Advent of the Archmage - ตอนที่ 201: หุ่นเชิดเวทย์มนตร์อันไร้เทียมทาน ส่วนที่ 1
ตุบ!
ในที่สุดนักรบขวานคนสุดท้ายก็ล้มลง เขาได้ตายก่อนที่เขาจะล้มลงไปที่พื้นเสียอีก โมเรสเทิร์นถอนหายใจออกมายาวๆและเอามือไปดึงฮู้ดของผ้าคลุมที่ขาดวิ่นของเขาลงมา ในตอนนี้ กระดูกที่แตกหักและร่างกายของเขาที่ถูกนักรบขวานโจมตีมาก่อนหน้านี้ก็แทบจะพังลงพื้นแล้ว
“อา ถึงเวลาหาร่างกายใหม่แล้วสินะ” โมเรสเทิร์นพูด
แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ เพราะเขาได้ฆ่าคนเกือบทั้งหมดของโดเรียนไปแล้ว หลังจากที่เขาออกไปจากที่นี่ได้ เขาเพียงแค่ไปหาที่ปลอดภัยและพักผ่อนซักพักนึง จากนั้นพอเขาฟื้นตัวขึ้นมาได้เล็กน้อยก็ค่อยกลับมาฆ่าโดเรียน แล้วพระราชวังใต้ดินก็จะตกเป็นของเขา
นี่มันค่อนข้างเกินกว่าที่ข้าคาดการณ์เอาไว้นะเนี่ย โมเรสเทิร์นคิด
เขามองไปที่ซากศพที่นอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นและเขาก็อดที่จะภูมิใจในตัวเองไม่ได้ เขาไม่ได้ออกข้างนอกมากว่า 100 ปีแล้ว;ใครจะไปคิดหล่ะว่าเขายังคงฟิตปั๋งอยู่?
หลังจากพักผ่อนเล็กน้อย โมเรสเทิร์นก็เดินไปที่ทางออกและเตรียมตัวที่จะออกจากพระราชวังใต้ดิน ป้อมเงายังคงทำงานอยู่ แต่ว่ามันคงไม่มีปัญหาอะไรสำหรับเขาที่จะยกเลิกมันในตอนนี้ เพราะว่ามันไม่มีใครอีกแล้วในที่นี้ที่จะมาขัดขวางเขาได้
มานาในร่างกายของเขานั้นเกือบหมดแล้วในตอนนี้ ดังนั้นโมเรสเทิร์นจึงเอาขวดน้ำยาเรืองแสงออกมาและกินมันหมดในอึกเดียว มันคือยามานาระดับสูงซึ่งมีผลรุนแรงในการฟื้นฟูร่างกายที่มานาเกือบจะหมดแล้วให้กลับมาเต็มอีกครั้ง จากนั้นเขาก็หยิบคทาของเขาขึ้นมาแล้วส่งมานาผ่านโครงกระดูกไปที่หัวของคทาทำให้เกิดการผันผวนของมานาอันรุนแรงที่ทางเดิน
โมเรสเทิร์นนั้นคิดจะใช้มานาที่เหลืออยู่ในร่างกายทั้งหมดในการร่ายเวทย์โจมตีเลเวล 7 ที่อยู่ในคทาของเขาเพื่อที่จะทำลายป้อมเงา แต่พอกระบวนการร่ายเวทย์ดำเนินไปได้แค่ครึ่งเดียว ก็มีความคิดนึงผุดขึ้นมาในหัวของโมเรสเทิร์นซึ่งทำให้เขาหยุดในทันที
ถ้าเกิดว่าคนพวกนั้นรอข้าอยู่ที่ด้านนอกล่ะ? เขาคิด มันก็จะเป็นการฆ่าตัวตายสินะถ้าเกิดว่าข้าใช้เวทย์เลเวล 7 ในตอนนี้?
