Advent of the Archmage - ตอนที่ 245: เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะป้องกันเวทย์พระเจ้า
ลิงค์นั้นถือว่าสุภาพมากแล้วในตอนที่เขาบอกว่าโรมิลสันจะใช้เวลาอย่างน้อยสามปีเพื่อเรียนรู้เวทมนตร์มิติ พูดให้ถูก, เขาควรจะบอกว่าเขาคงจะเชี่ยวชาญมันไม่ได้ในช่วงชีวิตของเขา
แน่นอนว่า, มีนักเวทย์มิติในหมู่พวกไฮเอลฟ์ตอนที่อยู่ในเกมส์ อย่างไรก็ตาม, พวกเขาทุกคนนั้นก็ถูกรู้จักแค่ชื่อ, และจำนวนนักเวทย์มิติในหมู่ไฮเอลฟ์ก็ไม่เคยมากกว่าห้าคนในช่วงจุดเวลาไหนๆเลย ซึ่งโรมิลสันไม่มีวันได้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่พิเศษและแข็งแกร่งนี้อย่างแน่นอน
ลิงค์เคยทำภารกิจพิเศษให้โรมิลสันครั้งนึงตอนที่เขากำลังเล่นเกมส์อยู่ ซึ่งมันบังเอิญจริงๆที่ภารกิจเหล่านั้นเป็นภารกิจที่โรมิลสันให้ลิงค์ไปรวบรวมวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับการทดลองเวทย์มิติ เขากำลังพยายามที่จะเชี่ยวชาญเวทย์มิติด้วยความหลงใหล
อย่างไรก็ตาม, หลังจากที่ลิงค์รวบรวมวัตถุดิบทั้งหมดให้เขาอย่างยากลำบาก, การทดลองของโรมิลสันก็จบลงที่ความล้มเหลวในที่สุด, และเขาก็ไม่เคยเชี่ยวชาญเวทย์มิติได้เลย
ลิงค์ยังจำสิ่งที่โรมิลสันพูดหลังจากที่การทดลองล้มเหลวได้อยู่เลย “โอ้, เทพแห่งแสง, ทำไมสิ่งที่แสนทรมานอย่างเวทย์มิติถึงมีตัวตนอยู่ในโลกด้วยหล่ะครับ!”
หลังจากนั้น, เขาก็เผาหนังสือเวทย์มนตร์และวัตถุดิบทั้งหมดที่เขาพยายามรวบรวมมาเพื่อการทดลองของเขา
ลิงค์มั่นใจพอที่จะพูดแบบนั้นได้เพราะเขาได้ทำภารกิจนี้มาแล้วจริงๆ
หลังจากที่ลิงค์พูดออกมา, ไม่ใช่แค่โรมิลสันจะไม่เถียงเท่านั้น, แต่องค์หญิงไฮเอลฟ์มิลด้าก็ยังเงียบด้วย เหตุผลนั้นง่ายมาก ภายในเกมส์, แม้ว่ามิลด้าจะรู้จักเวทย์มิติอยู่บ้าง, แต่นั่นก็หลังจากที่เธอได้แรงค์ตำนานมาแล้ว นอกจากนี้, เธอก็เชี่ยวชาญแค่เวทย์มิติพื้นฐานและยังห่างไกลจากคำว่าประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น
แต่ ณ ตอนนี้, เธอยังไม่เชี่ยวชาญเวทย์มิติเลย อันที่จริง, เธอเคยพยายามเรียนสาขาเวทมนตร์อันแสนทรมานนี้แต่ก็ยอมแพ้ไปหลังจากที่ผ่านมาได้แค่ครึ่งปี เธอแทบจะจิตใจแหลกสลายในช่วงเวลานั้นเพราะความยากของเวทมนตร์นี้
อย่างไรก็ตาม, มิลด้ารู้สึกเสียใจกับการกระทำของเธอในตอนนั้นอย่างมาก ถ้าเธอดิ้นรนเดินตามเส้นทางนั้นต่อ, เธออาจจะสามารถทวงคืนศักดิ์ศรีของเผ่าพันธุ์คืนมาจากมนุษย์พวกนี้ได้ เธอจะยืนขึ้นแล้วตะโกนออกมา “ดูความหยิ่งทะนงของเจ้าสิ มันก็เป็นแค่ทริคเล็กๆไม่ใช่หรอ? ไม่ว่าใครก็สามารถร่ายเวทย์ง่ายๆพวกนี้ได้ทั้งนั้นแหล่ะ!”
