Advent of the Archmage - ตอนที่ 175: การเผชิญหน้ากับปีศาจครั้งแรก
ลิงค์ กับ เอเลนอร์ ไม่ได้รีบออกจากเมืองหลวงในทันทีที่แผลของ เอเลนอร์ ได้รับการรักษา กลับกันพวกเขาได้พักผ่อนที่โรงแรมบลูเฮอมิทเพิ่มอีกหนึ่งวันแทน
และในเวลาเดียวกันนั้น พวกเขาทั้งคู่ก็ถกเถียงกันเรื่องเวทมนตร์ของแต่ละฝ่าย เอเลนอร์ พูดถึงความเข้าใจเชิงลึกในเวทย์มนตร์ลึกลับซึ่งนั่นช่วยให้ ลิงค์ ได้รับความรู้และแนวคิดใหม่ๆ ในขณะที่ความเชี่ยวชาญและความสร้างสรรค์ในเวทมนตร์ธาตุของ ลิงค์ เองก็ทำให้ เอเลนอร์ ประหลาดใจเช่นกัน
จากนั้นในวันถัดมา ด้วยความช่วยเหลือของน้ำศักดิ์สิทธ์ แผลโดนเฉือนที่คอของ เอเลนอร์ ก็ปิดสนิทแล้ว ขณะที่มานาของ ลิงค์ เองก็ฟื้นฟูจนเต็ม ในเวลาเดียวกัน เขาได้กลั่นและสร้างธาตุเงินศักดิ์สิทธ์เพิ่มขึ้นอีก 3 ปอนด์ แต่ว่าในครั้งนี้เขาใช้แร่เงินแทนมิธริล ซึ่งผลของธาตุเงินศักดิ์สิทธ์อาจจะไม่ดีเท่าอันที่ทำด้วยมิธริล แต่มันก็ยังคงใช้ได้ผลกับพลังปีศาจ
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ลิงค์ ก็หารถม้าและพวกเขาก็เดินทางออกจากเมืองฮอทสปริง
จากนั้น ในระหว่างที่พวกเขาอยู่ในรถม้า เอเลนอร์ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“พวกเขาเรียกหญิงสาวในหมู่บ้านว่า ลิซ่า” เธอพูด “แต่นั่นไม่ใช่ชื่อจริงของผู้หญิงคนนั้นหรอกนะ ฉันคิดว่าปีศาจเรียกเธอว่า เอเลน่า”
“เธอว่ายังไงนะ?!” ลิงค์ ถาม เขาตกใจกับการเปิดเผยครั้งนี้
“อืม ฉันได้ยินมาประมาณนั้นแหละ ยังไงซะเสียงของปีศาจก็ไม่ค่อยชัดซะด้วยสิ”เอเลนอร์ พูด “มันอาจจะเป็น เลน่า หรือ ไอน่า ก็ได้…ฉันอยู่ไกลเกินไป ฉันเลยได้ยินไม่ค่อยชัดหน่ะ”
ลิงค์ เงียบไปพักนึง เห็นได้ชัดว่าเขากำลังขบคิดเกี่ยวกับข้อมูลที่เพิ่มมาใหม่นี้
“เธอจำวันที่ที่แน่นอนในวันที่เธอสัมผัสถึงวิญญาณได้มั้ย เอลี่?” ลิงค์ ถาม
“แน่นอนฉันจำได้สิ! ความจำฉันไม่ได้แย่นะต่อให้อายุของฉันจะเยอะก็เถอะ!” เอเลนอร์ ตอบ “มันน่าจะประมาณ… 28 วันที่แล้ว ดังนั้นมันจะต้องเป็นวันที่ 14 มกราคม…” โดยที่เธอไม่รู้ตัว เอเลนอร์ เพิ่งจะพูดวันที่ที่ทำให้ ลิงค์ รู้สึกเสียวสันหลังวาปออกมา
14 มกราคมนั้นคือวันที่เขาเผลอฆ่า เอเลน่า
“เธอจำเวลาที่แน่นอนที่เธอสัมผัสถึงมันได้ไหม?” ลิงค์ ถามอย่างกระตือรือร้น
“มันเป็นตอนเช้าหรือตอนกลางวัน? แล้วเวลากี่โมง?”
