Advent of the Archmage - ตอนที่ 293: นักเคลียร์กับดัก
สุสานไฮเอลฟ์
ลิงค์ตรวจสอบประตูเวทมนตร์ที่ขวางทางอยู่แล้วสรุป “มันแข็งแกร่งมากเลย, น่าจะพอๆกับเวทย์เลเวล 9 นะ การทำลายมันคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ”
ในขณะที่เขาพูด, เขาก็ใช้เวทย์บิดเบือนมิติ, แล้วหลังจากที่ทดสอบอยู่ซักพัก, เขาก็ผายมือออกมาอย่างจนปัญญา “ไฮเอลฟ์นี่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์จริงๆ แม้กระทั่งมิติที่นี่ก็ยังถูกผนึกอย่างสมบูรณ์ ฉันไม่สามารถใช้เวทย์ข้ามมิติได้เลย พวกเราต้องหาวิธีอื่นแล้วหล่ะ, บางทีอาจจะมีประตูลับอยู่ที่ไหนซักแห่ง”
มอริแกนไม่ได้ตอบสนองอะไรกับคำพูดนี้ เขาเป็นนักผจญภัยและเคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว อย่างไรก็ตาม, เฟลิน่าขมวดคิ้วแล้วถาม “มันจะหาประตูลับได้ง่ายๆหรอ?”
ลิงค์ส่ายหัวแล้วพูด “ไม่รู้สิ แต่ว่าลองไปดูกันเถอะ”
อันที่จริง, ลิงค์รู้ดีว่าประตูลับอยู่ตรงไหน ซึ่งเหตุผลนั้นง่ายมาก การออกแบบของสุสานแห่งนี้เหมือนกับในเกมส์ทุกอย่างเลย นี่อาจเป็นเพราะว่ามันคือสุสานขนาดเล็ก, ทำให้มันเป็นเรื่องง่ายที่จะสร้างสถานแห่งนี้โดยใช้ระบบ CGI
ท่าทีที่เยือกเย็นของเขาทำให้เฟลิน่ารู้สึกสบายใจขึ้น ด้วยความที่เป็นนักรบ, เธอจึงทำหน้าที่เป็นคนเดินน้ำหน้าเข้าไปในสุสาน
โฮกก! มีเสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้ง เสียงนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด โทเดลรอนต้องได้รับบาดเจ็บร้ายแรงแน่ๆ
“พวกเราต้องรีบแล้ว” เฟลิน่าพูด ถึงยังไงพวกเขาก็เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน แม้ว่าโทเดลรอนจะเข้าพวกกับอิเซนดิลัน, แต่เธอก็ยังไม่อยากให้เขาตาย
มอริแกนเข้ามาขวางอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดออกมา “หยุดก่อนเถอะ, ท่านเฟลิน่า มีกับดักอยู่ทั่วทุกที่ในสุสาน สิ่งที่ไม่ควรทำมากที่สุดก็คือการขาดสตินะ ท่านต้องควบคุมอารมณ์ให้ดีสิ!”
เขาเป็นนักปล้นสุสานมากประสบการณ์และเคยสำรวจสุสานกับซากประวัติศาสตร์มานับไม่ถ้วนแล้ว แน่นอนว่า, เขาคุ้นเคยกับกลไกของสถานที่เหล่านี้ดี หากนักผจญภัยไม่มีสัมผัสอันตรายแบบนี้ก็คงจะตายไปนานแล้ว
“แต่ว่า…” เฟลิน่ารู้ดีว่ามอริแกนพูดถูก, แต่เธอก็รู้สึกกังวลจริงๆ
จากนั้นลิงค์ก็จับมือของเธอแล้วพูด “เฟลิน่า, การจดจ่ออยู่กับเป้าหมายสุดท้ายเพียงอย่างเดียวมันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะ เธอต้องตรวจสอบพื้นที่อยู่ใต้เท้าเธอด้วยสิ ถ้าเธอก้าวไปทางซ้ายอีกก้าวเดียว, เธอก็จะเหยียบกับดักแล้วนะ!”
