Advent of the Archmage - ตอนที่ 238: พวกเจ้าซุกซนจริงๆ
แสงเจิดจ้าเต็มท้องฟ้าเป็นเวลาห้าวินาที หลังจากนั้น, แสงจ้าก็ค่อยๆสลายไปอย่างช้าๆ, เหลือไว้แค่ร่างของลิงค์
ลิงค์คุกเข่าลงบนพื้น ในหน้าอินเตอร์เฟส, แถวการแจ้งเตือนโผล่ขึ้นมา พอมองพวกมัน, เขาก็ตระหนักได้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นการแจ้งเตือนจากระบบเกมส์
ผู้เล่นเผาผลาญวิญญาณ เริ่มการป้องกันฉุกเฉิน
กำลังล้างค่าโอมนิสำรองทั้งหมด…เริ่มใช้ค่าโอมนิที่สำรองไว้ 500 แต้ม
ค่าโอมนิทั้งหมดถูกใช้
การแปลงสายเลือดสัมพันธ์ธาตุถูกระงับ, แปลงเป็นค่าโอมนิ 350 แต้ม เริ่มการใช้ค่าโอมนิ
ค่าโอมนิทั้งหมดถูกใช้
ค่าโอมนิที่ผู้เล่นมีในปัจจุบัน 200 แต้ม เริ่มการใช้ค่าโอมนิ
ค่าโอมนิทั้งหมดถูกใข้
เวทย์ชำระะล้างสำเร็จ พลังงานสำรองทั้งหมดจากระบบเกมส์ถูกใช้
หลังจากอ่านชุดข้อมูลนี้, ลิงค์ก็รู้สึกถึงความว่างเปล่าในร่างกายของเขาซึ่งสูญเสียไปกับมานาแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก, โชคดีที่, เขาสูญเสียไปแค่พลังงานที่เก็บเอาไว้, และวิญญาณของเขาก็ไม่ได้รับความเสียหายเลย ลิงค์ถือว่านี่เป็นโชคดีอย่างเหลือเชื่อ
“ลิงค์, เป็นอะไรไหม?” แอนนี่ถามด้วยน้ำเสียงกังวล
ลิงค์หันกลับมาแล้วเห็นความกังวลในสีหน้าของแอนนี่ ซึ่งนี่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่น
“ฉันโอเคดี” เขาพูด “แต่ฉันไม่สามารถใช้เวทย์ระดับสูงได้สักพัก”
อันที่จริง, เขายังมีมานาอยู่ประมาณ 500 แต้ม, แต่พิจารณาจากความแข็งแกร่งของศัตรูของพวกเขาในตอนนี้, มานาจำนวนเท่านี้จะเรียกว่าไร้ประโยชน์ก็ว่าได้
เฟลิน่าก็เดินมาหาเขาเหมือนกัน, แล้วเธอก็ดูค่อนข้างระแวง
“นั่นเป็นเวทย์ระดับตำนานหรอ?” เธอถาม
“บางทีนะ, ผมก็ไม่มั่นใจ” ลิงค์ตอบ “มันเป็นเวทย์ที่ผมสร้างขึ้นในตอนที่เรียนเวทมนตร์” มันเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถอธิบายได้, ดังนั้นเขาจึงโกหกออกไป
“ฉันมั่นใจเลยว่ามันใช่แน่” เฟลิน่ายืนกราน “ฉันเคยเห็นเวทย์ระดับตำนานมาก่อน, ดังนั้นฉันรู้ดี ฉันไม่เคยเห็นมนุษย์ที่มีพลังขนาดนี้มาก่อนเลย!”
หน่วยสอดแนมพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเวทมนตร์ระดับตำนานเลย, แต่จากสิ่งที่พวกเขาเห็น—ความมืดของอาณาจักรวิญญาณได้ถูกลบล้างไป, ท้องฟ้าในตอนนี้สดใสและหมอกสีขาวที่ปกคลุมทุกสิ่งก็หายไปหมดแล้วในตอนนี้—ถ้านี่ไม่ใช่เวทย์ตำนาน, แล้วมันจะเป็นอะไรหล่ะ?
