Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1715 ชักชวนให้เข้าร่วม
“ฮึ่ม เจ้ากล้าเล่นลิ้นกับข้า?” เซียวตงจ้องหลิงฮันเขม็ง ‘พรึบ’ คลื่นดาบอันเย็นยะเยือกถูกปลดปล่อยออกมาจากดวงตาของเขาและพุ่งเข้าใส่หลิงฮันด้วยความเร็วสูง
ด้วยความต่างของพลังที่ห่างชั้นกันราวกับสวรรค์และปฐพี หลิงฮันจะต้านทานได้อย่างไร?
ประมุขนิกายจันทราหม่นแสงลงมือตอบโต้คลื่นดาบได้ทันท่วงทีเนื่องจากคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าอาจเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เขายิ้มและกล่าว “จิ้งจอกเฒ่าตง ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะยอมลดศักดิ์ศรีของตนเองไปลงมือกับรุ่นเยาว์อย่างหน้าไม่อาย”
ใบหน้าของเซียวตงเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งก่อนจะหันไปมองประมุขนิกายจันทราหม่นแสงด้วยแววตาเย็นชา ไม่ว่าอย่างไรที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของอีกฝ่าย หากเขายังลงมือต่อนิกายจันทราหม่นแสงคงไม่ยอมนิ่งเฉยแน่
เขาไม่ต้องการให้เกิดสงครามระหว่างตระกูลเซียวกับนิกายจันทราหม่นแสงขึ้น จึงได้กล่าวออกไป “ฮึ่ม เช่นนั้นก็เอาไว้ให้พวกเขาไปตัดสินกันเองในหุบเหวสืบสานนิพพาน”
เมื่อบรรลุสู่ระดับโลกียนิพพาน ความแตกต่างที่เคยมีในระดับสร้างสรรพสิ่งจะลดลงมาหลายเท่า
เซียวตงใช้มือยกร่างของเซียวเซิ่นขึ้นมาก่อนจะเหินกลับขึ้นไปยังเรือเหาะบนท้องฟ้าและมุ่งหน้ากลับเมืองร้อยมหาอำนาจ
หลังจากทั้งสองกลับไป เหล่าผู้ชมโดยรอบก็โห่ร้องแสดงความยินดีให้กับหลิงฮันและจักรพรรดินี
พวกเขาเป็นฝ่ายชนะ!
“หลิงฮัน! หลิงฮัน!”
“หล่วนซิง! หล่วนซิง!”
หลิงฮันยิ้มและผสานมือแสดงความขอบคุณไปยังผู้คนโดยรอบในขณะที่จักรพรรดินียืนแน่นิ่งไม่แยแสใคร
“น้องชายหลิง เจ้าช่างทรงพลังยิ่งนัก” หลังจากรักษาบาดแผลเบื้องต้นแล้ว จ่างซุนเหลียงก็กลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เพียงแต่บาดแผลภายในที่เกิดจากการการลุกลามของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิงนั้นจำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควรในการรักษา คงอีกนานกว่าเขาจะฟื้นฟูพลังต่อสู้กลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ได้
เพียงแต่ด้วยการที่เขาเป็นรัชทายาทของนิกายจันทราหม่นแสง เกรงว่าเหล่าตัวตนระดับสูงของนิกายคงใช้ทุกวิถีทางเพื่อทำการรักษาเขาแน่ๆ เพราะหากรักษาบาดแผลไม่ทัน จ่างซุนเหลียงจะต้องรอให้หุบเหวสืบสานนิพพานเปิดออกอีกครั้งในอีกถึงสิบล้านปีข้างหน้า
“ข้าจะขอท้าประลองกับเจ้าอีกครั้งหลังจากทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานแล้ว” จ่างซุนเหลียงกล่าว