เฟลิน่าตื่นตระหนกและตอบสนองไม่ทันเวลา จากนั้นลิงค์ก็ได้ใช้เวทมนตร์ประเภทสนามพลังดึงเฟลิน่ากลับมาได้ทันพอดิบพอดี
มอริแกนเดินมาข้างหน้าอย่างระมัดระวังก่อนที่จะก้มลงดูที่พื้นเพื่อตรวจสอบกับดัก
ครึ่งนาทีต่อมา, เขาก็จ้องลิงค์ด้วยสีหน้าเคารพ “วัสดุของกระเบื้องอันนี้แตกต่างจากอันอื่นเล็กน้อย ถ้าข้าคิดไม่ผิด, นี่คือรูนกระตุ้นสำหรับเวทย์สายฟ้า ดูที่กำแพงรอบๆสิ! พวกมันเต็มไปด้วยรูนสายฟ้าทั้งนั้นเลย หากเผลอไปเหยียบกระเบื้องพวกนี้เข้าหล่ะก็, ทางเดินนี้จะเต็มไปด้วยสายฟ้าในทันที ขอข้าดูหน่อยนะ…หืม, เวทย์พวกนี้มีความแข็งแกร่งอย่างน้อยเลเวล 5 เลยนี่!”
จากนั้นลิงค์ก็จ้องไปที่กำแพงแล้วพูดเสริม “มันมีความแข็งแกร่งเลเวล 7 และเวทย์สายฟ้าก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราควรกลัวเพียงอย่างเดียวนะ มันยังมีเวทย์ธาตุไฟที่จะเผาใครก็ตามที่เหยียบกับดักให้กลายเป็นเถ้าถ่านอยู่ด้วย ต่อให้เป็นนานะก็อาจจะไม่รอดจากการโจมตีนี้”
มอริแกนพูดต่อ “โทเดลรอนนี่โชคดีจริงๆที่หนีจากกระเบื้องทั้งหมดนี้ได้”
“ข้าขอโทษ” เฟลิน่ารู้สึกผิดจริงๆ
ลิงค์ยิ้มแล้วพูด “หลังจากนี้ก็ระวังให้ดีแล้วกัน เดินทางกันต่อเถอะ”
จากนั้นเฟลิน่าก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยสำหรับความผิดของเธอ ในครั้งนี้, เธอระวังตัวดีขึ้นมาก, เธอจะเดินทางต่อก็ต่อเมื่อลิงค์กับมอริแกนตรวจสอบจนมั่นใจแล้วว่าปลอดภัย
หลังจากเดินไปได้ประมาณ 150 ฟุต, พวกเขาก็เจอศพมนุษย์สัตว์นอนอยู่บนพื้นอีก 6 ตัว มีหนามเหล็กคุณภาพดีปักอยู่ตามร่างกายของพวกมันด้วย
มนุษย์สัตว์พวกนี้มีผิวหนังสีเงินซีดๆและได้รับบาดเจ็บร้ายแรง มีบาดแผนโดนเจาะจำนวนนับไม่ถ้วนบนร่างกายของพวกมันราวกับว่าพวกมันโดนรุมเสียบทั้งเป็นอย่างโหดร้าย
ใบหน้าของมอริแกนเปลี่ยนเป็นจริงจัง จากนั้นเขาก็ร่ายเวทย์ตาอินทรีย์ใส่ตัวเองแล้วสังเกตุพื้นที่ที่อยู่เบื้องหน้าอย่างระมัดระวัง สามนาทีต่อมา, เขาก็พูดขึ้น, “ดูกระเบื้องพวกนี้สิ; มีรูนแปดประเภทที่แตกต่างกันเขียนอยู่ด้วย, และศพพวกนี้ก็ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนด, ในการที่จะผ่านมันพวกเราจะต้องก้าวตามกระเบื้องที่กำหนดเอาไว้ และหากก้าวผิดแม้แต่ครั้งเดียว, หนามแหลมก็จะโผล่ขึ้นมาจากรูเล็กๆรอบตัวพวกเราและจะทำลายร่างกายของพวกเราจนไม่เหลือชิ้นดี!”
เฟลิน่ากับลิงค์มองไปรอบๆตัวพวกเขาแล้วตระหนักได้ว่ามีรูเล็กๆจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่บนกำแพงจริงๆ จากนั้นพวกเขาก็มองไปที่กระเบื้อง ทางเดินนี้มีความยาวอย่างน้อย 90 ฟุต, ซึ่งมีกระเบื้องทั้งหมดห้าแถวและแต่ละแถวก็มีกระเบื้องอย่างน้อย 30 แผ่น ดังนั้นจำนวนความเป็นไปได้สำหรับปริศนานี้ก็คือห้ายกกำลังสามสิบ!
