Advent of the Archmage - ตอนที่ 407: นากาเตรียมพร้อมที่จะทําการใหญ่
Advent of the Archmage Chapter 407: นากาเตรียมพร้อมที่จะทําการใหญ่
มันเป็นเวลา 5 โมงเย็น และตอนนี้ก็เป็นหน้าหนาว ท้องฟ้าจึงมืดไปหมดแล้ว
แต่ว่าด้วยแสงในเวลานี้ ระลอกคลื่นจึงดูชัดเจนขึ้น แสงระยิบระยับจากดวงดาวที่อยู่ในคลื่นลมนั้นสวยเหมือนกับหิ่งห้อย
สถานการณ์แปลกประหลาด เอดินกระซิบ “อ้อมไปกันเถอะ”
ลิงค์พยักหน้า เขามองไปที่ลูกบอลคลื่นลมและเดินไปได้ประมาณ 150 ฟุต แต่ในตอนนั้นเองบางอย่างที่แปลกประหลาดก็เกิดขึ้น
เขาพบว่าต่อให้เขาเดินตรงไปในทิศทางเดิม เส้นทางก็จะโค้งไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว และลูกบอลคลื่นลมก็จะมาปรากฏที่ข้างหน้าเขาอีกครั้ง
สําหรับนักเวทย์มิติแล้ว ลิงค์รู้โดยธรรมชาติว่าเกิดอะไร
“พวกเราหลีกเลี่ยงมันไม่ได้ มิติของที่นี่ถูกทําให้บิดเบี้ยว ไม่ว่าพวกเราจะไปที่ไหนพวกเราก็จะกลับมาเจอมันอยู่ดี”
เอลินรู้สึกกลัวเล็กน้อย “พวกเราจะทํายังไงดี?” เธอกระซิบ
“ไปพบเขากันเถอะ” ลิงค์สูดหายใจเข้าลึกๆ และหยิบดาบราชามังกรพิโรธออกมา จากนั้นเขาก็เดินไปทางคลื่นลม
เมื่อเข้าไปถึงระยะประมาณ 30 ฟุต จู่ๆอากาศก็สั่นไหวและก็มีเสียงเล็กๆดังขึ้น “มนุษย์ ลงใต้ไปซะ ที่นี่เป็นดินแดนแห่งการทําลายล้างเรียบร้อยแล้ว”
ในตอนที่เสียงนี้พูด มันก็มีแรงกดดันอันลึกลับเกิดขึ้น ภายใต้แรงกดดันที่ว่านี้อย่าว่าแต่เอลินเลย แม้แต่ลิงค์ก็ไม่กล้าที่จะก้าวต่อไป
ที่ด้านหน้าของพวกเขาไม่มีอะไรแต่ว่าภายในจิตใจของพวกเขานั้น มันเหมือนกับอยู่บนภูเขาที่สูงมากๆ พวกเขากําลังเผชิญหน้ากับหลุมลึกไร้กันและไม่สามารถไปข้างหน้าต่อ
“ได้
ลิงค์ไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น เมื่อเขารู้สึกได้ถึงแรงกดดัน เขาก็ถอย
มีเสียงเล็กๆดังขึ้นอีกครั้ง “มนุษย์ เจ้าเลือกได้ฉลาดแล้ว”
ลิงค์ไม่ได้พูด เขาถอยห่างออกไปจนถึงระยะ 200 ฟุต เอดินสับสนเล็กน้อย “พวกเราจะถอยกันจริงๆหรอ?” เธอถามเบาๆ
แทนที่จะพูด ลิงค์แค่ส่ายหัวเบาๆ และเขาก็ถอยออกไปอีก จากนั้นเขาก็พูดออกมา “ฉันไม่รู้สึกถึงแรงกดดันอีกแล้ว เธอยังรู้สึกถึงอันตรายรึเปล่า?”