พอเขาคิดเกี่ยวกับมัน โมเรสเทิร์นก็กัดฟันของเขาแล้วตัดสินใจที่จะนั่งลงตรงนี้แทนที่จะออกไปข้างนอก เขารู้ว่ามีคน 3 คนรอที่จะโจมตีเขาอยู่ และหนึ่งในพวกเขาก็เป็นจอมเวทแห่งความมืดที่แข็งแกร่งที่อยู่ในพระราชวังใต้ดินนี้จริงๆ ในขณะเดียวกันนั้น, ลูกน้องของโดเรี่ยนก็ถูกจัดการหมดแล้ว ดังนั้นจึงเหลือเพียงโดเรี่ยนเท่านั้นที่จะต้องจัดการด้วย
ร่างกายของเขาอ่อนแอมากในตอนนี้ ดังนั้นมันต้องไม่ใช่ความคิดที่ดีแน่ๆหากจะไปต่อสู้กับโดเรี่ยน แผนการที่ดีที่สุดสำหรับเขานั้นก็คือการรออยู่อย่างเงียบๆ, ฟื้นฟูพลังของเขาและไม่ไปกระตุ้นความสงสัยของโดเรี่ยนเพื่อไม่ให้เขาออกมา
พอเขาคิดได้อย่างนั้น โมเรสเทิร์นก็หลับตาลงและเข้าสู่สถานะทำสมาธิครึ่งนึงเพื่อที่จะเร่งอัตราการฟื้นฟูร่างกายของเขา
แต่ว่าในตอนนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากส่วนลึกของพระราชวังใต้ดิน
ตุบ…ตุบ….ตุบ…
เสียงฝีเท้านั้นเบาและสม่ำเสมอ และเสียงของมันก็ไม่ได้ดูเร็วขนาดนั้น
โมเรสเทิร์นถึงกับตกตะลึง เขาลืมตาขึ้นมาในทันทีและเห็นสิ่งที่มีรูปร่างผอมเดินออกมาจากทางเข้าใหญ่ ร่างตะคุ่มๆนั้นมีความสูงประมาน 5 ฟุต 6 นิ้ว รูปร่างของเงานั้นค่อนข้างผอมและดูเหมือนผู้หญิงมาก; จุดที่น่าสงสารที่สุดก็คือส่วนหน้าอกของมันที่แบนมากๆ โมเรสเทิร์นสามารถสังเกตุได้ว่าเธอนั้นสวมชุดเดรสยาวและถูกปกคลุมด้วยเกล็ดที่เป็นประกาย ในขณะที่แขนของเธอกำลังถือดาบยาว 4 ฟุตอยู่ พอเขามองไปที่ใบหน้าของเธออีกครั้งเขาก็สังเกตเห็นว่าผิวของเธอนั้นใสและเรียบเนียนเหมือนกับเครื่องถ้วยชาม และหน้าตาของเธอก็ไร้ที่ติ ดวงตาสีดำของเธอนั้นเป็นประกายน่าดึงดูด…อา นี่มันคือความสวยงามที่แท้จริง!
