Advent of the Archmage - ตอนที่ 182: แผนกบฏจันทราทมิฬ
ลิงค์สามารถพักจากตารางงานอันวุ่นวายของเขาได้เป็นเวลาสองชั่วโมงภายใต้การชักชวนของเอร์เรร่า จากนั้นเขาก็กลับไปที่หอคอยเวทย์มนตร์เพื่ออ่านหนังสือแบบสบายๆและนอนหลับตั้งแต่สองทุ่ม มันคือวันผ่อนคลาย
ตอนแรกลิงค์คิดว่าเขาสามารถหลับพักผ่อนแบบสบายๆจนถึงเช้าวันถัดไปได้ อย่างไรก็ตาม, หัวใจของเขาก็เต้นระรัวในกลางดึก เขากรีดร้องออกมาและลุกขึ้นนั่งในทันทีด้วยความตกใจ
จากนั้นเขาก็จับดูชุดนอนของเขาและพบว่ามันชุ่มไปด้วยเหงื่อ แล้วเขายังรู้สึกได้ถึงผลกระทบจากการที่หัวใจสั่นอย่างรุนแรงแม้ว่าเขาจะตื่นแล้วก็ตาม
นักเวทย์มีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งและจะไม่มีทางรู้สึกกระวนกระวายโดยไม่มีเหตุผล, ซึ่งไม่เว้นแม้กระทั่งนักเวทย์ที่แข็งแกร่งอย่างลิงค์ ดังนั้นความตื่นตระหนักที่แสดงออกมาอย่างกระทันหันนี้ต้องเป็นนิมิตอะไรบางอย่างอย่างแน่นอน วิญญาณของลิงค์ถูกเทพแห่งแสงทำให้แข็งแกร่งขึ้นและได้ไปถึงระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แล้ว เอร์เรร่าเป็นคนยืนยันความจริงนี้ด้วยตัวเอง ดังนั้นสัญชาติญาณตรวจจับอันตรายของเขาจึงไม่ธรรมดาเลย
เขารีบสวมผ้าคลุมสีน้ำเงินของเขาในทันทีและเปิดม่านออกเพื่อส่องดูข้างนอก ซึ่งมันมืดสนิท, และไม่มีอะไรที่สามารถมองเห็นได้ จากนั้นลิงค์ก็หันไปดูนาฬิกาก่อนที่จะตระหนักได้ว่ามันเป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว
ในตอนนั้น, ขณะที่ลิงค์เริ่มมีสติมากขึ้น, ความรู้สึกตื่นตระหนกก็เริ่มเบาลง ถ้านักเวทย์ทั่วไปได้เผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้, พวกเขาอาจจะสงสัยการตัดสินของพวกเขาและพลาดโอกาสหนีที่ดีที่สุดไป
อย่างไรก็ตาม, ลิงค์นั้นแตกต่าง เขามั่นใจว่ามีเรื่องอันตรายกำลังเข้ามา พอเห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหวที่น่าสงสัยจากการมองผ่านหน้าต่างห้องของเขา, ลิงค์ก็รีบออกจากห้องของเขาหลังจากที่หยิบคทาและหินนักปราชญ์สีขาวของเขามาด้วย จากนั้นเขาก็ตรวจสอบค่ามานาของเขา
เหลือแค่ 1,500 แต้มเองหรอ? นี่มันไม่พอซะหน่อย! ลิงค์ต้องการเติมมานาของเขาโดยใช้ยาฟื้นฟูมานาระดับกลาง อย่างไรก็ตาม, เขาก็เก็บยากลับเข้าไปในจี้เก็บของของเขาหลังจากที่คิดอะไรบางอย่างได้
ความเร็วในการฟื้นฟูมานาของเขาคือ 200 แต้มต่อชั่วโมง แล้วเขาก็มีค่าโอมนิเหลืออยู่ 220 แต้มซึ่งนี่จะทำให้เขาเติมมานาของเขาได้ในทันทีถ้าเขาต้องการ ดังนั้นยาควรจะเก็บเอาไว้ใช้ในตอนที่เขาไม่เหลือทางเลือกอื่นแล้ว
ลิงค์มุ่งหน้าไปที่ชั้นบนสุดของหอคอยเวทย์มนตร์โดยไม่ลังเล เขาวิ่งตลอดทางจนถึงชั้นบนสุดและไปถึงประตูห้องของเอร์เรร่าในครึ่งชั่วโมงต่อมา จากนั้นเขาก็ยกคทาของเขาขึ้นและแตะรูนบนประตูอย่างรีบร้อน
