Advent of the Archmage - ตอนที่ 227: ความคืบหน้าอันยากลำบาก
ป่าแบล็คฟอเรสนั้นตั้งอยู่ทางเหนือ ยิ่งพวกเขามุ่งหน้าไปทางเหนือไกลเท่าไหร่, สภาพอากาศก็ยิ่งหนาวเย็นขึ้นเท่านั้น
แม้ว่ามันจะเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิแล้ว, แต่ป่าแบล็คฟอเรสก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าติดอยู่ฤดูหนาวอันโหดร้าย ท้องฟ้าถูกเมฆสีดำปกคลุมตลอดเวลาและหิมะก็ลอยลงมาจากท้องฟ้าอยู่เรื่อยๆ มีชั้นหิมะหนาอยู่บนพื้นในขณะที่สายลมหนาวพัดผ่าน, เจาะและกรีดใบหน้าของทุกคนที่กล้าเข้ามาเผชิญกับสภาพอากาศอันไร้ปราณีนี้
นี่เป็นวันที่สามของภารกิจแล้ว พวกเขาเดินลึกเข้ามาในป่าแบล็คฟอเรสและบุกรุกเข้ามายังใจกลางของอาณาจักรดาร์คเอลฟ์, พาลิค
หน่วยสอดแนมเดินย่ำบนหิมะ หิมะนั้นลึกลงไปจนถึงเข่า, และทุกๆการก้าวก็แสนหนักหน่วง มันต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการดึงเท้าของพวกเขาออกมาจากหิมะหนา
ภายใต้สภาพอากาศที่เลวร้าย, หน่วยสอดแนมยังต้องปิดบังทุกๆเส้นทางผ่านของพวกเขาด้วยกิ่งไม้, ทำให้กระบวนการของพวกเขาล่าช้ามากๆ
แต่ก็โชคดีที่, กลูส่งสารก็ไม่ได้เดินทางด้วยความเร็วสูงเช่นกัน แล้วเขาก็ไม่ได้พยายามซ่อนรอยเท้าของในหิมะด้วย และยังผนวกกับการที่ลิงค์จำกลิ่นของเขาได้, พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทาง
ในขณะที่พวกเขาเดิน, ทหารสอดแนมคนนึงก็ส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ เขาก้าวไปบนช่องว่างของพื้นและกำลังจะร่วงเข้าไปในชั้นหิมะหนา
“ลอย!”
ด้วยการขยับเพียงเล็กน้อย, เวทย์ลอยก็ถูกร่ายใส่ทหารสอดแนมที่กำลังร่วงคนนี้, ทำให้ร่างกลายของเขากลับมามั่นคง จากนั้นคนที่อยู่ใกล้ๆเขาก็เดินไปหาเขาอย่างระมัดระวังแล้วโยนเชือกไปให้เขาจับ, แล้วดึงเขาออกมาจากหิมะหนา
เสียงหิมะกระฉอกดังขึ้นอย่างเจ็บปวดเพราะกองหิมะที่มารวมกันหล่นลงไปในหลุมที่ทหารสอดแนมเกือบจะตก จากนั้น, ก็มีหลุมรัศมี 4 ฟุตและลึก 21 ฟุตเกิดขึ้น ก้นหลุมนั้นเต็มไปด้วยหินในขณะที่รอบๆและส่วนบนเต็มไปด้วยพืชพันธุ์เล็กๆมากมาย พืชพวกนี้ได้รองรับชั้นหิมะหนาเอาไว้เมื่อก่อนหน้านี้, ทำให้เกิดกับดักธรรมชาติขึ้นมา
ทหารสอดแนมคนนี้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งออกหลังจากที่มาถึงพื้นแข็งๆแล้วพูดด้วยความรู้สึกขอบคุณ “ขอบคุณครับท่าน”
หากไม่มีเวทย์ลอย, เขาคงจะกระดูกหักซักท่อนสองท่อนอย่างแน่นอน การประสบกับความเจ็บปวดแบบนั้นในหลุมนรกนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการถูกตัดสินโทษตาย
ลิงค์พยักหน้าแล้วพูด “ระวังด้วย”
จากนั้น, เขาก็ก้าวไปบนหินก้อนนึงแล้วร่ายเวทย์ตาอินทรีย์เพื่อขยายวิสัยทัศน์ของเขา
ลิงค์มองเห็นว่าข้างหน้าพวกเขามีหน้าผาขรุขระที่มีหิมะปกคลุมอยู่เป็นหย่อมๆ ยิ่งพวกเขาลึกเข้าไปทางเหนือมากเท่าไหร่ต้นไม้ก็ยิ่งสั้นลงอย่างเห็นได้ชัดโดยที่ลำต้นของพวกมันครึ่งนึงจมลงไปในหิมะหนา จากนั้นพื้นที่ก็ค่อยๆกลายเป็นที่โล่งที่ไม่มีสิ่งกีดขวางอะไรเลย
