Advent of the Archmage - ตอนที่ 494: สร้างอักขระทองคํา
Chapter 494: สร้างอักขระทองคํา
ลิงค์เห็นลูกครึ่งเอลฟ์, เอเลียร์ดกําลังอยู่ในระหว่างทางกลับไปที่หอคอยเวทมนตร์
เขากําลังเดินไปที่หอคอยเวทมนตร์พร้อมกับชายวัยกลางคนหัวล้านคนนึ่ง, ซึ่งในขณะที่เดินไปหาพวกเขา,ลิงค์ก็สังเกตเห็นว่าชายวัยกลางคนนั้นก็คือแวนซ์นั่นเองดูเหมือนว่าทั้งคู่กําลังปะทะคารมกันอย่างดุเดือดใน ขณะที่เดินไปด้วยกัน,พวกเขาทําท่าทางในอากาศอย่างรุนแรงราวกับว่ากําลังจะเริ่มต่อสู้กันกลางถนน
พวกเขาหยุดลงอย่างกระทันหันที่กําแพงอิฐแห่งนึงและเริ่มใช้ชอล์กเขียนสูตรเวทมนตร์ของพวกเขาลงบนกําแพง
พวกเขาทะเลาะกันในขณะที่เขียนกําแพงไปด้วย และในที่สุด,ลิงค์ก็ได้ ยินเอเลียร์ดประกาศออกมาดังลั่น“ความคิดของผมไม่มีข้อผิดพลาดตรงไห้ นทั้งนั้นถ้าคุณไม่เชื่อ,ทําไมพวกเราไม่ลองถามลิงค์กันดูหล่ะ?”
“เอาสิ!” แวนซ์ตอบกลับไปอย่างดุเดือด “ข้าศึกษาเวทมนตร์มาเป็นเวลา 800 ปีข้ารู้สาเหตุความผิดพลาดตั้งแต่ตอนที่เห็นครั้งแรกแล้ว!”
“ถ้างั้นก็ลองบอกมาซิ, ว่าความคิดของผมมันผิดตรงไหน?”สีหน้าของเอ เลียร์ดแดงกําด้วยความโกรธ
พอเห็นว่าการต่อสู้กําลังจะเกิดขึ้น, ลิงค์ก็รีบเข้ามาขวางในทันที “เกิดอะไรขึ้น? พวกนายสองคนกําลังเถียงอะไรกัน?”
พอเห็นเขา, แวนซ์ก็พูดออกมา “ลิงค์, เจ้ามาได้ถูกเวลาพอดีเอเลียร์ดบอกว่าเขาคิดวิธีเสริมพลังแบบใหม่ขึ้นมา,มันใช้แค่มานาในการสร้างโครงส ร้างรูนแล้วแจกจ่ายรูปแบบการเสริมพลังที่เสถียรแล้วเข้าไปในอุปกรณ์เวท มนตร์โดยไม่ใช้วัตถุดิบเวทมนตร์เลย ซึ่งข้าคิดว่าเรื่องแบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้ หรอก”
ลิงค์เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นในทันที
วิธีการอันยากลําบากและถูกต้องสําหรับการเสริมพลังอุปกรณ์เวทมนตร์มักจะเป็นการแปลงวัตถุดิบเวทมนตร์ให้เกิดเป็นโครงสร้างรูน, ก่อนที่จะติดตั้งมันบนฐานต้านทานเวทมนตร์เพื่อที่จะทําให้อุปกรณ์เวทมนตร์นั้นมีผลลัพธ์ออกมาเสถียร
อย่างไรก็ตาม, สิ่งที่เอเลียร์ดกําลังพูดอยู่นั้นก็ไม่ได้ถือว่าผิดทั้งหมดอันที่ จริง, ลิงค์เองก็ใช้เวทมนตร์แบบนั้นมาโดยตลอดอยู่แล้ว
หลังจากคิดอยู่พักนึ่ง, เขาก็ชวนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้วแล้วเริ่มเขียนโครงสร้างรูนด้วยพลังมังกร จากนั้นรูนก็ผสานกันด้วยรูปแบบที่ซับซ้อนและในที่สุด, แหวนแสงสีแดงสดใสก็ก่อตัวในอากาศ
จากนั้นลิงค์ก็ตัดพลังมังกรที่เชื่อมต่อระหว่างวงแหวนกับนิ้วของเขาอย่างไรก็ตาม, แหวนไม่ได้หายไป, มันยังคงลอยค้างอยู่กลางอากาศอย่างมั่นคง