เมื่อได้เห็นเซียวเซิ่นถูกทุบตีเล่นราวกับเป็นลูกบอล จ่างซุนเหลียงย่อมไม่กล้าสู้กับหลิงฮันในระดับพลังตอนนี้อีกต่อไป เพราะไม่อยากลิ้มรสประสบการณ์แบบเซียวเซิ่น
หลิงฮันยิ้ม หากเขาทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานสำเร็จ วิธีที่เขาจะใช้ทะลวงผ่านย่อมเป็นการตัดลิขิตกับสวรรค์และปฐพี ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้พลังต่อสู้ของเขาทรงพลังกว่านิรันดร์ระดับโลกียนิพพานทั่วไป ด้วยเหตุนี้หากจ่างซุนเหลียงไม่ได้ทะลวงผ่านด้วยวิธีการเดียวกันล่ะก็ แม้จะเป็นในอนาคตภายภาคหน้า อีกฝ่ายก็ย่อมไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อยู่ดี
เมื่อการประลองยุทธมาถึงจุดสิ้นสุด หลิงฮันก็ทำการมุ่งหน้าไปรับรางวัลเดิมพัน เขากับจักรพรรดินีลงเดิมพันรวมกันไปราวๆหนึ่งพันศิลาดวงดาว ซึ่งผลตอบแทนที่พวกเขาได้รับกลับมาก็คือสองหมื่นกว่าศิลาดวงดาว เงินจำนวนนี้นับว่าเป็นความมั่งคั่งพอสมควร
เมื่อทั้งสองเดินทางกลับไปยังที่ทำการ พวกเขาก็พบว่ารอบๆที่พักของพวกเขานั้นคับคั่งไปด้วยผู้คนจำนวนมหาศาลราวกับมหาสมุทรมนุษย์
คนเหล่านี้กำลังรอพบเจอหลิงฮันและจักรพรรดินี
ความแข็งแกร่งที่ทั้งสองคนแสดงออกมาทำให้ขุมอำนาจมากมายต้องการตัวพวกเขาหรือไม่ก็มีคนจำนวนมากที่อยากเป็นมิตรสหายด้วย
หลิงฮันรู้สึกรำคาญจึงได้ขอให้จ่างซุนเหลียงช่วย ชายหนุ่มผมแดงถูกส่งตัวมารับทั้งสองไปอาศัยอยู่บนเกาะเมฆาเซียนชั่วคราว
หลังจากการประลองเวลาผ่านพ้นไปเพียงวันเดียวแต่บาดแผลของจ่างซุนเหลียงฟื้นฟูขึ้นมาก จากที่จ่างซุนเหลียงบอกมา ปรมาจารย์ระดับตัดวิญญาณสวรรค์ถึงสี่คนของนิกายได้ยอมเสียสละแก่นโลหิตของตนเองเพื่อช่วยรักษาบาดแผลให้เขา
ด้วยเหตุนี้ไม่เกินครึ่งปี บาดแผลของจ่างซุนเหลียงคงจะหายดี
จ่างซุนเหลียงเองก็เสนอให้หลิงฮันกับจักรพรรดินีเข้าร่วมกับนิกายจันทราหม่นแสงเช่นกัน ถึงแม้รัชทายาทจะมีได้แค่คนเดียว แต่ทั้งสองก็ยังสามารถรับตำแหน่งผู้อาวุโสระดับสูงอันทรงเกียรติได้
หลิงฮันบอกปัดปฏิเสธ เขาไม่คิดจะอาศัยอยู่ที่เมืองนี้นานนัก ตราบใดที่เขาได้ข้อมูลที่อยู่ของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ เขาจะมุ่งหน้าไปที่นั่นทันที ทั้งภรรยาและบุตรของเขากำลังรอคอยอยู่ จะให้เขามัวเสียเวลาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
จ่างซุนเหลียงไม่เซ้าซี้ หลิงฮันและจักรพรรดิล้วนแต่เป็นสุดยอดอัจฉริยะกันทั้งคู่ บางทีความสำเร็จในอนาคตของทั้งสองคนอาจจะสูงเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการก็เป็นได้
หลิงฮันและจ่างซุนเหลียงตกลงกันว่าจะมาพบกันอีกครั้งในอีกหนึ่งปีครึ่ง เมื่อเสร็จสิ้นธุระที่นี่แล้วทั้งสองก็เดินทางกลับเมืองธุลีจันรทราไปพร้อมกับล้งเกาเฟย