ถนนข้างหน้านั้นทำให้ภารกิจยุ่งยากมากขึ้น เพราะหากไม่มีต้นไม้กำบัง, โอกาสในการถูกจับได้ของพวกเขาก็จะเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว
นอกจากนี้, นี่เป็นใจกลางของอาณาจักรดาร์คเอลฟ์ ลิงค์ไม่สามารถใช้เวทย์ลอยเพื่อเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ของพวกเขาได้เพราะมันจะทิ้งร่องรอยเวทมนตร์เอาไว้, ทำให้ฝ่ายตรงข้ามแกะรอยของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย และนั่นก็คงจะคล้ายกับการฆ่าตัวตาย
หลังจากนั้นพักนึง, ลิงค์ก็ตัดสินใจเดินหน้าต่อ เขาพูด “เราจะมุ่งหน้าไปทางนี้ เอาเชือกมัดเอวของตัวเองเอาไว้ แล้วผูกเชือกของทุกคนต่อกันเพื่อที่จะได้ไม่มีใครเป็นอันตราย”
“ครับท่าน” หน่วยสอดแนมขานรับและทำตามคำสั่งในทันที
ลิงค์ถือโอกาสในระหว่างที่เสียเวลาผูกเชือกเดินไปหาแอนนี่แล้วกระซิบ “เธอยังไหวไหม?”
เพื่อเพิ่มความคล่องแคล่วของพวกเขา, ทหารสอดแนมจึงมักจะสวมชุดเกราะหนัง อย่างไรก็ตาม, ชุดเกราะของพวกเขาในตอนนี้ถูกทำให้หนาขึ้นอย่างจงใจเพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นของทางเหนือ, และความสามารถในการรักษาความร้อนของมันก็ยังอยู่ในระดับดีที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเจอกับสายลมอันหนาวเหน็บ, หน่วยสอดแนมก็ไม่สามารถทนได้นานนักแม้ว่าจะได้รับการป้องกันจากออร่าต่อสู้ของพวกเขาก็ตาม
ในตอนนี้, หน่วยสอดแนมทุกคนมีสีหน้าซีดเผือดและอ่อนเพลีย ซึ่งแอนนี่ได้รับผลกระทบเป็นพิเศษเพราะร่างกายเล็กๆของเธอทำให้เธออ่อนแอต่อความหนาวมากกว่าคนอื่น ใบหน้าของเธอนั้นดูไม่มีเลือดฝาดเลยและตัวก็จะสั่นตลอดเวลา
“ไม่มีปัญหา…ฉันทนได้” แอนนี่กระซิบ ซึ่งมันทำให้ลิงค์ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น
จากนั้นเขาก็ไปดูหน่วยสอดแนมคนอื่นๆ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในสภาพที่ดีกว่า, แต่พวกเขาก็ยังดูเหนื่อยมากๆ อันที่จริง, เขาเองก็เริ่มได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศนี้เหมือนกัน ถ้าพวกเขายังไล่ตามต่อไป, พวกเขาอาจจะตายเพราะสภาพอากาศก่อนที่จะได้พบกับดาร์คเอลฟ์ก็ได้
ความอบอุ่นจากเวทมนตร์นั้นไม่เพียงพอ สิ่งเดียวที่ลิงค์ทำได้ก็คือร่ายเวทย์ธาตุแห่งการรักษาเป็นพักๆเพื่อฟื้นฟูเรี่ยวแรงของพวกเขา
“เป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ดีแน่ พวกเราต้องหาที่พักผ่อน” ลิงค์ค้นหาพื้นที่รอบๆแต่สิ่งที่เห็นก็มีแค่กองหิมะและต้นไม้ที่ตั้งตระหง่านเท่านั้น ไม่มีพื้นที่พักผ่อนในทัศนวิสัยของเขาเลย
“ลืมมันไปเถอะ, เดินหน้าต่อกัน” ลิงค์พูดเพราะเขาหมดทางเลือก
จากนั้นทั้งหน่วยก็มุ่งหน้าต่อพร้อมกับเจออุบัติเหตุมากมายระหว่างทาง แต่ก็โชคดีที่เชือกปกป้องทุกคนเอาไว้จากการตกลงไปในหลุม, และรับรองความปลอดภัยของพวกเขา