แต่ว่าเธอก็พูดไม่ได้ นักเวทย์ทั้งหมดของเธอรวมทั้งตัวเธอเองไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการทำงานของเวทมนตร์มิติโดยสิ้นเชิง
“นี่มันวิเศษจริงๆ ท่านลิงค์ได้เปิดโลกทัศน์ให้พวกเราได้เห็นดินแดนใหม่ของเวทมนตร์เลยนะคะ” มิลด้ายิ้มแห้งๆในขณะที่ไฮเอลฟ์คนอื่นๆทำตาม มีร่องรอยของความขมขื่นและความรังเกียจในสีหน้าของพวกเขา
นี่เป็นระเบิดขนาดมหึมาที่กระทบกับชื่อเสียงของไฮเอลฟ์ ถ้าเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเรื่อยๆ, พวกเขาคงจะกลายเป็นตัวตลกของทุกเผ่าพันธุ์อย่างแน่นอน
ในอีกด้านนึง, แม้ว่ากษัตริย์ลีออนจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเวทมนตร์, แต่เขาก็สามารถบอกได้จากปฏิกิริยาของไฮเอลฟ์ว่าลิงค์ได้บดบังพวกเขาอย่างสมบูรณ์ จากนั้นเขาก็หัวเราะอย่างเต็มที่แล้วพูด “มาสเตอร์ลิงค์, โรมิลสันยังหนุ่ม อย่าถือสาเรื่องนี้มากเกินไปเลยนะ”
จากนั้น, เขาก็หันไปหามิลด้าแล้วพูด “มิลด้า, มาสเตอร์ลิงค์ของพวกเราเป็นที่รู้จักในเรื่องอารมณ์ร้าย อย่าถือสาเลยนะครับ จากมุมมองของข้า, ข้าไม่คิดว่าโรมิลสันต้องใช้เวลาถึงสามปีสำหรับเวทย์นี้หรอก แค่ปีเดียวก็คงจะเพียงพอแล้วที่จะเรียนเวทมนตร์เวทย์เดียว ข้าพูดถูกไหม?”
มิลด้าอึ้งกับคำพูดของกษัตริย์ลีออนจนพูดไม่ออก, ยังไงซะ, เขาก็ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์เลย เธอตอบกลับไปได้แค่ด้วยรอยยิ้มเคอะเขินและอับอาย
ผู้อาวุโสแอนโทนี่มีสีหน้าตกใจ ในฐานะนักเวทย์รุ่นก่อตั้ง, เขาเข้าใจความยากของเทคนิคเล็กๆที่ลิงค์เพิ่งจะแสดงออกมาดี พวกไฮเอลฟ์จะถ่อมตัวไปทำไมหล่ะถ้าไม่ใช่เพราะความยากอันบ้าคลั่งของศักยภาพของลิงค์?
พอได้เห็นความพยายามของกษัตริย์ลีออนในการทำให้บรรยากาศดีขึ้น, แอนโทนี่ก็พูดขึ้นมา “องค์หญิงมิลด้า, มาสเตอร์ลิงค์, กับโลมิลสันก็ยังหนุ่มกันทั้งคู่ มันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอที่คนหนุ่มๆจะเรียนรู้และแข่งขันด้วยกันเอง? ถือว่าแล้วก็แล้วกันไปเถอะครับ ฝ่าบาท, อีกไม่นานก็มืดแล้ว, วันนี้พวกเราพอกันแค่นี้ดีกว่าไหมครับ?”
นี่เป็นประโยคที่กษัตริย์ลีออนกำลังรออยู่ ตอนนี้เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ปกป้องศักดิ์ศรีของพวกเขาต่อหน้าพวกไฮเอลฟ์ได้แล้ว, ไม่มีความจำเป็นต้องทำให้พวกเขาอับอายไปมากกว่านี้อีก
เขาพยักหน้าแล้วพูด “ผู้อาวุโสพูดถูก มิลด้า, พวกเรามาจบงานเฉลิมฉลองนี้กันดีไหมครับ?”
