Advent of the Archmage - ตอนที่ 416: ยุคสมัยของลิงค์
Advent of the Archmage Chapter 416: ยุคสมัยของลิงค์
ราชาลีออนยืนอยู่หน้าสุดของกลุ่ม ด้านข้างของเขามีลูซี่ แจคเกอร์และนักเวทย์คนอื่นๆอีกมากมาย ลิงค์จํา เกรนซี เฟอดินันท์ และวิสมัลเลอร์ได้ แต่นอกจากสามคนนี้แล้ว คนอื่นๆก็เป็นนักเวทย์จากพระราชวังทั้งหมด
ในตอนที่ราชาลีออนเห็นลิงค์ “ลอร์ด สถานการณ์ทางตอนเหนือเป็นยังไงบ้าง?”
ทุกคนต่างมองลิงค์อย่างคาดหวัง ถ้าลิงค์กลับมา นั่นก็หมายความว่าสถานการณ์จะต้องดีขึ้นแล้ว แต่ว่า พวกเขาก็ยังคงต้องการฟังรายละเอียดจากลิงค์ก่อนพวกเขาถึงจะรู้สึกสบายใจได้
ลิงค์หัวเราะ “ไม่ต้องห่วง นั่งลงก่อนเถอะครับ”
ห้องโถงนั้นกว้างขวาง และมีเก้าอี้ตั้งอยู่เป็นวงกลมรอบห้องโถง ในตอนที่ทุกคนนั่งลง ลิงค์ก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางตอนเหนือ เริ่มจากการต่อสู้ที่ป้อมโอริด้า เขาพูดเกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานของชาวยับบ้าและเล่าคร่าวๆเกี่ยวกับประสบการณ์ของเขาในอารากู่ รวมถึงการที่เขาขึ้นสู่ระดับตํานานด้วย
“สรุปคือ พวกเราได้รับชัยชนะ ส่วนพวกดาร์กเอลฟ์ก็ไม่มีกําลังพอที่จะสู้อีกต่อไปแล้วสินะ”
ทุกคนถอนหายใจออกมาอย่างช้าๆ พวกเขารู้สึกโล่งใจแต่ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็รู้สึกหนักใจด้วย
ถึงแม้ว่าพวกดาร์กเอลฟ์จะได้รับความสูญเสียมากมาย แต่ว่าพวกเขาเองก็เช่นกัน พระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์ นักรบระดับสูงเองก็ถูกฆ่าไปมากมาย พวกเขาเหลืออยู่แค่ 17,000 คนเท่านั้น การป้องกันของป้อมโอริด้าเองก็ถูกทะลวงเข้ามาได้ แม้ว่ามันจะเป็นแค่การเล่าเรื่องจากลิงค์ แต่มันก็ยังทําให้พวกเขาทุกคนรู้สึกกังวล
ไม่มีใครกล้าคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าป้อมโอริด้าถูกทําลาย แต่อย่างน้อย ในท้ายที่สุดแล้ว ป้อมโอริด้าก็ยังคงอยู่ในการควบคุมของมนุษย์
หลังจากที่ฟังเรื่องที่ลิงค์พูด ราชาลีออนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าสงครามทางเหนือจะหนักหน่วงขนาดนี้ ถ้าเกิดว่าข้ารู้ข้าคงไม่ส่งคําขอกําลังเสริมไปหรอก มันเกือบทําให้พวกเราต้องต่อสู้กันเองแล้ว”
ลิงค์รู้สึกตงิดใจเมื่อได้ฟังเรื่องนี้ เขามองไปที่พระราชาแก่ๆและสีหน้าตําหนิตัวเองของเขา แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็เห็นบางอย่างซ่อนอยู่ในดวงตาของพระราชา