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน, แอนนี่ก็แสดงสัญญาณของความอ่อนเพลียออกมาอย่างเห็นได้ชัด เธอเดินโซซัดโซเซและดูเหมือนจะอยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น เหตุผลเดียวที่เธอยังเดินหน้าตาไปได้นั้นเป็นเพราะพลังใจอันแก่กล้าของเธอ หน่วยสอดแนมคนอื่นๆเองก็ตัวสั่นจากความหนาวอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ส่วนคนที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดก็คือลิงค์เพราะผ้าคุมเวทย์มนตร์ของเขาสามารถรักษาความอบอุ่นเอาไว้ได้ค่อนข้างดี
ณ ตอนนี้, มีหน้าผาเล็กๆปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าของพวกเขา และตีนเขาลูกนั้นก็ดูเหมือนจะมีบ้านไม้ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะอยู่ ลิงค์ร่ายเวทย์ตานกอินทรีย์ใส่ตัวเองอีกครั้งเพื่อตรวจสอบซ้ำให้แน่ใจ
มันเป็นบ้านไม้จริงๆ มันดูโทรมและไม่มีหน้าต่างเลย อย่างไรก็ตาม, มันก็น่าจะพอแล้วสำหรับที่พักชั่วคราว
“ไปที่นั่นแล้วพักกันซักคืนเถอะ” ลิงค์พูดขณะที่เขาช่วยพยุงแอนนี่ตรงไปยังที่พัก
แน่นอนว่าหน่วยสอดแนมเห็นด้วยกับความคิดของเขาและเดินโซเซตามหลังลิงค์ไปยังที่พัก
ต้นไม้เบาบางลงยิ่งกว่าเดิม, ทำให้ทั้งหน่วยได้รับลมหนาวอย่างเต็มที่ สายลมนี้พัดมาจากขั้วโลกเหนือ, แช่แข็งทุกสิ่งที่มันผ่าน
คนสามารถโดนน้ำแข็งกัดได้ถ้าพวกเขาลืมตาเต็มที่ในนรกบ้านี่
แม้ว่าบ้านไม้จะดูอยู่ไม่ไกล, แต่พวกเขาก็ยังต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่าพวกเขาจะมาถึง แต่ละก้าวที่เดินนั้นสูบเรี่ยวแรงของพวกเขาไปอย่างมหาศาล
บ้านไม้นั้นมีสถาปัตยกรรมแบบของพวกดาร์คเอลฟ์ มันมีสีดำเป็นฐานและมีรูปร่างที่แปลกประหลาด มีแม้กระทั่งกระโหลกเล็กๆสลักเอาไว้บนประตู อย่างไรก็ตาม, บ้านไม้หลังนี้ร้างไปแล้ว, และประตูก็เหลืออยู่แค่ครึ่งเดียว หลังคาเองก็พลังไปครึ่งนึงจากน้ำหนักของหิมะ แต่ก็โชคดีที่อีกครึ่งนึงยังแข็งแรงดีอยู่, ทำให้ป้องกันลมหนาวได้อยู่บ้าง
หลังจากเข้าไปในบ้าน, ลิงค์ก็ชี้คทาของเขาไปที่มุมนึงของบ้านแล้วพูด “ฆ่าเชื้อ”
ฟู่ว! มีเวทย์ที่ดูเหมือนม่านลอยไปทั่วทุกมุม, และเอาฝุ่นกับสิ่งสกปรกทั้งหมดไปกับมันด้วย จากนั้นลิงค์ก็มองดูโครงสร้างของบ้านไม้แล้วใช้สนามพลังฮิกส์เพื่อซ่อมบางส่วนที่เขารู้สึกไม่สบายใจ, และเสริมความั่นคงของที่พักที่ทรุดโทรมหลังนี้
หน่วยสอดแนมก็ไม่ได้นั่งอยู่เฉยๆเหมือนกัน มีเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกทิ้งเอาไว้ในบ้านไม้, ประกอบไปด้วยโต๊ะกับเก้าอี้ไม่กี่ตัว แม้ว่าพวกมันส่วนใหญ่จะใช้งานไม่ได้แล้ว, แต่บางตัวก็ยังมีสภาพดีอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงใช้ตัวที่เสียหายมาทำเป็นฟืนและเริ่มทำความสะอาดตัวที่มีดี
