Advent of the Archmage - ตอนที่ 197: อัจฉริยะผู้บ้าคลั่ง แวนซ์
เวลาหนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในขณะนั้นลิงค์ได้หมกตัวอยู่ในกระท่อมไม้และสร้างอุปกรณ์เวทย์มนตร์มาโดยตลอด
หลังจากที่เขาได้สมุดโน้ตมาจากจอมเวทย์ของสถาบันเวทย์มนตร์อีสโควฟ ทักษะการเสริมพลังของลิงค์ก็ได้ก้าวเข้าไปสู่ดินแดนใหม่ ภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ เขาสร้างอุปกรณ์เวทย์มนตร์ระดับอีพิคได้ถึง 2 ชิ้น ประกอบด้วยคทาเลเวล 5 และกำไลที่ใส่เวทย์มนตร์ป้องกันเลเวล 5 อีกอัน
แน่นอน กำไลนั้นสำหรับเซลีน มันประณีตมากจนทำให้เซลีนชื่นชอบมันมากจนเธอไม่ยอมวางมันลงเลยแม้แต่วินาทีเดียว
หลังจากนั้น พวกเขาทั้งคู่ก็มุ่งหน้าไปที่อ่าวฉลามเพื่อที่จะไปพบกับแวนซ์
เส้นทางการไปพระราชวังใต้ดินนั้นแคบเกินกว่าที่จะให้ดอเรียสผ่านได้ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องตามพวกลิงค์ไป ดังนั้นเจ้าเสือจึงยังคงอยู่ที่พื้นที่ปลอดภัยของมันที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษที่เทือกเขามอดไหม้ ลิงค์ยังได้เติมเต็มสัญญาของเขากับดอเรียสด้วยการสั่งให้ผู้คนนำอาหารมาให้เขา, แปลงขนให้เขา, แปรงฟันให้และขัดเล็บให้กับเขา อีกทั้งเขายังส่งคนออกไปเพื่อหาเสือนภาตัวเมียทั่วทั้งทวีปอีกด้วย
อ่าวฉลามนั้นอยู่ห่างกับเทือกเขามอดไหม้เพียงแค่ประมาณ 5 ไมล์ ดังนั้นลิงค์กับเซลีนจึงเดินไปแบบปกติได้ มันใช้เวลาการเดินไปถึงแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
สายตาของเซลีนนั้นคมกริบราวกับเหยี่ยว; เธอมองเห็นโครงกระดูกสีขาวอยู่ไกลๆ กำลังนอนอยู่ที่หน้าผาหิน โครงกระดูกนั้นนอนอย่างสบายใจเฉิบและไร้ซึ่งความกังวลในตอนที่เขานอน แม้แต่มานาที่ปล่อยออกมาก็จางและอ่อนมากๆในขณะที่ในเบ้าตาของเขาก็มืดและว่างเปล่าไม่เห็นร่องรอยของไฟวิญญาณเลย ถ้าให้พูดง่ายๆก็คือ โครงกระดูกนี้ดูเหมือนกับว่ามันเป็นศพของคนตายที่นอนเปื่อยอยู่ที่นี่มากว่า 10 ปีแล้ว
“นั่นเขาเหรอ?” เซลีนถามอย่างไม่มั่นใจ “ไม่ใช่ว่าเขาดู…สบายเกินไปไหม?”