เอดินหลับตาลงเพื่อสัมผัสถึงอันตรายแล้วเธอก็ส่ายหัว “ข้าไม่รู้สึกถึงมันแล้ว”
“งั้นพวกเราก็น่าจะปลอดภัยแล้ว ตอนนี้ฉันจะสอนเวทมนตร์ให้กับเธอนะ ทําตามที่ฉันบอกหล่ะ โอเคมั้ย?” ลิงค์พูด
“โอเค” เอดินพยักหน้า
ลิงค์เอาสมุดจดออกมาและเปิดมันออก เขาชี้ไปที่โครงสร้างมานาและพูด “อันนี้ สร้างอันนี้ตอนนี้เลย”
เวทย์นี้คือความสําเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลิงค์ในด้านเวทย์ มิติ-ลูกบอลมิติ โครงสร้างของมันซับซ้อนมากๆ ถ้าเกิดว่าลิงค์แนะนําเอดินเหมือนกับที่เขาทํากับกรีน เธอจะต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน
ดังนั้น ลิงค์จึงแบ่งเวทย์ออกเป็นส่วนๆ เพื่อให้เอลินสร้างมันขึ้น ในขณะที่เขาควบคุมความแม่นยําในการสั่นไวของโครงสร้างมานา กระบวนการของมันซับซ้อนมาก แต่ว่าลิงค์ได้ทําส่วนที่ซับซ้อนทั้งหมดแล้วดังนั้นมันจึงใช้เวลาไม่นาน
่ ่
หลังจากผ่านไป 30 วินาที ลิงค์ก็พูดขึ้นมา “โอเค ตอนนี้ เลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องอื่นซะแต่ว่าอย่าผ่อนคลายจนลืมควบคุมโครงสร้างหละ ใช่ แบบนั้นแหละ ผ่อนคลาย ผ่อนคลายอีกนิดนึง แบ่งบางส่วนมาให้ฉันควบคุม…ใช่…”
ในช่วงเวลานึ่ง ลิงค์รู้สึกว่าความคิดของเขาได้รวมเข้ากับของเอลิน เขาไม่ได้ควบคุมแค่ความสั่นไหวของมานาของเอลินเท่านั้น แต่ว่าเขายังรับรู้ถึงอารมณ์บางส่วนของเธอด้วย มันมีความกลัว ความกังวล ความเชื่อมั่น มันซับซ้อนมากๆ
ในระหว่างที่ควบคุมความสั่นไหวของโครงสร้างอยู่ ลิงค์ลองพยายามทําให้ความรู้สึกนี้อ่อนลง
หลังจากนั้น ก็มีเสียงดังขึ้นเบาๆ: ลูกบอลมิติปรากฏขึ้น ลิงค์ใช้ความคิดของเขาและเอลินก็รู้สึกถึงมันทันที เธอควบคุมลูกบอลมิติและโยนมันไปทางคลื่นลม
บิดเบือน เพิ่มความถี่ของมิติขึ้น! ลิงค์คิด
มีเสียงเบาๆดังขึ้นอีกครั้ง ลูกบอลมิติระเบิดออกที่ใจกลางของคลื่นลม คลื่นลมหนาแน่นขึ้นอย่างกะทันหันเหมือนกับมีคนไปบีบลูกบอลผ้าฝ้าย
และมันก็หายไปทั้งอย่างนั้น
ลิงค์ถอนหายใจออกมาและเดินไปข้างหน้า ในตอนที่เขาเดินผ่านจุดที่เคยมีคลื่นลมอยู่ แรงกดดันมหาศาลก็ไม่ได้เกิดขึ้นอีกแล้ว
่ ่
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ใบหน้าของเอดินเปลี่ยนเป็นสีแดง “ท่านลอร์ด นั่นมันคือเวทย์มิติอย่างงั้นหรอ?” เธอถามด้วยความสงสัย
เสียงของเธอนั้นยังคงดูสดใสเหมือนกับเด็กแต่ว่ามันก็รู้สึกนุ่มนวลและยั่วสวาทเล็กน้อย ลิงค์คิดว่ามันน่าจะเป็นเพราะพวกเขาได้ทําการแลกเปลี่ยนทางจิตใจกันก่อนหน้านี้ เขาจึงทําเป็นไม่รู้เรื่องและพยักหน้า
“ใช่ มันคือเวทย์มิติ ที่ภายนอกมันอาจจะดูเหมือนว่าเพิ่มความถี่ของมิติขึ้น แต่จริงๆแล้วมันทําให้กําแพงมิติหนาแน่นขึ้น”
เอลินได้ทิ้งความรู้สึกแปลกๆทิ้งไปในทันที พร้อมกับรู้สึกสงสัยขึ้นมา “นี่ก็หมายความว่า คลื่นลมที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เป็นเพราะว่ากําแพงมิติเบาบางลงหรอ?”