หลังจากนั้นพักนึง, ไฟก็ถูกจุดขึ้นที่กลางบ้านไม้ อุณหภูมิของที่พักเพิ่มขึ้นในทันที, นำความอบอุ่นที่จำเป็นมากเข้ามา
มีทหารคนนึงพบกระทะที่พังแล้วด้วย ลิงค์เอามาดูแล้วเริ่มซ่อมมันด้วยเวทย์มนตร์ จากนั้นทหารสอดแนมก็เอาหิมะเติมลงไปในกระทะโลหะเพื่อต้มน้ำ ลิงค์เห็นฉากนี้แล้วนึกขึ้นได้ว่าเขายังมีอาหารที่ลูซี่ให้มาเหลืออยู่ในจี้ต่างมิติ เขาจึงนำมันออกมาแล้วแบ่งครึ่งนึงให้กับเหล่าทหารสอดแนม ส่วนอีกครึ่งนั้นเป็นของว่างจำพวกเนื้อสัตว์ซึ่งเขาได้โยนมันลงไปในกระทะเอาไว้เป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมซุบเนื้อ
แม้ว่าธาตุแห่งการรักษาจะสามารถฟื้นฟูเรี่ยวแรงได้, แต่มันก็ไม่สามารถนำความสุขและความพึงพอใจที่มาจากอาหารจริงๆได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเป็นอาหารของลิงค์ที่ดูน่าอร่อยอย่างมาก เขาเอาอาหารต่างๆออกมาอย่างเช่นซี่โครงรมควันและล็อบสเตอร์สไปซี่, ทำให้เหล่าหน่วยสอดแนมยิ้งออกมาด้วยความดีใจ ขณะที่พวกเขากิน, ร่างกายของพวกเขาที่อ่อนแรงก็จะค่อยๆฟื้นฟูกลับมา
แอนนี่หลบอยู่มุมนึงในขณะที่เธอยื่นมือออกมาผิงไฟ เธอจะกินของว่างเป็นครั้งคราว, และความมีชีวิตชีวาก็จะค่อยๆกลับมาที่ใบหน้าของเธอ อย่างไรก็ตาม, โดยรวมแล้วเธอก็ยังอ่อนแออยู่
จากนั้นลิงค์ก็นึกถึงเสื้อคลุมขนหมีขาวในจี้ต่างมิติของเขาขึ้นมาได้อย่างกระทันหันเมื่อเห็นเธออยู่ในสภาพนี้ แม้ว่ามันจะไม่สะดวกที่จะสวมมันในขณะเดินทาง, แต่มันก็เป็นเสื้อคลุมที่เหมาะสมสำหรับตอนนี้
เขาเอาเสื้อคลุมออกมาแล้วสวมมันให้แอนนี่อย่างอ่อนโยน แอนนี่ส่งรอยยิ้มให้เขาเป็นการขอบคุณ, ความอ่อนโยนในดวงตาของเธอนั้นแทบจะทะลักออกมา
ลิงค์ยิ้มกลับไปแล้วหันไปหาเหล่าทหารสอดแนมก่อนที่จะพูดขึ้น “พวกเราอยู่ใกล้กลับขั้วโลกเหนือมากๆ, ซึ่งมันอยู่ที่ปลายสุดของป่าแบล็คฟอเรส ดังนั้นตอนนี้ป้อมโครงกระดูกน่าจะอยู่อีกไม่ไกลแล้ว
หน่วยสอดแนมตั้งใจฟังในขณะที่ความเงียบปกคลุมที่พัก
หน่วยสอดแนมนั้นรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งอันบ้าคลั่งของพวกกลูเป็นอย่างดี พวกกลูนั้นก็ถือว่าน่ากลัวอยู่แล้ว—แล้วป้อมโครงกระดูกซึ่งเป็นฐานของสิ่งมีชีวิตน่ากลัวพวกนี้จะเป็นยังไงหล่ะ? แถมหัวหน้าของพวกมันยังอาศัยอยู่ในที่ต้องสาปนั่นด้วย! ยิ่งก้าวเข้าไปใกล้ป้อมโครงกระดูกมากเท่าไหร่ก็เหมือนก้าวไปหาความตายมากเท่านั้น
ลิงค์พูดต่อ “มันดึกแล้ว พวกเราจะพักผ่อนที่นี่ในคืนนี้และจะเตรียมตัวออกไปในเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ ถ้าพวกเราไม่พบทีมที่ขนตัวนักดาบรุ่งอรุณระหว่างทาง, พวกเราจะจับกลูที่ร่อนเร่อยู่รอบๆป้อมโครงกระดูกมารีดข้อมูล”
“แล้วถ้านักดาบรุ่งอรุณอยู่ในป้อมโครงกระดูกแล้วหล่ะ?” แอนนี่ถาม
นี่เป็นคำถามที่เหมาะสมจริงๆ ถ้านักดาบรุ่งอรุณอยู่ในฐานของศัตรูแล้ว, พวกเขาจะทำภารกิจช่วยเหลือต่อไหม? แล้วถ้าเขาถูกความชั่วร้ายครอบงำจนถึงจุดที่กลับไม่ได้แล้วหล่ะ?
ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลิงค์ หน่วยสอดแนมทุกคนจ้องมองลิงค์รอฟังคำตอบของเขา การตัดสินใจของเขาจะตัดสินโชคชะตาของทุกๆคนในบ้านไม้หลังนี้
ลิงค์ยังคงเงียบอยู่ในขณะที่เขาเคี้ยวล็อบสเตอร์สไปซี่ เขารู้สึกว่าอาหารที่โดยปกติจะอร่อยนั้นมันไม่อร่อยเลย อันที่จริง, มันขมและไม่น่ากินเอาซะเลย นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากและความรับผิดชอบอันหนักหน่วงเพราะมันไม่ได้เกี่ยวข้องแค่ชีวิตของทุกคนในที่พักหลังนี้, แต่ยังเป็นผลลัพธ์ของสงครามนี้ด้วย
หน่วยสอดแนมรอฟังคำตอบของลิงค์อย่างอดทน
หลังจากผ่านไปสิบนาทีเต็ม, ลิงค์ก็ตัดสินใจได้ในที่สุด เขาพูด “ถ้านักดาบรุ่งอรุณไปถึงป้อมโครงกระดูกแล้ว, พวกเราก็จะต้องทุ่มสุดตัวเพื่อภารกิจ แผนการของฉันก็คงจะเป็นการร่ายเวทย์ระยะไกลจากที่ไกลๆเพื่อก่อกวนศัตรูในขณะที่พวกนายทุกคนบุกเข้าไปในฐานเพื่อตามหาคาร์โนส ถ้าเขาถูกความมืดครอบงำแล้วในตอนที่พวกนายพบเขา, ก็ให้ทิ้งภารกิจแล้วออกมาจากป้อมโครงกระดูกในทันที แต่ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่, ให้ช่วยเขาซะ ฉันจะถ่วงเวลาศัตรูเอาไว้ให้พวกนายเอง”
หน่วยสอดแนมพยักหน้าเป็นการเห็นด้วย
นี่เป็นแผนการที่อันตรายจริงๆ ทั้งลิงค์และหน่วยสอดแนมจะเอาชีวิตไปแขวนบนเส้นด้ายเพื่อภารกิจนี้ อย่างไรก็ตาม, ในเมื่อนี่เป็นการตัดสินใจของลิงค์, พวกเขาก็จะสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่
แอนนี่ถาม “ท่านมิโรส, ถ้านักดาบรุ่งอรุณถูกความมืดครอบงำแล้วจริงๆ, จะมีวิธีไหนที่ช่วยเขาได้ไหม?”
ลิงค์ส่ายหัวแล้วพูด “ถ้ามันเป็นกระบวนการปีศาจธรรมดา, ก็ยังพอมีโอกาสอยู่หรอก แต่ว่า, ครั้งนี้มันแตกต่างกัน มันไม่มีทางถอยกลับได้ ซึ่งมันน่าจะมีช่วงสั้นๆก่อนที่กระบวนการปีศาจจะสำเร็จ ถ้าใครมีโอกาสนั้น, ให้ใช้แร่เงินศักดิ์สิทธิ์ฆ่าเขาซะ”
กระบวนการปีศาจในครั้งนี้ดำเนินการโดยใช้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ แล้วภูมิปัญญาของมนุษย์จะต่อสู้กับสิ่งของของพระเจ้าได้ยังไง?