“มันน่าจะเป็นเวลาประมาณบ่ายสามโมงนะ” เอเลนอร์ ตอบ
ลิงค์ สูดหายใจเข้าลึกๆและถอนหายใจออกมายาวๆหลังจากที่ได้ยินคำตอบของ เอเลนอร์ มันเป็นอย่างที่เขาคาดเอาไว้เลย เขาได้ทำลายร่างกายของ เอเลน่า ไปในวันนั้น แต่วิญญาณของเธอยังเหลือรอดและหนีไปได้ จากนั้นมันก็ไปหาร่างกายใหม่และฟื้นคืนชีพอีกครั้ง และในตอนนี้เธอก็ได้คืนชีพแถมยังได้ติดต่อกับปีศาจอีก ดูจากสภาพการณ์ตอนนี้แล้ว แม้ว่า ลิงค์ จะไม่แน่ใจว่าเธอทำอย่างนั้นได้ยังไง แต่เขาก็รู้ว่า เอเลน่า จะต้องเอาแบบแปลนรายละเอียดโครงสร้างภายในของหอคอยเวทมนตร์ในสถาบันอีสโควฟไปด้วยอย่างแน่นอน
ชิ้นส่วนของปริศนาได้ต่อกันเป็นรูปร่างที่สมบูรณ์แล้วในตอนนี้ ความสงสัยที่คอยกวนใจ ลิงค์ มาตลอดก็ได้หายไปเช่นกัน
“ช่างเป็นผู้หญิงที่เจ้าเล่ห์และโหดร้ายอะไรอย่างนี้!” ลิงค์ สาปแช่งก่อนที่จะถอนหายใจอีกครั้ง เขาได้ผ่านเหตุการณ์สังหารหมู่ที่แกลดสโตน และได้ฆ่าพวกโจรไปมากหมายหรือแม้กระทั่งดาร์กเอลฟ์บางคนด้วยมือของตัวเอง แต่เขาก็ยังกลัวเมื่อคิดว่าเขาจะต้องพบกับคู่ต่อสู้ที่เจ้าเล่ห์อย่าง เอเลน่า
เขารู้สึกสงสารเพื่อน เอเลียร์ด ของเขามากในตอนนี้ เขาถูกผู้หญิงคนนั้นหลอกใช้และชักใย ไม่เพียงแค่หัวใจและวิญญาณของเขาจะสลายไปเท่านั้น แต่มันถึงกับทำให้เขาคิดที่จะล้มเลิกการเรียนเวทมนตร์ก็เพราะเธอ!
จากนั้น รถม้าก็ได้มาถึงประตูเมืองหลวงและมันก็กำลังจะออกจากเขตปลอดภัย จากนั้น ลิงค์ กับ เอเลนอร์ ก็ลงจากรถม้า จ่ายเงินให้คนขับและเดินทางต่อด้วยเท้า
ที่นั่นยังคงมีผู้คนผ่านมากมายอยู่บนเส้นทางแห่งราชาเพราะว่าพวกเขายังอยู่ใกล้กับประตูเมืองหลวง ดังนั้นปีศาจจึงยังไม่ปรากฏตัวขึ้นในตอนนี้แม้ว่า เอเลนอร์ จะเริ่มสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของมันแล้ว
“ฉันเคยพบกับมันตรงๆมาก่อน ดังนั้นฉันจึงรู้กลิ่นของวิญญาณของมัน”เอเลนอร์ พูด “มันซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ในป่าที่อยู่ใกล้ๆกับพวกเรา คอยจ้องมองพวกเราเพื่อรอเวลาที่เหมาะสมในการจู่โจมพวกเรา” จากนั้น เอเลนอร์ ก็มองเข้าไปในป่าที่อยู่ข้างถนนและสัมผัสได้ถึงสัญญาณอันตราย ความทรงจำในการเผชิญหน้ากับมันเมื่อ 3 วันก่อนยังคงสดใหม่อยู่ในจิตใจของเธอและมันก็ทำให้เธอกลัวมาก
ลิงค์ พยักหน้าให้กับคำพูดของ เอเลนอร์ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกถึงภัยคุกคามจากปีศาจตนนี้เลยซักนิดเดียว และเหตุผลนั้นก็ง่ายมาก- ถ้า เอเลนอร์ สามารถทำให้มันบาดเจ็บด้วยระเบิดเพลิงเวอร์ชั่นปรับลดที่อยู่ในกำไลนกฟินิกซ์ได้ ปีศาจตนนี้ก็ไม่อาจจะเทียบกับตัวเขาได้
