Advent of the Archmage - ตอนที่ 372: หากําลังเสริม
Chapter 372: หากําลังเสริม
บนระเบียงหอคอย
สมาชิกหลักของพันธมิตรได้มาอยู่กันที่นี่แล้ว พวกเขามองผ่านบาเรียระดับตํานานสีเหลือง, แล้วสังเกตดูเหล่าปีศาจที่กําลังล้อมกําแพงอยู่ สีหน้าของพวกเขาทุกคนซีดเผือด
ลิงค์ชี้ไปที่คนๆนึงแล้วพูด “ดูนั่น, เห็นเด็กผู้หญิงผมสีดําไหม? เธอคือลูกสาวของลอร์ดโนโซม่า อย่าไปโดนหน้าตาน่ารักของเธอหลอกเข้าหล่ะ, เธอเหลืออีกแค่หน่อยเดียวก็จะไปถึงภพตํานานแล้ว ถ้าพวกเรามัวแต่นิ่งนอนใจ, และให้เวลาเธอมากพอ, เธอก็จะสามารถฆ่าพวกเราทุกคนที่นี่ได้อย่างง่ายดาย
ซาโรวินีเป็นนักฆ่า, ในขณะเดียวกัน, เธอก็พอรู้จักเวทย์ระดับสูงที่มีประโยชน์มากๆด้วย ลิงค์สงสัยว่าเธอมีพรสวรรค์ในการทํานายเหมือนกับเซลีนรึเปล่า การปะทะกันด้วยการต่อสู้แบบกองโจรกับศัตรูประเภทนี้คือฝันร้ายที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้ว
ใบหน้าของทุกคนซีดเผือด
ในหมู่พวกเขา, คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือลิงค์, ที่อยู่ขั้นกลางของเลเวล 8, ตามมาด้วยคาร์โนสและนานะที่ไปถึงเลเวล 8 แล้วเช่นกัน พวกเขาแข็งแกร่งเกินกว่าที่ดยุคอาเบลจะประเมินได้, แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถเทียบเคียงกับกองทัพปีศาจที่มีผู้บัญชาการที่เกือบจะไปถึงภพตํานานแล้ว
นักรบระดับตํานาน!
พอคิดถึงมันก็ทําให้ตัวสั่นด้วยความกลัวแล้ว ใครจะไปกล้าเผชิญหน้ากับคนพวกนี้หล่ะ?
“และนั่นก็ยังไม่ใช่ทั้งหมดนะ” ลิงค์พูดต่อ เขาชี้ไปยังปีศาจที่ล้อมรอบซาโรวินีอยู่ “นี่, นี่, แล้วก็ไอหมอนี่, พวกมันทุกตัวมีเลเวล 8 ผมเชื่อว่าจากปีศาจระดับสูงทั้งหมด 230 ตัว, มีพวกมันประมานสามสิบเปอร์เซนต์ที่มีเลเวล 8 ซึ่งตีเป็นจํานวนก็น่าจะประมาณ 70 ตัว นอกจากนั้น, พวกมันยังมีปีศาจระดับต่ำอีก 60,000 ตัว! การต่อสู้กับกองทัพแบบนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย!”
แม้ว่าปีศาจเลเวล 8 จะไม่สามารถล้างบางทั้งกองทัพได้เหมือนกับที่ลิงค์ทํา, แต่การจัดการกับกองทัพมนุษย์นั้น, พวกมันคงไม่เจออุปสรรคอะไรอย่างแน่นอน ถ้าพวกมันไม่ได้ถูกล็อคตัวเอาไว้ในการต่อสู้และมีอิสระบนสนามรบ, พวกมันก็จะสามารถฆ่าคนเป็นพันได้อย่างง่ายดาย
และปีศาจแบบนั้น ก็มีตั้ง 70 ตัว!