“ตามที่ท่านประสงค์เถอะค่ะ” มิลด้าพูดเพราะเธออยากจะออกไปจากสถานที่แห่งนี้แล้ว
กษัตริย์ลีออนโบกมือของเขาในทันทีและสั่งให้นักดนตรีกับนักเต้นออกไป จากนั้นทุกคนที่อยู่รอบโต๊ะก็ลุกขึ้นแล้วเตรียมตัวกลับที่พัก
ลิงค์มีเรื่องที่สำคัญกว่าให้จัดการ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้สำคัญเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาอยากจะพูด เขาแค่แสดงทริคเล็กๆน้อยๆออกมาและปกป้องศักดิ์ศรีของเผ่าพันธุ์มนุษย์ มันคงจะเรื่องเล่าที่น่าสนใจที่สุดในอนาคตอันใกล้นี้ อย่างไรก็ตาม, สงครามทางเหนือนั้นเป็นปัญหาที่น่ากดดันยิ่งกว่า
จากนั้นเขาก็กระซิบข้างหูกษัตริย์ลีออน “ฝ่าบาท, ปัญหาเรื่องอุปกรณ์ศักดิสิทธิ์แห่งความมืดนั้นเป็นเรื่องที่น่ากดดัน ทำไมพวกเราไม่เริ่มพูดคุยหาวิธีรับมือในหนามแห่งสวรรค์ในขณะที่ไฮเอลฟ์ยังอยู่หล่ะครับ?”
กษัตริย์ลีออนรู้สึกสั่นไปถึงสันหลังของเขาในทันที เขารู้รายเอียดดีจากรายงานทางทหารที่ลิงค์ส่งให้กับทางเหนือ แน่นอนว่า, เขาเองก็รู้ถึงความอันตรายของอุปกรณ์ระดับพระเจ้า ปัญหานี้เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของอาณาจักรนอร์ตัน
เขาเรียกสติกลับมาแล้วเอาข้อความของลิงค์ไปบอกมิลด้า
แน่นอนว่ามิลด้าตกลง สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นแค่เรื่องเล็กๆ ในตอนที่มันเป็นเรื่องร้ายแรง, มันเป็นสิ่งสำคัญในการที่จะไม่เอาอารมณ์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยว นักเวทย์ที่ไม่สามารถทำแบบนี้ได้จะไม่เหมาะสมกับตำแหน่งระดับสูงของอาณาจักร
เธอพยักหน้าอย่างจริงจังและกระซิบกับคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆเธอ จากนั้นคนรับใช้คนนี้ก็วิ่งไปหาทีมนักเวทย์ของไฮเอลฟ์ในทันทีเพื่อถ่ายทอดข้อความ
ในด้านของลิงค์, เขาเองก็อธิบายสถานการณ์ให้ผู้อาวุโสแอนโทนี่และบุคคลที่เกี่ยวข้องฟัง จากนั้น, ทุกทีมที่ประกอบด้วยนักเวทย์อันแข็งแกร่งก็มุ่งหน้าไปยังหนามแห่งสวรรค์
แม้ว่าโครงสร้างของหนามแห่งสวรรค์จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์, แต่โถงประชุมในหอคอยก็สามารถใช้ได้แล้ว พอไปถึงโต๊ะยาว, แน่นอนว่ากษัตริย์ลีออนเป็นคนนั่งที่หัวโต๊ะ, ตามมาด้วยผู้อาวุโสแอนโทนี่ที่นั่งข้างๆเขาและจากนั้นก็ลิงค์ แล้วถัดจากนั้นก็เป็นจอมเวทย์ของสถาบันและท้ายสุดก็คือ, นักเวทย์แรงค์สูง มีจำนวนคนทั้งหมดหกสิบคนในห้องโถงแห่งนี้
ในหมู่พวกเขา, นักเวทย์ที่มีเลเวลต่ำกว่า 5 ทำได้แค่ยืนเท่านั้นเพราะพวกเขาไม่มีที่นั่ง