ด้วยจำนวนความเป็นไปได้ที่มากขนาดนี้, มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้วิธีลองผิดลองถูกในการแก้ปัญหา
“โทเดลรอนผ่านตรงนี้ไปได้ยังไงกัน?” เฟลิน่าถาม
มอริแกนยังสำรวจพื้นอยู่ จากนั้นเขาก็ตอบคำถาม “มันต้องบุกเข้าไปตรงๆแน่ๆ และมีมนุษย์สัตว์พวกนี้คอยเปิดทางให้มัน ในตอนที่หนามเหล็กปรากฎขึ้นมันจะใช้พละกำลังอันดุร้ายทำลายหนามพวกนี้ ดูสิ, หนามตรงนี้มีรอยแตกด้วย แต่ว่านะ, สำหรับทางเดินที่ยาวขนาดนี้มนุษย์สัตว์ต้องมีไม่พอแน่ๆ มันได้รับบาดเจ็บตรงช่วงใกล้สุดทางเดิน, ซึ่งสังเกตุได้จากกองเลือดมังกรที่สุดทางนั่น ดูเหมือนว่ามันจะได้รับบาดเจ็บหนักนะ”
จากนั้นเฟลิน่าก็มองไปที่สุดทางเดิน, แล้วก็เหมือนกับที่มอริแกนพูด, ปริมาณเลือดบนพื้นตรงนั้นต้องมาจากบาดแผลร้ายแรงแน่ๆ
ลิงค์เองก็พบร่องรอยเพิ่มเติม “ดูที่กำแพงตรงสุดทางเดินนั่นสิ มีรอยแตกบนกำแพงหลายจุดเลย ถ้าฉันคิดไม่ผิด, โทเดลรอนคงถูกบังคับให้กลายร่างเป็นมังกรเพื่อรักษาชีวิตของมันเอาไว้นะ”
ในตอนที่เผ่ามังกรกลายร่างเป็นมังกรนั้น, บาดแผลของพวกเขาจะได้รับการรักษาเป็นบางส่วน อย่างไรก็ตาม, ร่างมังกรนั้นมีขนาดใหญ่โตและไม่ใช่สิ่งที่ทางเดินนี้สามารถรองรับได้ รอยแตกบนกำแพงน่าจะมาจากแรงกดดันอันมหาศาลของร่างมังกร
เฟลิน่าถอนหายใจ “ตอนนี้มันต้องมีสภาพที่น่าอนาถมากแน่ๆ”
ลิงค์ยักไหล่แล้วพูดขึ้น “ไปกันเถอะ มันทำลายกำดักพวกนี้ให้พวกเราแล้ว พวกเราน่าจะผ่านมันไปได้ง่ายๆนะ”
เพื่อความปลอดภัย, ลิงค์ได้ลองใช้มือแห่งนักเวทย์กดที่ศพของมนุษย์สัตว์ดู
ฉัวะ! มีหนามพุ่งออกมาจากรูในทันที กำแพงทางได้ซ้ายยังเต็มไปด้วยหนามอยู่ อย่างไรก็ตาม, กำแพงทางด้านขวานั้นเหลือแค่หนามหักๆ ส่วนปลายทางเดินก็ถูกร่างมังกรของโทเดลรอนทำลายเละเทะทำให้กับดักใช้การไม่ได้
คงต้องบอกเลยว่ามังกรตัวนั้นมีคุณสมบัติในการเป็นนักเคลียร์กับดัก
“ไปกันเถอะ; ฝั่นซ้ายปลอดภัย” ลิงค์พูด
พวกเขาทุกคนเดินหน้าต่อโดยยังมีเฟลิน่าเป็นคนนำหน้าเหมือนเดิม
หลังจากผ่านทางเดินแห่งความตาย, ก็มีกำดักขวานที่หมุนไปมาอยู่เบื้องหน้าของพวกเขา กำดักขวานนี้ก็เปื้อนไปด้วยเลือดมังกรจำนวนมากเหมือนกัน มีแม้กระทั่งชิ้นเนื้อติดอยู่ที่ขวานด้วย
มอริแกนมองดูก่อนที่จะส่ายหัว “นี่ก็เป็นกับดักเหมือนกัน ด้วยร่างกายอันใหญ่โตของโทเดลรอน, เขาไม่มีทางผ่านตรงนี้ไปได้โดยไร้รอยขีดข่วน เขาโดนกับดักพวกนี้เข้าเต็มๆ…นี่อาจจะถึงตายได้เลยนะ”
เฟลิน่าจ้องไปที่เลือดมังกรแล้วเดินหน้าต่อด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง
หลังจากเดินไปได้อีกประมาณ 90 ฟุต, ที่สุดทางเดินก็เผยให้เห็นพื้นที่ใหญ่โต ห้องโถงใต้ดินขนาดยักษ์ปรากฎขึ้นเบื้องหน้าพวกเขา ห้องโถงนี้มีความยาวกว่า 240 ฟุตและสูงกว่า 15 ฟุต มีชั้นหนังสือวางเรียงกันเป็นแถวซึ่งเต็มไปด้วยคอลเล็คชันหนังสือมากมาย ลิงค์รู้สึกตื่นเต้นในทันทีที่ได้เห็นหนังสือเวทมนตร์จำนวนมากขนาดนี้
สุสานแห่งนี้เก็บความรู้ที่สูญหายไปเอาไว้มากขนาดไหนกันนะ? หนังสือเวทมนตร์พวกนี้เป็นความรู้ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้เลย