ซึ่งแค่ 70 ตัวนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะล้างบางทหารทุกคนในป้อมปราการ ไม่มีความจําเป็นต้องพูดถึงปีศาจเลเวล 7 ประมาณ 160 ตัวและปีศาจเลเวล 5 ประมาณ 60,000 ตัวเลย
ตอนที่อยู่ในเกมส์, มันต้องผ่านมาถึงช่วงสุดท้ายเท่านั้นผู้เล่นถึงจะสามารถจัดการกับกองทัพปีศาจระดับนี้ได้ มันมีแค่ตอนที่กองทัพพันธมิตรแห่งแสงถูกก่อตั้งขึ้นมาอย่างสมบูรณ์เท่านั้น
คาร์โนสพูด “พวกมันพยายามล้อมพวกเรา!”
“ก็แน่หล่ะสิ” องค์หญิงมิลด้าถอนหายใจ เธอตื่นขึ้นมาตั้งนานแล้วและได้พักผ่อนไปแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น สภาพจิตใจของเธอยังฟื้นฟูไม่เต็มที่, และเธอก็ดูเหนื่อยล้า
ดยุคอาเบลก็ดูเหมือนจะสิ้นหวังเช่นกัน เขาไม่ได้สนใจมองปีศาจที่อยู่นอกป้อมแต่รายงานออกมาแทน “ภายในป้อมของพวกเรา, มีคนทั้งสิ้นอยู่ 12,900 คน พวกเรามีเสบียงกักตุนเอาไว้ 50 ตัน ถ้าพวกเราอยากรักษาพลังต่อสู้ระดับนี้เอาไว้เผชิญหน้ากับพวกปีศาจ, พวกเราจะต้องจ่ายอาหารวันละหนึ่งตัน อย่างมากที่สุด, พวกเราจะอยู่ได้ประมาณ 2 เดือน”
องค์หญิงมิลด้าเสนอ “ข้ามีเมล็ดพันธุ์อยู่จํานวนนึงลืมมันไปดีกว่า มันไม่น่าจะได้ผลหรอก บาเรียของป้อมนั้นได้ป้องกันไม่ให้พลังงานอื่นไหลเขามา ดังนั้นมันจึงมีแสงสว่างและน้ำไม่เพียงพอ
ราชาคนแคระริเอลเกาหนวดของเขาด้วยความเคยชิน “พูดอีกนัยนึงก็คือ, พวกเรากําลังจะตายสินะ ไม่ตายเพราะอดอยาก, ก็ตายในการต่อสู้”
ลิงค์มองออกไปนอกบาเรีย ซาโรวินีรู้สึกได้ถึงสายตาของเขาแล้วจ้องกลับมาหาเขา เธอยิ้มเยาะแล้วชูกําปั้นให้เขา มันดูน่ารักมากๆ แต่มันก็ทําให้หัวใจถูกบีบรัดเมื่อได้เห็น
ด้วยความที่ไม่มีอารมณ์จะมองดูพวกศัตรูต่อ, ทุกคนจึงย้อนกลับเข้ามาในหอคอย พวกเขาไม่มีอารมณ์จะพูดคุยเรื่องแผนการด้วยซ้ำ
ลิงค์เป็นคนที่อยู่ในสภาพดีที่สุด เขาจดจ่ออยู่กับตัวเองแล้วเดินทางไปยังห้องโถงขนาดยักษ์แห่งนึง
แม้ว่าป้อมจะสามารถจุคนได้มากกว่า 10,000 คน แต่มันก็ยังค่อนข้างแออัดอยู่ดี ห้องโถงใหญ่นี้เต็มไปด้วยผู้คน, โดยเฉพาะทหารบาดเจ็บที่นอนอยู่ทั่วทุกมุม อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นเลือด, ฉี่, และเหงื่อ, มันฉุนมากๆ