ในฐานะพระราชาและนักการเมือง ลิงค์รู้ดีว่าคําพูดของเขานั้นมีความหมายมากกว่าที่แสดงออกมา ดังนั้นลิงค์จึงสังเกตุดูภาษากายของเขา
แม้ว่าบางส่วนราชาลีออนจะโทษตัวเอง แต่ว่าความรู้สึกจริงๆของเขาเกี่ยวกับสงครามและดยุคอาเบลนั้นเป็นบางเรื่องที่ลิงค์ไม่สามารถทําความเข้าใจได้ในตอนนี้
ลิงค์คิดเกี่ยวกับดยุคอาเบล
ในฐานะผู้บัญชาการ ดยุคอาเบลนั้นถือว่าทําได้ดีเลยทีเดียว แม้ว่าวิธีการบางอย่างของเขาจะดูคิดง่ายไปหน่อย แต่เขาก็เลือกที่จะอยู่ป้อมโอริด้า สิ่งที่เขาทํานั้นมันอาจจะดูเหมือนว่าทําเพื่อระวังภัยจากทางเหนือ แต่บางที เขาอาจจะทําแบบนี้เพื่อระวังราชาลีออนก็ได้
พอคิดถึงเรื่องพวกนี้ ลิงค์ก็ปวดหัวขึ้นมา เขาพยายามไม่คิดถึงมันอีก เรื่องการเมืองกับตระกูลอาเบลนั้นซับซ้อนมากๆ และพี่น้องคู่นี้จะต้องมีความลับที่ยังไม่เปิดเผยออกมาอย่างแน่นอน ดูจากความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ คงไม่มีใครกล้ายึดดินแดนของเขา อย่างน้อยสิ่งที่พวกเขาจะทําก็คือดึงให้เขาไปเข้าพวกด้วย
ทั้งหมดนี้เขาใช้เวลาในการคิดแค่นิดเดียวเท่านั้น ลิงค์ตัดสินใจที่จะผ่อนคลาย เขาถามออกมา “ป้อมโอริด้าต้องการกองกําลังและทรัพยากรอย่างมาก ลูซี่ พวกเราไม่สามารถให้กองกําลังกับพวกเขาได้แต่ว่าพวกเราสามารถส่งทรัพยากรไปได้ใช่มั้ย?”
ลูซี่นั้นไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว ครึ่งปีก่อน เธอเป็นทหารรับจ้างที่สดใสและมีความสามารถ แต่ตอนนี้ เธอสวมชุดเดรสสีแดงงดงาม และผมสีแดงเพลิงของเธอก็ถูกตัดให้สั้น เธอสวมตราประทับไว้ที่นิ้วของเธอ และมีแว่นสีเงินห้อยอยู่ที่คอ ตอนนี้เธอคือหัวหน้าฝ่ายจัดการของเฟิร์ด
ลูซี่หยิบหนังสือเล่มใหญ่ออกมาเปิดดู เธอเจอหน้าที่ต้องการและยื่นมันให้กับลิงค์ “ท่านคะ นี่คือสถานการณ์ปัจจุบันของเรา มากที่สุดที่พวกเราสามารถให้ได้ก็คือทรัพยากรสําหรับครึ่งปี ถ้ามากไปกว่านั้นมันจะไปกระทบกับการดําเนินการของเรา…ดังนั้นพวกเราจึงจําเป็นต้องให้ทางอาณาจักรสนับสนุนด้านเงินทุนเราถ้าเกิดว่าพวกเขาต้องการทรัพยากรมากกว่านี้”
ราชาลีออนมีท่าทีแปลกๆ เหตุผลนั้นชัดเจนมาก เขาไม่มีเงิน
เมืองฮอทสปริงล่มสลาย และทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขาก็ถูกอาณาจักรเดลอนก้าเอาไปหมดแล้ว แถมประชาชนที่เหลืออยู่ในเมืองต่างก็พากันย้ายขึ้นเหนือหรือไม่ก็มาที่เฟิร์ด
สําหรับตัวเขา เขาเป็นราชาเพียงแค่ในนามเท่านั้น ตอนนี้เขาลี้ภัยมายังเฟิร์ด เขาต้องพึ่งพาสิ่งจําเป็นทุกอย่างจากเฟิร์ด แล้วเขาจะไปเอาเงินมาจากไหนมาจ่ายเฟิร์ดสําหรับค่าทรัพยากรล่ะ?
