามารถเล่าเรื่องนั้นให้ผมฟังได้
เขายินยอมที่จะพบกับผมโดยมีข้อแม้ว่าผมจะไม่เผยแพร่ชื่อหรือรูปภาพของเขาออกไปเด็ดขาด และสถานที่ที่พบคือฟึสเซิน เขามีจมูกที่ใหญ่, ริมฝีปากที่บางและคางที่แหลม — เครื่องหน้าที่ครั้งหนึ่งเคยอาจจะดูน่ากลัว แต่กลับรวมกันเป็นใบหน้าที่แสดงออกถึงความสุภาพในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม, สายตาที่คมที่เขาจ้องมองผมเป็นครั้งคราวนั้นมากพอที่จะชวนให้ผมคิดว่าครั้งหนึ่งชายคนนี้เคยอยู่ในโลกของอาชญากรรมมาก่อน
– อย่างแรกเลย, ผมขอทราบเบื้องหลังความเป็นมาของคุณหน่อยได้ไหมครับ?
“ก็อย่างที่นายเดาได้ ฉันไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการงานที่มีเกียรติหรอก ถึงแม้ว่าฉันจะวางมือจากเรื่องพวกนั้นแล้วก็เถอะ ฉันเกิดที่ฮันโนเวอร์ เป็นแค่กุ๊ยข้างถนนคนหนึ่ง ก็, ฉันทำทุกอย่างที่จะทำให้ได้เงินมา มันเริ่มจากการปล้น… ฉันเคยแม้กระทั่งปล้นธนาคาร เป็นคนขับรถน่ะ หลังจากนั้นมาฉันก็เรียนรู้วิธีใช้อาวุธ, ฉันเลยกลายเป็นหนึ่งในผู้ลงมือ และสุดท้ายก็กลายเป็นหัวหน้าและคนวางแผน ฉันเคยโดนตำรวจจับครั้งนึง, เลยต้องติดคุกอยู่สี่ปี เมื่อฉันออกจากคุกก็เข้าร่วมองค์กรขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง บอสของที่นั่นชอบฉัน, จนกระทั่งฉันทำตัวเป็นนกสองหัวและเริ่มรับใช้บอสอีกคนหนึ่ง, และหลังจากนั้นฉันก็กลายเป็นอันดับสองในองค์กร… ฝันฉันเป็นจริงแทบจะทันที ฉันกลายเป็นคนรวย แต่ยิ่งฉันได้เงินมามากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งลืมภาพของสิ่งที่ฉันอยากจะทำมากขึ้นเท่านั้น เมื่อฉันมองย้อนกลับไป ฉันทิ้งพ่อแม่, สร้างศัตรูกับเหล่าเพื่อนและพี่น้อง, และสูญเสียภรรยาและลูกๆ เมื่อหัวหน้าขององค์กรเริ่มพยายามจะเอาชีวิตฉัน ฉันก็รู้ตัว… มันถึงเวลาที่จะต้องเลิกแล้ว”
เขาเล่าว่าชีวิตเขาก็ยังคงอยู่ในอันตรายตอนนี้ เขามีบอดี้การ์ดสามคนและแทบจะไม่ออกจากบ้านที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์เฝ้าระวังใหม่ล่าสุดเลย ทุกๆครั้งที่เขาออกไป เขาจะเปลี่ยนเส้นทางเดินทางตลอด และใช้อีกเส้นทางหนึ่งกลับบ้าน เมื่อเขาถึงบ้าน, เขาจะให้บอดี้การ์ดคนหนึ่งเช็คตัวบ้าน เขาซื้อวัตถุดิบทำอาหารจากแหล่งที่เขาไว้ใจได้เท่านั้น และทำอาหารด้วยตัวเอง… ผมได้ฟังเรื่องเล่าพวกนี้มาจากชายคนหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางให้เราได้พบกัน
– คุณรู้จักกับดร.เทนมะได้ยังไง?