พวกเขาทั้งสองเดินไปในเส้นทางแห่งราชาอีกหลายไมล์ มันเป็นเวลา 10 โมงเช้า แต่มันก็แย่มากที่พระอาทิตย์ถูกบดบังด้วยกลุ่มเมฆก้อนใหญ่ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ ลิงค์ จะใช้แสงอาทิตย์ในการทำให้ปีศาจอ่อนแอลง
ในตอนนี้ แม้ว่า ลิงค์ จะรู้สึกได้ถึงออร่าแปลกประหลาดที่อยู่รอบๆ แต่เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีดวงตาคู่นึงที่อยู่ในความมืดกำลังมองตามพวกเขาเขม็ง
“มันไม่คิดจะปิดบังกลิ่นอายของตัวเองเลยด้วยซ้ำ!” เอเลนอร์ อุทานออกมา “ฉันสงสัยจังว่านั่นเป็นความเย่อหยิ่งหรือความโง่เขลากันแน่?” เอเลนอร์ แสดงความคิดเห็นกับ ลิงค์ ถ้าเขารู้วิธีใช้ธาตุเงินศักดิ์สิทธ์ในการรักษาแผลของเธอ ถ้างั้นเขาก็น่าจะรู้เกี่ยวกับปีศาจมากกว่าที่เธอรู้
จากนั้น เอเลนอร์ ก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ ในตอนที่ ลิงค์ ตอบกลับมาอย่างมั่นใจ
“มันไม่ใช่ว่ามันหยิ่งหรือมันโง่” เขาพูด “เพียงแค่ว่ามันไม่มีความจำเป็นเท่านั้นเอง”
“หมายความว่ายังไง?” เอเลนอร์ ถามด้วยความสงสัย
“ในหุบเหวที่ปีศาจมานั้นคือโลกของป่าทึบที่ๆมันจะเป็นคนฆ่าหรือไม่ก็ถูกฆ่า เพื่อเอาตัวรอดจากที่นั่น มันจะต้องแยกเขี้ยวและแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อขู่และทำให้คนอื่นกลัวจนไม่กล้าโจมตีมัน ปีศาจตนนี้จะต้องคิดว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่อ่อนแอกว่ามันแน่ๆ ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังตัวตน ผมคิดว่ามันน่าจะคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าป่าหล่ะมั้ง”
“โอ้ งั้นพวกมันก็เหมือนกับสัตว์ป่าเลยหน่ะสิ!” ในที่สุด เอเลนอร์ ก็หาคำที่เหมาะสมในการบรรยายถึงปีศาจได้
ลิงค์ พยักหน้าเป็นการเห็นด้วย แน่นอนว่าเรื่องของปีศาจนั้นมีมากกว่านี้ แต่เขาไม่ได้บอก เอเลนอร์ ยกตัวอย่างเช่น เขารู้ว่าปีศาจนั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 เผ่าพันธุ์-ปีศาจระดับสูงและปีศาจระดับต่ำ
พวกปีศาจระดับต่ำจะมีความฉลาดน้อยกว่า ธรรมชาติของพวกมันนั้นใกล้เคียงกับสัตว์ป่า-วิธีการต่อสู้ของพวกมันจะใช้สัญชาติญาณมากกว่าแผนการและเหตุผล และพละกำลังของมันก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น แต่สำหรับปีศาจระดับสูง แน่นอนว่า…ถ้าจะให้พูดง่ายๆ 99% ของปีศาจน่ากลัวในตำนานที่ถูกบอกต่อกันมารุ่นสู่รุ่นของฟิรุแมนนั้นเป็นปีศาจระดับสูง!