“เจ้าคือ…?” โมเรสเทิร์นถามด้วยความงุนงง
เขาไม่ใช่คนที่จะถูกใครบางคนที่ปรากฏตัวออกมาอย่างโดดเด่นหลอกเอาได้ง่ายๆ แน่นอนว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นสวยงามจริงๆ แต่ที่น่าแปลกก็คือ เขาไม่สามารถสัมผัสออร่าพลังงานชีวิตจากตัวเธอได้เลย เว้นเสียแต่ความผันผวนของมานาที่ออกมาจากร่างของเธอ หรือพูดอีกนัยนึงก็คือ เธอนั้นไม่ได้ต่างอะไรกับก้อนหินที่มีชีวิตเลย
ใบหน้าของหญิงสาวนั้นไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมาเลยในตอนที่เธอเดินมาหาโมเรสเทิร์นแบบไม่ช้าและก็ไม่เร็ว ในตอนที่เธออยู่ห่างจากเขาประมาณ 160 ฟุต เธอก็พูดขึ้นมาอย่างกระทันหัน
“เป้าหมาย: นักเวทย์วูดู ความสูง: 5 ฟุต 8 นิ้ว น้ำหนัก: 150 ปอนด์ จุดเด่น: เวทย์ลึกลับ ระดับภัยคุกคาม: 2 ดาว”
“…?” โมเรสเทิร์นไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงอะไรและทำได้แค่นั่งนิ่งอยู่กับที่ แต่ว่าเขาก็เตรียมพร้อมที่จะปล่อยการโจมตี ในตอนที่เขามั่นใจว่าหญิงสาวคนนี้จะเป็นภัยคุกคามแก่เขา
เขาเปิดใช้บาเรีย 3 ด้าน, ยกคทาของเขาขึ้นมาแล้วชี้ไปที่หญิงสาวและร่ายเวทย์ “สลายธาตุ!”
แผ่นโปร่งแสงของมานาที่เหมือนกับน้ำได้พุ่งออกไปหาหญิงสาวที่แปลกประหลาดคนนี้
ชิ้ง!
อยู่ๆร่างกายของหญิงสาวก็เบลอ และเธอก็งอตัวไปด้านหลังจนร่างกายของเธอแทบจะแนบกับพื้นและหลบสลายธาตุด้วยความเร็วอันไม่น่าเชื่อ
ไหงเธอถึงเร็วขนาดนั้นได้หล่ะเนี่ย! โมเรสเทิร์นคิด ถึงแม้ว่าเขาจะดูไม่ตื่นตระหนกเลยก็ตาม แต่ถ้าเกิดว่าผู้หญิงคนนี้สามารถหลบการโจมตีจากระยะไกลได้ แล้วถ้าเป็นการโจมตีแบบระยะกว้างหล่ะ?
“ใยแมงมุม!” โมเรสเทิร์นตัดสินใจที่จะโยนใยในครั้งนี้เพื่อที่จะทำให้เธอช้าลง
ในจังหวะที่แสงสีขาวของเวทย์มนตร์ปรากฏขึ้น โมเรสเทิร์นก็รู้สึกตัวได้ในทันทีว่าหญิงสาวนั้นได้หายตัวไปแล้ว!
“เธอหายไปไหน?” โมเรสเทิร์นพูดด้วยความงุนงง
จากนั้น เขาก็รู้สึกเย็นวาปที่หน้าผากของเขาเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างที่เย็นๆมาเจาะกะโหลกของเขา ในตอนสุดท้ายนั้นเอง เขาก็เห็นใบหน้าอันสวยงามของหญิงสาวอยู่เบื้องหน้าของเขา ภาพสุดท้ายที่อยู่ในใจของเขาก็คือดวงตาอันสดใสและเย้ายวนของเธอ
มันเป็นไปได้ยังไง?ทำไมบาเรียป้องกันของข้าถึงไม่ได้ผล?
นั่นคือความคิดสุดท้ายในหัวของโมเรสเทิร์น เขาตายในทันทีหลังจากนั้น และเวทย์ใยแมงมุมก็หายไปพร้อมกับเขา
“ภารกิจสำเร็จ เป้าหมายถูกกำจัด” หญิงสาวพูด เสียงของเธอนั้นบริสุทธ์และไร้เดียงสาเหมือนกับนกลาร์ค จากนั้นเธอก็หันหลังกลับและเดินกลับเข้าไปในพระราชวังใต้ดิน
ตุบ…ตุบ….ตุบ….
เธอเดินไปอย่างไม่รีบร้อน เหมือนกับว่าเธอกำลังมีความสุขไปกับการเดินเล่นในสวนสาธารณะในตอนกลางวัน
ผลั่ก!!