“ฉันถูกยิงที่ขาด้วยกระสุน 9 มม. และถูกเล่นงานที่หัวด้วย… ฉันถูกคนของหมายเลขหนึ่งหักหลัง และฉันก็คงจะตาย ถ้าดร.เทนมะไม่ช่วยชีวิตไว้”
– แสดงว่ามันเป็นความจริงที่เทนมะไปเป็นหมอเถื่อนในระหว่างที่เขาหลบหนีอยู่ และนี่น่าจะเป็นช่วงเวลาที่คุณให้ข้อมูลกับเขาเรื่องของโยฮันสินะ
“ในตอนนั้น ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนในข่าวลือนั้นคือโยฮัน แต่บ้านของฉันถูกโจมตี และเมื่อฉันคิดได้ว่ามันคือเขาที่เทนมะกำลังสู้อยู่ด้วย ทุกอย่างมันก็ลงล็อคกันหมด”
– คุณช่วยเล่าเรื่องนี้ให้ชัดเจนกว่านี้ได้ไหม?
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมหัวหน้าขององค์กรถึงพยายามจะฆ่าฉัน บางคนบอกว่าเป็นเพราะเขากลัวฉัน, ฉันเลยคิดว่านั่นคือเหตุผลเดียว ก็จริง, เรามีความคิดเห็นต่างกันในเรื่องการฟอกเงิน แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ถึงขนาดต้องมาฆ่าอีกคน ความจริงแล้ว, ฉันควรจะได้รับคำขอบคุณด้วยซ้ำที่ช่วยปกป้องเงินขององค์กร เงินของเราถูกเก็บไว้ในธนาคารเอกชนที่เก่าแก่มากในสวิตเซอร์แลนด์,แล้วจากนั้นมันก็จะถูกฟอก… เราส่งมันไปที่ธนาคารในอาณานิคมของอังกฤษในอเมริกาใต้, บริษัทการค้าในฮ่องกง, ธนาคารอาหรับและกลุ่มบริษัทในเครือ และหลังจากเงินนี้ถูกส่งไปรอบโลกแล้ว มันก็จะกลับมายังบริษัทน่าเชื่อถือที่เราใช้เป็นฉากหน้าแบบใสสะอาดและถูกกฎหมาย”
“แต่เมื่อประมาณ 5 ปีก่อนที่ฉันจะถูกเอาชีวิต มีธนาคารใต้ดินขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่เยอรมนี พวกเขาเก็บความลับของลูกค้าไว้อย่างปลอดภัย และพวกเขาไม่ใช่แค่จัดการฟอกเงินแต่ยังจัดการเรื่องการลงทุนและการให้กู้ยืมด้วย หมายความว่าระหว่างที่พวกเขาฟอกเงิน พวกเขาก็ยังทำดอกเบี้ยจำนวนมากได้ ในฐานะคนดูแลเรื่องนี้, ฉันเลยมานั่งคุยกับหมายเลขหนึ่งแล้วเราก็ตัดสินใจย้ายมาธนาคารนี้แทน และธุรกิจก็เป็นไปได้ด้วยดีประมาณ 5 ปี”
– ธนาคารใต้ดินนี่อยู่ที่ไหนของเยอรมนีกัน?
“ได้ยินมาว่าชายที่เป็นเจ้าของอาศัยอยู่ในดุสเซิลดอร์ฟ แต่แล้วข่าวลือก็เริ่มแพร่ไปว่าเจ้าของนั้นเป็นเพียงเด็กอายุ 20 ปีเท่านั้น นั่นหมายความว่าเขาตั้งธนาคารใต้ดินนี้ตอนอายุแค่ 15 ปีเท่านั้น ฉันรู้สึกถึงบางอย่างแปลกๆเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ และฉันก็คิดจะถอนเงินออกจากธนาคารนี้ แต่ด้วยเงินทั้งหมดที่เราทำได้… แน่นอน บอสไม่ชอบความคิดนั้น แต่ฉันไม่คิดเปลี่ยนใจ เราถอนเงินทุนทั้งหมดออกมา… และหลังจากนั้น, ธนาคารนั้นก็หายไป”
– หายไป?