“ใช่ นั่นเขาหล่ะ” ลิงค์ตอบพร้อมกับพยักหน้า ไม่มีใครอีกแล้วที่ดูเรียบเนียนและส่องประกายดั่งหยกเหมือนกับโครงกระดูกคนนี้
หลังจากที่พวกเขามาถึงโครงกระดูก แวนซ์ยังคงนอนและไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้น การตอบสนองเดียวที่เขาทำก็คือจุดไฟวิญญาณที่อยู่ในเบ้าตาของเขาขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังคงจางมาก
“โอ้ เจ้ามาแล้วงั้นรึ” เขาพูด “เจ้ามาเร็วกว่าที่ข้าคิดเอาไว้อีกนะเนี่ย”
“คุณบาดเจ็บงั้นหรอ?” ลิงค์ถามเขาพร้อมกับจ้องไปที่เขาอย่างสงสัย
“บาดเจ็บหรอ? ไม่หรอก!” เขาตอบพร้อมกับเอามือโครงกระดูกของเขาขึ้นมาวางที่หน้าอกของเขา “ไม่ ข้าก็แค่เบื่อและไม่มีอะไรทำ ดังนั้นข้าจึงนอนเล่นอยู่ซักพักนึง”
แวนซ์ยังคงนอนอยู่และไม่มีท่าทีว่าจะลุกขึ้น
ลิงค์ขมวดคิ้วแน่นพอได้ยินคำตอบของแวนซ์ เขารู้สึกได้ถึงความเฉยเมยของลิซ ถ้าเขาสามารถนอนได้อย่างสบายบนหน้าผาในพื้นที่รกร้างแบบนี้ เขาจะไม่นอนเป็นปีๆเลยหรอในตอนที่เขาทวงคืนพระราชวังใต้ดินของเขาได้แล้ว?
จากนั้นลิงค์ก็หยิบคทาออกมาจากผ้าคลุมของเขาด้วยมือแห่งนักเวทย์และส่งมันให้กับแวนซ์
“นี่” เขาพูด “คทาของคุณ”
เปลวเพลิงในเบ้าตาของแวนซ์ลุกโชติช่วงขึ้นมาอีกครั้ง และเขาก็ลุกขึ้นมานั่งและหยิบคทาด้วยมือของเขา เขาคิดว่าทักษะการเสริมพลังของลิงค์นั้นดีมากเนื่องจากเขาสังเกตุเห็นรายละเอียดอันลึกซึ่งบนคทาที่แสดงคุณภาพอันแสนประณีตออกมา
“หึหึ พื้นฐานทักษะของเจ้าค่อนข้างแน่นนะ” แวนซ์พูด “เจ้ายังคิดที่จะใช้ทอเรียมอีกด้วย มันเป็นวัตถุดิบที่ไม่เลวเลยนี่ โอ้..และโครงสร้างเวทย์มนตร์ของมัน…อ้า สุดยอดไปเลย นี่มันสุดยอดมากๆ!” เสียงของเขาดูมีชีวิตชีวาและเร่าร้อนมากขึ้นตอนนี้ และออร่าความเหนื่อยล้าของเขาก็ลดลงไปครึ่งนึง
แวนซ์ลุกขึ้นและลองใช้คทาด้วยการร่ายเวทย์แห่งความมืดเลเวล 1 ที่มีชื่อว่า บอลแห่งความเน่าเปื่อยไปที่หินตรงหน้าผา ในตอนที่มานาเกิดการผันผวน ลูกบอลสีเขียวเลือดขนาดเท่ากำปั้นก็ปรากฏขึ้นและพุ่งตรงไปที่หน้าผา เกิดเสียงสั่นสะเทือนตามมา และหลุมขนาดเท่าลูกบาสก็ปรากฏขึ้นมาบนพื้นผิวของหิน
“แถมมันยังใช้ได้ดีกับเวทย์มนตร์แห่งความมืดด้วยนี่!” แวนซ์ชมในทันที “ข้าต้องถามเจ้าหน่อยแล้วหล่ะ ไอหนู เจ้าเคยเรียนเวทย์มนตร์ดำมาก่อนงั้นเหรอ?”
ลิงค์ส่ายหน้าปฏิเสธ
“มันไม่ใช่อย่างนั้น” ลิงค์พูด “ผมเพียงแค่เรียนพื้นฐานของเวทย์ลึกลับมาจากจอมเวทย์ที่ชื่อเอเลนอร์เท่านั้นเอง และผมก็คิดว่าผมน่าจะเอามันเข้ามารวมในคทาได้”
“อ้า งั้นไม่น่าแปลกใจเลย”แวนซ์พูด “นี่มันมีชื่อรึเปล่า?”