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ปีศาจที่อยู่ในป่าเกอเวนท์น่าจะเป็นปีศาจระดับต่ำ แต่ว่ามันคงจะดูโง่ถ้าเกิดว่าดูถูกพละกำลังของมัน ลิงค์ รู้สึกว่าเขาไม่ได้มีอะไรต้องกลัวมากนักจากสัตว์ตัวนี้ นักสู้มือฉมังทั่วๆไปอาจจะไม่สามารถจัดการมันได้ แต่ถ้าเกิดว่าเป็นการโจมตีประสานของนักสู้ 3 คนหรือมากกว่าหล่ะก็ปีศาจก็ไม่น่าจะมีชีวิตรอดได้อย่างแน่นอน
อีกเรื่องนึง ปีศาจยังคงยับยั้งชั่งใจเอาไว้และไม่โจมตีพวกเขาในตอนกลางวันแสกๆขณะที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนในเส้นทางแห่งราชาเมื่อก่อนหน้านี้ ซึ่งนั่นหมายความว่ามันกลัวที่จะถูกพบเจอด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้มันต้องคอยตามพวกเขาอยู่ในความมืดมาโดยตลอดโดยไม่โจมตีพวกเขาเลย
ในที่สุด ลิงค์ กับ เอเลนอร์ ก็มาถึงสถานที่ๆเปลี่ยวมากจนไม่มีใครอยู่รอบๆหรือมีคนเดินผ่าน
“เข้าไปในป่ากันเถอะ” ลิงค์ พูด มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเดินวนและหลบปีศาจไปตลอด โอกาสที่ดีที่สุดของพวกเขาคือจัดการกับปีศาจซึ่งๆหน้า
“เข้าใจแล้ว” เอเลนอร์ ตอบพร้อมกับพยักหน้า เธอขยับเขาไปใกล้ ลิงค์ ขณะที่พวกเขาเข้าไปในป่าเพราะว่ามันทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยมากกว่า
พวกเขาทั้งสองพยายามที่จะเดินผ่านป่าเกอเวนท์ และเมื่อผ่านไปได้ประมาณ ¼ ไมล์ พวกเขาก็ได้ยินเสียงเดินและใบไม้ตีกัน จากนั้นสัตว์ร้ายก็พุ่งออกมาหาพวกเขาด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
ยังไงซะพวกเขาก็กำลังเผชิญหน้ากับปีศาจ ดังนั้น ลิงค์ จึงไม่กล้าที่จะโจมตีพร่ำเพรื่อ เขารีบวิ่งไปในจุดที่ไม่ค่อยมีพืชพันธุ์และตะโกนบอก เอเลนอร์ “ใช้บาเรียป้องกันซะ!”
พอ ลิงค์ พูดจบร่างกายของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยเอเดลไวซ์สีแดงเข้ม ขณะเดียวกัน เอเลนอร์ ก็เปิดใช้กำไลมังกรของเธอเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ในตอนนี้พวกเขาทั้งคู่จึงถูกห่อหุ้มด้วยบาเรียโปร่งแสงสีแดงเพลิง
หลังจากนั้นเอง ร่างสูงสีดำก็พุ่งมาหาพวกเขาจากป่าอันมืดมิด มันมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แม้ว่ามันจะมีความสูงประมาณ 7 ฟุตและผิวหนังของมันก็เป็นสีดำเหมือนกับน้ำหมึก และมันก็มีรูนแปลกๆสีเขียวเข้มจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่บนร่างกายของมัน ในขณะที่ลักษณะภายนอกของมันก็มีแขนที่เหมือนกับมีดและดูเหมือนว่ามันจะถูกปกคลุมด้วยออร่าความเย็นด้วย
ในตอนที่มันพุ่งเข้าใส่พวกเขา ดวงตาสีแดงของมันก็มองสลับไปมาระหว่าง ลิงค์ และ เอเลนอร์ จากนั้นดูเหมือนว่ามันจะจำ เอเลนอร์ ได้และเล็งเธอเป็นเป้าหมาย เอเลนอร์ ยื่นมือของเธอออกมาทันทีและชี้มันไปที่ปีศาจ
“ระเบิดเพลิง!” เธอตะโกน
นี่เป็นเพียงเวทย์เดียวที่เธอรู้ว่ามันมีผลกับปีศาจ ด้วยเสียงระเบิดที่ดังสนั่น เปลวเพลิงอุณภูมิสูงก็พุ่งออกไปหาปีศาจเป็นรูปพัด
ยังไงก็ตามดูเหมือนว่าปีศาจตัวนี้จะจำวิธีนี้ของ เอเลนอร์ ได้ ดังนั้นในตอนที่ เอเลนอร์ ยกแขนของเธอขึ้นมา มันก็หลบออกไปด้านข้างด้วยความรวดเร็วและหลบการโจมตีไปได้
“คิดเหรอว่าข้าจะโดนลูกไม้เดิมๆอีกเป็นครั้งที่สอง?” ปีศาจพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆที่ฟังไม่ค่อยชัด แม้ว่ามันจะพูดอยู่ แต่ความเร็วของมันก็ไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย จากนั้นมันก็เหยียดขาพุ่งไปทาง เอเลนอร์ และในเวลาเดียวกันนั้นมันก็ยืดแขนที่เหมือนกับดาบไปทางเธอเช่นกัน
ครั้งนี้ปีศาจไม่พลาดแบบเดิมอีกแล้ว ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ปีศาจก็จะตัดหัวของเธอออกได้!