ร่างของโมเรสเทิร์นล้มลงกับพื้น เขาตายแล้ว ด้วยน้ำมือของศัตรูที่ไร้ชื่อ
…
ที่ด้านนอกของพระราชวังใต้ดิน
“โมเรสเทิร์นตายแล้ว” แวนซ์พูดขึ้นมา เขาได้ติดตามสถานการณ์ภายในพระราชวังใต้ดินอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด
ก่อนหน้านี้เขาได้ทิ้งรูนตรวจจับเอาไว้ด้านในเป็นจำนวนมาก ซึ่งรูนพวกนี้ได้บอกเขาว่าออร่าพลังชีวิตของนักเวทย์วูดูเลเวล 7 ที่ทรงพลังนั้นได้หายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
“เขาถูกหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ฆ่าอย่างงั้นหรอ?” ลิงค์ถาม
แวนซ์พยักหน้าของเขา “ข้าคิดว่าอย่างนั้นนะ” เขาพูด “ถ้าเกิดว่ารูนไม่ได้ผิดพลาด น่าจะมีนักสู้เพียงแค่สองคนที่เหลืออยู่ในพระราชวังใต้ดิน คนนึงก็คือโดเรียนและอีกคนก็คือหุ่นเชิดเวทย์มนตร์”
“พวกเราบุกเข้าไปข้างในตอนนี้เลยได้ไหม?”เซลีนถาม
“ตอนไหนก็ได้” แวนซ์ตอบ, จากนั้นแวนซ์ก็มองไปทางพระราชวังใต้ดินและเห็นว่าป้อมเงาของโมเรสเทิร์นยังคงอยู่ที่นั่น “มันต้องใช้มานาในการคงสภาพป้อมเงาเอาไว้ ตอนนี้โมเรสเทิร์นตายแล้วอีกไม่นานมันคงพังลง พวกเราควรจะรออีกซักพักนึง”
ลิงค์ได้ใช้โอกาสนี้ในการถามคำถามแวนซ์เกี่ยวกับคำถามที่ติดอยู่ในใจของเขา
“หุ่นเชิดเวทย์มนตร์ที่คุณพูดถึงดูแข็งแกร่งมากเลยนะ” เขาพูด “บอกผมเกี่ยวกับมันมาให้มากกว่านี้หน่อยสิ”
“ได้สิ แน่นอนว่าเธอแข็งแกร่งมาก!” แวนซ์ตะโกนด้วยความภาคภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด “เธอชื่อว่านานะ ร่างกายของเธอสร้างขึ้นด้วยทองของจิ๊บที่สามารถทนต่ออุณหภูมิที่ต่ำและสูงมากๆได้ เธอนั้นใกล้เคียงกับคำว่าไม่สามารถทำลายได้ ผนึกเวทย์มนตร์ในร่างกายของเธอนั้นทำขึ้นมาจากทอเรียมทองที่เป็นสื่อนำมานาที่ดีที่สุดในโลก แถมข้ายังใส่ผนึกความทรงจำเวทย์มนตร์โซลอนลงไปในสมองของเธอถึง 1,028 ยูนิตด้วยเพื่อให้เธอสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์การต่อสู้ และวิวัฒนาการจนทำให้เธอเก่งขึ้นได้เรื่อยๆ…”
“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน” เซลีนพูดแทรก “ฉันแทบไม่เข้าใจที่คุณพูดเลย คุณช่วยพูดให้ง่ายกว่านี้หน่อยได้ไหม?”
