Advent of the Archmage - ตอนที่ 76: ดูหมิ่น?
แม้ว่าจะได้เผชิญกับสถานการณ์ที่น่าขนลุกตลอดทาง, ลิงค์ กับคนที่เหลือก็ไม่มีทางเลือกนอกจากมุ่งหน้าต่อไป
“พวกเราต้องไปทำให้ปีศาจโกรธแน่ๆเลย! พวกเรากำลังจะตาย!” ยักช่า บ่น จากเหตุการณ์ที่ผ่านมานี้เห็นได้ชัดว่าความกลัวได้สอดส่องมาที่พวกเขา
“หยุดบ่นได้แล้วหน่า, ไอขี้ขลาด!” แจ็คเกอร์ ตะคอกใส่, เขาแทบจะหมดความอดทนกับหัวหน้าทหารแล้ว
ยักช่า คงจะไม่ยอมทนกับคำดูถูกเช่นนี้ในสถานการณ์ปกติโดยไม่เถียงอะไรกลับไปเลย แต่ครั้งนี้, เขาตอบกลับไปด้วยการนวดนิ้วมือของเขาเพียงเท่านั้น
“ฉันไม่น่ามาที่บ้าๆแบบนี้เลย” ยักช่า บ่นพึมพำ
แอนเดอร์สัน ได้ยินมันและนั่นก็เป็นฟางเส้นสุดท้ายของเขาแล้ว เขารู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของเขาในฐานะอัศวินของอาณาจักรและผู้บังคับบัญชาอย่างเป็นทางการของภารกิจนี้ในการที่จะต้องสอนบทเรียนให้ ยักช่า ดังนั้นเขาจึงตบไปที่ใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง
“เงียบซะ! เจ้าลืมหน้าที่ของเจ้าที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งตามหน้าที่ของเจ้าไปแล้วรึไง?” แอนเดอร์สัน ดุ
ไม่ใช่ว่า แอนเดอร์สัน ไม่รู้สึกกังวลกับเหตุการณ์ที่พวกเขาได้เผชิญ, แต่เขารู้ว่าการตื่นตระหนกไปก็มีแต่จะทำให้ปัญหารุนแรงขึ้นเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำในสถานการณ์น่ากลัวเหมือนที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ก็คือการทำใจให้เย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้
แล้ว แอนเดอร์สัน ก็รู้ด้วยว่าความขี้ขลาดของ ยักช่า จะทำให้ขวัญกำลังใจของทุกคนลดลง ถ้าตอนนี้พวกเขาอยู่ในสงคราม, เขาจะไม่ลังเลเลยที่จะกำจัดทหารคนนี้ด้วยการแทงไปที่หัวใจของเขา
การตบรุนแรงพอที่จะทำให้ฟันของ ยักช่า หลุดออกมาจากปากของเขาซี่นึง, และมันก็ทำให้ปากของเขาเต็มไปด้วยเลือด เขาจ้อง แอนเดอร์สัน แต่ก็ไม่กล้าที่จะส่งเสียง
นี่อาจจะดูเหมือนกับการทะเลาะกันเล็กๆภายในทีม, แต่มันก็เป็นเพราะปัญหาเล็กๆไม่ใช่หรอที่ทำให้ความเครียดที่ทุกๆคนซ่อนอยู่ถึงจุดที่ต้องปล่อยออกมา
ลิงค์ รู้เรื่องนี้ดี, และเขาก็มั่นใจด้วยว่าถ้าเขาไม่รีบหาวิธีออกจากที่นี่โดยเร็ว, การต่อสู้กันอยู่ภายในใจอาจจะพัฒนาไปถึงการแข็งข้อในเร็วๆนี้ ซึ่งเขาไม่สามารถปล่อยให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นได้
ในขณะนั้น, พวกเขาก็ได้พบกับห้องอีกห้องนึง มันเหมือนกับห้องอื่นๆ, ไม่มีคนอยู่ข้างใน แต่มันก็มีบางอย่างที่แตกต่างกันเล็กน้อยในห้องนี้ แทนที่ในห้องมันจะมีแค่โต๊ะกับเก้าอี้, แต่มันกลับมีชั้นหนังสืออยู่ตรงหัวมุมและมีกองม้วนกระดาษวางอยู่บนโต๊ะด้วย ลิงค์ ตรวจสอบม้วนกระดาษและพบว่าม้วกระดาษพวกนี้ไม่ใช่แค่เอกสารธรรมดาๆ, แต่พวกมันทั้งหมดเต็มไปด้วยอักขระเวทย์มนตร์