ลิงค์เข้าใจความคิดของพระราชา แต่ว่าเขาเองก็เข้าใจเจตนารมณ์ของลูซี่ เธอต้องการใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ในตอนนี้เพื่อกอบโกยผลประโยชน์มาให้เฟิร์ด
นี่เป็นโอกาสที่ดี และลิงค์ก็ตัดสินใจที่จะร่วมมือกับเธอ เขามองไปที่ตัวเลขที่อยู่ในหนังสือและพูด “อย่าพึ่งพูดถึงเรื่องเงินเลย เรื่องนั้นค่อยมาจัดการทีหลังก็ได้ ตอนนี้ พวกเราต้องผลิตทรัพยากรให้มากพอสําหรับคน 30,000 คนเป็นเวลา 1 ปี”
“ได้ค่ะลอร์ด แต่ว่าฉันต้องขอเตือนอีกครั้งนะคะว่าพวกเราไม่สามารถให้ฟรีๆได้ พวกเราต้องมีความรับผิดชอบต่อประชาชนของเราด้วย ถ้าพวกเราให้ทรัพยากรแก่พวกเขา พวกเราจะต้องได้รับบางอย่างเป็นการตอบแทน” ลูซี่พูดเธอกล่าวถึงข้อต่อรองอย่างจริงจัง
ราชาลีออนทนรับเรื่องนี้ไม่ไหวแล้ว ยิ่งเขาได้ยินมันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งโกรธมากเท่านั้น เขาพูดอย่างเย็นชา “ลูซี่ ทางอาณาจักรจะไม่มีวันลืมบุญคุณในครั้งนี้อย่างแน่นอน ถ้าเกิดว่าเจ้าแบ่งทรัพยากรให้พวกเรา ทางเราจะยกเลิกภาษีของเฟิร์ดตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”
อันที่จริง จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ราชาลีออนไม่มีอํานาจในการบังคับให้เฟิร์ดจ่ายภาษีด้วยซ้ำ ยังไงก็ตาม ลูซี่กําลังรอคําสัญญาจากพระองค์อยู่ เธอพยักหน้าอย่างจริงจัง “ทูลฝ่าบาท ในเมื่อท่านทรงตรัสเช่นนั้น หม่อมฉันก็ขอยอมรับข้อตกลงนี้ค่ะ”
ตอนนี้ลิงค์กลับมาแล้ว และเฟิร์ดในตอนนี้ก็มีระดับตํานานอยู่ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เฟิร์ดสามารถแยกตัวออกเป็นอิสระได้ แต่ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือมันจะไม่ดีต่อชื่อเสียงของเฟิร์ด โดยเฉพาะกับชาวอาณาจักรนอร์ตัน อาณาจักรนอร์ตันนั้นมีผู้คนมากมายที่ซื่อสัตย์ต่ออาณาจักร และจะหันมาต่อต้านเฟิร์ดถ้าเกิดว่าเฟิร์ดก่อกบฏ
ดังนั้นแทนที่จะก่อกบฏ แต่เปลี่ยนไปขอค่าชดเชยจากราชาลีออนในเรื่องการช่วยเหลือแทนนั้นจะช่วยให้พวกเขาได้คะแนนจากชาวนอร์ตันเพิ่มขึ้นแถมยังสามารถรับผลประโยชน์ได้ในทันทีด้วย
นี่คือสิ่งที่ลูซี่วางแผนเอาไว้
ราชาลีออนรู้ดีว่าเธอต้องการอะไร และเขาก็รู้ดีว่าอาณาจักรของเขาต้องการความช่วยเหลือจากเฟิร์ด แถมเขาก็ไม่ได้มีอํานาจเหนือเฟิร์ดอีกต่อไปแล้วด้วย มันเหมือนกับว่าเขาเสียจุดยืนของตัวเองไป อย่างไรก็ตาม พระองค์ก็ไม่มีเรื่องอื่นให้ต่อรองแล้ว
ยอมให้ไปเถอะ ลิงค์เป็นนักเวทย์ระดับตํานานและยังเป็นเสาหลักที่คอยสนับสนุนอาณาจักรด้วย มันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่เขาจะได้รับสิทธิพิเศษ ยังไงซะ เขาก็ไม่มีทางขอร้องในเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว นี่คือสิ่งที่ราชาลออนคิดปลอบใจตัวเอง
ลิงค์ไม่ได้สนใจว่าราชาจะรู้ถึงแผนการของพวกเขาหรือไม่เพราะมันเป็นแค่เรื่องเล็กๆ “ฝ่าบาทเกี่ยวกับเรื่องกําลังเสริมและทรัพยากรนั้น พระองค์สามารถส่งคนไปคุยกับลูซี่ได้เลยนะครับ ท่านสะดวกใช่ไหม?”