รูนเริ่มส่งเสียงดังอย่างต่อเนื่อง, สะท้อนถึงความกระวนกระวายในหัวใจของลิงค์อย่างแม่นยำ
“นั่นใครหน่ะ!” เสียงของเอร์เรร่าส่งผ่านรูนเวทย์มนตร์ออกมา
“อาจารย์, นี่ผมเอง!” ลิงค์ตะโกน
สิบวินาทีต่อมา, ประตูก็เปิดออก เอร์เรร่าปรากฎตัวด้วยชุดคลุมนอนกับผมกระเซอะกระเซิงของเธอ, ขณะที่ถือคทาคริสตัลของเธออย่างระมัดระวัง ลิงค์สังเกตุเห็นว่าที่หน้าผากของเธอก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ, และดวงตาของเธอก็ฉายความหวาดกลัวออกมาเหมือนกัน
“อาจารย์ก็ฝันร้ายเหมือนกันหรอ?” ลิงค์ถาม อาการใจสั่นและฝั่นร้ายอย่างกระทันหันนั้นเป็นนิมิตที่บ่งบอกว่านักเวทย์จะได้เผชิญหน้ากับอันตรายร้ายแรง
เอร์เรร่าพยักหน้า “ฉันฝันว่าสถาบันลุกเป็นไฟ มีคนกำลังหัวเราะอย่างป่าเถื่อน, และมีศพล้มตายเกลื่อนเลย! มันน่ากลัวมากๆ!” น้ำเสียงของเอร์เรร่าสั่นขณะที่เธอพูด มันเห็นได้ชัดว่าความฝันนี้ได้สร้างความบอบช้ำทางจิตใจให้กับเธอ
นักเวทย์ที่แข็งแกร่งนั้นมักจะไม่ค่อยฝันกัน อย่างไรก็ตาม, หากพวกเขาฝัน, ภาพที่พวกเขาเห็นมักจะเป็นเรื่องจริง, โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของพวกเขาอย่างแรงกล้า
ลิงค์พูดออกมาในทันที “อาจารย์, ผมกลัวว่านี่อาจจะเป็นแผนกบฏจันทราทมิฬ พวกเราต้องระวังตัวเอาไว้ให้ดีแล้วหล่ะครับ!”
เอร์เรร่าอึ้งไปพักนึงแต่ก็เรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอใช้ยางมัดผมมัดผมที่กระเซอะกระเซิงของเธอเอาไว้เป็นหางม้าและเอาคทาแตะที่ไหล่ของเธอเบาๆ คล้ายกับตอนที่เธอกำลังจะออกไล่ล่าเบล, ชุดคลุมนอนของเธอนั้นได้ถูกแทนทีด้วยผ้าคลุมนักเวทย์สีน้ำเงินในทันที
ลิงค์อดชำเลืองตามองเรือนร่างของเอร์เรร่าไม่ได้อีกแล้ว แต่ก็โชคดีที่, เขามีประสบการณ์กับเวทย์นี้มาก่อนและเบือนสายตาของเขาหนีในทันที
เอร์เรร่าใช้เวลาสิบวินาทีในการเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะพูดออกมา “ไปที่ชั้นดาดฟ้ากันเถอะจะได้ดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ได้ครับ”
หอคอยเวทย์มนตร์ของเอร์เรร่านั้นมีขนาดไม่ใหญ่มาก อย่างไรก็ตาม, มันก็ยังน่านับถือในแง่ของความสูง จากความสูง 60 ฟุต, จะสามารถมองเห็นภาพของทั้งสถาบันได้ในมุมมองนกมอง, ยกเว้นแค่หอคอยเวทย์มนตร์หนามแห่งสวรรค์กับหอคอยเวทย์มนตร์ก้นหอยเท่านั้นที่มองไม่เห็น
พวกเขาทั้งคู่รีบไปที่ชั้นดาดฟ้า ด้วยเหตุผลบางประการ, ความมืดนี้ทำให้รู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก, และแม้ว่ามันจะมืดมากๆ, แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นดวงจันทร์กับดวงดาวได้เลย มันดูเหมือนกับว่าทั่วท้องฟ้าได้ถูกปกคลุมด้วยชั้นของเมฆหนา, แม้ว่าพอตรวจสอบดูใกล้ๆแล้วจะสังเกตุเห็นว่าอากาศไม่ได้เก็บความรู้สึกอบอ้าวตามปกติในช่วงค่ำคืนที่มีเมฆหนาเอาไว้เลยก็ตาม