“โอเค ถ้างั้น” แวนซ์พูด “เธอมีจุดแข็งสองอย่าง อย่างแรกคือความเร็วของเธอ เธอเร็วมากๆ ปกติเธอมักจะเดินแบบธรรมดาเหมือนเดินเล่น แต่ถ้าเธอต้องการ เธอสามารถเร่งความเร็วของเธอให้ถึงจุดสูงสุดได้และสามารถเคลื่อนที่ได้ 25 ไมล์ต่อวินาที”
เซลีนถึงกับกลืนน้ำลายในตอนที่ได้ฟังการเปิดเผยนี้ ตอนนี้เธอเป็นนักรบเลเวล 6 และสามารถพิจารณาได้ว่าเป็นหนึงในนักรบที่เก่งที่สุดในทวีป แต่ต่อให้เธอกางปีกของเธอออกและพุ่งไปในอากาศ ความเร็วของเธอก็ไม่ได้เร็วไปกว่า 10 ไมล์ต่อวินาที ซึ่งนั่นหมายความว่าเธอช้ากว่านานะถึง 4 เท่า!
แม้แต่ลิงค์เองก็ตะลึงและไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“นั่นมันเร็วกว่าเสียงอีกนะ!” เขาอุทาน “คุณแน่ใจนะว่าคุณไม่ได้พูดเกินจริง?”
“ข้าไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอก!” แวนซ์พูด เขายิ่งดูภูมิในในสิ่งประดิษฐ์ของเขาขึ้นไปอีก “ความจริงแล้ว นั่นคือความเร็วของเธอเมื่อ 400 ปีที่แล้ว! อย่าลืมนะว่านานะสามารถวิวัฒนาการให้เก่งขึ้นได้ ข้าไม่ค่อยอยากจะบอกเลย แม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเธอนั้นเร็วขึ้นมากแค่ไหนในตอนนี้ ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ทำไมข้าถึงต้องเตือนเธอ เซลีน เธอจะต้องป้องกันเท่านั้น อย่าพยายามที่จะโจมตีเธอหล่ะ!”
เซลีนมองบนให้กับคำพูดของลิซ เธอไม่ได้โง่หรือบ้าพอที่จะไปพยายามโจมตีสัตว์ประหลาดที่รวดเร็วขนาดนั้น นอกเสียจากว่าเธอต้องการที่จะตาย!
“แล้วจุดแข็งที่สองของเธอหล่ะ?” ลิงค์ถาม
“จุดแข็งที่สองของเธอก็คือการโจมตีจุดอ่อนของศัตรู” แวนซ์พูด เนื่องจากกลัวว่าทั้งสองจะไม่เข้าใจศัพท์เทคนิค แวนซ์จึงใช้นิ้วกระดูกของเขาวาดผนึกเวทย์มนตร์ง่ายๆลงบนพื้น
“ดูนี่นะ” เขาพูด “นี่คือเวทย์ป้องกันเลเวล 0 โล่ธรรมดา พอร่ายเวทย์ โล่แสงก็จะปรากฏขึ้นรอบๆตัวของผู้ร่ายใช่มั้ย?”
ทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน
“ถ้ามองไปที่พื้นผิวของมัน” เขาพูดต่อ “โล่แสงนี้ดูเรียบและเป็นระเบียบ แต่ความเป็นจริง มันจะมีบางจุดของโล่ที่มันเปราะบางกว่าส่วนอื่นๆ…ตามทันใช่ไหม?”
เซลีนขมวดคิ้วเพราะว่าเธอไม่เข้าใจมัน ความรู้พื้นฐานในด้านเวทย์มนตร์ของเธอนั้นมีไม่มาก ในอีกด้านนึงลิงค์พยักหน้าอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าเขาจะขมวดคิ้วด้วยก็ตาม
“จุดที่มีความแข็งแกร่งแตกต่างกันนั้นมันมีอยู่ก็จริง” เขาพูด “แต่ว่าปกติพวกมันไม่เสถียรและอยู่ได้ไม่นาน จุดอ่อนทุกที่ไม่สามารถอยู่ได้นานไปมากกว่า 0.0001 วินาทีหรอก แล้วนานะสามารถใช้ประโยชน์จากจุดนั้นได้ยังไง?”