“เปลวเพลิงสีเทา” ลิงค์ตอบ “สีเทานั้นบ่งบอกว่ามันสนับสนุนการใช้เวทย์ลึกลับและเวทย์มนตร์แห่งความมืด และเปลวเพลิงนั้นได้บ่งบอกความสามารถพิเศษในการโจมตีและเวทย์มนตร์โจมตีของมัน” ในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้คือจุดที่แข็งแกร่งที่สุดของคทานี้
เปลวเพลิงสีเทา
คุณภาพ:อีพิค
ผลที่ 1: ความเร็วในการปลดปล่อยมานาเพิ่มขึ้น80%
ผลที่ 2: พลังโจมตีของเวทย์มนตร์ธาตุเพิ่มขึ้น 60% และพลังโจมตีของเวทย์มนตร์ลึกลับเพิ่มขึ้น 80%
ผลที่ 3: มีเวทย์มนตร์เลเวล5- หัตถ์เปลวเพลิง(มีวงจรมานาภายในคทาที่สามารถผสมธาตุมืดลงไปในเวทย์มนตร์ได้เล็กน้อย ทำให้สร้างการโจมตีอันทรงพลัง- หัตถ์เปลวเพลิงเทาได้)
(หมายเหตุ:นี่เป็นของขวัญแก่ลิซ แวนซ์)
“เยี่ยมไปเลย” แวนซ์พูด เขาพึงพอใจกับคทาใหม่ของเขามาก “มันมีพลังน้อยกว่าคทาอันเก่าของข้าแค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง” จากนั้นเขาก็หันไปหาเซลีนและหลังจากที่จ้องเธออยู่พักนึงเขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
“นักรบปีศาจหรอ?” เขาถาม
เมื่อเทียบกับในอดีต ตอนนี้เซลีนสามารถปรับตัวกับท่าทีแบบนี้ได้แล้ว ตราบใดที่ลิงค์ไม่ได้สนใจตัวตนที่แท้จริงของเธอ เธอก็จะไม่สนใจในสิ่งที่คนอื่นคิดกับเธอเช่นกัน และเธอก็ไม่มีความตั้งใจที่จะกังวลเรื่องการมอบเจตคติที่ดีให้กับคนที่แสดงท่าทีแบบนี้กับเธออีกด้วย
จากนั้นเซลีนก็เหล่ตาของเธอและพูดกับแวนซ์ด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว
“นายควรจะรู้เอาไว้นะ ลิซ” เธอพูด “ว่าฉันหน่ะเก่งเรื่องการหักกระดูกมาก”
“โอเค โอเค ใจเย็นนะ” ลิซพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “ข้าเพียงแค่พูดอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น ข้าไม่มีปัญหาหรอกหากลิงค์เชื่อใจเจ้า” จากนั้นเขาก็ปรบมือด้วยมือโครงกระดูกของเขาเป็นเสียงรัวๆ
“ไปกันเถอะ!” แวนซ์พูด “เวลามีค่า!”
“งั้น คุณนำทางไปเลย” ลิงค์พูดพร้อมกับขยับไปข้างๆ
“ไม่มีปัญหา” แวนซ์ตอบ เขาเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าวแล้วก็กระโดดลงจากหน้าผา เขาไม่ได้ใช้เวทย์บินหรือเวทย์ลอยตัวในตอนที่เขากระโดดอีกด้วย
แน่นอนว่า หลังจากนั้น 3 วินาทีก็มีเสียงแตกของกระดูกดังขึ้นบนชายหาดสีขาวที่อยู่ด้านล่างของหน้าผา แวนซ์แตกกระจายกลายเป็นกองกระดูกอยู่บนพื้น
“…”
ลิงค์กับเซลีนมองหน้ากันด้วยความกลัว พวกเขาไม่สามารถรู้ได้ว่าแวนซ์นั้นเล่นตลกอะไรกับพวกเขา นี่เขาพึ่งจะฆ่าตัวตายงั้นหรอ?
ในตอนนั้นเอง โครงกระดูกที่กระจัดกระจายก็ได้เคลื่อนที่เข้ามารวมตัวกันอีกครั้ง และในที่สุดมันก็ก่อร่างขึ้นเป็นลิซอมตะอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและโบกมือให้กับพวกเขา
“พวกเจ้ารออะไรกันอยู่หล่ะ?” เขาตะโกน “ลงมาเร็ว!”