ลิงค์ไม่สามารถตอบกลับไปได้ เขาแค่ยื่นมือของเขาออกมาแล้วยักไหล่
“โอ้…” เสียงของคาร์โนสทำให้ทุกคนแตกตื่น ดูเหมือนว่าเขากำลังจะตื่น
เวทย์ชำระล้างสำเร็จ ร่องรอยของเวทย์มนตร์แห่งความมืดและพลังแห่งความมืดได้หลุดออกจากร่างของเขาแล้ว, และกงเล็บที่มือของเขาก็หายไปด้วย แม้กระทั่งเลือดในดวงตาของเขาก็หายไปแล้วในตอนนี้
แต่ว่าแหล่งพลังงานความมืดศักดิ์สิทธิ์อันแข็งแกร่งนี้เห็นได้ชัดว่า, ถึงแม้มันจะถูกขับออกจากร่างของคาร์โนส, แต่มันก็ไม่ได้ถูกทำลาย มันแค่กลายเป็นบ่อแห่งความมืดบนพื้นที่อยู่ใกล้ๆนักรบ
ของเหลวสีดำนี้ยังขยับได้ด้วย มันถึงกับก่อตัวเป็นงูและจะเคลื่อนไหวอย่างคุกคามราวกับว่ามันพร้อมที่จะโจมตีทุกคนได้ทุกเวลา
แน่นอนว่า, ทุกคนอยู่ห่างจากบ่อสีดำนี้ เฟลิน่ายืนมือออกไปหาคาร์โนสเพื่อจะช่วยพยุงเข้าขึ้น, แต่ดูเหมือนว่าคาร์โนสจะไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือแบบนั้น เขาดันตั้วขึ้นด้วยความคล่องแคล่วอันน่าประหลาดใจ, แทบจะเหมือนกับว่าเขาไม่เคยบาดเจ็บเลย
จากนั้น, เขาก็หันไปหาลิงค์ด้วยกำปั้นที่อยู่บนหน้าออกของเขา, เขาทำความเคารพแบบนักรบให้กับลิงค์อย่างเป็นทางการ
“ท่านจอมเวทย์” เขาพูด “ขอบคุณที่ช่วยข้าไว้ นับจากนี้ไป, ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่, ท่านสามารถเรียกข้าได้ทุกเวลาที่ท่านต้องการ, และข้าจะต่อสู้เพื่อท่านเอง!”
เมื่อครู่ก่อน, เขาสิ้นหวังอย่างหมดท่า แต่ช่วงจังหวะสุดท้าย, เขาก็เห็นแสงสว่างที่เจิดจรัสอย่างไร้ที่สิ้นสุด มันเหมือนกับว่าสวรรค์ได้ยื่นมือลงมาหาเขาและดึงเขาออกมาจากนรกอันมืดมิด
เขาสามารถชดใช้ความเมตตานี้ได้ด้วยชีวิตของเขาเท่านั้น
แต่ลิงค์แค่ตอบสนองเขาด้วยการสบัดมือของเขาและยิ้มอย่างขมขื่นเท่านั้น
“ผมเกรงว่าคุณจะพูดเร็วไปหน่อยนะ” เขาพูด “พวกเรายังติดอยู่ในป่าแบล็คฟอเรสอยู่เลย, และอสรพิษทมิฬก็ยังไล่ตามพวกเรามาติดๆ”
ใบหน้าของคาร์โนสเปลี่ยนเป็นจริงจัง เขามองรอบๆและเห็นแค่มีดของนักฆ่ากับกงเล็บมังกรของนักรบมังกรแดง เขาไม่เจอดาบเลย
“ถ้าข้ามีดาบไว้ใช้ต่อสู้หล่ะก็นะ” เขาพูดเปรย
“ว่าไงนะ” เฟลิน่าอุทาน, และมองนักรบหัวจรดเท้า “นี่ท่านแข็งแรงพอที่จะต่อสู้แล้วหรอ?”