เอเลนอร์ ช้าเกินกว่าที่จะใช้ระเบิดเพลิงครั้งที่สองได้ แต่เธอก็ยังคงไม่หลบปีศาจอยู่ดี เหตุที่เธอไม่หลบอย่างแรกเลยก็เพราะเธอยังคงมีโล่ป้องกันอยู่รอบตัวเธอ และอย่างที่สองก็เพราะเธอรู้ว่า ลิงค์ อยู่ข้างๆเธอ
ปีศาจนั้นไม่ได้สนใจชายหนุ่มที่อยู่ข้าง เอเลนอร์ เลยแม้แต่นิดเดียว พวกแมงหวี่แมงวันจะสามารถทำอะไรปีศาจได้หล่ะ? ปีศาจรีบเข้าไปหา เอเลนอร์ และตอนนี้มันก็อยู่ห่างจากเธอแค่ประมาณ 30 ฟุตเท่านั้น พอถึงจุดนี้ มันก็คำรามและกระโจนกลางอากาศ
ตามที่มันคาดการณ์เอาไว้ การโจมตีอันรุนแรงของมันจะทำลายโล่เวทมนตร์ของผู้หญิงได้อย่างแน่นอน ซึ่งมันจะทำให้เธออยู่ในสภาพบอบบางต่อการโจมตีด้วยดาบแขนของมันอย่างสมบูรณ์ อีกไม่นานหัวของผู้หญิงก็จะหลุดออกจากบ่าของเธอ จากนั้นก็จะไม่มีใครรู้ความลับระหว่างมันและสตรีศักดิ์สิทธ์
สำหรับนักเวทย์ที่อยู่กับเธอนั้น เขาอาจจะโจมตีมาด้วยเวทย์ 1 หรือ 2 บท แต่มันก็ไม่สำคัญเลยซักนิด เพราะว่าผิวหนังของมันมีความต้านทานเวทย์ที่สูงมาก ดังนั้นเวทย์ส่วนใหญ่จึงทำให้มันมีแค่รอยขีดข่วนเพียงเท่านั้น
เฮ้อ ปีศาจตัวนี้จะเข้าใจผิดไปถึงไหนกันนะ!
ในจังหวะที่มันกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ มือยักษ์ที่มีวงแหวนเพลิงสีแดงก็จับมันไว้กลางอากาศ ทำให้มันไม่สามารถขยับตัวได้
มันคือเวทย์ที่ ลิงค์ ร่ายมันด้วยอักขระวิญญาณของเขา-หัตถ์วัลแคน
“อ้ากกกก!!!” ปีศาจนั้นไร้การป้องกันโดยสินเชิง จากนั้นมันก็ปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมาพยายามที่จะหนีออกจากเงื้อมมือของหัตถ์เพลิง พละกำลังของมันได้ระเบิดออกมาเป็นออร่าสีดำที่มีพลังมากจนสามารถทำให้ธาตุไฟของหัตถ์วัลแคนกระจายออกไปได้!