แน่นอนว่านี่เป็นการกระทำที่น่าตกใจ ลิงค์ไม่สามารถรู้ได้ว่าทำไมลิซถึงได้ทำอย่างนั้น แม้ว่าร่างกายของเขานั้นจะเป็นอมตะและสามารถย้อนกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ แต่มันคงจะไม่เสียเวลามากนักหรอกที่จะร่ายเวทย์ลอยตัว? แบบนั้นมันจะไม่ยิ่งประหยัดเวลามากกว่าเหรอ?
ยังไงก็ตามลิงค์ไม่ได้คิดว่ามันจำเป็นที่จะต้องพูดเรื่องนี้เพราะว่าแวนซ์ก็ไม่ได้เป็นอะไร จากนั้นเขาก็ร่ายเวทย์ลอยตัวให้กับตัวเองและกำลังจะร่ายให้กับเซลีนด้วยเช่นกัน แต่ว่าเขาก็เห็นเซลีนกางปีกของตัวเองออกและกระโดดลงจากหน้าผาไป ดังนั้นเขาจึงตามเธอไปและกระโดดลงจากหน้าผาเช่นกัน
ไม่นานนัก พวกเขาทั้งหมดก็ได้มาถึงชายหาดที่อยู่ด้านล่างหน้าผา
“ในตอนนี้ พวกเราเพียงแค่เดินทางลงใต้ตามชายหาดนี้ไป” แวนซ์พูด เขาเป็นคนนำทางและลิงค์กับเซลีนก็เดินตามหลังเขาไป เส้นทางข้างหน้ามันคงจะเป็นการเดินทางที่ยาวไกล
“แวนซ์” ลิงค์พูด “แผนของนายหลังจากที่พวกเรายึดพระราชวังใต้ดินของนายคืนได้แล้วคืออะไร?”
“ข้าจะทำอะไรได้อีกหล่ะ?” ลิซตอบ “ที่นั่นมีโรงศพเย็นๆอยู่ ข้ากำลังคิดว่าข้าจะไปนอนหลับข้างในนั้นซะหน่อย”
“…” เซลีนรู้สึกว่าหลักเหตุผลของแวนซ์นั้นแปลกมาก “ถ้าเกิดว่านั่นเป็นทั้งหมดที่นายอยากทำ งั้นทำไมถึงไปทวงที่คืนหล่ะ? ไม่ใช่ว่านอนที่ไหนก็ได้หรอกหรอ?”
“เจ้าไม่เข้าใจหรอก” ลิซพูดพร้อมกับรอยยิ้ม
ลิงค์ไม่พูดอะไร ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าเขาจะสามารถเข้าใจเหตุผลของลิซได้ด้วยเหตุผลบางอย่าง
คนๆนี้เคยเป็นอัจฉริยะผู้บ้าคลั่งมาก่อนในอดีต ในการไล่ตามความจริงของเขา เขาได้ลองทุกวิธีการที่เป็นไปได้โดยไม่สนต่อคุณธรรมหรือจริยธรรม แต่ว่า เขาก็ไม่ได้ชั่วร้ายมาตั้งแต่แรก ดังนั้นเขาจึงรู้สึดผิดเรื่องคดีในอดีตของเขา แม้ว่าความจริงเขาจะเป็นคนบ้า แต่เขาก็มีชีวิตรอดมานานจนถึงอนาคต
แต่แล้ว ตอนนี้เขาก็เป็นลิซและถูกขังอยู่ในหอคอยอสุรามานานกว่า 400 ปี แพสชั่นของเขาได้หมดลงแล้ว และตอนนี้เขาก็เป็นเพียงแค่ผีของตัวเขาในอดีต ดอเรียสบอกว่าเขานั้นไม่ได้ต้องการที่จะออกจากหอคอย ซึ่งนั่นหมายความว่าคนนี้ๆไม่ได้ต่างอะไรกับศพเดินได้เลย
แล้วทำไมเขาถึงต้องการที่จะกลับไปที่พระราชวังใต้ดินขนาดนั้นหล่ะ? หรือว่าเพราะเขาจะไปเอาความทรงจำที่หายไปกลับคืนมา? หรือเพราะเขาเพียงแค่ต้องการความปลอดภัยในการนอนหลับไปตลอดกาล? ใครจะไปรู้หล่ะ?