คาร์โนสพัยกหน้า
“พลังแห่งความมืดอาจจะควบคุมร่างของข้า” เขาพูด “แต่มันก็ยังรักษาอาการบาดเจ็บของข้าด้วย ตอนนี้ข้าหลุดพ้นจากพลังแห่งความมืดแล้วและบาดแผลทั้งหมดก็ได้รับการรักษาแล้วด้วย, ทำไมข้าจะต่อสู้ไม่ได้หล่ะ? ต่อให้ออร่าต่อสู้ของข้าจะยังไม่ได้อยู่ในสภาพที่แข็งแกร่งที่สุด, แต่ข้าก็มั่นใจว่าตอนนี้ข้าสามารถฆ่ากลูได้จำนวนนึงแหล่ะ”
ดวงตาของลิงค์เปล่งประกายขึ้นมาอย่างกระทันหัน คาร์โนสเป็นนักรบเลเวล 8 ด้วยความแข็งแกร่งของเขา, พวกเขาออกจะออกจากป่าแบล็คฟอเรสได้ในตอนนี้
ยิ่งไปกว่านั้น, เขายังมีดาบอยู่กับตัวด้วย—ดาบของเจ้าแห่งพายุ เขากำลังจะคว้าด้ามจับของมันและส่งให้คาร์โนสในตอนที่มีเสียงมาขัดเขา
“หยุดนะ!” ดาบพูด “เขายังไม่คู่ควรที่จะถือครองข้า!”
ท่านให้เขาถือสักพักนึงไม่ได้หรอ? ลิงค์ถาม แค่จนกว่าพวกเราจะหนีจากป่าแบล็คฟอเรสได้ก็พอ หรือว่าท่านกลัวอสรพิษทมิฬ?
“ข้าหน่ะหรอ?” ดาบเถียง “กลัวไองูนั่นเนี่ยนะ?”
ถ้างั้นการปล่อยให้เขาถือดาบสักพักนึงมันผิดตรงไหนหล่ะ? ลิงค์ถาม
“เจ้าไม่เข้าใจหรอก” ดาบตอบกลับ “มั่นไม่ใช่ว่าข้ากลัวการต่อสู้กับอสรพิษทมิฬ, แต่ว่าข้าไม่เหมาะสมกับมัน ตอนนี้ข้าอ่อนแอเกินไป, แต่อสรพิษทมิฬนั้นแข็งแกร่งอย่างไร้ขีดจำกัน ในตอนที่ข้าสัมผัสกับมัน, ข้าจะบิ่นเล็กน้อย
ลิงค์คิดเกี่ยวกับข้ออ้างที่มีเหตุผลนี้ เขายกเลิกความคิดที่จะส่งดาบของลอร์ดแห่งพายุให้คาร์โนส, แต่ก็มีอีกความคิดนึงในหัวของเขา
ลิงค์ยังมีมานาเหลืออยู่ 500 แต้ม ซึ่งมันไม่มากพอที่จะให้เขาใช้ในการต่อสู้ด้วยตัวเอง, แต่มันก็เพียงพอสำหรับเขาที่จะใช้สนามพลังฮิกซ์เพื่อเสกดาบโดยใช้คอเรียมในจี้เก็บของของเขา
ด้วยความคิดนี้ในหัว ลิงค์ก็เอาวัตถุดิบออกมาจากจี้เก็บของแล้วหันไปหาคาร์โนส
“ผมจะทำดาบให้คุณ” เขาพูด “บอกมาคุณคุ้นเคยกับดาบแบบไหน พวกเราสามารถพูดคุยระหว่างที่เดินได้”
คาร์โนสเห็นคอเรียมในมือของลิงค์, และดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย คอเรียมนั้นต้านทานพลังอันแข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี ต่อให้ไม่มีเวทมนตร์มาปรับปรุงดาบ, ดาบที่ทำด้วยวัตถุดิบนี้ก็ถือว่าเป็นดาบที่ดีในตัวมันเองอยู่แล้ว
“ข้าคุ้นเคยกับดาบมือเดียว…” เขาเริ่ม “เอาจริงๆ, ดาบที่ดูเหมือนกับดาบที่อยู่ตรงเอวของท่านก็น่าจะดีพอแล้วหล่ะ, แต่มันจะยอดเยี่ยมกว่านี้ถ้ามันยาวขึ้นอีกเล็กน้อย…ใช่เลย, ขนาดประมาณนี้หล่ะ!”