แวนซ์พยักหน้าให้กับคำถามของลิงค์
“ความจริงที่ว่าความเร็วของเธอนั้นสามารถไปถึง 25 ไมล์ต่อวินาทีได้” เขาเริ่มอธิบาย “นั่นก็พิสูจน์แล้วว่าเธอนั้นมีการตอบสนองที่เร็วมากๆ ความจริงก็คือ เมื่อ 400 ปีที่แล้ว ความเร็วในการตอบสนองของเธอก็คือ 0.002 วินาที”
“เร็วขนาดนั้นเลยหรอ?” ลิงค์ถาม เขาตกใจมาก
ตั้งแต่ที่มาที่โลกนี้ ข้อได้เปรียบที่ทรงพลังที่สุดของลิงค์ก็คือความเร็วในการคิดที่น่ากลัวของเขา เขาเคยวัดว่าขีดจำกัดของมันอยู่ที่ประมาณ 0.001 วินาที และเขาก็ไม่สามารถรักษาสถานะนั้นได้นานกว่า 2 วินาที และตอนนี้เขาก็พบกับหุ่นเชิดที่มนุษย์สร้างขึ้นที่มีความเร็วการตอบสนองพอๆกับเขา! เขาต้องยอมรับในจุดนี้ว่าแวนซ์นั้นคืออัจฉริยะที่ควรจะภูมิใจในสิ่งประดิษฐ์ของเขาจริงๆ
“ลิงค์” เซลีนพูด “ฉันคิดว่าฉันเริ่มกลัวมันหน่อยๆแล้ว” แม้ว่าเธอจะไม่ได้เข้าใจในความแข็งแกร่งของหุ่นเชิดแบบละเอียดจริงๆ แต่เธอก็ยังคงรู้สึกว่าความเร็วในการตอบสนอง 0.002 วินาทีและความเร็วในการเคลื่อนที่ 25 ไมล์ต่อวินาทีนั้นแค่คิดก็น่ากลัวแล้ว
เธอคงไม่มีหวังที่จะสู้หรือป้องกันตัวเองกับสิ่งที่มีความเร็วขนาดนั้น เธออาจจะถูกฆ่าภายในเสี้ยววินาทีโดยที่ยังไม่รู้ว่าเธอโดนอะไรด้วยซ้ำ!
“ไม่ต้องกังวลนะ” ลิงค์พูดหลังจากคิดอยู่ซักพักนึง “ฉันจะปกป้องเธอจากด้านหลังเอง”
พวกเขามีกัน 3 คนและหนึ่งในนั้นก็คือลิซ 1,000 ปีเลเวล 7 ที่เป็นคนสร้างหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ขึ้นมาเอง ถูกไหม? ความเร็วในการคิดของลิงค์เองก็เร็วมากเช่นกัน ดังนั้นเขาน่าจะสามารถปกป้องเซลีนได้อย่างไม่มีปัญหา
“ถ้างั้นก็โอเค” เซลีนพูด เธอรู้ว่าลิงค์ไม่เคยให้สัญญาลมๆแล้งๆ ดังนั้นตอนนี้เขาได้ให้สัญญากับเธอแล้ว เธอจึงรู้สึกโล่งใจ
ในตอนนั้นเอง แสงสีน้ำเงินอ่อนในพระราชวังใต้ดินก็ส่องแสงสว่างจ้าออกมา-ป้อมเงาได้พังลงแล้ว
“ถึงเวลาแล้ว” แวนซ์พูด “ไปกันเถอะ”
แวนซ์ร่ายเวทย์ไร้ร่องรอยใส่พวกเขาทั้งสามอีกครั้งและเดินนำสองคนที่เหลือเข้าไปในพระราชวังใต้ดิน เซลีนจับดาบไพลินของเธออย่างแน่นหนาและเดินตามหลังลิซไปอย่างใกล้ชิด ลิงค์เป็นคนสุดท้ายที่ตามหลังเซลีน ทั้งสามคนได้ตั้งสติเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับหุ่นเชิดเวทย์มนตร์ที่ไร้เทียมทานแล้ว