มันเป็นสถานการณ์เดียวกันทางฝั่งของไฮเอลฟ์ มิลด้านั่งข้างกษัตริย์ตามมาด้วยโรมิลสันและจากนั้นก็นักเวทย์แรงค์สูง
หลังจากที่ทุกคนนั่งประจำที่, กษัตริย์ลีออนก็กระแอมเบาๆแล้วพูด “พวกเราจะหารือกันถึงแผนการที่จะจัดการกับอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์, อสรพิษทมิฬ พวกเราต้องการเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งในการต่อกรกับอุปกรณ์ระดับพระเจ้า และด้วยความที่ข้าไม่ได้รู้เรื่องในสาขาเวทมนตร์มากนัก, มาสเตอร์ลิงค์จึงเป็นคนที่จะพูดแทนข้า”
พอกล่าวถึงอุปกรณ์แห่งความมืดระดับพระเจ้านักเวทย์ไฮเอลฟ์ทุกคนก็สั่นไปถึงสันหลัง พวกเขาทุกคนเก็บความดูถูกของพวกเขาที่มีต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์กลับเข้าไปในใจของพวกเขาและฟังอย่างตั้งใจ
ลิงค์พยักหน้าและชี้คทาของเขาในอากาศ หลังจากนั้นก็มีแสงยิงออกมาผ่านอากาศ, ปรากฎเป็นภาพของอสรพิษทมิฬในรูปแบบโฮโลแกรม มันเป็นแซ่สีดำที่มีรูปร่างเหมือนงู
“นี่คืออสรพิษทมิฬ มันแข็งแกร่งมากๆ เพื่อที่จะอัญเชิญมันออกมา, ดาร์คเอลฟ์ได้สังเวยวิญญาณของคนเถื่อนทุ่งน้ำแข็งไปอย่างน้อย 150,000 ชีวิต ทางตอนเหนือ, ผมได้เห็นป้อมปราการที่ถูกทำขึ้นมาจากกระดูกทั้งหมด พวกมันตั้งชื่อให้ป้อมปราการนี้ว่าป้อมโครงกระดูก และพอเข้าไปในอาณาจักรวิญญาณ, ผมก็ได้เห็นวิญญาณเชลยของคนเถื่อนทุ่งน้ำแข็งลอยอยู่รอบๆพื้นที่แห่งนั้น”
ในขณะที่เขากำลังพูด, ลิงค์ก็เปลี่ยนภาพเพื่อแสดงรูปร่างของป้อมโครงกระดูก
ในตอนนี้, ทุกคนมีสีหน้ารังเกียจและตกใจ, โดยเฉพาะพวกไฮเอลฟ์ พวกเขาใช้ชีวิตด้วยความสงบมาอย่างเนิ่นนานที่เกาะรุ่งอรุณ พวกเขาไม่เคยจินตนาการเอาไว้เลยว่าความโหดร้ายขนาดนี้จะมีตัวตนอยู่ในโลกด้วย
“150,000 ชีวิตเลยหรอ? พวกดาร์คเอลฟ์ทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงกัน?”
“ราชินีแมงมุมเป็นพระเจ้าผู้ชั่วร้าย! เธอจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”
“ป้อมที่ทำจากโครงกระดูกหรอ ถ้าข้าไม่ได้เห็นมันด้วยตาของตัวเอง, ข้าคงไม่มีวันเชื่อแน่ว่าจะมีของที่ชั่วร้ายแบบนั้นอยู่ในโลกด้วย!”
จากนั้นด้วยเสียงตุบเบาๆ, ลิงค์, ก็เอาคทาอีกอันวางลงบนโต๊ะ คทานี้ปล่อยพลังความมืดออกมาและหินตาแมวที่ปลายคทาก็ถูกสลักเอาไว้อย่างประณีตเป็นรูปใบหน้าหวาดกลัวของมนุษย์
ผู้อาวุโสแอนโทนี่จำคทาอีพิคแห่งความมืดนี้ได้ในทันที “ฝันร้ายแห่งศตวรรษ, คทากระชากวิญญาณ!”