อย่างไรก็ตาม, มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
ถัดจากชั้นหนังสือมีเก้าอี้หินตั้งอยู่สองแถว
มีมันมี่ในชุดเกราะโบราณของไฮเอลฟ์นั่งอยู่บนเก้าอี้พวกนั้น และที่ปลายแถวของเก้าอี้ก็มีบรรลังก์อันงดงามตั้งอยู่ จำนวนของอัญมณีที่ฝังอยู่ในบัลลังก์นั้นเปล่งประกายเจิดจ้า
แล้วก็มีมัมมี่ไฮเอลฟ์ที่สวมเครื่องแต่งกายหรูหราและผ้าคลุมกษัตริย์กำลังนั่งอยู่ด้วย มีแม้กระทั่งมงกุฎอัญมณีบนหัวของเขาพร้อมกับถือคทาอันงดงามเอาไว้ในมือ
ศพพวกนี้นั่งประจำที่ของตัวเองอย่างไร้อารมณ์, ซึ่งดูไม่ต่างจากศพจริงๆเลย
ที่ทางเข้าของห้องโถงแห่งนี้, มีร่างอันใหญ่โตของมังกรแดงที่มีความยาวกว่า 30 ฟุตและความสูง 12 ฟุตนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น จากลมหายใจที่อ่อนล้าและรวยรินของเขา, เขาน่าจะใกล้ตายแล้ว
มีรูจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่บนร่างของเขา, บางรูยังมีหนามเหล็กเสียบอยู่ ซึ่งนี่น่าจะมาจากกับดักตรงทางเดินแห่งความตาย และที่บริเวณคอ, มีบาดแผลขนาดใหญ่อยู่ด้วย ซึ่งนี่ก็น่าจะมาจากกับดักขวาน
นอกจากบาดแผลพวกนี้, ไม่มีบาดแผลอื่นเลยบนร่างกายของมังกรตัวนี้
ในขณะที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าแล้วมองมาที่มังกรตัวนี้, มอริแกนก็ผายมือออกมาอย่างจนปัญญาแล้วหันไปหาเฟลิน่า “เรียนท่านนักรบมังกรแดง, ด้วยความเคารพอย่างสูง, ข้าสามารถยืนยันได้เลยว่ามังกรยักษ์ตัวนี้ไม่ได้เจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งเลย เขาตกอยู่ในสภาพนี้ด้วยความโง่ของตัวเอง”
เฟลิน่าไม่ชอบคำพูดพวกนี้เลย อย่างไรก็ตาม, ความจริงมันก็อยู่ตรงหน้าเธอ เธอไม่สามารถคัดค้านคำพูดของมอริแกนได้
ลิงค์ต้องพิจารณาถึงชื่อเสียงของเผ่ามังกรด้วย ดังนั้นเขาจึงพูดออกมา “นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ โทเดลรอนเป็นนักรบก็เลยไม่ถนัดเรื่องการปลดกับดัก แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม, ตอนนี้พวกเราต้องหาวิธีจัดการกับศพพวกนั้น ฉันมีความรู้สึกว่าถ้าพวกเราสัมผัสอะไรในห้องโถงแห่งนี้, พวกเขาจะตื่นขึ้นมาในทันที”
“แล้วพวกเราจะเข้าไปสัมผัสของพวกนั้นทำไมหล่ะ? ในเมื่อโทเดลรอนทำภารกิจล้มเหลว, พวกเราก็ควรจะออกไปกันได้แล้ว” เฟลิน่ามีความรู้สึกขัดใจกับการเข้ามาในสุสานอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม, มอริแกนจะยอมแพ้ทั้งๆที่เขาเข้ามาอยู่ตรงนี้แล้วได้ยังไง? ดวงตาของเขาจดจ่ออยู่กับอัญมณีที่ติดอยู่ตรงบัลลังก์แล้ว
หลังจากคิดอยู่ซักพัก, ก็มีไอเดียผุดขึ้นมา เขาหาข้ออ้างที่มีเหตุผลแล้วพูดขึ้น “ข้าเกรงว่าพวกเราจะต้องออกทางประตูลับหน่ะสิ”
มอริแกนอดรู้สึกภูมิใจกับความฉลาดของเขาไม่ได้ ในขณะที่พวกเขายุ่งอยู่กับการตามหาประตูลับ, เขาก็จะแอบเอาไอเทมบางส่วนยัดใส่กำไลมิติของเขา ยังไงซะ, ใครจะไปสังเกตุเห็นท่ามกลางความวุ่นวายกันหล่ะ?
