Advent of the Archmage - ตอนที่ 218: ข้าต้องปล่อยให้เธอไปช่วยเจ้า
แวนซ์ได้เป็นพยานรู้เห็นความหายนะและความสำเร็จของวีรบุรุษมาหลายคนแล้วในช่วง 1,000 ปีที่เขามีชีวิตอยู่ เขาเป็นคนๆเดียวที่มีประสบการณ์อย่างแท้จริงว่าชีวิตในฟิรุแมนมีโอกาสเจออะไรได้บ้าง
ลิงค์ตั้งใจจะปรึกษากับอันเดดเฒ่ามากประสบการณ์คนนี้ก่อนที่เขาจะไปเผชิญหน้ากับอุปกรณ์ระดับพระเจ้า
ตามคำแนะนำของรูนสื่อสาร ลิงค์เดินไปตามชายหาดก่อนที่จะมุ่งหน้าขึ้นเหนือไปตามชายฝั่ง หลังจากที่เขาผ่านท่าเรือที่ใกล้สร้างเสร็จแล้ว เขาก็วิ่งไปอีก 3 ไมล์ก่อนที่ในที่สุดเขาก็พบกับแวนซ์ที่อยู่ในถ้ำเล็กๆริมทะเล
เขากำลังนั่งอยู่บนก้อนหินตรงหน้าถ้ำและดูเหมือนว่ากำลังจะคิดอะไรบางอย่างอยู่ เมื่อมองจากระยะไกลเขานั้นดูเหมือนกับศพเลย
ดอเรียสจำเขาไม่ได้ ในตอนที่พวกเขามาถึงถ้ำ เขาก็หัวเราะแล้วพูดกับลิงค์ “ดูโครงกระดูกนี่สิ! น่าสนใจจริงๆ! เขายังสามารถรักษาสภาพแบบนี้เอาไว้ได้หลังจากที่เขาตายไปแล้วเนี่ยนะ ข้าจะเป่าหัวให้กระจุยเลย”
ดอเรียสเตรียมกรงเล็บของเขาและกำลังจะใช้หัวกระโหลกของแวนซ์แทนลูกบอล
ในจังหวะที่เขายกกรงเล็บของเขาขึ้น สายฟ้าก็ได้ผ่าลงมาจากท้องฟ้า ด้วยเสียงดังก้องอันแสนน่าหวาดกลัว สายฟ้าได้ฟาดลงมาที่กรงเล็บของดอเรียส ดอเรียสหุบกรงเล็บของเขากลับไปเนื่องจากความเจ็บปวดอย่างรุนแรงและจ้องไปที่โครงกระดูกด้วยความไม่เชื่อ “แปลกมาก มีอะไรบางอย่างแปลกๆกับโครงกระดูกตัวนี้!”
จากนั้นแวนซ์ก็ตื่นขึ้นพร้อมกับดวงไฟวิญญาณที่ลุกขึ้นในดวงตาของเขา แล้วเขาก็มองไปที่ดอเรียสด้วยสายตาหยอกล้อพร้อมกับยิ้มแล้วพูดขึ้นมา “ลิงค์ นี่สัตว์เลี้ยงของเจ้าหรอ? มันดูน่าสนใจดีนะ”
ดอเรียสต้องการที่จะโต้แย้ง แต่ก็ถูกลิงค์ขัดจังหวะ
ลิงค์กระโดดลงมาจากหลังของเขาและพูดแบบตรงไปตรงมา “ตาเฒ่า ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”
“ถ้าคนอย่างเจ้าพูดแบบนั้นออกมา ข้าคิดว่ามันคงจะเป็นปัญหาจริงๆสินะ แล้วมันคือเรื่องอะไรล่ะ?” แวนซ์ตอบอย่างใจเย็น
จากนั้นลิงค์ก็ได้รายงานสิ่งที่เขาพบเจอในวังหลวงอย่างละเอียด ตั้งแต่เรื่องดาร์กเอลฟ์ที่ผิดปกติไปจนถึงเรื่องอุปกรณ์ระดับพระเจ้าและสุดท้ายก็คือเรื่องที่เขาตัดสินใจที่จะขึ้นเหนือ จากนั้นเขาก็พูดด้วยความไม่มั่นใจ “จริงๆแล้ว ผมไม่รู้เลยว่าผมจะทำมันสำเร็จไหม”
แวนซ์ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาหลังจากที่เขาได้ฟังมัน เขาเพียงแค่พยักหน้าอย่างเชื่องช้า “เรื่องนี้เป็นปัญหาจริงๆ ขอเวลาข้าแปบนึงนะ”
แวนซ์สูญเสียท่าทีตามปกติและท่าทีบ้า ๆ บอ ๆ ของเขาไปและจมเข้าไปในกระแสวังวนของความคิดและความกังวล
สถานะนี้อยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมงก่อนที่เขาจะพูดออกมาในที่สุด “พวกดาร์กเอลฟ์นั้นบูชาราชินีแมงมุม, ลอร์ธ พระเจ้าที่เป็นที่รู้จักกันว่าเธอใช้แส้เป็นอาวุธ ชื่อของอาวุธนี้คืออสรพิษทมิฬ, บ่วงบาศของสตรีแห่งความมืด ถ้าเกิดว่าพวกดาร์กเอลฟ์ได้อุปกรณ์ระดับพระเจ้านี้มาจริงๆหล่ะก็ มันก็คงมีแต่ชิ้นนี้เท่านั้นแหล่ะ”
ลิงค์รู้ในทันทีว่าเขามาหาถูกคนแล้วในตอนที่เขาได้ยินคำพูดพวกนี้!