ในขณะที่นักรบอธิบายดาบในอุดมคติของเขา, ลิงค์ก็กำลังใช้สนามพลังฮิกซ์เพื่อสร้างดาบด้วยคอเรียมต่อหน้าต่อตาเขา
“ข้าอยากให้เปลี่ยนด้ามจับอีกหน่อย, ใช่…แบบนั้นแหล่ะ” คาร์โนสพูดต่อ “ข้าอยากได้ขวานคมๆที่ด้านหลังด้วย…และคมดาบก็ควรจะหนากว่านี้อีก, และมันก็ควรจะเป็นหยักตรงนี้…นั่นแหล่ะ, ใช่ แบบนั้น! ยอดเยี่ยมมาก!”
สิบนาทีต่อมา, คาร์โนสก็จับดาบนี้ในมือของเขาและพยายามเหวี่ยงมันในอากาศ เขายิ้มด้วยความพอใจ
“แค่ตัดสินจากความรู้สึกตอนที่มันอยู่ในมือของข้า” เขาบอกลิงค์ “ดาบเล่มนี้ที่ท่านสร้างขึ้นมาอย่างรีบร้อนในเวลาไม่กี่นาทีนั้นก็ถือว่าเป็นดาบที่ดีที่สุดที่ข้าเคยใช้มาเลย!”
เฟลิน่าชำเลืองตามองเขา
“ลิงค์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเสริมพลังที่มีชื่อเสียงที่สุดในทวีป” เธอบอกเขา “ผลงานง่ายๆแบบนี้, แน่นอนว่า, เป็นงานง่ายๆสำหรับเขา
ในขณะที่เธอพูด, เธอก็โชว์กำไลป้องกันที่ลิงค์ทำเอาไว้สำหรับนักรบ
“ดูสิ” เธอพูด “ฉันก็มีผลงานของเขาเหมือนกันนะ เพื่อนของฉันได้นำมันกลับมาให้ฉันเป็นของขวัญจากโลกมนุษย์”
ลิงค์คิดไม่ถึงว่าชื่อเสียงของเขาในด้านศิลปะการเสริมพลังจะแพร่กระจายไปไกลจนถึงขนาดที่มันไปถึงหมู่บ้านมังกรและยังกลายเป็นสมบัติในการครอบครองของเฟลิน่าอีก มันถือว่าเป็นเกียรติจริงๆ
“พวกเรามีเวลาไม่มากแล้ว” ลิงค์พูดพร้อมกับยิ้มออกมา “ถ้าพวกเราโชคดีพอที่จะหนีจากสถานที่แห่งนี้ได้และกลับไปยังอาณาจักรนอร์ตัน, ผมจะสร้างดาบเวทมนตร์ให้คุณ, ดาบที่ดียิ่งกว่าดาบเล่มนี้”
“ท่านจะทำให้หรอ?” คาร์โนสถาม, ดวงตาของเขากำลังเปล่งประกาย, แม้ว่าเขาจะยิ้มอย่างขมขื่นหลังจากนั้นก็ตาม “แต่ข้าเกรงว่าข้าจะมีเหรียญทองไม่พอจ่ายท่านหน่ะสิ…”
“ผมจะไปโน้มน้าวกษัตริย์ลีออนให้ประทานรางวัลให้คุณเอง” ลิงค์พูดในขณะที่ยังยิ้มอยู่ “เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงไปหรอก”
ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นตลอดการเดินทางในขณะที่พวกเขาเดินอยู่
ด้วยการที่มีนักรบอันแข็งแกร่งอย่างคาร์โนสอยู่ในหมู่พวกเขา, หน่วยสอดแนมก็รู้สึกโล่งใจ แม้กระทั่งเฟลิน่าก็ยังดูผ่อนคลายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาเดินทางต่อไปเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงจนกระทั่งลิงค์รู้สึกถึงได้อะไรบางอย่างที่ผิดปกติอย่างกระทันหัน เขามองขึ้นฟ้าและยักคิ้วขึ้น
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง” เขาพูด “พวกมันกำลังไล่ตามพวกเรามา…และพวกมันก็เร็วมากๆด้วย!”