ในขณะที่เขาเดินเข้าไป, ลิงค์ก็เห็นคนตัวเล็กคนนึงอยู่ตรงมุมห้องโถง ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยบาดแผล, และผมของเธอก็ถูกย้อมด้วยเลือดแห้ง เธอกําลังนอนพิงกําแพงอยู่และที่อยู่ในมือของเธอก็คือปืนคาบศิลาที่เต็มไปด้วยเลือดและเศษดิน หัวของเธอนั้นจึงอยู่กับกระสอบที่ใส่ของบางอย่างอยู่ และเธอก็ดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด
เธอคือยับบ้าหญิง, เมอลินด้า ตอนแรก, ในตอนที่การโจมตีเริ่มต้นขึ้น, เธอรวมกลุ่มกับชาวยับบ้าและลิงค์ก็ไม่เห็นเธอเลย เขารู้สึกประหลาดใจจริงๆที่ได้เห็นว่าเธอยังมีชีวิตอยู่
มีรอยฟันมากมายบนใบหน้าเล็กๆของเธอ ด้วยความที่มีนักบวชอยู่ไม่กี่คน, และส่วนใหญ่ก็กําลังยุ่งอยู่กับนักรบที่ได้รับบาดเจ็บหนัก, เธอจึงยังไม่สามารถรับการรักษาอะไรได้
ความรู้สึกของลิงค์ในขณะที่มองเธอนั้นซับซ้อน เธอเปลี่ยนท่าพักอย่างไม่สบายตัว ในตอนที่ขยับร่างกาย, เธอกําลังหลับตาอยู่ มีน้ำตาหยดนึงไหลลงมาอาบแก้มของเธอ น้ำตาที่หยดลงมานี้ทําให้จิตใจของลิงค์หวั่นไหวในทันที แล้วเขาก็ตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว
เธอเป็นแค่ยับบ้าหญิงสามัญชน ประเทศของเธอถูกรุกราน, พ่อแม่ของเธอถูกฆ่า, และหลังจากที่มาถึงป้อมโอริด้า, เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของเธอก็โดนฆ่าจนเกือบหมด ในตอนนี้มีเผ่ายับบ้ากําลังพักผ่อนอยู่ใกล้ๆเธอแค่ประมานสิบคนเท่า
หลังจากหยุดอยู่พักนึง, ลิงค์ก็พูบกับทหารคนนึงที่อยู่ใกล้ๆเขาอย่างอ่อนโยน “ช่วยเอาผ้าห่มไปปูที่พื้นห้องของฉัน, แล้วพาชาวยับบ้าเหล่านี้ไปพักผ่อนที่ห้องของฉันให้หน่อยสิ”
“ครับท่าน” ทหารขานรับ
ลิงค์หันไปดูทหารมนุษย์ที่อยู่รอบๆ พวกเขาส่วนใหญ่ต่างก็ได้รับบาดเจ็บ บางส่วนกําลังนอนอยู่บนเตียง, ดวงตาของพวกเขาว่างเปล่า บางส่วนกําลังร้องไห้สะอึกสะอื้นหรือไม่ก็กําลังส่งเสียงเรียก นักบวชกําลังวิ่งไปทั่วเพื่อทําการรักษาบาดแผล, และถึงแม้ว่าพวกเขาจะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ไปจนหมดแล้ว, มันก็ยังไม่พออย่างเห็นได้ชัด
แล้วลิงค์ก็เห็นแอนนี่ด้วย เธอได้รับบาดเจ็บแต่สภาพร่างกายยังโอเคอยู่, และสามารถวิ่งไปทั่วเพื่อให้ความช่วยเหลือได้
ในตอนที่เหล่าทหารเห็นเขา, พวกเขาต่างก็มองมาด้วยความหวัง มีทหารคนนึงที่ยังเด็กมากๆ ยังมีร่องรอยของความหนุ่มอยู่บนหน้าของเขา เขาน่าจะอายุแค่ประมาน 18 ปี บาดแผลของเขาร้ายแรงมากๆ, และเขาก็กําลังอยู่ระหว่างความเป็นและความตาย เขาพยายามฝืนยื่นมือออกมาทั้งๆ ที่สั่นในขณะที่พูดออกมาด้วย “ท่านครับ, ช่วยผมด้วยช่วยผมทีเถอะนะครับ!”