ราชาลีออนพยักหน้า”ไม่มีปัญหา
จากนั้นลิงค์ก็หันไปหานักเวทย์เกรนซีและถาม “สถานการณ์ของสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟเป็นยังไงบ้าง?”
เกรนซีหัวเราะออกมาเบาๆ “สบายมาก แอนดรูวตายแล้ว และชาวเดลอนก้าก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อสถาบันอีกต่อไป ทั้งหมดที่พวกมันทําได้ก็คือปิดล้อมสถาบัน”
ลิงค์รู้สึกโล่งใจที่ได้ยินอย่างนั้น “ดีเลย ครั้งนี้อาณาจักรเดลอนก้าล้ำเส้นเกินไปจริงๆ ในระหว่างที่พวกเรากําลังจัดการกับภัยร้ายจากทางเหนือ พวกมันก็บังอาจมาแทงข้างหลังพวกเรา!! พวกมันจะต้องได้รับบทเรียน!”
คําพูดของลิงค์นั้นเย็นชา และทุกคนที่อยู่ในห้องโถงก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา พวกเขาหายใจไม่ออกและหลายคนก็ตัวซีดเผือดเพราะว่าแรงกดดันที่ลิงค์ปล่อยออกมา
ลิงค์รู้สึกตัวในเวลาไม่นานว่าเขาได้ปล่อยจิตสังหารอันรุนแรงออกมาและทําให้ทุกคนรู้สึกไม่สบายตัว หลังจากที่เขาใจเย็นลง ทุกคนก็ดูโล่งใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
อย่างที่คาดเอาไว้สําหรับนักเวทย์ระดับตํานาน-แรงกดดันที่เขาปล่อยออกมานั้นน่ากลัวมาก
ลิงค์ฝากเรื่องเกี่ยวกับการทหารให้แจ็คเกอร์เป็นคนจัดการ
ตอนนี้แจคเกอร์อยู่ที่ระดับสูงสุดของเลเวล 6 เขาสวมชุดเกราะหนักป้องกันเวทมนตร์ที่ดูเก่าและเป็นที่รักอย่างมาก เขารายงาน “ลอร์ดครับ ตอนนี้กองทัพของพวกเรากําลังปะทะกับพวกเดลอนก้าที่ชายแดนของเฟิร์ดอยู่ กองทัพของพวกเราอ่อนแอกว่าเล็กน้อย แต่ว่าพวกเราก็ยังสามารถรับมือได้เพราะพันตรีเซลืนกับดอเรียสเป็นเทพแห่งความตายภายในปาเกอแวนท์”
จะบอกว่าเซลีนเป็นคนที่ทําให้ศัตรูต้องถอนกําลังกลับก็ยังได้ เพราะว่าเธอฆ่าผู้บัญชาการของเดลอนก้าไปหลายคนทําให้กองทัพของพวกเขาเป็นอัมพาต
และเพราะเหตุนี้เองกองทัพที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นมาใหม่ของเฟิร์คจึงสามารถต่อสู้กับกองทัพของเดลอนก้าได้
ลิงค์พยักหน้าและพูด “โอเค ถ้างั้นฉันขอไปแนวหน้าซักหน่อยนะ”
เขาอยากไปพบเซลีนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้
“ข้าจะไปส่งเจ้าที่นั่นเอง!” เฟลิน่าพูด “ตอนนี้ข้ากําลังว่างอยู่”
ร่างมังกรของเธอได้รับบาดเจ็บเพียงแค่เล็กน้อย และตอนนี้เธอก็ได้เปลี่ยนกลับมาเป็นร่างมนุษย์ บาดแผลพวกนั้นจึงหายไป