ลิงค์ รู้สึกสังหรณ์ใจว่าห้องๆนี้เป็นของดาร์กเอลฟ์นักเวทย์คนนั้น
เขาตรวจสอบม้วนกระดาษแต่ละแผ่นอย่างละเอียดมากขึ้นและพบว่าพวกมันส่วนใหญ่เป็นแค่ทฤษฏีการปรับปรุงเวทย์มนตร์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ ในบรรดาม้วนกระดาษทั้งหมดนี้, พวกมันไม่ได้เก็บอะไรที่พิเศษเอาไว้เลย, มีแค่ทฤษฎีเวทย์มนตร์ขั้นพื้นฐานเท่านั้น
จากนั้นเขาก็คลี่ม้วกระดาษเล่มนึงออกมา, แล้วจดหมายที่แนบอยู่ระหว่างม้วนกระดาษก็หลุดออกมา ลิงค์ หยิบมันขึ้นมาแล้วเปิด, จากนั้นเขาก็เห็นว่ามันเป็นลักษณะการเขียนของดาร์กเอลฟ์
สำหรับคนธรรมดา, ลักษณะการเขียนของดาร์กเอลฟ์นั้นไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่าการเขียนแบบหวัดๆจนไม่สามารถอ่านได้ซึ่งไม่ได้ปรากฏคำสัมผัสหรือกฏใดๆสำหรับพวกมัน ลิงค์ เองก็ไม่ได้แตกต่างไปจากคนธรรมดาในเรื่องนี้, ดังนั้นเนื้อหาในจดหมายจึงอยู่เหนือความเข้าใจของเขาอย่างสมบูรณ์
จากนั้น, เรื่องที่น่าอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ขณะที่เขาหยิบจดหมายขึ้นมา, การแจ้งเตือนก็ปรากฏขึ้นบนหน้าอินเตอร์เฟส ซึ่งมันได้แสดงเนื้อหาในจดหมาย
เพื่อนรักของฉัน, เฟลิเดีย…
ลิงค์ รู้สึกตกใจกับชื่อ เฟลิเดีย เขาไม่เคยคิดเลยว่านักเวทย์ผ้าคลุมดำคนนั้น, ในความเป็นจริง, จะเป็นคนที่มีความสำคัญภายในเกมส์ขนาดนี้
เฟลิเดีย, ดาร์กเอลฟ์นักเวทย์ที่มากด้วยพรสวรรค์, ซึ่งเป็นสมาชิกของสภานักเวทย์ซิลเวอร์มูน ลิงค์ ระลึกถึงความทรงจำจากในเกมส์ของเขาในช่วงห้าปีหลังจากเหตุการณ์นองเลือดในแกลดสโตน, เฟลิเดีย ต่อสู้กับ เอเลียร์ด, ที่ตอนนั้นเป็นนักเวทย์เลเวล 7 และเป็นนักเวทย์ที่มีพรสวรรค์ที่สุดในบรรดาเหล่ามนุษย์ ซึ่งนั่นเป็นการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงที่ทะเลสาบกระจกเงา
การต่อสู้ของพวกเขาสูสี, และผลที่ตามมาจากการต่อสู้ก็ทำให้พื้นที่ของทะเลสาบเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
เฟลิเดีย เป็นนักเวทย์หนุ่ม ตอนนี้เขาน่าจะอายุแค่ 23 ปี แต่ด้วยความที่ปกติดาร์กเอลฟ์จะมีชีวิตอยู่ได้ถึง 100 ปี, เฟลิเดีย จึงสามารถนับได้ว่าอยู่ช่วงวัยเดียวกันกับ ลิงค์ และ เอเลียร์ด แต่เขาก็ไม่เหมือนกับ ลิงค์ และ เอเลียร์ด, เพราะตอนนี้ เฟลิเดีย เป็นนักเวทย์เลเวล 4 แล้ว!
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านักเวทย์ผ้าคลุมดำคนนั้นคือเขา! ลิงค์ ตกตะลึง, แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมนักเวทย์คนนี้ถึงกล้าหาญขนาดที่สร้างความยุ่งเหยิงในพื้นที่ที่ใกล้กับเมืองหลวงขนาดนี้ นักเวทย์อัจฉริยะที่มีทักษะทางด้านเวทย์มนตร์ที่แข็งแกร่งจะมีเรื่องอะไรต้องกลัวด้วยหล่ะ?