ลิงค์หมดทางช่วยแล้วจริงๆ พลังมังกรของเขาสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายได้, แต่มันก็ไม่สามารถทําให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ และมันก็ไม่สามารถรักษาบาดแผลร้ายแรงได้ด้วย
ลิงค์เดินไปหาแล้วคุกเข่าลงกับพื้น เขาจับมือของทหารคนนั้นแล้วพูดอย่างปลอบโยน “อย่ากลัวไปเลย นายจะได้เข้าไปในดินแดนสวรรค์ ที่นั่น, จะไม่มีทั้งความเจ็บปวดหรือความมืด, และไม่มีการต่อสู้”
ในตอนที่เขาพูดไปได้ครึ่งทาง, ลิงค์ก็รู้สึกว่ามือที่เขากําลังจับอยู่นั้นสูญเสียเรี่ยวแรงไปหมดแล้ว ทหารคนนี้จากไปแล้ว เขาตายไปทั้งๆที่ยังลืมตาอยู่, และกําลังหวังให้ถูกช่วย, กําลังหวังที่จะมีชีวิตต่อไป
ลิงค์ปิดตาของทหารคนนั้นอย่างจริงจัง, และลุกขึ้นมาเงียบๆ
ไม่! พวกเราจะรอความตายเฉยๆไม่ได้! ลิงค์รู้ว่าเขาต้องทําอะไรซักอย่าง
ทหารเหล่านี้ได้ผ่านประสบการณ์นองเลือดมาแล้ว หากมีเวลามากพอ, พวกเขาจะเติบโตขึ้นเป็นนักรบที่แข็งแกร่งของมนุษย์ชาติ!
เขาจําเป็นต้องไปหากําลังเสริม
ลิงค์หันหลังกลับแล้วขึ้นไปที่ห้องโถงชั้นสอง เขากําลังจะไปหาดยุคอาเบล
…
“อะไรนะครับ?”
“ผมได้ยินมาว่ามีเส้นทางลับอยู่ใต้ป้อมปราการแห่งนี้ มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?” ลิงค์ถาม
ดยุคตอบกลับไปอย่างสับสน “นี่ท่านจะพาพวกเราถอยผ่านเส้นทางนั้นหรอครับ? ข้าคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้นะ การเอาคนเป็นหมื่นผ่านเส้นทางนั้นมันจะส่งเสียงดังมากเกินไปและจะถูกจับได้ในทันที บนทุ่งหญ้านั่น…”
“ไม่, ผมจะไปคนเดียวแล้วเอายอดฝีมือไปด้วยบางส่วน คาร์โนสต้องอยู่ที่นี่, แต่ราชาริเอล, องค์หญิงมิลด้า, แล้วก็นานะสามารถไปกับผมได้ พวกเราทั้งสี่คนจะออกไปตามหากําลังเสริม”
หากพาคาร์โนสไปด้วยคงจะช่วยเหลือได้อย่างมากมาย แต่ความสําคัญของเขากับกองทัพนั้นมีมากเกินไป ถ้าเขาไม่อยู่, ดยุคอาเบล, ที่มีเลเวลแค่ 5, คงจะไม่สามารถคุ้มกันป้อมแห่งนี้ด้วยตัวคนเดียวได้
สําหรับเขาดูเหมือนว่าการหากําลังเสริมจากที่อื่นจะเป็นทางเลือกแค่ทางเดียว ดยุคอาเบลครุ่นคิดอยู่พักนึง จากนั้นเขาก็หันไปที่ชั้นหนังสือ “เส้นทางลับที่อยู่ใต้ป้อมแห่งนี้ซับซ้อนมากๆ, มันเหมือนกับเขาวงกต ข้าไม่รู้หรอกนะว่าประตูเวทมนตร์ที่แท้จริงอยู่ที่ไหน สักครู่นะ, ขอข้าดูแผ่นที่ก่อน”
เขาไปที่ชั้นหนังสือแล้วไล่ดู หลังจากนั้น เขาก็หยิบคําภีร์โบราณออกมาฉบับนึง “เจอแล้ว!”