“ไม่ ไม่ ข้าต่างหากหล่ะที่จะเป็นคนพาไป เรือเหาะของข้าเร็วกว่าเจ้าอีก” แลนนี่เถียงขึ้นมา
“ไม่ แลนนี่ เธอจะต้องอยู่ที่นี่เพื่อคุยกับลูซี่เรื่องการจัดการสําหรับชาวยับบ้า พวกเราจะต้องเตรียมพื้นที่สําหรับประชาชนของเธอ ถูกไหม?” ลิงค์เตือนเธอ
“โถ่…เอางั้นก็ได้” แลนนี่ตอบอย่างไม่เต็มใจ
ลิงค์ยืนขึ้นและกําลังจะเดินออกไป แต่อยู่ๆเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ฝ่าบาท มีลิซมาช่วยท่านเอาไว้ใช่มั้ย?” ลิงค์ถาม
ราชาลีออนตกใจที่อยู่ๆก็ถามคําถามนี้ขึ้นมา แต่เขาก็พูดออกมา “ใช่ เขาเรียกตัวเองว่าแวนซ์ เห็นได้ชัดว่าเขาบังเอิญผ่านทางมา แม้ว่าเขาจะเป็นลิซ แต่ข้าก็อภัยโทษให้เขาและปล่อยเขาเดินทางอย่างอิสระ เขาน่าจะอยู่ภายในดินแดนเฟิร์ดนี่แหละ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“ข้าเคยเห็นเขามาก่อน ข้าไม่รู้ว่าจะอธิบายลักษณะของลิซยังไงดี แต่ว่าเขาดูไม่ได้เป็นภัยกับพวกเรานะ” เกรนซี่พูดเสริม
แน่นอน แวนซ์ไม่มีทางเป็นภัยคุกคามหรอก ลิงค์เป็นคนที่รู้ดีที่สุด เนื่องจากนี่เป็นโอกาสที่จะทําให้เขาได้รับการยอมรับจากผู้คน นี่คงจะเป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว
“ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ถ้าผมว่างเมื่อไหร่ ผมจะลองไปหาเขาดูนะ” ลิงค์พูด
เกรนซีพยักหน้า “นั่นคงจะดีที่สุดแล้ว” เขาพูด
จากนั้นลิงค์ก็หันไปหาเฟลิน่า “ไปกันเถอะ”
ทั้งสองคนเดินออกไปที่ระเบียงของหอคอยเวทมนตร์ หลังจากนั้นสักพักก็มีเสียงคํารามของมังกรดังขึ้น และลิงค์กับเฟลิน่าก็บินไปทางเขตชายแดนทิศตะวันตกของเฟิร์ด
ทุกคนมองดูลิงค์กับเฟลิน่าบินออกไป หลังจากที่พวกเขาหายไป เกรนซีก็ถอนหายใจออกมาอย่างตื่นตัน “มันเป็นยุคสมัยใหม่แล้วจริงๆสินะ พวกหนุ่มสาวได้ไต่ขึ้นมาจนถึงจุดสูงสุดแล้ว”
หลังจากผ่านมา 300 ปี ฮีโร่ในตํานานก็ได้กลับมาในหมู่มนุษย์อีกครั้ง
มันเป็นช่วงเวลาอันสับสนวุ่นวายที่เต็มไปด้วยภัยภิบัติ แต่มันก็ยังเป็นโอกาสสําหรับมนุษย์ในการพัฒนา!
บรรยากาศในห้องโถงอึมครึม ทุกคนนั้นกําลังคิดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆและไม่ได้คุยกันเลย
หลังจากผ่านไปซักพัก ลูซี่ก็ทําลายความเงียบลง “เอาหล่ะ ได้เวลาที่พวกเราจะไปทํางานแล้ว เจ้าหนู พวกเรามาคุยเรื่องเกี่ยวกับชาวยับบ้ากันเลยไหม?”
แลนนิโต้กลับ “อย่ามาเรียกข้าว่าเจ้าหนูนะ! ข้ามีชื่อว่าแลนนี่!”