ลิงค์พยักหน้า “ใช่ ความหนาแน่นมานาของที่นั่นมากเกินไป มานามีผลทําให้มิติใหญ่ขึ้น ยิ่งหนาแน่นมากเท่าไหร่ มิติที่ยิ่งใหญ่มากเท่านั้น และมิติทั้งหมดก็จะบางลง พลังของกฏจะอ่อนแอลง แน่นอนว่า กําแพงมิติยังอยู่ตรงนั้น แต่ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกถึงมันได้ไม่ชัดเจนเท่านั้นเอง ในตอนที่พวกเราถอยออกไปมากพอ เขาก็จะไม่เห็นพวกเราอีกต่อไป”
พอได้ฟังแล้ว เอลินก็เข้าใจในทันที เธอจับเสื้อของลิงค์ด้วยความกลัวและถามออกมา “งั้นสิ่งที่อยู่ในความว่างเปล่าก็คือพระเจ้าอย่างงั้นเหรอ?”
การเผชิญหน้ากับพระเจ้านั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัวสําหรับ มนุษย์ลิงค์คิดว่านั้นคือเสียงของเทพแห่งการทําลาย แต่ว่าไม่มีใครมั่นใจในเรื่องที่เกี่ยวกับทะเลแห่งความว่างเปล่าได้ มันเป็นเพียงความคิด ทั้งหมดที่เขาพูดได้ในตอนนี้ก็คือ “ก็…อาจจะใช่นะ, ฉันไม่รู้หรอก แต่การที่พวกเราอยู่ในภพนั้น ต่อให้เป็นเทพที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สามารถมายังโลกมนุษย์ได้ ไม่ต้องกลัวหรอก”
มีบางอย่างที่ลิงค์ไม่ได้พูดออกไป ถ้าเกิดว่าภพเหมือนกับบ้านที่คอยปกป้องมนุษย์ ตอนนี้มันก็เหมือนกับว่าบ้าน ฟิรูแมนนั้นกําลังพังทลายอยู่ ยังไงก็ตาม ความจริงนี้น่ากลัวเกินไป ลิงค์ไม่อยากทําให้เอลินต้องกังวล
“งั้นหรอ” เอลินตอบ เธอยังคงกังวลและจับเสื้อของลิงค์แน่น
ท้องฟ้าค่อยๆมีดลงพร้อมกับคนสองคนที่เดินทางไล่ตามอาเคนเซอร์ต่อ
พวกเขาเดินผ่านถนนมา 3 เส้นและเข้ามาถึงถนนหลักที่อยู่ส่วนในของเมืองแล้ว ลิงค์เห็นกลุ่มอาเคนเซอร์จากระยะไกลๆ
ในตอนนี้ พวกเขาอยู่ห่างกันไม่ถึง 1,000 ฟุต ลิงค์ สามารถสัมผัสถึงเลเวลของศัตรูได้คร่าวๆ ที่น่าตกใจก็คือ อกาธาร์ นากา ทุกตัวนั้นมีเลเวล 9 มีตัวนึงที่ขนาดเล็กมาก แต่ว่าออร่าของเธอกลับคลุมเครือและลึกซึ้ง ในตอนที่ลิงค์สัมผัสออร่าของเธอ หัวใจของเขาก็สั่นไหว
เขารู้สึกได้ว่านากาตัวนี้น่าจะมีพลังระดับตํานาน ไม่เหมือนกับทหารในอารากู่ เธอคือนักสู้ระดับตํานานที่แท้จริง!
จาก 43 คน 42 คนมีเลเวล 9 และอีกคนอยู่ระดับตํานาน นี่เป็นกองกําลังที่น่ากลัวจริงๆ แม้ว่าจะมีนักแม่นปืนอยู่ในเมืองกว่า 5,000 คน มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร พวกเขาจะถูกกําจัดทิ้งอย่างแน่นอน
นี้น่าจะเป็นกองกําลังกลุ่มแรกของเทพแห่งการทําลาย และพวกมันต่างก็เป็นพวกระดับสูงทั้งนั้น ลิงค์คิด
“ข้ารู้สึกว่านากาคือห้วงแห่งความตาย” เอดินกระซิบ “พวกมันแต่ละตัว น่ากลัวกันทั้งนั้น พวกมันจะทําลายผู้คนของข้า!”