ลิงค์พูดต่อ “นี่เป็นอาวุของนักเวทย์แห่งความมืดที่ผมเอาชนะมาได้ มันแข็งแกร่งมากๆ คนธรรมดาอาจจะเคลิบเคลิ้มได้เลยหากเข้าไปใกล้มัน แต่ว่า, สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อก็คืออุปกรณ์ระดับพระเจ้านั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเป็นร้อยเท่า, หรืออาจจะเป็นพันเท่าเลยก็ได้ ผู้ถือครองอุปกรณ์ระดับพระเจ้า, อาเซเลีย, เคยพยายามที่จะปล่อยเวทย์พระเจ้า, กลืนกินวิญญาณออกมา จากการสังเกตุของผม, เวทย์พระเจ้านี้มีระยะประมาณ 11 ถึง 13 ไมล์”
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบเมื่อได้ฟังข้อมูลนี้ ทุกคนจ้องไปที่คทาแห่งความมืดที่อยู่บนโต๊ะและพยายามจินตนาการถึงความแข็งแกร่งของอุปกรณ์ระดับพระเจ้าในความคิดของพวกเขา
เวทย์พระเจ้าที่มีระยะถึง 13 ไมล์นั้นถือว่าเป็นหายนะจริงๆ!
หลังจากที่เงียบกันอยู่นาน, กษัตริย์ลีออนก็พูดออกมาด้วยสีหน้าหวาดกลัว “ข้าไม่รู้เลยว่าจะจัดการกับสิ่งนี้ยังไงดี แต่ว่า, พวกเราต้องหาวิธีตอบโต้กับอุปกรณ์ระดับพระเจ้าชิ้นนี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้น, พวกเราจะพ่ายแพ้ในสงครามครั้งนี้อย่างแน่นอน”
จากนั้นมิลด้าก็มองไปที่ลิงค์แล้วพูด “ในเมื่ออุปกรณ์ระดับพระเจ้าแข็งแกร่งขนาดนั้น งั้นข้าขอถามหน่อยได้ไหม, ท่านหนีออกมาได้ยัง, ท่านลิงค์?”
“ผมพึ่งพาหุ่นเชิดเวทมนตร์ที่ผมได้มาโดยบังเอิญครับ “จากนั้นลิงค์ก็แตะคทาของเขาเบาๆในอากาศอีกครั้ง, และภาพของนานะก็ปรากฎขึ้นในอากาศ จากนั้นเขาก็พูดต่อ “หุ่นเชิดเวทมนตร์ตัวนี้แข็งแกร่งมากๆและมีความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ ด้วยการใช้มันลอบโจมตี, พวกเราจึงสามารถฆ่าผู้ถือครองอุปกรณ์ระดับพระเจ้าได้, ซึ่งทำให้พวกเราหนีรอดมาได้ แต่ว่า, อุปกรณ์ระดับพระเจ้ามีวิญญาณของมันเอง ในตอนที่มันตระหนักได้ว่าร่างโฮสของมันถูกฆ่า, มันก็ซ่อนตัวตนของมันในทันที, ดังนั้นผมจึงไม่สามารถนำมันกลับมาด้วยได้”
“ลิงค์จงใจปิดบังเรื่องต้นกำเนิดของนานะเอาไว้ มันเป็นภาพปกติสำหรับนักเวทย์คนนึงที่จะมีหุ่นเชิดเวทมนตร์ของตัวเอง ดังนั้น, จึงไม่มีใครถามเขาเรื่องนี้อีก
หลังจากได้ฟังเรื่องนี้, มิลด้าก็ครุ่นคิดในขณะที่นักเวทย์คนอื่นๆตกอยู่ในความเงียบ
มันเป็นไปได้ด้วยหรอที่จะเอาชนะเวทย์พระเจ้าโดยใช้แค่เทคนิคของมนุษย์?
