Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1899 เกลือเป็นหนอน
แววตาของป้าเยาจดจ้องไปยังหลิงฮัน คลื่นเสียงคำรามของเขาดังสนั่นออกไปด้วยอำนาจที่ทรงพลัง จนผมสีดำของเขากระพือไปมา
ปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่คาดคิดว่าป้าเยาจะลงมือต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ เพียงแต่ตัวเขานั้นมีพลังต่อสู้ที่อ่อนแอกว่าป้าเยามาก เพราะงั้นมีรึที่เขาจะตอบโต้การโจมตีของป้าเยาทัน?
แต่ถึงจะไม่ทันเขาก็ต้องรีบช่วยหลิงฮันให้เร็วที่สุด ถ้าหากผู้สืบทอดถูกทำให้คุกเข่าต่อหน้าสาธารณชนล่ะก็ ในอนาคตหลิงฮันจะยังมีหน้าไปพบใครได้อีก?
ลู่จิ้น!
ปรมาจารย์จื่อเฉิงคำรามในใจ หากมีหลิงฮันได้รับความอัปยศล่ะก็ เขาขอสาบานเลยว่า หลู่เซียนหมิงก็จะไม่ได้อยู่ดีเช่นกัน!
เขากล้าพูดอย่างเต็มปากเลยว่า ป้าเยากับลู่จิ้นจะต้องมีข้อตกลงอะไรกันแน่นอน ทั้งสองจึงได้วางแผนสร้างความวุ่นวายเช่นนี้ ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ที่อีกฝ่ายพยายามบีบบังคับให้เขา จำเป็นต้องเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งในสามปีให้หลังแล้ว เดาไม่ได้ไม่ยากเลยว่าถ้าหากหลิงฮันถูกกำจัดออกไป คนที่มีความหวังจะได้เป็นสานต่อตำแหน่งของเขา ย่อมเป็นหลู่เซียนหมิง
ถ้าหากอาจารย์ยังมีความคิดเช่นนี้ ลูกศิษย์เองก็งไม่ต่างกัน
‘ครืนนน’ คลื่นพลังผันผวนจากเสียงคำรามของป้าเยา พรั่งพรูไปด้วยอำนาจอันน่าสะพรึงกลัว จนส่งผลให้นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานทุกคนที่อยู่ที่นี่ ขาอ่อนไร้เรี่ยวแรงในทันที แม้แต่ตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณเองก็ตั่วสั่นสะท้านแทบจะต้านทานไม่ไหว
ฟู่เกาหยุน ฟู่เสี่ยวอวิ๋น และคนอื่นๆ ที่คุ้นหน้าคุ้นตา ต่างเผยสีหน้าหวาดหวั่น ขนาดพวกเขาอยู่ในระยะที่ห่างไกล และไม่ใช่เป้าหมายของคลื่นเสียงก็ยังได้รับผลกระทบจนขาสั่น เพราะงั้นมีรึหลิงฮันที่เป็นเป้าหมายจะรอดไปได้?
ท่ามกลางเสียงคำรามที่ดังสนั่น ปรมาจารย์จื่อเฉิงพุ่งทะยานมาคุ้มกันหลิงฮันที่ด้านหน้า แต่ก็สายไปแล้ว
อะไรกัน!
เพียงแต่หลังจากนั้นทุกคนก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น ร่างของหลิงฮันยังคงยืนตระหง่านองอาจ โดยที่ไม่แสดงอาการขาสั่นเลยแม้แต่นิดเดียว
เป็นไปได้อย่างไร?
ระดับโลกียนิพพานก็คือระดับโลกียนิพพาน ไม่ว่าเจ้าจะเป็นราชาในหมู่ราชา หรือจักรพรรดิ แต่ด้วยระดับพลังที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว จะอย่างไรเจ้าก็ต้องได้รับผลกระทบ จากอำนาจคลื่นเสียงของป้าเยาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
เจ้ามันไม่ใช่มนุษย์!