นี่ทำให้บรรยากาศหนักอึ้งและสิ้นหวัง
นอกจากภาพของหมู่บ้านดาร์คเอลฟ์, พวกเขาก็เดินทางบนดินแดนที่แห้งแล้งนี้ตลอดเวลา พวกเขาไม่พบร่องรอยของนักดาบรุ่งอรุณหรือแม้กระทั่งร่องรอยของทีมที่อยู่ในระหว่างการพาเขากลับไปที่ป้อมโครงกระดูกเลย
ซึ่งนี่หมายความได้สองอย่าง อย่างแรกคือพวกเขาคลาดกับทีมที่อยู่ในระหว่างพาตัวคาร์โนส อย่างที่สองก็คือเขาไปถึงป้อมโครงกระดูกแล้ว
ทั้งสองความเป็นไปได้นี้ถือว่าเป็นข่าวร้าย
ทุกคนตกอยู่ในความเงียบในขณะที่พวกเขาจ้องมองเปลวไฟที่กำลังลุกโชน หลังจากผ่านไปพักนึง, กลิ่นของซุบเนื้อที่ลิงค์ทำก่อนหน้านี้ก็เตะจมูกของพวกเขา อารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อยในตอนที่พวกเขาเพลิดเพลินกับน้ำซุปเข้มข้น ลิงค์เองก็ดื่มเพื่อให้ท้องของเขาอบอุ่น
ท้องฟ้ามืดลงในเวลาไม่นาน ลิงค์กับพรรคพวกไล่ตามกลูมาเป็นเวลาหลายวันโดยไม่ได้พักผ่อนเลยและถูกดูดเรี่ยวแรงไปจนหมด พวกเขาเอนตัวพิงกำแพงของบ้านไม้ที่ทรุดโทรมเพื่อพักผ่อน
ลิงค์ก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน ด้วยความที่ลิงค์รู้สึกหนาวเล็กน้อย, เขาจึงนอนขดตัวเป็นลูกบอลเพื่อรักษาความอบอุ่นให้กับร่างกายของเขา อย่างไรก็ตาม, จู่ๆเขาก็รู้สึกอุ่นขึ้นมาตลอดทั้งคืน, ราวกับว่ามีร่างกายที่อ่อนนุ่มกำลังกอดเขาอยู่ ในเวลาเดียวกันนั้น, เสื้อคลุมขนหมีหนาก็คลุมตัวเขาอยู่เช่นกัน
มันคือแอนนี่
ลิงค์ไม่ได้ปฏิเสธการกระทำด้วยความปราถนาดีนี้ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นของเขา ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงได้กอดกันและมีความสุขกับความอบอุ่นที่เสื้อขนสัตว์นำมาให้
มันเป็นคืนที่เงียบสงบ
เวลากลางดึก, ลิงค์รู้สึกถึงความผันผวนของเวทยมนตร์ที่แปลกประหลาดและสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ หูของเขาได้ยินเสียงของผู้คนกำลังเดินผ่านพื้นน้ำแข็งหนา เสียงใกล้เข้ามาทุกที, ซึ่งมันดูเหมือนกับว่ากำลังมุ่งหน้ามาทางบ้านไม้ที่พวกเขากำลังพักอยู่ ดูเหมือนจะเป็นเสียงคนสองคนกำลังคุยกันเป็นภาษาดาร์คเอลฟ์
“หนาวชะมัด! สภาพอากาศบัดซxจริงๆ” นี่เป็นเสียงอันแหบแห้ง
“เฮอะ, ถ้าเจ้าบอกว่ากำลังหนาวตายในอดีต, ข้าก็คงจะเชื่อเจ้าไปแล้ว แต่ตอนนี้เจ้าได้รับพรจากสตรีแห่งความมืด, เจ้าก็แค่อ้างไปเรื่อยเท่านั้นหล่ะ!” อีกเสียงแซว
“ไอบ้า ข้าเป็นคนแบกมนุษย์คนนี้มาตลอดเวลาเลยนะ ทำไมเจ้าไม่ลองแบกพวกมันแทนมั่งหล่ะ? ไอนักรบเวรนี่ตัวหนักชะมัด ข้ารับรองเลยว่าเกราะบนร่างของพวกมันต้องหนักอย่างน้อย 220 ปอนด์แน่ๆ! โถ่วว! ข้าอยากพักแล้ว”
ลิงค์รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ นักรบที่กำลังถูกพวกดาร์คเอลฟ์แบกอยู่…เกราะที่หนักกว่า 220 ปอนด์…มันต้องเป็นนักรบที่แข็งแกร่งมากแน่ๆ หรือว่ามันจะเป็นนักดาบรุ่งอรุณ?
ลิงค์รู้สึกมีความสุข พวกที่อยู่ข้างหน้าเป็นศัตรูของพวกเขาจริงๆใช่ไหม?