แม้ว่าจะเอานักเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรนอร์ตันมารวมกัน, พร้อมกับทีมนักเวทย์ระดับสูงจากคนหนุ่มสาวของไฮเอลฟ์, ก็ยังไม่มีใครมีความคิดที่สามารถพลิกสถานการณ์นี้ได้เลย
พวกเขาตอบสนองด้วยความเงียบ
แอนโทนี่เป็นคนแรกที่พูดออกมา “ข้ารู้สึกว่าข้าต้องไปที่ห้องสมุดแล้วหล่ะ”
ในตอนที่เขาพูดออกมาแบบนั้นโรมิลสันก็เยาะเย้ยแล้วพูด “ผู้อาวุโส, ผมไม่คิดว่าการค้นคว้าในหนังสือจะมอบคำตอบให้ท่านได้หรอก อสรพิษทมิฬได้ปรากฎออกมาทั้งหมดสามครั้งตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ด้วยผลของการปฏิเสธมิติ, มันจึงเปลี่ยนรูปร่างของมันทุกครั้งที่เข้ามายังโลกแห่งฟิรุแมน ดังนั้น, พวกเรากำลังเผชิญหน้ากับอสรพิษทมิฬเวอร์ชันใหม่อยู่ วิธีเก่าๆใช้ไม่ได้ผลหรอก”
นี่เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความรู้ความเข้าใจอันลึกซึ้งของไฮเอลฟ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในโลกนี้ พวกเขาอยู่มานานกว่า 10,000 ปีและไม่เคยสูญเสียการเชื่อมต่อกับวัฒนธรรมหรือบรรพบุรุษคนไหนๆของพวกเขาเลย พวกเขาบันทึกรายละเอียดของทุกๆสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในโลกนี้เอาไว้
ในเรื่องนี้, เผ่าพันธุ์มนุษย์ซึ่งมีช่วงชีวิตแค่สั้นๆและประสบความทุกข์ทรมานอย่างต่อเนื่องจากสงครามและความขัดแย้งไม่สามารถแม้แต่จะเทียบเคียงกับไฮเอลฟ์ได้เลย
แอนโทนี่แค่ขยับริมฝีปากของเขาด้วยความเจ็บช้ำก่อนที่จะตกอยู่ในความเงียบหลังจากที่ได้ฟังคำพูดถากถางของโรมิลสัน แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะกวนโมโห, แต่มันก็เป็นความจริง, นอกจากนี้มันไม่ใช่เวลามาใช้อารมณ์ด้วย
หลังจากผ่านไปสิบนาที, กษัตริย์ลีออนก็ยังไม่ได้ยินคำแนะนำได้ๆที่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ในตอนนี้ได้เลย แม้แต่ลิงค์ก็ตกอยู่ในความเงียบ พรมแดนของเวทมนตร์นั้นไม่มีขีดจำกัด; เขายังมีหนทางให้ไปอีกยาวไกลก่อนที่เขาจะไปถึงระดับพระเจ้า
ท้ายที่สุดแล้ว, กษัตริย์ลีออนก็ขมวดคิ้วในขณะที่เขาพูดออกมา “พวกเราไม่สามารถยื้อเรื่องนี้ไปมากกว่านี้ได้แล้วนะ มาสเตอร์ลิงค์, ท่านมั่นใจนะว่าเวทย์พระเจ้าสามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียว?”