เขากางคําภีร์ลงบนโต๊ะแล้วชี้เส้นทาง “ตอนแรก, เส้นทางมันก็ไม่ได้ซับซ้อนหรอก แต่นับตั้งแต่สมัยก่อน, ป้อมแห่งนี้ก็ถูกปรับปรุงมาเกินสิบครั้งแล้ว และแต่ละครั้ง, ก็จะมีโปรเจคที่ไม่เคยสําเร็จด้วย, ซึ่งมันทําให้สถานที่แห่งนี้ซับซ้อนมากๆ ขอข้าดูหน่อยนะ…ขอข้าดูหน่อย”
สิบนาทีต่อมา, ดยุคก็กุมขมับแล้วส่งคําภีร์ให้ลิงค์ “มันยุ่งเหยิงมากจริงๆ, เอานี่, ลองดูสิ”
ลิงค์รับคําภีร์, แล้วเขาก็ขมวดคิ้วในทันที นี่มันไม่ใช่แผนที่ด้วยซ้ำ มันเป็นแค่การเขียนลวกๆลงบนแผ่นกระดาษ บางสถานที่เลือนหายไปแล้ว, และบางส่วนของแผนที่ก็มีรูโดนหนอนแทะ
หลังจากดูมันอยู่ครึ่งวัน, ลิงค์ก็พอเข้าใจโครงสร้างคร่าวๆ “จากแผนที่นี้, ตอนแรกป้อมโอริด้านั้นเคยเป็นป้อมปราการของคนแคระภูเขามาก่อน หลังจากนั้น, พวกเขาก็ทิ้งป้อมแห่งนี้ไป, แล้วมันก็ถูกมนุษย์เข้ามายึดครอง ที่บนสุดของโครงสร้างดั้งเดิมนั้น, พวกเขาได้สร้างป้อมโอริด้าขึ้นมา หลังจากนั้น ก็ต่อเติมกันมาเรื่อยๆจนกลายเป็นเหมือนทุกวันนี้ มีประตูเวทมนตร์บานนึงอยู่ในนี้ในชั้นใต้ดินชั้นที่ห้า, และมันก็น่าจะหาได้ไม่ยากด้วย ซึ่งมันก็หาไม่อยากจริงๆ แต่ปัญหามันอยู่หลังจากที่หามันเจอต่างหาก ประตูเวทมนตร์นี้นําทางไปสู่อุโมงคนแคระที่ตัดกันไปทั่วและไปได้ทุกที่ พระเจ้า…ผมไม่ได้เห็นส่วนนี้ชัดๆเลยด้วยซ้ำ”
อัตราการเต้นของหัวใจของดยุคเพิ่มขึ้น “เป็นยังไงบ้าง? เจอทางออกไหม?”
โชคชะตาทั้งหมดของพวกเขาในตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าลิงค์สามารถหาทางออกและนํากําลังเสริมกลับมาได้รึเปล่า ถ้าเขาทําไม่ได้, พวกเขาก็จะจบสิ้น ป้อมแห่งนี้จะขาดเสบียงในที่สุด, และนั่นก็จะทําให้เจอกับจุดจบอันน่าเศร้าและวุ่นวายอย่างแน่นอน!