ลิงค์ อ่านส่วนที่เหลือในจดหมายต่อ ครึ่งแรกประกอบด้วยการพูดคุยสัพเพเหระระหว่างเพื่อนสนิททั้งสองคน, แต่แล้วเขาก็ไปสะดุดเข้ากับข้อมูลสำคัญในจดหมาย— สถานที่ที่ชื่อว่าผาลมหอน
มันคือสถานที่ที่เพื่อนของ เฟลิเดีย อาศัยอยู่, และจากรายละเอียดในจดหมาย, ลิงค์ ก็พบว่าสถานที่แห่งนั้นอยู่ในอาณาจักรคิงดอม พูดอีกนัยนึงก็คือ, เพื่อนของ เฟลิเดีย คนนี้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเขาในอาณาจักรแห่งนี้
เฟลิเดีย ได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้ที่ผ่านมา, แล้วเขาก็ไม่ได้อยู่ในถ้ำ, ดังนั้นเขาต้องไปซ่อนที่สถานที่เพื่อนของเขาอยู่เพื่อรักษาตัวแน่ๆ ฉันต้องไปหาเพื่อนคนนี้ของเขา ต่อให้เขาไม่อยู่ที่นั่น, มันก็ต้องมีอะไรบางอย่างที่พวกเราสามารถค้นหาได้จากเพื่อนของเขาเกี่ยวกับแผนการของ เฟลิเดีย! ลิงค์ คิด
ขณะที่ ลิงค์ คิดแผนการนี้ขึ้นมาได้, การแจ้งเตือนก็เด้งขึ้นมาบนหน้าอินเตอร์เฟส
ภารกิจสำเร็จ: ตามหาเบาะแส
ผู้เล่นได้รับรางวัล 20 โอมนิพ้อยท์
ภารกิจใหม่: หลบหนี
รายละเอียดภารกิจ: หลบหนีจากรังของสมาคมและตามหาผาลมหอน
รางวัลภารกิจ: 50 โอมนิพ้อยท์
ห้าสิบพ้อยท์เลยหรอ? มันเป็นรางวัลที่ยอดเยี่ยมจดน่าประหลาดใจจริงๆ ในตอนที่ ลิงค์ คิดเกี่ยวกับมัน, ไม่ว่าจะเป็นการหนีจากรังของ สมาคมหรือการหาตำแหน่งของผาลมหอน— ทั้งสองภารกิจก็นับว่าเป็นงานที่ยากมากเลยทีเดียว
แต่ก่อนที่ ลิงค์ จะคิดถึงเรื่องการหนีออกจากรัง, ลิงค์ ต้องคิดถึงสถานการณ์ที่พวกอยู่ในตอนนี้ก่อน เขากำลังสับสนกับการมีอยู่ของเวทย์มนตร์ระดับสูงในถ้ำและต้องคอยระมัดระวังสิ่งที่อยู่ในความมืดของถ้ำที่อาจจะซ่อนอยู่หรือสิ่งที่สามารถโผล่ออกมาจากมันเพื่อโจมตีพวกเขา
สำหรับเรื่องผาลมหอนนั้น, ลิงค์ ไม่เคยได้ยินชื่อสถานที่แห่งนี้มาก่อน ทวีปฟิรุแมนนั้นกว้างใหญ่มากๆ แค่อาณาจักรนอร์ตันแห่งเดียวก็มีรัศมีประมาณหนึ่งพันไมล์แล้ว ถ้าเขาตามหาสถานที่แห่งนี้คนเดียวโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ, มันอาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อตามหามัน แต่ ลิงค์ ไม่ใช่คนไร้เพื่อน, เพราะฉะนั้นเขายังมีความหวังอยู่
แต่ตอนนี้เขาต้องพยายามหาทางออกจากถ้ำนี้ให้ได้ก่อน
เขาวางจดหมายกับม้วนกระดาษไว้บนโต๊ะ, จากนั้นก็เดินไปที่ชั้นหนังสือ เขาเปิดอ่านหนังสือบางเล่มและพบว่าหนังสือพวกนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเวทย์มนตร์เลย
ลิงค์ ตัดสินใจว่าพวกมันไม่ได้คุ้มค่ากับเวลาของเขา, ดังนั้นเขาจึงหันไปหากลุ่มแล้วพูด “ไปกันเถอะ, พวกเราต้องหาทางออกให้ได้”