เขาดีดนิ้วไปทางแหวนเบาๆ ด้วยเสียงเป๋าะ, มันก็ลอยไปหาแวนซ์จากจุด ที่มันอยู่
“การสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์จากมานาบริสุทธิ์มันเป็นไปได้จริงๆหรอเนี่ย การที่จะบรรลุความสําเร็จขั้นนี้ได้,คงต้องมีพลังอย่างน้อยเลเวล 10”
แวนซ์ใช้มือคว้าแหวนที่ลอยอยู่ เขาสัมผัสความอบอุ่นของมันอย่างระมัด ระวัง,เพ่งไปที่มันแล้วก็สังเกตุเห็นกระแสรูนที่เป็นระเบียบกําลังไหลเวียนอยู่ แหวนนี้ถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างงดงามมากจนแวนซ์ไม่อยากจะปล่อยมือไปจากมันเลย
เขาสูดหายใจเข้าด้วยความหวั่นเกรง “พอมาคิดว่ามีเวทมนตร์แบบนี้อยู่ในโลกด้วย…มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! แต่ข้าก็ไม่ได้จะบอกว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดหรอกนะของแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้หรอกสําหรับคนที่อยู่ระดับต่ํากว่า ตํานาน”
เอเลียร์ดรับแหวนจากมือของแวนซ์แล้วอุทานออกมา“ช่างเป็นผลงานที่ งดงามจริงๆ มันเหมือนกับปาฏิหารย์จากพระเจ้าเลย”
ลิงค์นึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้อย่างกระทันหันในขณะที่พวกเขากําลัง ตกตะลึงกับแหวนเสริมพลังนี้อยู่ เขายิ้มแล้วพูดกับพวกเขาไปที่หอคอยเว ทมนตร์กันเถอะ ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาทั้งสองคน”
ลิงค์เป็นนักเวทย์ระดับตํานานซึ่งแทบจะไม่มีความลับในโลกเวทมนตร์ที่ เขายังไม่รู้ทั้งเอเลียร์ดกับแวนซ์มองลิงค์ด้วยสีหน้าประหลาดใจ,ด้วยความ สงสัยที่ว่าพวกเขาจะช่วยเหลือคนระดับเขาได้ยังไง
ในตอนที่ทั้งสามคนมาถึงห้องสมุดชั้นสาม, ลิงค์ก็เอาหนังสือเวทมนตร์ออกมาสี่เล่มซึ่งมีชื่อว่าหลักการเสริมพลัง,การเสริมพลังพื้นฐาน,การเสริมพลังขั้นกลาง,และการเสริมพลังขั้นสูง
หนังสือพวกนี้ลิงค์เป็นคนเขียนขึ้นมาในตอนที่มีเวลาว่างและในตอนนี้เขาก็เขียนจบทั้งสี่เล่มแล้ว,ซึ่งนี่คงจะเพียงพอที่จะใช้ในการเปิดคอร์สเสริม พลังเวทมนตร์
“ลองเอาไปอ่านดูสิ”
เอเลียร์ดกับแวนซ์หยิบหนังสือมาจากลิงค์คนละเล่ม พวกเขาคนนึ่งเป็นนักเวทย์ที่อยู่จุดสูงสุดของเลเวล 7,ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นนักเวทย์เล เวล 8, พวกเขาทั้งคู่เชี่ยวชาญในศาสตร์เวทมนตร์อย่างมากในขณะที่อ่านห นังสือ,ดวงตาของพวกเขาก็เปล่งประกาย,และพวกเขาทั้งคู่ก็หมกมุ่นอยู่กับหนังสือในทันที