การเดินทางกลับจำเป็นต้องใช้เวลาถึงสองเดือน และเมื่อพวกเขากลับมาถึง ข่าวที่หลิงฮันคว้าชัยชนะมาให้เมืองธุลีจันรทราได้ก็แพร่กระจายไปทั่ว
ทั่วทั้งเมืองตกอยู่ในความตื่นเต้น ในฐานะที่เป็นคนของเมืองธุลีจันรทรา สถานะของพวกเขาเมื่อเทียบกับเมืองหนึ่งดาวอื่นๆแล้วย่อมถูกยกระดับสูงขึ้น
ตระกูลต้วนและตระกูลล้งเริ่มวางแผนชักชวนให้หลิงฮันกับจักรพรรดินีเข้าร่วมกับตระกูลของตนเอง หากตระกูลใดได้ตัวทั้งสองคนมาล่ะก็ อำนาจของตระกูลนั้นจะยิ่งใหญ่เหนือไปกว่าอีกสองตระกูล หลิงฮันกับจักรพรรดินีนั้นแต่งงานกันแล้ว เพราะงั้นขอแค่หลิงฮันยอมตกลงเข้าร่วมกับพวกเขา จักรพรรดินีก็ย่อมติดสอยห้อยตามหลิงฮันมาด้วย
แน่นอนว่าวิธีการรับคนเข้าตระกูลที่ง่ายที่สุดคือผ่านการแต่งงาน แต่หลิงฮันที่ไม่สนใจสตรีอื่นเลยนั้นทำให้ตระกูลต้วนและตระกูลล้งรู้สึกปวดหัว ทั้งสองตระกูลส่งสตรีงามไปหาหลิงฮันมากมาย แต่ไม่มีใครเลยที่ผ่านประตูห้องหลิงฮันเข้าไปได้
หลิงฮันไม่มีอารมณ์มาสนใจเหล่าสตรีที่พยายามเข้ามาใกล้ชิด ตัวเขาในตอนนี้กำลังศึกษาข้อมูลของหุบเหวสืบสานนิพพาน ในอีกหนึ่งปีครึ่งที่เขาไปที่นั่น เขาจะต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งนับไม่ถ้วน
การทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานจำเป็นต้องอยู่ในสถานที่พิเศษของดินแดนแห่งเซียน ซึ่งสถานที่ที่ว่าล้วนแต่เต็มไปด้วยภัยอันตรายที่คาดไม่ถึง หากไม่ศึกษาข้อมูลเพื่อรับรู้สถานการณ์เอาไว้ก่อนเขาอาจจะต้องนำชีวิตไปทิ้งไว้ที่นั่น
ในสถานที่อย่างหุบเหวสืบสานนิพพานนั้น แม้แต่นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานก็ยังถูกสังหารได้ เพราะงั้นยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงตัวเขาที่ยังไม่แม้แต่บรรลุเป็นนิรันดร์
ภัยอันตรายส่วนใหญ่ของสถานที่อย่างหุบเหวสืบสานนิพพานนั้นมาจากสภาพแวดล้อมและสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่ด้านใน ยกตัวอย่างเช่นเขตแดนลี้ลับที่มีโพรงถ้ำดูดกลืนชีวิต หากถูกถ้ำที่ว่าดูดเข้าไป ไม่เคยมีใครเลยที่สามารถกลับออกมาโดยที่ยังมีชีวิต
ยิ่งเป็นสถานที่ที่มีอำนาจของสวรรค์และปฐพีหนาแน่นกว่าเขตแดนลี้ลับอื่นๆอย่างหุบเหวสืบสานนิพพานด้วยแล้วยิ่งอันตรายเป็นอย่างมาก ทุกครั้งที่หุบเหวสืบสานนิพพานเปิดออก ผู้คนครึ่งหนึ่งจะสิ้นชีพเพราะสภาพแวดล้อมภายในนั้น และผู้คนอีกเกือบครึ่งจะสิ้นชีพเพราะทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานไม่สำเร็จ ผลสุดท้ายคือจำนวนคนที่กลับออกมาได้และทะลวงผ่านระดับสำเร็จจึงมีอยู่เพียงน้อยนิด
ในแต่ละครั้ง คนที่ทะลวงผ่านสำเร็จมีจำนวนไม่ถึงหนึ่งร้อยคน
เมื่อเทียบกับจำนวนคนนับล้านที่เข้าไปแล้วถือว่าน้อยอย่างน่าอนาถใจ
และในช่วงเวลานี้เอง ตระกูลหานก็ได้มาเยือนอีกครั้ง