ในอีกด้านนึง, สายตาของลิงค์ก็จดจ่ออยู่กับชั้นหนังสือ เขากำลังวางแผนแก้ตัวเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม, มอริแกนได้จัดการแทนเขาแล้ว เขารีบพยักหน้าเป็นการเห็นด้วยแล้วพูดขึ้น “นั่นสินะ, การออกไปก็เป็นปัญหาเหมือนกัน ฉันเกรงว่าพวกเราคงจะต้องรบกวนบรรพบุรุษเหล่านี้แล้วหล่ะ”
คำแก้ตัวพวกนี้สมบูรณ์แบบ เฟลิน่าไม่มีทางเลือกนอกจากยอมตกลง เธอพูด, “ถ้างั้น, ก็รีบๆหาทางออกไปกันเถอะ”
สมองของมอริแกนตื่นตัวขึ้นมาอย่างกระทันหัน เขากระซิบ “ขั้นแรกพวกเราจะหาวิธีจัดการกับศพพวกนี้ ข้ามีความคิดอยู่ พวกท่านคิดว่ายังไงหล่ะ?”
“ไหนว่ามาสิ” ลิงค์พูด ลิงค์เคารพนักผจญภัยที่น่านับถือคนนี้ เขาไม่มีความรู้สึกหวาดหวั่นในการหยิบของจากสุสาน ยังไงซะ, มันก็คงจะสูญเปล่าหากต้องทิ้งทรัพย์สมบัติและความรู้อันมีค่าขนาดนี้โดยไม่แตะต้องอะไรเลย
จากนั้นมอริแกนก็เริ่มวิเคราะห์รายละเอียด “ดูสิ, ศพที่แข็งแกร่งที่สุดน่าจะอยู่บนบัลลังก์นะ เขาน่าจะเป็นเจ้าของสุสานแห่งนี้, เดอร์แรค ประวัติศาสตร์บอกว่าเดอร์แรคนั้นปกป้องทรัพย์สมบัติของเขาอย่างหวงแหน แล้วเขาก็เป็นนักเวทย์ที่แข็งแกร่งด้วย ข้าคิดว่าก่อนที่จะตายเขาน่าจะมีความแข็งแกร่งที่เลเวล 8 และถ้าเขาตื่นขึ้นมา, มันก็คงจะเป็นปัญหา แต่ว่า, ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในสภาพหลับใหล, ทำให้พวกเรามีโอกาสโจมตีก่อน พวกเราแค่ต้องกำจัดเดอร์แรคเป็นคนแรกก่อนที่จะจัดการกับลูกน้องของเขา ซึ่งนั่นน่าจะง่ายกว่าเยอะเลยนะ”
ลิงค์พยักหน้าเป็นการเห็นด้วย แผนนี้ฟังดูดี
แม้ว่าเฟลิน่าจะไม่เต็มใจที่จะทำลายสุสาน, แต่เธอก็รู้ว่ามันเป็นแค่วิธีเดียว ดังนั้นเธอจึงยอมตกลงด้วยความรู้สึกรังเกียจ
จากนั้นลิงค์ก็บอกกับนานะ “เอาหัวของเขามา; แล้วก็ทำลายคทาของเขาด้วย”
“รับทราบค่ะ!” นานะพยักหน้า ตูม! จากนั้นนานะก็หายตัวไปพร้อมกับเสียงระเบิด, และในจังหวะต่อมา, ก็มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้น
มีโดมแสงสีเงินปรากฎขึ้นในรัศมีหกฟุตเบื้องหน้าเดอร์แรค บาเรียนี้แข็งแกร่งมากจนถึงขนาดขัดขวานการพุ่งของนานะได้!