จากนั้นเขาก็ถาม”คุณรู้ลักษณะและคุณสมบัติที่แน่นอนของอุปกรณ์ระดับพระเจ้าชินนี้รึเปล่า?”
ถึงแม้ว่าลิงค์จะรู้คุณสมบัติของอุปกรณ์ระดับพระเจ้านี้อย่างชัดเจนมาจากเกมส์ แต่ก็มีโอกาสที่มันจะไม่เหมือนกันสูงมาก ยกตัวอย่างเช่น ดาบของลอร์ดพายุที่อยู่ในมือของเขาก็มีค่าสถานะที่ต่างกับในเกมโดยสิ้นเชิง มันมีพลังสูงกว่ามากในโลกแห่งฟิรุแมน ลิงค์ไม่เชื่อค่าสถานะในเกมที่เขาจำได้อีกเลยนับตั้งแต่เหตุการณ์นั้น ถ้าเขายังคงทำแบบนั้นต่อไป เขาก็คงจะพบกับจุดจบเข้าซักวันนึงโดยที่ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมเลยด้วยซ้ำ
แวนซ์ส่ายหน้า “นั่นเป็นอาวุธของพระเจ้า คนมีชีวิตอย่างข้าจะไปรู้ลักษณะที่แท้จริงของมันได้ยังไง? แต่ว่า นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่อสรพิษทมิฬได้ปรากฏขึ้นบนโลกนี้หรอกนะ มันมีตำนานที่เกี่ยวข้องกับมันอยู่มากมาย”
“เล่าให้ผมฟังทีสิ” ลิงค์พูดอย่างถ่อมตัว
“ขอเวลาข้าแปปนะ” แล้วแวนซ์ก็กลับเข้าสู่สถานะทำสมาธิอีกครั้งและใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนที่เขาจะเปิดปากพูดอีกครั้ง “มันมีข่าวลือบอกว่าอสรพิษทมิฬนั้นมีพิษที่รุนแรงมากและมันก็สามารถปล่อยสสารที่มีพิษสูงออกมาได้ สำหรับคนที่เป็นพวกมัน มันจะเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นนักรบสมบูรณ์แบบ แต่ว่า พิษนี้อันตรายมากกับศัตรูของพวกเขา ถ้าเกิดว่าศัตรูได้รับพิษเข้าไปหล่ะก็ มันไม่มีโอกาสเลยที่พวกเขาจะรอด และแม้กระทั่งวิญญาณของพวกเขาก็จะถูกทำให้สลายไปด้วย”
“มันทรงพลังขนาดนั้นเลยเหรอ?” ดอเรียสกลัวหัวหดอยู่ข้างๆลิงค์ตามสัญชาติญาณ
แวนซ์พูดต่อ “แต่อย่างน้อยมันก็เป็นแค่อาวุธ หลังจากที่เข้ามายังโลกนี้ มันจะต้องมีผู้ครอบครอง ซึ่งผู้ครอบครองจะถูกอาวุธควบคุม และพวกเขาจะได้รับพลังอำนาจในระดับที่น่ากลัวอีกด้วย มันมีข่าวลือว่ามีเพียงดาร์กเอลฟ์ที่มีสายเลือดของซิลเวอร์มูนเท่านั้นที่สามารถรับพลังของอุปกรณ์ระดับพระเจ้าได้ จากนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นนักรบที่ไม่มีใครสามารถต่อกรได้”
“พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน? ถึงระดับตำนานไหม?” ลิงค์รู้สึกหวาดกลัว
“ข้าก็ไม่รู้” แวนซ์ส่ายหัว
ลิงค์รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ยังไงก็ตาม มีอีกเสียงดังขึ้นมาในหัวของเขา “ไม่ถึงระดับตำนานหรอก มันมีพลังเทียบเท่าเลเวล 9 ที่เชี่ยวชาญเท่านั้นแหล่ะ หุ่นเชิดจะไปมีพลังถึงระดับตำนานได้ยังไงกัน?”