ลิงค์พยักหน้าเบาๆและวางแผนในหัวไปด้วย
เขามีคนเดียว เอลินทําได้แค่ซ่อนเขาเท่านั้น; ทักษะการต่อสู้ของเธอแทบจะเท่ากับศูนย์ การเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง 43 ตัว มันไม่มีหนทางชนะเลย ในความเป็นจริง ถ้าเกิดว่าเขาสามารถใช้เวทมนตร์ได้ เขาคิดว่าเขาน่าจะฆ่าพวกมันได้ 10 ตัวด้วยกลยุทธ์กองโจร
แต่ว่าเขาไม่จําเป็นต้องสู้ตอนนี้ก็ได้
ภารกิจของระบบเกมได้บอกให้จับนากาและสอบปากคํามันเกี่ยวกับเรื่องจุดประสงค์ของพวกมัน ในตอนที่เขาทําภารกิจสําเร็จ และได้รับรางวัล เขาก็จะขจัดออร่าแห่งความว่างเปล่าไปได้ และสามารถกลับมาใช้เวทมนตร์ได้อีกค
และด้วยสิ่งนั้น เขาก็จะสามารถสู้กับพวกนากาได้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ลิงค์ก็รู้สึกว่ามีทางเดียวก็คือการสร้างความปั่นป่วนและหาโอกาสในการไปจับตัวนากา ด้วยความคิดที่อยู่ในหัว เขาก็หันหลังกลับ เดินไปที่มุมที่อยู่ใกล้ที่สุด เขาหยิบระเบิดที่ได้มาจากริเอล เขาเหลืออยู่แค่ 9 ลูก; มันคงจะพอนะ
เขาปรับระเบิดให้มันระเบิดหลังจากผ่านไป 15 วินาที แล้วก็โยนมันออกไปเหนือหัว
การโยนแบบนี้มีประโยชน์อยู่ 2 ข้อ 1 คือมันช้าและเงียบ ทําให้ไม่มีใครรู้ตัว 2 คือมันจะตกลงมาจากฟ้าไปถึงพื้น ทําให้ศัตรูไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันมาจากทางไหน
่ ่
5 4 3 2 1 ไป!
ตู้ม! ระเบิดปะทุขึ้นที่ใจกลางกลุ่มนากา เปลวเพลิงสีขาวพุ่งขึ้นมา
“มีคนลอบโจมตี!” เสียงแหลมๆของอาเคนเซอร์ดังขึ้น เขาเป็นนายช่าง แต่เพราะว่ายับบ้านั้นวิจัยในเรื่องเครื่องจักรเวทมนตร์ ดังนั้นนายช่างจึงเป็นนักเวทย์เช่นกัน เขารู้เวทมนตร์ป้องกันพื้นฐาน แสงเวทมนตร์ล้อมรอบร่างกายของเขาทําให้เขาปลอดภัย
“มาจากทางไหน?”
“ข้าไม่รู้”
“มาสเตอร์บอกข้าว่ามนุษย์ที่แข็งแกร่งกําลังมาที่นี่ เจ้า เจ้า แล้วก็เจ้า-พวกเจ้า 3 คนไปหยุดมันซะ! ที่เหลือรีบตามข้ามา! เราไม่สามารถชะลอคําสั่งของมาสเตอร์ได้” เสียงดังมาจากนากาที่ตัวเล็กที่สุด
นากาสามตัวเริ่มเดินทางกลับหลังในขณะที่ตัวอื่นๆ รวมทั้งอาเคนเซอร์เดินทางไปยังกําแพงแสง
กําแพงแสงนั้นค่อนข้างเป็นอิสระ ต่อให้ตาข่ายเวทมนตร์พังลง กําแพงก็ยังคงอยู่ มันเป็นกําแพงเลเวล 9 และแข็งแกร่งมากๆ ยังไงก็ตาม ด้วยความที่ไม่มีตาข่ายเวทมนตร์คอยช่วยเหลือ มันจึงไม่มีพลังงานสํารอง ในตอนนี้ แสงของกําแพงได้หรี่ลงไปมากแล้ว มันได้สูญเสียความสามารถในการโจมตีสิ่งที่เข้ามาใกล้กําแพงไปแล้ว
กําแพงแสงนั้นไม่สามารถหยุดพวกนากาได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ลิงค์ได้ยินพวกนากาอย่างชัดเจน เขามั่นใจว่านากาพวกนี้กําลังเตรียมการทําการใหญ่บางอย่าง