แกร๊ง! แกร๊ง! ดาบสั้นของนานะโจมตีโดมแสงอย่างต่อเนื่อง จากนั้นโดมแสงที่เจิดจ้าก็ค่อยๆมีแสงหรี่ลงอย่างช้าๆ อย่างไรก็ตาม, นานะก็ไม่สามารถผ่านมันไปได้ด้วยการโจมตีเดียว
หลังจากนั้น, ดวงตาของศพทุกคนก็เปล่งแสง, เผยให้เห็นแสงสีน้ำเงินอันหนาวเหน็บ เดอร์แรค, ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ยืนขึ้น
เสียงอันแหบแห้งดังก้องไปทั่วห้องโถง “ใครกล้าบุกเข้ามาในพระราชวังของข้ากัน?”
จากนั้นความผันผวนของเวทมนตร์อันน่าเกรงขามก็ปรากฎขึ้นรอบๆร่างกายของเดอร์แรค พวกเขาทั้งสามที่ยืนอยู่ตรงทางเข้ามองฉากนี้พร้อมกับอ้าปากค้าง
มอริแกนรู้สึกพูดไม่ออกในขณะที่กลืนน้ำลายของเขาด้วยความหวาดกลัว
เฟลิน่ากระซิบ “นี่มันไม่ถูกแล้วหล่ะ พลังขนาดนี้น่าจะมีความแข็งแกร่งอย่างน้อยเลเวล 9 ไม่ใช่หรอ?”
“นานะ, กลับมานี่!” ลิงค์สั่งในทันที
ฟิ้ว! นานะกลับมาอยู่ข้างๆลิงค์ในทันที
ในจังหวะนั้นเอง, เสียงของเดอร์แรคก็ดังก้องไปทั่วห้องโถงอีกครั้ง “หืม, มังกรแดงอย่างงั้นเรอะ? นี่เจ้ามาที่นี่เพื่อแสวงหาความตายสินะ?”
เฟลิน่าตกตะลึง เธอคิดว่าเดอร์แรคกำลังพูดถึงเธอและตั้งท่าป้องกันตามสัญชาติญาณ
ลิงค์เองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน นี่เป็นเพราะว่าเดอร์แรคแข็งแกร่งกว่าตอนที่อยู่ในเกมส์ซึ่งตอนนั้นเขามีเลเวล 8
อย่างไรก็ตาม, พอได้ยินคำพูดของเดอร์แรค, เขาก็ตอบสนองในทันที เขาดึงเฟลิน่ามาด้วยในขณะที่ถอยกลับ, พร้อมกับกระซิบออกมา “เดอร์แรคเพิ่งจะตื่นขึ้น เขายังไม่รู้สึกถึงสภาพรอบๆหรอก เขาน่าจะยังไม่เห็นพวกเรา ตอนนี้รีบถอยกันก่อนเถอะ”
ในขณะที่ลิงค์พูด, เขาก็เห็นบอลไฟฟ้าขนาดยักษ์ปรากฎขึ้นที่ปลายคทาของเดอร์แรค จากนั้นสายฟ้าก็พุ่งออกมาจากลูกบอลแล้วโจมตีร่างของโทเดลรอนอย่างไร้ความปราณี มีกลิ่นหอมของเนื้อมังกรย่างโชยมาด้วยหลังจากโดนโจมตีไปไม่กี่ที
แน่นอนว่าโทเดลรอนคงจะไม่รอดจากการโจมตีพวกนี้
เวทย์นี้น่ากลัวมาก มันน่าจะมีความแข็งแกร่งอย่างน้อยเลเวล 8 มอริแกนกับเฟลิน่ามีสีหน้าหวาดหวั่น ลิงค์เป็นคนๆเดียวที่ยังรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้อยู่ เขาจ้องไปที่สายฟ้าอันแข็งแกร่งแล้วเริ่มคิดในทันที
“เขายังไม่เห็นพวกเรา พวกเราจะถอยก่อนแล้วค่อยหาวิธีกัน!”