มันแปลกมากจริงๆ
ขณะที่ยืนอยู่บนดาดฟ้า, พวกเขาทั้งคู่ได้เห็นภาพของทั้งสถาบัน
“ดวงตาชะมด!” แสงสีเหลืออ่อนปรากฏขึ้นที่ปลาคทาของลิงค์และดวงแสงเล็กๆสองดวงก็ลอยเข้าไปในร่างกายของพวกเขา จากนั้นสายตาของพวกเขาก็ถูกปกคลุมด้วยแสงสีเหลืออ่อนในทันที
ดวงตาชะมด
เวทย์เลเวล 2
ผล: ทำให้ผู้ใช้มองเห็นในเวลากลางคื0E19ได้เหมือนกับแมวและทำให้มองเห็นในที่มืดได้
เวทย์เลเวล 2 นี้เป็นสิ่งที่ลิงค์ได้เรียนรู้ในเวลาว่างของเขา ด้วยพื้นฐานเวทย์มนตร์อันแน่นปึ้กของเขา, เขาสามารถเรียนรู้เวทย์ระดับต่ำได้อย่างง่ายดายโดยใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อย มันไม่ใช่สิ่งที่ใช้เวลาและความพยายามอะไรนัก
ภายใต้ผลของเวทย์นี้, ทัศนวิสัยของพวกเขาก็ชัดเจนในทันที ภาพของสถาบันถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจนในโลกของขาวและดำ
จตุรัสแห่งการเปิดเผยที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนในตอนเช้าแทบจะว่างเปล่า ทั้งสถาบันเองก็เงียบมากๆ หลังจากสอดส่ายสายตาของเธอไปทั่วสถาบัน เอร์เรร่าก็ส่ายหัว “ฉันไม่เห็นอะไรผิดปกติเลย แล้วเธอหล่ะ?”
ลิงค์ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม, ดูเหมือนว่าบนชั้นดาดฟ้าของหอคอยเวทย์มนตร์อื่นๆเองก็กำลังทำแบบเดียวกันอยู่ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีคนกำลังจ้องลงมาจากชั้นดาดฟ้า, แล้วก็มีแสงเวทย์มนตร์อ่อนๆแสดงออกมา
“ดูสิครับ, นั่นอาจารย์คนอื่นนี่: พวกเขาเองก็รู้สึกถึงอันตราย!” ลิงค์อุทาน
สถาบันเวทย์มนตร์ระดับสูงอีสโควฟไม่ใช่สถาบันเวทย์มนตร์ระดับต่ำอย่างเฟลมมิ่ง มันเต็มไปด้วยทรงพลังแข็งแกร่งที่มีลางสังหรในอันตรายที่แข็งแกร่งตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม, ด้วยความที่พวกเขาไม่รู้แหล่งคุกคามที่แน่นอน, ทุกคนจึงต้องมาที่ชั้นดาดฟ้าเพื่อสังเกตุการณ์
ในตอนนั้น, บอลแสงมหึมาก็ปรากฏขึ้นเหนือหนามแห่งสวรรค์ บอลแสงนี้เหมือนกับดวงอาทิตย์ที่กำลังลอยขึ้นไปอย่างช้าๆจนถึงจุด 600 ฟุตเหนือพื้นดิน บอลแสงนี้ส่องสว่างไปทั่วสถาบันเวทย์มนตร์ระดับสูงอีสโควฟ
“อาจารย์ปล่อยเวทย์แสงสว่างขนาดยักษ์ออกมา ท่านเองก็สัมผัสได้ถึงอันตราย” ดูเหมือนว่าเอร์เรร่าจะใจเย็นลงเล็กน้อย ด้วยความช่วยเหลือของนักเวทย์เลเวล 7, สถาบันน่าจะปลอดภัย