ไม่มีร่องรอยของอสรพิษทมิฬในท้องฟ้า, แต่ออร่าแห่งความมืดอันหนักหน่วงกำลังแผ่ขยายมาทางพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากสังเกตุอย่างระมัดระวังอยู่พักนึง, ลิงค์ก็เข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในที่สุด
“อาเซเลียเข้ามายังอาณาจักรวิญญาณ” ลิงค์พูด “พวกเราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว พวกเราต้องออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”
ทุกคนพยักหน้าอย่างเงียบๆ
ลิงค์เอาคำภีร์ออกมาแล้วเปิดใช้มันด้วยมานาเล็กน้อย หลังจากนั้นสักพัก, โลกก็เปลี่ยนจากสีเทาดำเป็นโทนสีที่มากกว่าเดิม ลมหนาวและหิมะขาวปรากฎขึ้นมาอีกครั้ง
ลิงค์ร่ายเวทย์เลเวล 2 รวดเร็วดั่งชีต้าห์ใส่ตัวเอง
“เร็วเข้า! วิ่งสุดแรงเลย!” เขาตะโกน “พวกเรามาได้ครึ่งทางแล้ว, อีก 150 ไมล์, พวกเราจะปลอดภัยแล้ว!”
หากพวกเขาเข้าไปในป้อมของอาณาจักรนอร์ตันได้, อาเซเลียก็จะถูกบังคับให้หยุด อุปกรณ์ระดับพระเจ้าของเธออาจจะสามารถฆ่าได้หลายพันคน, แต่มีข้อเสียที่ยิ่งใหญ่อยู่ข้อนึง—โดยธรรมชาติแล้วโลกปฎิเสธอุปกรณ์นี้, ดังนั้นยิ่งมันใช้พลังงานมากเท่าไหร่, มันก็ยิ่งไม่เสถียรขึ้นเท่านั้น พอมันถึงขีดจำกัดของมันและมีพลังงานไม่เพียงพอ, ตัวตนของมันก็จะหายไปในทันที
แล้วในตอนที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น, ก็คงไม่มีอะไรที่ดาร์คเอลฟ์สามารถทำได้นอกจากร้องไห้กับมัน
ทุกคนรู้ว่านี่เป็นช่วงสำคัญ, ดังนั้นพวกเขาจึงวิ่งอย่างบ้าคลั่งและวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่ฝีเท้าของพวกเขาจะทำได้ แม้ว่าลิงค์จะร่ายรวดเร็วดั่งชีต้าห์ใส่ตัวเอง, แต่ความเร็วของเขาก็ยังด้อยกว่าหน่วยสอดแนมและยังช้ากว่าเมื่อเทียบกับความเร็วของเฟลิน่ากับคาร์โนสด้วย นักรบสองคนนี้ยกแขนของเขาคนละข้างและแบกเขาผ่านป่า, ผลักดันเขาไปข้างหน้าด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
พวกเขากำลังวิ่งด้วยความเร็วครึ่งไมล์ต่อนาที
พวกเขาวิ่งด้วยวิธีนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มก่อนที่คาร์โนสกับเฟลิน่าจะหยุดแทบจะพร้อมกัน
“เธอไล่ตามพวกเราทันแล้ว” เฟลิน่าพูดในขณะที่มองกลับไปยังป่าหนาทึบที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา เธอถอนหายใจ, พอคิดว่ามันถึงเวลาที่พวกเขาต้องสู้จนตัวตายแล้ว
“หึหึ! ข้าเดาว่ามันถึงเวลาที่ดาบของข้าจะได้ดื่มเลือดแล้วสินะ!” คาร์โนสพูด, ไม่มีความรู้สึกถึงร่องรอยของความกลัวเลย จนถึงตอนนี้เขาได้เห็นและได้มีประสบการณ์มามากจนเข้าเข้าใจว่าในฐานะนักรบ, เป้าหมายของเขาไม่ใช่การมีชีวิตยืนยาว, แต่เป็นการตายอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรีต่างหาก!