โดยปกติปีศาจจะมีพลังในการต่อสู้ที่สูงและการตอบสนองที่รวดเร็วมากๆ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำไม ลิงค์ ถึงไม่ได้ใช้หัตถ์วัลแคนในเวอร์ชั่นที่อุณหภูมิมากกว่านี้
ไม่เลวเลยนี่ ลิงค์ คิด ปีศาจสามารถทนความรุนแรงของเวทย์เลเวล 5 ได้ และพลังแห่งความมืดในร่างกายของมันก็แข็งแกร่งเช่นกัน! พลังแห่งความมืดของปีศาจนั้นเกือบจะไร้ที่สิ้นสุดและไม่ได้ใช้แล้วหมดไปเหมือนกับมานาของนักเวทย์ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมปีศาจถึงเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวที่สุดสำหรับนักเวทย์!
แม้ว่าหัตถ์วัลแคนจะกระจายไปแล้ว แต่ปีศาจก็ไม่ได้พุ่งไปข้างหน้าแม้ว่ามันจะหนีออกจากเงื้อมมือของมือยักษ์ได้แล้ว ในตอนที่เท้าของมันแตะพื้นมันก็รีบหลบออกไปด้านข้างเพื่อที่จะหลบระเบิดเพลิงลูกที่สองของ เอเลนอร์
เปลวเพลิงอันร้อนแรงสัมผัสกับผิวหนังของมัน แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีผลกับมันเลยสักนิด ซึ่งนี่ต้องขอบคุณสัญชาติญาณอันเยี่ยมยอดของมัน ที่มันปล่อยพลังงานความมืดออกอย่างรวดเร็วก่อนที่ระเบิดเพลิงจะโดนตัวมัน ไม่อย่างนั้นผิวหนังของมันคงจะไหม้ไปแล้ว
ความจริงที่ว่ามันสามารถหลบการโจมตีประสานของ ลิงค์ และ เอเลนอร์ ได้อย่างไร้รอยขีดข่วน นั้นหมายความว่าปีศาจตนนี้ก็เป็นหนึ่งในนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของฟิรุแมนเลยก็ว่าได้
“เหอะ! วิธีนี้อีกแล้วเหรอ? น่าสมเพศ!” จากนั้นปีศาจก็พุ่งเข้าไปหา เอเลนอร์ อีกครั้ง
แล้วมันก็เหมือนกับการดูรีเพลย์ของฉากก่อนหน้านี้ ในตอนที่มันขยับไปข้างหน้าหัตถ์เพลิงยักษ์ก็จับมันไว้กลางอากาศเหมือนกับก่อนหน้านี้ ปีศาจขยับแขนขากลางอากาศเพื่อที่จะดิ้นหนีให้หลุดออกมา ซึ่งตอนนี้มันดูเหมือนกับแมวที่ถูกจับเอาไว้ในมือเลย
“ข้าจะทำให้แกกระจายอีกครั้ง ไอมือโง่!” หลังจากที่ถูกโจมตีแบบเดิมเป็นครั้งที่สองปีศาจก็เดือดดาลขึ้นมา มันแผดเสียงร้องออกมาก่อนที่มันจะระเบิดพลังออกมาอีกครั้ง ในครั้งนี้เสียงคำรามของมันดังก้องไปทั่วทั้งป่า และมันก็สามารถหนีออกมาจากหัตถ์วัลแคนได้อีกครั้ง แต่ในครั้งนี้พอมันลงมาถึงพื้นมันก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่พุ่งมาจากทางด้านหลัง มันคือนกหวีด และไม่ใช่แค่นกหวีดธรรมดา แต่มันคือนกหวีดธาตุเงินศักดิ์สิทธ์!
“ในที่สุดเจ้าก็เริ่มใช้วิธีใหม่แล้วสินะ หืม?” ปีศาจเยอะเย้ย
ปีศาจรู้สึกได้ถึงอันตรายจากด้านหลังในทันที และป้องกันนกหวีดได้ทันเวลาด้วยแขนดาบของมัน
แกร้ง! แกร้ง! แกร้ง!
ด้วยสัญชาติญาณการต่อสู้อันแข็งแกร่งของมัน ปีศาจจึงป้องกันนกหวีดทั้งหมดของ ลิงค์ ได้ด้วยความรวดเร็วและความแม่นยำอันน่ากลัว แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดของนกหวีด
ปัง! ปัง! ปัง!