“ใช่, หายไป ผู้บริหารสูงสุดของธนาคารใต้ดิน… เด็กอายุ 20 คนนั้นหายตัวไป ผู้คนที่เหลือต่อสู้แย่งชิงเงิน และส่วนมากก็จบลงด้วยความตาย ฉันคิดว่าเขาคงอยากเห็นพวกผู้ใหญ่เหล่านี้กรูเข้าไปหาเงินแล้วก็หัวเราะออกมา ฉันคิดว่าเขาคงก่อตั้งธนาคารเพียงแค่อยากจะเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้น ฉันโล่งใจที่รักษาเงินขององค์กรเอาไว้ได้… แต่บอสมีความคิดที่ต่างออกไป ตอนนี้ฉันคิดว่าบอสอาจจะยักยอกเงินไป ถ้าเราทิ้งเงินไว้ในธนาคารนั่น, เราคงไม่ได้มันกลับมาแน่นอน และพวกระดับสูงขององค์กรที่เหลือคงจะตามล่าเขาแน่ๆ ดังนั้นเขาเลยโยนความผิดให้ฉันเรื่องยักยอกเงิน”
– นั่นคือทั้งหมดที่คุณบอกเทนมะเหรอ?
“ไม่… ฉันบอกเขาด้วยว่ามีคนกลุ่มหนึ่งออกเดินทางหลังจากที่เด็กคนนั้นหายตัวไป เพื่อไปเอาเงินของพวกเขาคืนมา แค่นั้นแหละ ฉันคิดว่าแผนของพวกเขาน่าจะรวมถึงการฆ่าเขาด้วยแต่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ จากเบาะแสน้อยนิด, พวกเขาก็สืบได้ว่าเขาอยู่ในมิวนิค เขาไปเป็นนักศึกษาที่นั่น”
– เกิดอะไรขึ้นกับพวกคนที่ออกตามล่า?
“ไม่รู้ ฉันเดาว่าพวกเขาไม่ได้กลับมาอีก”
ผมฟังเรื่องราวของเขาในโรงแรมฟึสเซินในห้องที่ปิดผ้าม่านทั้งหมด เขาไม่เคยแตะกาแฟหรือคุกกี้ เขาพูดด้วยว่าเขาไม่ต้องการเครื่องดื่มหรือชาอะไรทั้งนั้น เมื่อผมถามเขา “มันเป็นเพราะมีโอกาสที่จะมียาพิษในนั้น” เขาไม่ตอบผม “ผมหมายถึง, คุณเคยบอกว่าคุณจะกินอาหารเฉพาะที่ตัวเองทำเท่านั้น” เขามองค้อนใส่ผม แต่สุดท้ายก็หัวเราะออกมา
เขาบอกผมว่า “มันมีอีกอย่างหนึ่งที่ฉันบอกกับเทนมะ เมื่อผู้คนได้เงินมามากกว่าที่พวกเขาจะใช้ได้หมดในชั่วชีวิตนี้, พวกเขาจะเลิกสนใจทุกอย่างยกเว้นแต่สองสิ่ง อย่างไรก็ตาม, สองอย่างนี้นั้นไม่สามารถเข้ากันได้ อย่างหนึ่งคือการถูกมองเห็น… ความต้องการที่จะได้มาซึ่งชื่อเสียงและเกียรติยศ ชายที่เทนมะไล่ตามนั้นเห็นผู้คนไล่ตามเงินมากพอแล้ว สิ่งถัดไปที่นายอยากจะเห็นก็คือผู้คนกรูเข้าไปหาชื่อเสียง” เขายกกาแฟขึ้นแตะที่ริมฝีปากเป็นครั้งแรก “ความสนใจของฉันนั้นไปในอีกทิศทางหนึ่ง หรือฉันควรพูดว่า, มันกลับมาที่แห่งนี้… ฉันแค่อยากจะนั่งที่โต๊ะ และเพลิดเพลินกับอาหารอร่อยๆ นั่นคือเหตุผลที่ฉันทำอาหารเอง”
เขายิ้มให้กับผม