พูดตามตรง, คาร์โนสค่อนข้างจะเป็นคนที่สุภาพ ยังไงซะ, ใบหน้าของเขาก็ได้รูปและดูไม่แย่และร่างทั้งร่างของเขาก็ปกคลุมไปด้วยออร่าของชายชาตรีอันแกร่งกล้า ด้วยหน้าตานี้และจิตวิญญาณนั้น, ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนในอาณาจักรก็คงยินดีที่จะโยนตัวเองเข้ามาในอ้อมแขนของเขา
อัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์ที่มาพร้อมกับน่าตาอันหล่อเหลาอีกคนนึงเรอะ ลิงค์คิดอย่างค่อนข้างขมขื่น โลกมันช่างโหดร้ายจริงๆ
ลิงค์นึกขึ้นได้ว่าเขาเหลือมานาอยู่ไม่มากนักดังนั้นเขาค่อนข้างจะไร้ประโยชน์ในการต่อสู้
“พวกมันมีกลูหลายตัวอยู่ฝ่ายพวกมัน” ลิงค์พูด “ผมจะคอยเฝ้าดูและพยายามหาตำแหน่งพวกมันให้เอง”
จากนั้นเขาก็ใช้มานา 60 แต้มเพื่อร่ายเวทย์ไร้ร่องรอยเป้าหมายเดี่ยวและหาที่ซ่อน แม้ว่าพวกเขาจะดูเหมือนกับตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง, แต่เขาก็จะไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆ
ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต, แต่ถ้าพวกเขายึดมั่น, แม้ว่าจะยื้อไว้ได้นานกว่าเดิมแค่หนึ่งวินาที, แต่ก็มักจะมีโอกาสที่เรื่องจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น เรื่องมหัศจรรย์มากมายได้เกิดขึ้นในโลกนี้, และพวกมันก็มักจะเกิดขึ้นในวินาทีสุดท้ายเสมอ
แอนนี่ทำความสะอาดมีดของเธออย่างจริงจังและทาจารบีกันน้ำแข็งที่หน้าไม้ของเธอ เธอปัดฝุ่นจากหน้าไม้ของเธออย่างอ่อนโยนแล้วยิ้ม นี่อาจจะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของเธอ แต่การตายกับลิงค์, คาร์โนสและเฟลิน่านั้นก็ถือเป็นเกียรติสูงสุดในฐานะนักสู้!
ทหารสอดแนมคนอื่นๆตกอยู่ในความเงียบ พวกเขาเริ่มตรวจสอบอาวุธของพวกเขาเช่นกัน, และพวกเขาก็เริ่มหาจุดซ่อนดีๆ, เพื่อเตรียมพร้อมที่จะลอบโจมตีศัตรู
พวกเขาภูมิใจที่ได้ยืนหยัดในเวทีนี้เพราะพวกเขาได้ต่อสู้กับอุปกรณ์ระดับพระเจ้า ไม่มีอะไรให้เสียใจแล้วในตอนนี้
หลังจากผ่านไปประมาณหนึ่งนาที, เงาร่างในเพลิงสีดำก็ปรากฎขึ้น มันคือผู้คุ้มครองอสรพิษทมิทฬ, อาเซเลีย
เธอมีกลูตามหลังมา 50 ตัว, พร้อมกับปีศาจเลเวล 7, บรูธตัน
กองกำลังของพวกเขานั้นเหนือกว่ากลุ่มของลิงค์อย่างมาก ทั้งเฟลิน่าและคาร์โนสหน้าซีดเล็กน้อย, แต่พวกเขาก็มองหน้ากันและคาร์โนสก็ทิ้งความกังวลทั้งหมดของเขาแล้วหัวเราะ
“มาแข่งกันไหมว่าใครจะฆ่ากลูได้เยอะที่สุด!” เขาตะโกน
“5555! ท่านสู้ข้าไม่ได้หรอก!” เฟลิน่าพูด, เธอรับคำท้าเพื่อทำให้ตัวเองมีความกล้ามากขึ้น
แล้วอาเซเลียก็สังเกตุเห็นคาร์โนส
“โถ่, ดูทสิ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหวานเยิ้มของเธอ “คาร์โนส, ลิงค์…พวกเจ้าทุกคนนี่ซุกซนกันจังนะ เจ้าทำลายสัญญากับข้าได้ยังไง?”