ลิงค์ตอบกลับไปด้วยความมั่นใจที่สามารถตัดเหล็กได้ “ผมจะหาทางออกให้ได้อย่างแน่นอน และต่อให้ผมทําไม่ได้ผมก็สร้างทางออกขึ้นมาเอง”
หลังจากนั้น, ลิงค์ก็ไปหาเจ้าหญิงไฮเอลฟ์มิลด้าและราชาคนแคระริเอล หลังจากที่อธิบายแผนการของเขา, พวกเขาก็เห็นด้วย นี่คือทางออกเดียวของพวกเขาในตอนนี้
“โอเค, เวลามีค่า, ตอนนี้พวกเรารีบไปกันเถอะ พวกเราจะแอบออกไปอย่างลับๆ, ดยุค, ในตอนที่ผมไม่อยู่, ถ้ามีคนถามให้บอกว่าผมกําลังวิจัยเวทมนตร์ใหม่อยู่นะ”
“เข้าใจแล้ว” ดยุคอาเบลพยักหน้า
ลิงค์ปล่อยเวทย์ไร้ร่องรอย, และพวกเขาทั้งสี่ก็หายไปจากสายตา พวกเขาเดินลงใต้ดินมานานกว่าสิบนาทีแล้วและพบทางแยกมากมาย จนในที่สุด, พวกเขาก็พบสถานที่ตั้งของประตูเวทมนตร์
มันคือโครงสร้างเวทมนตร์ง่ายๆที่สร้างขึ้นมาจากรูนเดี่ยว ลิงค์เข้าใจการทํางานของมันด้วยการมองแค่แวบเดียว “ช่วยมายืนตรงนี้หน่อย” เขาแนะนําทุกคน
ทั้งสามมายืนอยู่บนรูนหิน, และลิงค์ก็อยู่ด้วยเช่นกัน หลังจากเจอจุดเปิดใช้รูน, ลิงค์ก็ส่งพลังมังกรเข้าไปในหิน ไม่กี่วินาทีต่อมา, พวกเขาทั้งสี่ก็รู้สึกเหมือนโลกกําลังหมุน, ความรู้สึกนี้อยู่นานห้าวินาทีเต็ม หลังจากนั้น, ความรู้สึกนี้ก็หายไป, แล้วพวกเขาก็ตกลงมาบนพื้นแข็งๆ
ผัวะ ราชาคนแคระริเอลกันกระแทกอย่างรุนแรง เขาสบถออกมาไม่หยุดในขณะที่เขาลุกขึ้นยืน “ไอประตูเวทมนตร์เฮงซวย, มันเกือบจะทําก้นของข้าพังแหน่ะ”
นานะลงพื้นได้อย่างมั่นคง, ในขณะที่ลิงค์กับเจ้าหญิงมิลด้าร่ายเวทย์ลอยใส่ตัวเองแล้วลงมาที่พื้นอย่างนุ่มนวล
ราชาคนแคระริเอลรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมจริงๆ เขาลูบก้นของเขาในขณะที่บ่น
“ข้าเกลียดเวทมนตร์” เขาบ่นงมงํา
ลิงค์เริ่มสังเกตุดูรอบๆ เขาพบว่าเขาอยู่ในทางเดินใต้ดินขนาดยักษ์ที่ถูกล้อมรอบด้วยกําแพงหิน บนกําแพงเหล่านี้มีคริสตัลฝังอยู่ ติ๋ง ติ๋ง ซึ่งมีน้ำหยดลงมาจากเพดาน วิ้วววว ลมส่งเสียงโหยหวนเพราะมันพัดผ่านอุโมงถ้ำ
ราชาคนแคระริเอลก็มองรอบๆเช่นกัน หลังจากนั้น, เขาก็ทุบหน้าอกของตัวเองแล้วพูด “ทางเดินพวกนี้ถูกสร้างขึ้นในรูปแบบของเผ่าข้า พวกเราน่าจะอยู่ที่ใจกลางของภูเขานะ หากไม่มีแผนที่, คนนอกจะหลงทางได้อย่างง่ายดาย, แต่สําหรับข้า, มันไม่ใช่ปัญหาเลย มาเถอะตามข้ามา”
แน่นอนว่า, คนแคระน่าจะคุ้นเคยกับทางเดินคนแคระมากที่สุด ลิงค์กับเจ้าหญิงมิลด้ามองหน้ากันแล้วตามหลังราชาริเอลไปติดๆ