แน่นอนว่าหลิงฮันนั้นเป็นมนุษย์ เพียงแต่ภายในร่างกายของเขามีแก่นกำเนิดสวรรค์และปฐพีอยู่ถึงสอง ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้ว พวกมันคือตัวตนระดับราชานิรันดร์
ป้าเยาที่เป็นนิรันดร์ระดับข้ามผ่านต้นเนิดแท้ คิดจะบังคับให้ราชานิรันดร์คุกเข่างั้นรึ? ช่าน่าขันโดยแท้
แน่นอนว่านี่เป็นในกรณีที่ป้าเยาใช้เพียงแรงกดดันของตนเองเท่านั้น ถ้าอีกฝ่ายผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เข้ามาในแรงกดดันด้วยเพียงเล็กน้อย เพียงแค่ชั่วอึดใจเดียว หลิงฮันคงถูกสังหารไปแล้วหลายร้อยหลายพันครั้ง
“ป้าเยา เจ้าล้ำเส้นเกินไปแล้ว!” ปรมาจารย์ชิวเย่กล่าวอย่างเย็นชา ถึงแม้หลิงฮันจะไม่ใช่ศิษย์ของเขา แต่ก็เป็นผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถ
เพราะงั้นการที่คนนอกลงมือกับหลิงฮัน ก็ไม่ต่างอะไรกับการล่วงเกินเมืองวิถีโอสถ ซึ่งการกระทำนี้เป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ชิวเย่ไม่อาจเมินเฉยได้
ป้าเยาไม่แยแส ด้วยพลังต่อสู้อันแข็งแกร่งของเขา ต่อให้จอมยุทธระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ทั่วทั้งเมืองวิถีโอสถร่วมมือกัน เขาก็ยังสามารถกลับออกไปจากที่นี่ได้อย่างง่ายดาย
“เจ้าหนู ดูเหมือนว่าในร่างกายของเจ้าจะมีอะไรบางอย่างอยู่สินะ!” เขามองไปยังหลิงฮัน ด้วยแววตาส่องประกาย
การที่ไต่เต้าบ่มเพาะพลังมาจนถึงจุดนี้ได้ เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีความลับใดที่สามารถ เล็ดลอดไปจากสายตาของเขาได้
จะบอกว่าหลิงฮันใช้ความสามารถของตนเอง ในการต้านทานแรงกดดันของเขางั้นรึ? แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเชื่อเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด สิ่งที่จะสามารถยับยั้งแรงกดดันของเขาย่อมเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน บางทีสมบัติที่ว่าอาจจะถูกจัดอยู่ในระดับราชานิรันดร์ด้วยซ้ำ
“เจ้าคิดจะทำแบบนี้เพื่ออะไร?” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ในเมื่ออีกฝ่ายลงมือกับเขาแล้ว เขาก็ไม่คิดจะเรียกอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโสอีกต่อไป
“ฮึ่ม เจ้าทำตัวอวดดีเช่นนั้นต่อหน้าตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ได้อย่างไร? ด้วยกิริยาเช่นนี้ เจ้ายังคิดว่าตนเองมีคุณสมบัติเป็นผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถอยู่อีกงั้นรึ?” ลู่จิ้นเปิดปากพูดด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
สุนัขเฒ่า นี่เจ้าตาบอดงั้นรึ?
เจ้าไม่เห็นรึไงว่าเป็นป้าเยาที่ลงมือจู่โจมข้าก่อน? ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่เจ้ากลับยังมาบอกว่าข้าทำตัวอวดดีไม่สุภาพ!
หลิงฮันเกรี้ยวกราดและสบถหยอกล้อออกมา “ปรมาจารย์ลู่จิ้น ท่านกับตัวบัดซบนี้คงจะรักกันมากสินะ พอสามีร้องภรรยาถึงได้ขานรับเช่นนี้!”
*夫唱妇随 สำนวน สามีร้องภรรยารับ = สามีกับภรรยาที่กลมเกลียวเข้าขากัน*
‘พรวด’ เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงฮัน ผู้คนมากมายรอบข้างก็สำลักและระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ทางด้านของป้าเยานั้นเขาไม่แสดงความเกรี้ยวกราดใดๆ แต่จ้องมองมายังหลิงฮันด้วยใบหน้าที่แสยะยิ้มอย่างโหดเหี้ยมแทน
แต่ทางลู่จิ้นนั้นไม่ใช่ เขารู้สึกเกรี้ยวกราดจนแทบขาดใจตาย
ตัวเขาเพิ่งจะบรรลุเป็นนักปรุงยาสี่ดาว จิตวิญญาณจึงยังอยู่ในช่วงที่กำลังฮึกเหิม การที่ต้องมาถูกนักปรุงยาหนึ่งดาวตัวจ้อยเช่นนี้หยอกล้อ เขาจึงไม่อาจระงับความโกรธไหว
“เจ้ารนหาที่ตายงั้นรึ!” เขาคำรามเสียงแหลม
“จะคำรามหาอะไร?” ปรมาจารย์จื่อเฉิงเกรี้ยวกราด “ดูเหมือนแค่ข้ายอมอ่อนข้อให้นิดน้อย เจ้าจะได้ใจจนคิดว่าตนเองสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบสินะ? นักปรุงยาสี่ดาวทำไม? คนอย่างเจ้าไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะเป็นคนถือรองเท้าให้ข้าด้วยซ้ำ!”
เจ้าสุนัขบัดซบ ข้าทนเจ้ามานานแล้ว!
“ข้า… ข้า… ข้า…” ลู่จิ้นเกรี้ยวกราดแต่ก็พูดอะไรไม่ออก
“เจ้าที่เป็นนักปรุงยาของเมืองวิถีโอสถ กลับเลือกขายคนของตัวเองและร่วมมือกับคนนอกงั้นรึ? เจ้ามันเดรัจฉานยิ่งกว่าสุนัขเสียอีก!” ปรมาจารย์จื่อเฉิงสบถอย่างเกรี้ยวกราด จนใบหน้าของลู่จิ้นกลายเป็นซีดเผือด
“ข้าขอเสนอ ให้ขับไล่คนเช่นนี้ออกไปจากเมืองวิถีโอสถ!” ปรมาจารย์จื่อเฉิงชี้นิ้วไปยังลู่จิ้นด้วยสีหน้ามืดมน
ก่อนหน้านี้ที่เขายอมอดทน ก็เพราะนักปรุงยาสี่ดาวนั้นเป็นตัวตนที่สำคัญ เขาจึงมองภาพรวมเพื่อประโยชน์ของเมืองวิถีโอสถ แต่การกระทำที่เพื่อตนเองจะบรรลุเป้าหมายแล้ว อีกฝ่ายถึงขนาดยอมขายคนของตัวเองและช่วยเหลือคนนอกนั้น เป็นสิ่งที่ปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่อาจทนไหว
เจ้าคิดว่าที่ข้ายอมเจ้า หมายความว่าข้าจะไม่กล้าทำอะไรเจ้างั้นรึ?
ช่างไร้เดียงสานัก!