หนังสือที่เอเลียร์ดกําลังอ่านอยู่นั้นก็คือหลักการเสริมพลัง หลังจากที่อ่านไปเป็นเวลาสิบนาที, เขาก็เริ่มสรรเสริญออกมา “นี่มันเป็นหนังสือที่ดีมาก เลย มันได้ไขข้อข้องใจหลายอย่างที่ฉันกําลังครุ่นคิดอยู่ในช่วงนี้,ฉันไม่เคยเห็นพวกเทคนิคที่อธิบายตรงจุดนี้เลย…”
แวนซ์กําลังอ่านฉบับคัดลอกของการเสริมพลังขั้นสูงเขาจ้องมองเทคนิค เสริมพลังเทคนิคนึงอยู่เป็นเวลาประมาณ 20 นาทีในตอนที่อ่านจบ, เขา ก็ถอนหายใจออกมา “ลิงค์,เจ้านี่มันมีพรสวรรค์ในด้านการเสริมพลังเวทมน ตร์จริงๆ”
ลิงค์รู้สึกดีใจที่ผลงานของเขาได้รับการยกย่องขนาดนี้ เขายิ้ม “คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ ตอนนี้เฟิร์ดกําลังพึ่งการขุดเหมืองเป็นแหล่งรายได้หลักอยู่ ซึ่งฉันคิดว่ามันคงจะช่วยแก้ปัญหาทางการเงินของเราได้ในระยะที่ค่อนข้าง ยาวแต่ฉันอยากจะเพิ่มทางเลือกเพื่อเอาไว้ด้วย,ซึ่งฉันตั้งใจจะเปิดโรงงานเส ริมพลังที่ผลิตวัตถุดิเวทมนตร์และอุปกรณ์เวทมนตร์ทุกรูปแบบสําหรับส่งออกทั้งสองคนคิดว่ายังไงหล่ะ?”
ด้วยนิสัยกล้าหาญและชื่นชอบความเสี่ยง,เอเลียร์ดตบมือให้แล้วอุทานอ อกมา “เป็นความคิดที่เยี่ยมไปเลย!”
ในอีกด้านนึง, แวนซ์ขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังเรื่องนี้แล้วถาม “ตอนนี้ไฮเอลฟ์รับผิดชอบในการผลิตอุปกรณ์เวทมนตร์และขายไปทั่วฟิรุแมนกว่า 80% แถมพวกนั้นยังแทบจะผูกขาดการผลิตอุปกรณ์เวทมนตร์ระดับสูงเอาไว้ด้วย พวกเราอาจจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากพวกนั้นถ้าตอนนี้พวกเราไปแย่งส่วนตลาดของพวกนั้นมา เจ้าก็น่าจะรู้นะลิงค์,เหล่าเพื่อนหูยาวของพวกเราไม่ใช่พวกที่ชอบแข่งขันกับคนอื่นอย่างขาวสะอาดหรอกนะ”
เขาใช้ชีวิตมา 800 ปีและคุ้นเคยกับวิธีการของไฮเอลฟ์ดี
เอเลียร์ดผู้ที่แทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับไฮเอลฟ์เลย,ถามอย่างแปลกใจ “พวกเราแค่พยายามใช้ชีวิตอย่างสุจริตด้วยการขายสินค้าเวทมนตร์ของตัว เอง แล้วทําไมพวกนั้นถึงอยากมีเรื่องกับพวกเราหล่ะ?พวกนั้นก็แค่พัฒนา คุณภาพสินค้าของตัวเองเพื่อเอาชนะพวกเราก็ได้นี้”
แวนซ์ส่ายหัว “เจ้าหนุ่ม, เรื่องต่างๆในฟิรุแมนไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิดห
รอกนะ”
“พวกเขาจะกล้าถึงขั้นเผาโรงงานของพวกเราเลยรึเปล่า?”เอเลียร์ดถาม พร้อมกับขมวดคิ้ว
“ไม่หรอก, พวกนั้นน่าจะใช้แผนการที่ฉลาดและร้ายกาจกว่านั้นอีกข้าเกรงว่าลิงค์จะตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงหน่ะสิ”
เอเลียร์ดมองลิงค์ด้วยความไม่เชื่อ “อันตรายหรอ? ไฮเอลฟ์จะส่งคนมาฆ่าเขารึไง?”