น่าประหลาดนักที่ลิซยิ้มและพูดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เงียบไปพักนึง
“สาวน้อย” เขาพูด “เจ้าพูดถูกที่บอกว่าข้าสามารถนอนที่ไหนก็ได้ ข้าสามารถนอนที่หน้าผานั่นเป็นเวลา 100 ปีโดยที่ไม่ขยับเลยก็ได้ แต่ว่ามันมีของล้ำค่ามากเกินไปที่พระราชวังใต้ดินของข้าและมันจะน่าเสียดายหากปล่อยให้มันเน่าอยู่อย่างนั้น ต้องมีใครบางคนเอามันออกมาใช้”
หลังจากนั้น แวนซ์ก็มองไปที่ลิงค์และยิ้ม
“ซึ่งก็คือเจ้านั่นแหล่ะ เจ้าหนู” เขาพูด “เจ้ายังขาดแคลนหอคอยเวทย์มนตร์ที่เหมาะสม แต่ไม่ต้องกังวลไป พอข้าได้พระราชวังใต้ดินของข้ากลับมา เจ้าสามารถเอาอะไรที่เจ้าต้องการไปได้เลย มันคงจะเพียงพอที่จะช่วยให้เจ้าสร้างหอคอยเวทย์มนตร์ที่ยิ่งใหญ่ได้ ข้าต้องขอแนะนำเจ้าเลยนะว่าอย่าไปขอความช่วยเหลือจากใครที่สถาบันอีสโควฟ นักเวทย์พวกนั้นใช้การไม่ได้หรอก; พวกเขาใช้วัตถุดิบสิ้นเปลืองเกินไป เพื่อที่จะสร้างหอคอยเวทย์มนตร์ที่สมบูรณ์แบบ เจ้าจะต้องไปหาไฮเอลฟ์”
ลิงค์นั้นพูดไม่ออกในตอนที่ได้ยินคำพูดของแวนซ์ นี่เขาพึ่งจะบอกว่าเขาสามารถเอาอะไรไปก็ได้ที่เขาต้องการจากพระราชวังใต้ดินที่เขาจะไปเพื่อหาที่นอนเนี่ยนะ? มันมีอะไรแปลกๆในคำพูดพวกนี้; มันเหมือนกับว่าแวนซ์กำลังพูดสั่งอยู่เสียเลย
ลิงค์ไม่สามารถยับยั้งปากของเขาเอาไว้ได้อีกแล้ว
“คุณไม่ได้ตั้งใจที่จะทวงพระราชวังใต้ดินของคุณคืน ใช่ไหม?” เขาถาม
“ทำไมถึงพูดไร้สาระอย่างนั้นหล่ะ!” ลิซตอบด้วยรอยยิ้ม “ทำไมถึงคิดว่าข้าคิดแบบนั้น?ข้าจะทนอยู่เฉยๆได้ยังไงในเมื่อมีไอพวกคนเถื่อนนั่นมาเหยียบย่ำพระราชวังของข้าด้วยเท้าสกปรกๆของพวกมัน?”
ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงมีบางอย่างแปลกๆและถูกปกปิดไว้ในน้ำเสียงของเขา เหมือนกับว่ายังคงมีความจริงบางส่วนถูกปกปิดอยู่
“ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าลิซไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่เลย” เซลีนกระซิบ “นี่เขาอยู่มานานแค่ไหนแล้ว?”
มีเพียงแค่ความรู้สึกเฉยชาและความรู้สึกผิดที่เซลีนสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนจากลิซ มันไม่เหมือนกับความรู้สึกที่ถูกไล่ตามและกดขี่อย่างที่เธอรู้สึก กลับกัน มันเป็นความรู้สึกเฉยเมยต่อชีวิตที่อยู่มานานเกินไปและพบเจอกับอะไรมามากมาย จนทำให้ความสนใจและแพสชั่นทั้งหมดได้หายไปจากหัวใจจนหมด
“เขาอยู่มา 1,000 กว่าปีแล้ว” ลิงค์ตอบพร้อมกับขมวดคิ้ว เขาต้องการที่จะให้แวนซ์ช่วยแนะนำเขาในการสร้างศิลปะการต่อสู้ที่สามารถให้ใครก็ได้ในกองกำลังฝึกฝน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความฝันของเขานั้นจะใหญ่เกินไป
“งั้นเขาก็เป็นลิซ 1,000 ปีหน่ะสิ..” เซลีนพึมพำด้วยความตกใจกับการเปิดเผยนี้ “ไม่น่าแปลกใจเลย…”
ในขณะเดียวกัน แวนซ์ก็ได้โบกมือของเขาเพื่อเร่งให้ทั้งสองคนเดินตามมา
“ทั้งสองคนหยุดคุยกันแล้วรีบเดินมาได้แล้ว!” เขาตะโกน “พวกเราใกล้จะถึงแล้ว เนโครแมนเซอร์พวกนั้นไม่ได้จัดการง่ายๆหรอกนะ!”