ลิงค์พยักหน้า ดูเหมือนว่าคำเตือนของเขาจะถูกนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง หลังจากที่สถาบันเข้าสู่สถานการณ์ฉุกเฉิน, ความเร็วในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว นี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ
ภายในเกมส์, หนึ่งในเหตุผลหลักที่สถาบันประสบกับความพ่ายแพ้อันน่าเศร้านั้นมาจากการเตรียมตัวไม่เพียงพอ ในตอนที่พวกเขารู้ว่านักเวทย์เบลกำลังยุ่งเกี่ยวกับเวทย์มนตร์แห่งความมืด, สภาก็ไปเผชิญหน้ากับเขาในทันทีทำให้เขาเป็นบ้าขาดสติ จากนั้นเบลก็ทำลายผนึกที่ขังทราวิสเอาไว้โดยบังเอิญ, ทำให้สถาบันไม่มีเวลาตอบสนอง
แต่ครั้งนี้, สถาบันได้เตรียมตัวมาอย่างเหลือเฟือ มันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ในการตอบสนองต่อเวทย์แสงขนาดยักษ์ที่แอนโทนี่ร่ายออกมา, นักเวทย์ทุกคนได้หยุดซ่อนพลังเวทย์มนตร์ของพวกเขา ทันใดนั้น, ความผันผวนของเวทย์มนตร์อันแข็งแกร่งก็ปกคลุมทั้งสถาบัน, เหมือนกับแสงเทียนยามค่ำคืน
เอร์เรร่าเองก็ปล่อยพลังของเธอออกมาเต็มที่, ทำให้อากาศรอบๆดาดฟ้าบิดเบือน ลิงค์คิดว่ามานาสูงสุดของเธอน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2,800 แต้ม การยืนอยู่ท่ามกลางความแปรปรวนนี้, ลิงค์รู้สึกราวกับว่าเขาติดอยู่ในคลื่นความร้อน, และภาพที่บึดเบือนอย่างต่อเนื่องนี้ก็ทำให้เขามึนหัว
ฉากนี้ดูน่ากลัวยิ่งกว่าตอนที่หัวหน้านักเรียนของเบล, ดาริสพยายามที่จะกดดันเขาตรงทางเดินเสียอีก ซึ่งเหตุการณ์นี้มีต่อไปเป็นเวลาประมาณสามวินาที หลังจากที่สัญญาณถูกปล่อยออกมา, เอร์เรร่าก็เก็บซ่อนพลังของเธออีกครั้ง, และอากาศรอบๆดาดฟ้าก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้งนึง
อย่างไรก็ตาม, ในตอนที่คลื่นอากาศหายไป, ลิงค์ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ลิงค์หันไปยังพื้นที่ที่น่าสงสัยนั้นในทันที ณ จุดสิ้นสุดที่บอลแสงขนาดยักษ์สามารถส่องไปถึงได้นั้น, สมควรจะมีหอคอยสีขาวอยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม, นอกจากความมืดแล้ว, มันก็ไม่มีอะไรเลย
ตอนแรกลิงค์คิดว่าเขามองผิด แต่หลังจากที่ตรวจสอบดูอีกสองสามครั้ง, เขาก็อ้าปากค้างด้วยความหวาดกลัว หอคอยสีขาวหายไป
“หอคอยสีขาวหายไปไหน?” ลิงค์ ชี้ไปที่ทิศทางตามปกติขณะที่ถามเอร์เรร่า
“หอคอยสีขาวอะไร? อ๋อเธอหมายถึงหอคอยอสุราสินะ…อ้าว…หอคอยสีขาวหายไปไหน?” เอร์เรร่าอุทาน, เธอตกใจกับการหายไปนี้เช่นกัน
หอคอยสีขาวไม่ใช่ตึกที่โดดเด่นอะไร, โดยเฉพาะในเวลากลางคืน อย่างไรก็ตาม, ถึงมันจะไม่ได้ดึงดูดสายตา, แต่มันก็ไม่ควรจะหายไปทั้งแบบนี้ หอคอยอสุรากักขังปีศาจและสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งเอาไว้นับไม่ถ้วน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น, มันก็คงจะเป็นพัยพิบัติร้ายแรง!