นกหวีดระเบิดออกและส่งเศษของธาตุเงินศักดิ์สิทธ์กระจายผ่านอากาศ ดูเหมือนว่าเปลวเพลิงที่ระเบิดออกมานั้นจะกลืนกินร่างกายทั้งหมดของปีศาจเข้าไป
แต่นกหวีดนั้นเป็นแค่เพียงเวทย์เลเวล 1 ดังนั้นถึงแม้ว่าเศษเหล็กนั้นจะอันตรายต่อมนุษย์และดาร์กเอลฟ์ที่มีพลังป้องกันต่ำมากๆ แต่พวกมันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเลยเลยกับปีศาจที่มีผิวหนังที่แข็งแกร่งมากๆ
ปีศาจทุกตัวรู้สึกแค่ว่ามันเป็นแค่แผลคันๆในตอนที่เศษเหล็กโดนมัน มันก้มหัวลงเพื่อตรวจสอบผิวหนังของมันและพบว่ามันเป็นเพียงแค่แผลตื้นๆ และไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือบาดแผลที่เปิดออกนั้นไม่ได้ปิดลงและทำให้พลังงานความมืดรอบๆร่างกายของมันถูกขัดขวางและถูกต้านไว้
และนั่นก็คือผลของธาตุเงินศักดิ์สิทธ์
ปีศาจชะงักไปครู่นึง มันไม่เคยถูกโจมตีแบบนี้มาก่อน
ในตอนนั้นเอง ลิงค์ ก็ได้ใช้อักขระวิญญาณและใช้หัตถ์วัลแคนที่เพลิงได้กระจัดกระจายออกไปและรวมกันขึ้นมาใหม่เพื่อจับปีศาจเอาไว้ในฝ่ามืออีกครั้ง
“เอลี่” ลิงค์ ตะโกน “นกหวีดธาตุเงินศักดิ์สิทธ์!”
เอเลนอร์ เชี่ยวชาญเวทย์นกหวีดตั้งแต่ตอนที่ ลิงค์ ได้ให้คัมภีร์ที่มีโครงสร้างเวทมนตร์เมื่อตอนงานเทศกาลนักเวทย์แล้ว
เอเลนอร์ ไม่กลัวปีศาจอีกต่อไป เมื่อเห็นมันดิ้นอย่างไร้ทางสู้ในหัตถ์เพลิงยักษ์ ในที่สุดทัศนคติและความสามารถของเธอก็เท่ากับพื้นฐานของจอมเวทย์เลเวล 6 สักที
พรึบ พรึบ พรึบ!
นกหวีดแต่ละลูกที่ปรากฎออกมาจากคทาของ เอเลนอร์ นั้นมีความเร็วเทียบเท่ากับนกหวีดของ ลิงค์ เธอร่ายนกหวีด 3 ลูกภายใน 1 วินาที และภายใต้การควบคุมของเธอมันก็ได้พุ่งไปที่หัวของปีศาจ
ปัง! ปัง! ปัง!
นกหวีดได้ระเบิดออก ทำให้ธาตุเงินศักดิ์สิทธ์อยู่รอบตัวปีศาจมากขึ้น
การโจมตีอันแปลกประหลาดนี้ได้ทำให้ปีศาจมีบาดแผลเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นเมื่อมีการโจมตีแบบเดิมมาอีกจึงทำให้ปีศาจงงยิ่งกว่าเดิม มันไม่เคยเจอเวทย์แบบนี้มาก่อนและไม่รู้จะป้องกันมันยังไง ตลอดเวลาที่ผ่านมาสัญชาติญาณได้ช่วยให้มันชนะในทุกๆการต่อสู้ แต่เมื่อมันเจอการโจมตีที่แปลกใหม่ก็ทำให้มันต้องรู้สับสน และด้วยการโต้ตอบอันล่าช้านี้จึงทำให้มันไม่สามารถทำให้หัตถ์วัลแคนกระจายออกได้
ซึ่งนั้นหมายความว่าเป็นเวลาที่ดีที่ ลิงค์ จะฆ่าปีศาจทิ้ง!