พวกเขาเดินไปได้เป็นเวลาครึ่งชั่วโมงแล้ว ครึ่งชั่วโมงต่อมา, กลุ่มของพวกเขาก็ยังเดินวนอยู่รอบทางเดิน
“นี่ราชาริเอล, ทําไมพวกเราถึงยังติดอยู่ที่นี่อยู่หล่ะ?” เจ้าหญิงมิลด้าอดถามไม่ได้
ราชาคนแคระริเอลตอบกลับไปด้วยความมั่นใจอย่างเต็มที่ “ไม่ต้องห่วง, ไม่จําเป็นต้องรีบร้อนหรอก ทางเดินของเผ่าข้าซับซ้อนมากๆ ข้าจําเป็นต้องลองเดินดูเพื่อทําความคุ้นเคยกับมันก่อน”
ลิงค์ไม่ได้พูดอะไร, แต่เขามีความรู้สึกว่าคนแคระคนนี้ไม่น่าเชื่อถือมากๆ
หลังจากผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง, ริเอลก็หยุดอยู่หน้ากําแพงหิน เขาเกาหนวดของเขา, แล้วบ่นออกมา “ทําไมมันถึงเป็นแบบนี้? นี่มันไม่ถูกต้อง! ทางออกต้องอยู่ตรงนี้สิ เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?”
เจ้าหญิงมิลด้าขมวดคิ้วในทันที “นี่เจ้าหลงทางหรอ?”
“หลงทาง? ไร้สาระหน่า! ข้าจะหลงทางในบ้านของตัวเองได้ยังไง? ข้าแค่สับสนนิดหน่อย, แต่ข้ามั่นใจว่าข้าจะหาทางออกจนเจอได้!”
เจ้าหญิงมิลด้ายักไหล่อย่างจนปัญญา
ลิงค์ไม่สามารถพูดอะไรได้เช่นกัน เขาต้องรักษาหน้าของราชาริเอล เขาพูด, “เอาแบบนี้เป็นไง, พวกเราลองเลือกทางเดินที่ดูสูงขึ้นแล้วตามเส้นทางนั้นไป คิดว่ายังไงหล่ะ, ราชาริเอล?”
ใบหน้าของราชาริเอลสลดในขณะที่เขาพูด “ฮึ่มม, ทางเดินพวกนี้มันเก่าเกินไป, และรูปแบบก็เปลี่ยนไปมาก ท่านลิงค์, มาลองทําตามคําแนะนําของท่านเถอะ”
ในค่ายปีศาจ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหลังจากที่ลิงค์ออกไป, ซาโรวินีลุกพรวดขึ้นมาอย่างกระทันหัน เธอพูดกับปีศาจที่อยู่ข้างๆเธอ “นี่, ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เจ้าคิดว่าลิงค์จะออกไปตามหากําลังเสริมไหม?”
ปีศาจมองเจ้าหญิงของพวกเขาอย่างเหม่อลอย กําลังเสริมหรอ? หากจะไปเรียกมาพวกเขาก็ต้องแอบออกจากป้อมปราการและลอบฝ่าแนวล้อมของปีศาจนะ ซึ่งจากที่ดูแล้วพวกเขาป้องกันเข้มงวดมากจนแม้กระทั่งหยดน้ำก็ยังรั่วออกไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วอีกฝ่ายจะออกมาได้ยังไงกัน?
“นี่ไอพวกโง่, ไอพวกไร้ประโยชน์! ป้อมมันก็ต้องมีทางเดินใต้ดินอยู่สิ พวกเจ้าทุกตัวออกไปซะ, ไปตามหาและตรวจสอบดูให้ดีว่ามีหนูแอบออกมาจากแถวๆนี้รึเปล่า”
ในขณะที่ปีศาจแยกย้ายกันออกไป, ซาโรวินีก็นั่งลงแล้วลูบคางของเธอ ดวงตาสีดําของเธอจ้องไปยังหอคอยที่อยู่ห่างไกลตาไม่กระพริบ, “นี่ไอพวกนี้, จะโผล่ออกมาจากที่ไหนกันนะ?”