ในตอนที่ลิงค์กับเอร์เรร่ายังตกใจอยู่, เสียงคำรามอันน่าหวาดกลัวก็สามารถได้ยินได้จากตำแหน่งที่หอคอยอสุราเคยตั้งอยู่ คลื่นเสียงขนาดยักษ์ได้เดินทางตรงมายังสถาบัน
“ในที่สุดข้าก็เป็นอิสระแล้ว!”
จากนั้นลิงค์ก็เห็นเสือตัวสีน้ำเงินเขียวสูง 12 ฟุตกระโดดออกมาจากเงา เสือตัวนี้ถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิงสีน้ำเงินเขียวโปร่งแสงและวิ่งด้วยความเร็วที่สูงมาก มันพุ่งตรงมายังสถาบันในตอนที่มันถูกปล่อย
“เจ้าหนู, ข้ามาที่นี่เพื่อกินสมองของพวกเจ้า!” เสือหัวเราะอย่างหยุดไม่ได้, ปล่อยคลื่นอากาศออกมาข้างหลังขณะที่มันพุ่งด้วยความเร็วเหนือเสียง มันเป็นการเคลื่อนไหวที่น่ากลัวอย่างมาก
เอร์เรร่าหน้าซีดพอได้เห็นสิ่งมีชีวิตตัวนี้ เธอพูดด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น “มันคือเสือนภา, สิ่งมีชีวิตเวทย์มนตร์เลเวล 6…”
ตัวเสือนั้นไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เธอมีสีหน้าหวาดกลัวขนาดนี้ แต่มันเป็นเพราะการปรากฏตัวของเสือตัวนี้หมายความได้อย่างเดียว—หอคอยอสุราถูกทำลายแล้ว
และแน่นอนว่า, หลังจากการปรากฏตัวของเสือนภา, เงามากมายก็โผล่ออกมา, พวกเขาแต่ละคนนั้นมีพลังเทียบเท่าเลเวล 6 ซึ่งมีทั้งหมด 20 เงาที่ปรากฏขึ้น, และห้าในนั้นก็มีพลังเวทย์มนตร์เท่ากับเลเวล 7
นี่มันเป็นภาพที่น่ากลัวจริงๆ
ลิงค์ก็รู้สึกกลัวเช่นกัน อย่างไรก็ตาม, เขาก็พูดออกมาอย่างมองโลกในแง่ดี “ถึงจะมีคนแข็งแกร่งจำนวนมาก, แต่พวกเราก็ยังมีหอคอยเวทย์มนตร์ของพวกเรานะ พวกมันไม่สามารถฝ่าการป้องกันของพวกเราได้หรอก!”
ในขณะที่เขาพูด, ก็เกิดเหตุระเบิดขนาดยักษ์ขึ้นที่ลานแห่งแรงบันดาลใจของไบรอันท์ มีหลุมขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นขณะที่มีเศษหินก้อนเล็กๆกระเด็นไปทุกทิศทาง มีตัวตนอันน่าอึดอัดที่สามารถรู้สึกได้จากหลุมนี้ ตัวตนนี้เข้มข้นมากจนมันแทบจะรู้สึกเหมือนกับวัตถุที่เป็นรูปประธรรม มันเต็มไปด้วยความกระหายเลือด, ความบ้าคลั่ง, และความเดือดดาล ขณะที่ตัวตนนี้กระจายไปทั่วหอคอยเวทย์มนตร์, มันก็ทำให้เกิดความเสียหายทางจิตใจกับนักเวทย์ทุกคน แม้กระทั่งผู้อาวุโสแอนโทนี่ก็ไม่สามารถหนีจากความโกรธเกรี้ยวของตัวตนนี้ได้, เวทย์แสงขนาดยักษ์ของเขาสลายไปในทันทีที่ถูกครอบงำด้วยพลังนี้
เอร์เรร่าที่ดูเหมือนกำลังจะเป็นลม, คร่ำครวญ, “ทราวิส, ปีศาจเลเวล 8…มันหนีมาได้”