เสียงนั้นเป็นของวิญญาณดาบที่อยู่ในดาบของลอร์ดพายุ
คุณมั่นใจหรอ? ลิงค์ถาม
วิญญาณดาบรู้สึกโกรธ “เจ้าหมายความว่ายังไง! นี่เป็นเรื่องจริงนะ! ข้ามีประสบการณ์เยอะกว่าไอโครงกระดูกที่อยู่ข้างหน้าเจ้าเป็น 10 เท่า! แถมข้ายังเคยต่อสู้กับอสรพิษทมิฬมาก่อนด้วย!”
ลิงค์รู้สึกสงสัยขึ้นมาในทันที แล้วใครชนะ?
วิญญาณดาบตกอยู่ในความเงียบไปซักพักก่อนที่เขาจะตอบ “ข้าขี้เกียจเกินกว่าที่จะบอกเจ้า”
ยังไงก็ตาม, ลิงค์ก็หมดหวังที่จะได้รู้ขอบเขตพลังที่แท้จริงของอสรพิษทมิฬ “เดี๋ยวก่อนสิ ท่านบอกว่าท่านเคยสู้กับมันมาก่อน ช่วยบอกผมมาเถอะว่ามันมีพลังแบบไหนและจะป้องกันมันยังไง!”
ไม่มีเสียงตอบกลับ วิญญาณดาบนั้นนึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไป; นิสัยของเขานั้นไม่สามารถคาดเดาได้ หลังจากที่ถามคำถามไปอีกมากมายภายในใจและไม่ได้รับการตอบกลับมาอีกเลย ลิงค์ก็ทำได้แค่ยอมแพ้
ในตอนนี้ แวนซ์เองก็ดูเหมือนจะไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว ลิงค์คิดว่านี่คงจะเป็นเรื่องทั้งหมดที่แวนซ์รู้แล้ว ดังนั้นเขาจึงพูดขึ้นมา “ตาเฒ่า ผมจะกลับไปยังดินแดนของผม คุณเบื่อที่จะอยู่ที่นี่ไหม?”
แวนซ์ส่ายหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย “ข้ามองไปยังทะเลในทุกๆวันและข้าก็สนุกกับภาพสวยๆในตอนที่ตะวันตกดินและนกที่ดำลงไปในน้ำ ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก”
“หรอ ถ้างั้นก็ลาก่อนนะ” ลิงค์ขึ้นขี่ดอเรียสแล้วตรงกลับไปยังดินแดนของเขาเพื่อทำการเตรียมการขั้นสุดท้าย
หลังจากที่มั่นใจว่าลิงค์ไปแล้ว แวนซ์ก็กระโดดลงจากก้อนกินที่เขานั่งอยู่และตรงเข้าไปในถ้ำทันที ภายในถ้ำมีร่างกายที่เสียหายของนานะอยู่ ตอนแรก เขาได้ตกลงที่จะดัดแปลงนานะไปพร้อมกับลิงค์หลังจากที่ลิงค์มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการสร้างหุ่นเชิดเวทมนตร์แล้ว
ดังนั้น แวนซ์จึงไม่ได้แตะต้องหุ่นเชิดเวทมนตร์เลยตลอดเวลาที่ผ่านมานี้
ยังไงก็ตาม สถาการณ์ในตอนนี้แตกต่างกัน
พอเขาเข้าไปในถ้ำ เขาก็ได้แต่พูดตำหนิ “เจ้าหนุ่มนี่ช่างอวดดีเสียจริง ที่คิดว่าเขาจะต่อสู้กับอุปกรณ์ระดับพระเจ้าได้ –เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน!”