“ผมมั่นใจ”
มิลด้าเองก็พูดเสริม “มิตินี้จะปฏิเสธพลังของอุปกรณ์ระดับพระเจ้าโดยอัตโนมัติ ดังนั้น, มันสามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
จากนั้นกษัตริย์ลีออนก็ยืนขึ้นแล้วพูด “ถ้างั้น, ข้าจะเริ่มเตรียมการเดี๋ยวนี้เลย ข้าจำเป็นต้องทำให้มั่นใจว่าอาณาจักรยังแข็งแกร่งพอที่จะป้องกันตัวจากดาร์เอลฟ์ได้ต่อให้ทั้งกองทัพจะต้องพังทลายลงไปก็ตาม”
นักเวทย์ก็มีวิธีการของตัวเองในการจัดการกับปัญหา, และกษัตริย์ลีออนก็มีความรับผิดชอบของตัวเองกับปัญหานี้ ในเมื่อเวทมนตร์ไม่สามารถให้คำตอบได้อีกต่อไป, เขาก็ต้องพิจารณาถึงจำนวนความสูญเสียที่ต้องใช้
นี่เป็นทางเลือกที่โหดร้ายและอับจนหนทางอย่างแท้จริง
ถ้าพวกเขาไม่สามารถหาวิธีจัดการกับเวทย์พระเจ้าได้, มันก็หมายความว่าหนึ่งในกองกำลังหลักของอาณาจักรจะต้องถูกทำลายด้วยฝีมือของเวทย์พระเจ้ากลืนกินวิญญาณอย่างแน่นอน ซึ่งสิ่งที่กษัตริย์ลีออนต้องทำก็คือทำให้มั่นใจว่าเขาจะสามารถสร้างแนวป้องกันใหม่ได้อย่างรวดเร็วหลังจากความหายนะในสถานที่ที่เต็มไปด้วยคนบาดเจ็บล้มตาย, เพื่อป้องกันไม่ให้อาณาจักรถูกตีฝ่าเข้ามาได้
มิลด้าเองก็มีสีหน้าจริงจังในขณะที่เธอพูด “ข้าต้องเดินทางกลับไปที่เกาะรุ่งอรุณแล้วหล่ะ ข้าคิดว่าข้าอาจจะพบคำตอบที่มีประโยชน์จากที่นั่น”
ไฮเอลฟ์กับดาร์คเอลฟ์นั้นเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน ในตอนที่พวกเขาสู้รบกัน, พวกเขาจะไม่หยุดจนกว่าอีกฝ่ายนึงจะถูกทำลายไม่เหลือซาก, หรือก็คือ, จนกว่าจะถึงจุดที่เผ่าพันธุ์ทั้งหมดของอีกฝ่ายสูญสิ้นไป ตอนนี้อาณาจักรนอร์ตันเป็นโล่ของไฮเอลฟ์ ถ้าโล่นี้พังทลาย, ไฮเอลฟ์เองก็ต้องชดใช้ด้วยค่าใช้จ่ายที่หนักหน่วงจากการสูญเสียพันธมิตรของพวกเขา
ดังนั้น, ไฮเอลฟ์ก็จะทำอย่างเต็มที่เพื่อทำให้มั่นใจว่าโล่นี้จะยังมั่นคงอยู่
นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการและทำมาหลายหมื่นปีแล้ว สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปก็คือชื่อและเจ้าของของโล่นี้พร้อมกับการเพิ่มขึ้นและร่วงหล่นของหลายๆอาณาจักร
“ข้าขอขอบคุณไฮเอลฟ์จริงๆสำหรับความช่วยเหลือในเรื่องนี้” กษัตริย์ลีออนพูดอย่างเคารพด้วยหัวใจที่หนักหน่วง
มันไม่จำเป็นที่จะต้องประชุมยืดเยื้อกันต่อไปอีก ทุกคนยืนขึ้นด้วยสีหน้าอันเจ็บปวด
จากนั้นแอนนี่ก็ถามขึ้น “ลิงค์, นายมีแผนจะทำยังไง?”
ลิงค์มีแผนการคร่าวๆอยู่ในหัวแล้ว เขาไม่ได้วางแผนจะเก็บมันเอาไว้แล้วพูด “หุ่นเชิดเวทมนตร์ของฉันถูกทำลายในขณะที่มันกำลังต่อสู้กับอาเซเลีย ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อซ่อมมัน แม้ว่าอุปกรณ์ระดับพระเจ้าจะเป็นอมตะ, แต่ผู้ถือครองนั้นไม่ใช่ บางที, หุ่นเชิดเวทมนตร์ของฉันน่าจะสามารถสร้างปาฎิหารได้อีกครั้ง”
ลิงค์ไม่ได้เห็นการต่อสู้ทั้งหมดระหว่างนานะกับอาเซเลีย อย่างไรก็ตาม, ถ้าเธอทำมันได้แล้วครั้งนึง, ทำไมจะมีครั้งที่สองไม่ได้หล่ะ?
นี่เป็นการอธิบายของลิงค์ถึงวิธีการจัดการกับอุปกรณ์ระดับพระเจ้า มันอาจจะไม่ใช่วิธีที่น่าเชื่อถือที่สุด, แต่ตราบใดที่มีโอกาสสำเร็จ, มันก็คุ้มที่จะลอง