แม้ว่าเขาจะคุ้นเคยกับความไม่เป็นมิตรของไฮเอลฟ์ดี,แต่ถึงยังไงทั้งสอง เผ่าก็เป็นพันธมิตรกัน
ทั้งสองฝ่ายก็น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่หรอว่ามีเส้นที่ไม่ควรข้ามอยู่?เอเลียร์ด คิด
เอเลียร์ดรู้เรื่องของไบรอันท์มาจากลิงค์แค่เล็กน้อย แต่หลังจากที่ได้ยิน เรื่องแบบนี้จากแวนซ์,เขาก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างกระทันหัน
เขานึกถึงคืนที่ไบรอันท์มาเยี่ยม จากสิ่งที่เขาพูดในคืนนั้น, เขารู้ว่าไฮเอล ฟไม่ได้มาดื่มชาเล่นเฉยๆอย่างแน่นอน
แต่, เขาก็ไม่กล้าที่จะด่วนสรุปและหันมาฟังคําตอบจากลิงค์
ลิงค์พยักหน้า, ยืนยันสิ่งที่แวนซ์ฟังพูดออกมา “แวนซ์พูดความจริง อันที่ จริง,ไฮเอลฟ์ได้เข้ามาหาเรื่องฉันสองครั้งแล้ว และทั้งสองครั้งที่ว่า, ไบรอัน ท์ก็เป็นคนเข้ามาหาฉันด้วยตัวเอง แต่เรื่องพวกนั้นก็ได้รับการแก้ไขแล้ว, ดังนั้นไม่มีอะไรให้นายต้องเป็นห่วงหรอก”
ดูเหมือนว่าแวนซ์ยังห่วงอยู่ เขาขมวดคิ้วแน่นแล้วถอนหายใจ “เป็นเวลา 3,000 ปีแล้ว,ผู้คนของข้ามีโอกาสมากมายในการฟื้นตัว, แต่ก็ถูกพวกไฮเอลฟ์พรากไปโดยไร้ซึ่งความปรานีข้าเป็นพยานได้เห็นความโชคร้ายเช่นนี้ถึงสองครั้งในช่วงชีวิตของข้าครั้งนี้ข้ากลัวว่ามันอาจจะไม่ง่ายหน่ะสิ”
เอเลียร์ดขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ตอนแรกเขายังดีอยู่แต่มันก็หมองขึ้นเรื่อยๆ หญิงสาวคนไหนก็ตามที่มาเห็นเขาคงจะตกหลุมรักในทันที
อันที่จริง, เอเลียร์ดไม่ใช่คนเนื้อหอมแค่ช่วงสั้นๆตอนนี้มีผู้หญิงกว่า 20 คนที่พยายามแย่งชิงความสนใจจากเขา,อย่างไรก็ตาม, เอเลียร์ดไม่มีเวลาเหลือให้พวกเธอเลย,เพราะสิ่งเดียวที่เขาหลงรักจนยอมศิโรราบในตอนนี้ก็คือเวทมนตร์
เอเลียร์ดไม่รู้เลยว่ามีการต่อสู้แบบนั้นอยู่ในฟิรุแมนด้วยและจู่ๆเขาก็นึกถึงพ่อของตัวเองที่ทิ้งแม่กลับไปที่เกาะรุ่งอรุณหลังจากที่ทําให้แม่ท้องแม่ ของเขาเลี้ยงเขามาด้วยตัวคนเดียว,จนกระทั่งเธอล้มป่วยและตายจากไป ตอนเอเลียร์ดเพิ่งจะอายุแค่เจ็ดขวบ
“เอเลียร์ด จงใช้ชีวิตให้คุ้มค่า จงแข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่เจ้าจะได้กลับไปบอกพ่อของเจ้าว่าแกคิดผิดแล้วที่ทิ้งพวกเรา!”นี่คือคําพูดก่อนตายของแม่เขา แม้ว่าตอนนั้นเขาจะอายุแค่เจ็ดขวบ,แต่ประโยคนั้นก็ยังคงตราตรึงอยู่ในใจ
เขา
เอเลียร์ดมีชีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ด้วยคําพูดเหล่านั้น,และดิ้นรนขวนขวายหาพลังให้ตัวเองด้วยการฝึกเวทมนตร์
ตอนเด็กเขาเกลียดพ่อของเขา, แต่ตอนนี้,พอได้รู้นิสัยที่แท้จริงของไฮ เอลฟ์,หัวใจของเขาก็รุกไหม้ด้วยความโกรธที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม
“เห้อ, รู้สึกขยะแขยงจริงๆที่มีสายเลือดไฮเอลฟ์ไหลเวียนอยู่ในตัวฉันเนี่ย!” เขาพูดออกมาอย่างเจ็บปวด
พอเห็นสีหน้ารังเกียจของเอเลียร์ด,ลิงค์ก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วยิ้มให้ พวกเขา “เอาเถอะ,แวนซ์,หยุดพูดเรื่องนี้กันดีกว่าเสียเวลาเปล่าๆฉันวางแผนจะเปิดโรงงานเวทมนตร์, พวกนายคนไหนมีเวลาว่างช่วยฉันรึเปล่า?”
นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง novelza.com
โดยไม่มีความลังเล, แวนซ์ก็ตอบกลับไปในทันที “ได้สิ, ข้าเอาด้วยเอเลียร์ดมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้าข้าไม่อยากให้เขาสับสนด้วยเรื่องน่าเบื่อพวกนี้ปล่อยให้ไอ้แก่เขี้ยวลากดินคนนี้ช่วยเองเถอะ,ลิงค์”
เอเลียร์ดคิดถึงเรื่องนี้อยู่พักนึง, จากนั้นก็พยักหน้าแล้วพูดออกมา“โรง งานน่าจะต้องการกําลังคนเป็นจํานวนมากมันจะดีกว่าถ้ามีนักเวทย์ที่มี ความสามารถมาช่วยด้วยลิงค์,ฉันจะเปิดคลาสสําหรับเพาะเลี้ยงเหล่าผู้มี พรสวรรค์ตามที่นายต้องการเอง”
ลิงค์หัวเราะ “ถ้างั้นก็เอาตามนี้นะ เอาหล่ะ,ถ้าเปิดโรงงานก็ต้องมีชื่อพอจะมีชื่อดีๆบ้างไหม?”
แวนซ์ส่ายหัว “ข้าไม่เก่งเรื่องตั้งชื่อ”
เอเลียร์ดคิดอยู่พักนึง แล้วพูดออกมา “ถ้างั้นเอาเป็นอักขระทองคําดี
ไหม?”
ลิงค์พอใจกับชื่อนี้ “โอเค เอาเป็นอักขระทองคํานะแล้วพวกเราก็ต้องมี เครื่องหมายการค้าที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยใช้สัญลักษณ์นกที่ฉันชอบใช้เป็น
ไง?”
ไม่มีใครคัดค้านกับเรื่องนี้ สัญลักษณ์นกโผบินของลิงค์เป็นที่รู้จักกันทั่วฟิรุ
แมน
พวกเขาทั้งสามเริ่มพูดคุยกันถึงรายละเอียดปลีกย่อยเกี่ยวกับโรงงานเป็น เวลาตลอดทั้งวัน
ลิงค์วางแผนจะเขียนหนังสือเพิ่มอีกสองเล่ม:การเสริมพลังขั้นเชี่ยวชาญ และการเสริมพลังขั้นตํานานแต่หนังสือพวกนี้จะมีให้อ่านแค่นักเวทย์คนสํา คัญของหอคอยเวทมนตร์เฟิร์ดเท่านั้น
ในตอนที่พวกเขาพูดคุยกันจบ, ลิงค์ก็พูดขึ้นมา “ฉันจะฝากเรื่องโรงงานให้พวกนายนะส่วนฉัน,ฉันจะเริ่มเตรียมรับมมือกับพวกไฮเอลฟ์”
เอเลียร์ดกับแวนซ์มองหน้ากัน จากนั้นก็พยักหน้าให้ลิงค์อย่างเดือดดาล
โดยเฉพาะแวนซ์ที่ตื่นเต้นกับเรื่องนี้มาก,เขารู้สึกอยู่ลึกๆว่า,บางทีครั้งนี้ เผ่ามนุษย์อาจจะมีโอกาสเติบโตขึ้นอีกครั้ง