ยังไงก็ตาม หลังจากที่เขาบ่น แวนซ์ก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา “การปรากฏตัวของอสรพิษทมิฬนั้นเชื่อมโยงกับภัยพิบัติที่จะกวาดล้างโลก จะมีใครหนีจากโศกนาฏกรรมเช่นนี้ได้หล่ะ? ข้าจะเอาตัวรอดจากมันได้ไหมนะ? หากมีใครไม่ยอมกลายเป็นหุ่นเชิดของความมืด มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นหล่ะก่อนที่พวกเขาจะตาย…”
เขาเดินไปหานานะและนั่งลงเพื่อตรวจสอบความเสียหาย หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆ เขาก็หยิบคทาตุลาการทมิฬขึ้นมาแล้วเริ่มร่ายเวทย์แปรรูป
เขารู้สาเหตุที่นานะเสียการควบคุมแล้ว และสามารถซ่อมเธอได้อย่างง่ายดาย เหตุผลเดียวที่เขาไม่ซ่อมมันก่อนหน้านี้ก็คือสัญญาที่เขาได้ให้ไว้กับลิงค์
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจำเป็นต้องทำมัน
“เจ้าหนุ่ม อย่ามาโทษที่ข้าไม่รอเจ้าหล่ะ ถ้าข้าซ่อมเธอไม่ทันเวลา เจ้าจะต้องตายเพราะขึ้นเหนือไปคนเดียวอย่างแน่นอน ข้าจำเป็นต้องให้เธอไปช่วยเจ้า”
แวนซ์นั้นเคยใช้เวลา 20 ปีในการสร้างหุ่นเชิดเวทมนตร์และด้วยเหตุนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับทุกๆส่วนในโครงสร้างของเธอ เขาซ่อมแซมนานะด้วยความเร็วอันน่าหวาดกลัว
ภายใต้ผลของเวทย์แปรรูป บาดแผลของนานะได้รับการรักษาและดวงตาอันสดใสที่ถูกแช่แข็งก็เริ่มที่จะได้สติกลับมา
เสียงที่คมชัดและสดใสดังขึ้นจากนานะอีกครั้ง “นานะเปิดใช้งาน…ความทรงจำเสียหาย…นานะไม่มีเป้าหมายอีกแล้ว…นานะไม่มีเป้าหมายอีกแล้ว…”
“มันยังไม่ถึงเวลาตื่น หลับซะแล้วอย่าสร้างปัญหาอีกหล่ะ” จากนั้นแวนซ์ก็ลูบหัวของเธอเบาๆด้วยมือที่ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีขาว ด้วยการแตะเบาๆ นานะก็กลับเข้าสู่สถานะหลับลึกอีกครั้ง
แน่นอน ว่าลิงค์ไม่รู้ถึงแผนการของแวนซ์ เขานั้นได้กลับไปยังดินแดนของเขาเรียบร้อยแล้ว
ไม่ไกลมากนัก รากฐานของหอคอยเวทมนตร์ได้ถูกตั้งขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว ไกลออกไปอีก ก็จะสามารถมองเห็นหุ่นเชิดเวทมนตร์ยักษ์ที่กำลังไถดินอยู่
เทือกเขามอดไหม้นั้นเต็มไปด้วยผู้คนอย่างผิดปกติ ในเส้นทางที่มาจากป่าเกอแวนท์นั้นเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินสัญจรมากกว่าปกติถึงสิบเท่า พวกเขาบางคนยังแบกกระเป๋าและจูงมือลูกๆมาด้วย ดูเหมือนพวกเขาหลายคนจะมากันทั้งครอบครัว ดูจากจำนวนของที่พวกเขาแบกมาแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ มีเต็นท์ชั่วคราวมากมายถูกตั้งขึ้นรอบๆเทือกเขามอดไหม้
ลิงค์นั้นยุ่งเกินกว่าที่จะสังเกตเห็นมันในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เขารู้สึกได้ถึงมันแล้ว และเขาก็รู้สึกแปลกๆ
ดอเรียสเองก็รู้สึกตะลึง “ที่นั่นมีคนเยอะแยะเลยนะ”
“ไปดูกันเถอะ”