ทั้งกลุ่มมุ่งหน้าต่อ พวกเขาเดินผ่านไปอีกสองสามห้องแล้วเจอกับพวกโจรของสมาคมมากกว่า 30 คน ลิงค์ ฆ่าและเผาพวกเขาไปครึ่งนึง, แต่อีกครึ่งก็กลับมามีชีวิตก่อนที่ ลิงค์ จะสามารถเผาพวกเขาได้, และพวกเขาก็มุ่งหน้าลึกเข้าไปในถ้ำ
ทั้งกลุ่มรู้สึกประสาทเสียกับการที่คนตายฟื้นขึ้นมาแล้วเดินตรงดิ่งเข้าไปในถ้ำ
“มันเหมือนกับว่าพวกมันเป็นหุ่นเชิดแล้วมีคนคอยชักใยควบคุมการเคลื่อนไหวของพวกมันอยู่ในเงามืดเลย” ลูซี่ พูด
“หรือว่าจะมีนักเวทย์ปลุกศพอยู่ในนั้น? แต่ทำไมนักเวทย์คนนั้นถึงไม่มาเผชิญหน้ากับพวกเราตรงๆหล่ะ?” แอนเดอร์สัน พูด
“ไม่จำเป็นต้องเดาหรอก” ลิงค์ พูดพร้อมกับส่ายหัว “พวกเราต้องตามพวกมันไปแล้วสืบให้ได้ในทีเดียว ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นใคร, ฉันไม่คิดว่ามันจะแข็งแกร่งนักหรอก, ไม่อย่างนั้น, มันคงจะไม่ใช้พวกซากศพหรือกับดักกับพวกเราในถ้ำเขาวงกตแห่งนี้, แล้วตลอดเวลามานี้มันยังไม่ได้ขยับนิ้วโจมตีพวกเราโดยตรงเลย”
“ฉันเห็นด้วยค่ะนายท่าน ดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามจะระวังพลังของพวกเรานะคะ!” ลูซี่ พูด สิ่งที่ ลิงค์ พูดฟังดูมีเหตุผลสำหรับทุกๆคน, แล้วทุกคนก็พยักหน้ายกเว้น ยักช่า
ยักช่า ไม่ได้ส่งเสียงอะไร, ไม่ใช่เพราะเขาไม่เห็นด้วย, แต่เพราะเขากลัวบทเรียนที่รุนแรงของ แอนเดอร์สัน
ขณะที่พวกเขามุ่งหน้าลึกเข้าไปในถ้ำอีก 100 หลา, ทั้งกลุ่มก็มาถึงด้านในสุดของถ้ำในที่สุด
มันน่าขนลุกอยู่พอสมควร, พวกเขาพบว่าตัวเองอยู่ในห้องโถงใหญ่ที่กว้างประมาณ 50 หลา และที่ใจกลางห้องโถงก็มีรูปปั้นสีดำเข้มที่สวมเสื้อคลุมขนาดใหญ่เอาไว้, และถูกปกคลุมด้วยเงามืดสลัวๆ รอบๆมันมีเทียนที่มีไฟริบหรี่ตั้งเอาไว้, และรอบๆเทียนก็มีฝูงซากศพมีชีวิตที่ไม่พูดอะไร
มีพวกซากศพมีชีวิตอยู่เยอะพอสมควรในที่แห่งนี้, บางที่น่าจะมีประมาณ 50 ตัว, ซึ่งทั้งหมดคือโจรของสมาคมที่ถูก ลิงค์ กับทีมฆ่า พอพวกมันเดินเข้ามาในห้องโถง, พวกซากศพมีชีวิตก็หันมาหาพวกเขาอย่างพร้อมเพรียงกันด้วยดวงตาที่ไร้ชีวิตแล้วจ้องมาที่พวกเขาอย่างเหม่อลอย
ห้องโถงใต้ดินที่มืดมิด, รูปปั้นสีดำที่มีเทียนสีขาวตั้งอยู่รอบ, และการเดินทางอย่างเงียบสงัดของซากศพมีชีวิต—พอนำพวกมันทั้งหมดมาผสมกันก็ได้สร้างฉากสยองขวัญจากนรกขึ้นมา
พอมาถึงจุดนี้ทุกๆคนก็รู้สึกกลัวจนตัวแข็งทื่อ แต่ทันใดนั้น, ดวงตาของรูปปั้นก็เปล่งแสงสีแดงสลัวๆออกมา จากนั้น, น้ำเสียงอันชั่วร้ายที่ไม่รู้ว่าเป็นเพศอะไรก็ดังขึ้นทั่วทั้งห้องโถงโดยพูดว่า “เจ้าพวกมนุษย์พวกเจ้ารู้ไหมว่าต้องจ่ายค่าดูหมิ่นเท่าไหร่สำหรับบาปที่ไม่สามารถชดเชยได้ของพวกเจ้า? ใช่แล้ว, เจ้าต้องจ่ายด้วยวิญญาณของเจ้า! โอ้, เจ้าช่างมีวิญญาณที่น่ารับประทานอะไรเยี่ยงนี้!”