แลนนี่ทําหน้าขึงขังและเอามือท้าวเอว เธอนั้นดูเหมือนกับเม็ดถั่วเล็กๆที่กําลังจะระเบิดเลย
ช่างเป็นโชคร้ายสําหรับเธอ สิ่งนี้ไม่ได้ทําให้เธอดูน่าเกรงขามขึ้น แต่มันกลับทําให้ทั้งห้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมา สิ่งนี้ทําให้บรรยากาศในห้องโถงผ่อนคลายขึ้นเยอะ หลังจากที่พวกเขาหัวเราะออกมาลูซี่ก็พูด “ฉันขอโทษ แลนนี่ ฉันไม่ได้อยากจะเสียมารยาท มันแค่… เธอน่ารักเกินไปหน่ะ 555!”
แลนนี่โกรธยิ่งกว่าเดิม แต่ว่าเธอก็ไม่สามารถทําอะไรได้ ในท้ายที่สุดแล้ว เธอก็พูดขึ้นมาอย่างจนปัญญา “ช่วยหยุดหัวเราะซักทีได้ไหม? มาคุยเรื่องที่ต้องคุยกันดีกว่า”
ในขณะเดียวกัน ลิงค์ที่ขี่หลังของเฟลิน่าก็กําลังเล่ากระบวนการที่เขาได้รับพลังมังกรให้ฟัง พวกเขามุ่งหน้าไปได้ครึ่งทางก่อนที่ลิงค์จะเล่าจบ เขาหัวเราะและพูด “ท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นแค่เรื่องของความบังเอิญที่โชคดีมากๆเท่านั้นแหล่ะน่ะ”
เฟลิน่าคิดว่ามันเหลือเชื่อและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี หลังจากเงียบไปนานเธอก็พูดออกมา “ข้าคิดว่าราชินีของพวกเราจะต้องพึงพอใจกับข่าวนี้มากแน่ๆ ตอนนี้เผ่ามังกรของเรามีผู้เชี่ยวชาถเพิ่มอีกคนแล้ว บางที่องค์ราชินีอาจจะมอบยศดยุคให้เจ้าก็ได้นะ”
“มันจําเป็นด้วยหรอ?”ลิงค์ถาม เขาตกตะลึง อ้างอิงจากเรื่องที่เขารู้เกี่ยวกับชนเผ่ามังกร ดยุคมังกรแดงนั้นมีความหมายแฝงอยู่ ซึ่งก็คือพระราชสวามีที่ราชินีมังกรเป็นคนเลือก ถ้าเกิดว่าเขายอมรับมัน นั่นจะทําให้เขามีปัญหามากขึ้นไม่ใช่หรอ?
เฟลิน่ามองดูสีหน้าของลิงค์และรู้ในทันทีว่าเขากําลังคิดอะไรอยู่ เธอหัวเราะ “เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ลิงค์ นี่เป็นประเพณีภายในชนเผ่าของเราและใช้กันเฉพาะภายในหมู่มังกร ในโลกมนุษย์ เจ้าจะยังคงเป็นลอร์ดแห่งเฟิร์ดเหมือนเดิม และไม่ได้ได้รับผลกระทบอะไรทั้งนั้น”
“หรอ ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันก็ยินดีรับมันนะ”
หลังจากบินไปอีกซักพัก พวกเขาก็เห็นชายแดนของเฟิร์ดอยู่เบื้องหน้าพวกเขา แถมลิงค์ยังเห็นป้อมปราการอยู่ด้านหน้าและกองทัพโผล่ออกมาจากปาเกอแวนท์ซึ่งพวกเขาเป็นคนของเฟิร์ด
ภายในกลุ่มพวกเขามีผู้หญิงที่กําลังขี่เสือยักษ์สีเขียวอยู่ เธอถือปืนคาบศิลาอันใหญ่และเดินอย่างน่าเกรงขามอยู่ที่แนวหน้าของกองทัพ
เธอมีผมสั้นสีม่วงเข้ม ดวงตาสีดํา และสวมชุดหนังสีเขียวเข้ม เธอคือเซลีน