ลิงค์กับเซลีนไม่ได้พูดอะไรอีก; พวกเขาแค่เร่งฝีเท้าขึ้นและไล่ตามแวนซ์ให้ทัน พวกเขาเดินตามชายหาดมาประมาณ 15 ไมล์จนพวกเขาเจอเข้ากับหินกองใหญ่ แวนซ์จ้องไปที่มันและร่ายเวทย์ในทันที
“ไร้ร่องรอย!”
ไร้ร่องรอย
เวทย์ระดับสูงเลเวล 4
ผล: เวทย์มนตร์หายตัวแบบหมู่ที่สามารถบดบังเสียงและกลิ่นของเป้าหมายได้เกือบหมด
(หมายเหตุ:นี่เป็นเวทย์ที่แวนซ์เป็นคนคิดค้นขึ้นมาเอง)
แผ่นของออร่าที่ใสเหมือนน้ำพุ่งออกมาจากคทาของแวนซ์และกระจายออกไปรอบๆพวกเขาทั้งสามคน ภายในชั่วพริบตา เมื่อคนภายนอกมองมาจะเห็นเหมือนกับว่าพวกเขาได้หายไปในอากาศ
“เกิดอะไรขึ้น?” ลิงค์ถาม เขามองไปที่กองหินแต่ก็ไม่เห็นอะไรที่น่าสงสัยเลย
จากนั้นแวนซ์ก็ชี้ไปที่ด้วงสีดำที่ไต่อยู่ท่ามกลางกองหินนั้น
“เจ้าเห็นแมลงตัวนั้นไหม?” แวนซ์ถาม
ลิงค์กับเซลีนมองไปตามทางที่ชี้และก็เห็นแมลงตัวเล็กๆที่มีขนาดเท่านิ้วโป้ง เปลือกนอกของมันเปล่งประกายและเตะตามาก แต่ว่ามันก็เป็นเพียงแค่แมลงที่ดูธรรมดาๆ มันดูไม่แตกต่างจากแมลงตัวอื่นและมันก็ไม่ได้ปล่อยมานาหรือออร่าเวทย์มนตร์ออกมาเลย ถ้าไม่ใช่เพราะแวนซ์ ลิงค์คงจะเดินผ่านมันไปแล้วอย่างแน่นอน
“มันมีอะไรผิดปกติงั้นหรอ?” ลิงค์ถามอย่างสุภาพ ในด้านของเวทย์มนตร์แห่งความมืด แวนซ์นั้นเป็นนักเวทย์ที่เก่งกาจกว่าเขาเป็นอย่างมาก
“นี่คือด้วงที่ตายแล้วที่สร้างขึ้นมาจากวิธีการลับ” แวนซ์ตอบ “มันเป็นอุปกรณ์ตรวจจับขั้นสูงที่ใช้โดยเนโครแมนเซอร์ระดับสูง มันมีลักษณะเหมือนกับด้วงที่ยังมีชีวิตอยู่; มันไม่สามารถถูกปล่อยออกมาได้นานกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งนั่นก็หมายความว่ามีแขกคนอื่นอยู่ในพระราชวังใต้ดินของข้าในตอนนี้”
“พวกเราควรจะทำยังไงกับด้วงดี?” ลิงค์ถาม
“แค่ทำลายมันก็พอ” แวนซ์พูด จากนั้นเขาก็หันไปหาเซลีน “สาวน้อย ข้าต้องการหยดเลือดของปีศาจสำหรับเวทย์ของข้า”