นกหวีดที่พุ่งมาอย่างสม่ำเสมอได้ออกมาจากหัตถ์วัลแคน มันทำให้การบีบปีศาจนั้นแน่นขึ้น ในขณะที่อยู่ๆฝ่ามือก็ระเบิดออกเป็นเปลวเพลิงสีน้ำเงินขาว-ซึ่งนั่นคือธาตุไฟของหัตถ์วัลแคนที่ในที่สุดก็ได้กลายเป็นรูปร่างตามธรรมชาติของมัน!
“อ้ากกกกกก!!!” ปีศาจร้องด้วยความเจ็บปวด มีระเบิดพลังงานความมืดรอบตัวมันอีกครั้ง เพื่อป้องกันมันจากความร้อนอันรุนแรงของหัตถ์เพลิง แต่ว่าในตอนนั้น หัตถ์วัลแคนที่ได้ระเบิดพลังเต็มที่ก็ได้ปล่อยพลังอันมหาศาลเข้าใส่ปีศาจ ทำให้พลังความมืดที่ผลักหัตถ์วัลแคนออกหายไป
และนั่นเองก็ทำให้ปีศาจไม่สามารถทำให้หัตถ์วัลแคนกระจายได้ในครั้งนี้ มันทำได้แค่ต้องทนเท่านั้น
ยังไงก็ตาม แม้ว่าพลังงานความมืดของมันจะเยอะมาก แต่มันก็มีขีดจำกัด ปีศาจได้ใช้พลังมหาศาลในการทำให้หัตถ์วัลแคนกระจายออกถึงสองครั้งและใช้มันในการป้องกันตัวเองจากแรงบีบของหัตถ์วัลแคน พลังของมันมาถึงขีดจำกัดแล้ว
ในที่สุด หลังจากสิบวินาทีที่อยู่ในกำมือของหัตถ์วัลแคน ปีศาจก็ได้ใช้พลังงานของมันจนหมด เปลวเพลิงเริ่มเผาร่างกายของมันโดยตรง และควันสีน้ำเงินก็เริ่มพุ่งออกมา เสียงร้องของมันเริ่มที่จะกลายเป็นเสียงที่ไม่คล้ายกับมนุษย์จนทำให้ทุกคนที่ได้ยินมันต้องหวาดกลัว
การเผาไหม้ยังคงมีต่อไปเป็นเวลา 3 วินาทีขณะที่ปีศาจยังกรีดร้องอยู่ ในตอนนั้นเอง ลิงค์ ก็ได้หยุดใช้หัตถ์วัลแคน
พรึ่บ!
ร่างกายที่ไหม้เกรียมเต็มไปด้วยควันสีน้ำเงินล้มลงกับพื้น ผิวหนังของมันไหม้เกรียม และเปิดให้เห็นเนื้อและเลือดสดๆของมัน และที่น่าตกใจก็คือ มันยังขยับได้อยู่ มันดิ้นอยู่กับพื้น พยายามที่จะหนี และมันก็ค่อยๆเร็วขึ้นเรื่อยๆ
แม้กระทั่งบาดแผลของมันก็ค่อยๆถูกรักษาต่อหน้า ลิงค์ และ เอเลนอร์ ! ช่างเป็นความตั้งใจที่จะมีชีวิตที่ดื้อด้านอะไรขนาดนี้!
ช่างหน้าโชคร้าย แต่มันถึงเวลาแล้ว
ฟิ้วๆๆๆ
ลิงค์ ร่ายนกหวีดธาตุเงินศักดิ์สิทธ์ 4 อันใส่ปีศาจอย่างรวดเร็วและทะลวงผ่านมือและขาทั้งสองข้างของมัน จากนั้นนกหวีดก็ระเบิดออกในทันที ปักปีศาจติดกับพื้น
ธาตุเงินศักดิ์สิทธ์ในนกหวีดทั้ง 4 นี้ทำมาจากมิธริล ดังนั้นผลของมันที่มีต่อปีศาจจึงมากกว่าอันก่อนๆ ซึ่งมากพอที่จะเอาชนะพลังการป้องกันของปีศาจและเจาะทะลุร่างกายของมันได้ และเมื่อธาตุเงินศักดิ์สิทธ์สัมผัสเข้ากับเลือดของปีศาจ มันก็จะกักพลังงานความมืดไว้ในร่างกายของมัน
ในครั้งนี้ ปีศาจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมบอกทุกอย่างที่มันรู้อย่างซื่อสัตย์