Advent of the Archmage - ตอนที่ 163:ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องพึ่งตัวเองแล้ว
“อ้อ แล้วก็” เอร์เรร่า พูด “นี่คือรางวัลของเธอจากผู้อาวุโส”
หลังจากกลับมาที่หอคอยเวทมนตร์ เอร์เรร่า ก็หยิบกำไลต่างมิติของเธอและมอบของรางวัลให้กับ ลิงค์, ลิงค์ ตกใจทันทีเมื่อเห็นของรางวัล
“ทำไมผู้อาวุโสใจดีกับผมจัง?” ลิงค์ ถาม “เขาเพิ่งให้แร่ทองกับผมมาและตอนนี้ผมก็ได้เงิน 20,000 เหรียญทองด้วยหรอ?”
จากการประมาณคร่าวๆ ลิงค์ พบว่าทองที่อยู่ในแหวนและส่วนประกอบอื่นๆและเศษอาวุธของดาร์กเอลฟ์นั้นสามารถแก้ปัญหาเรื่องเงินทุนของเขาได้ในทันที
“อาจารย์ใหญ่ตั้งความหวังกับเธอไว้สูงมาก” เอร์เรร่า พูดด้วยรอยยิ้ม “เธอจะต้องไม่ทำให้เขาผิดหวังนะ”
“แน่นอนครับ” ลิงค์ พูด
ลิงค์ ได้จัดการและฆ่าดาร์กเอลฟ์ที่แข็งแกร่งไป 3 คน บวกกับเขายังนำเอาข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับแผนกบฏจันทราทมิฬกลับมาด้วย ดังนั้น ลิงค์ จึงรู้สึกว่าเขานั้นได้อุทิศตัวให้กับสถาบันอย่างมาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงยอมรับรางวัลและเก็บมันไว้ในจี้ต่างมิติด้วยความรู้สึกที่ดีเพราะเขารู้ว่าเขาสมควรได้รับมัน
“อาจารย์ใหญ่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับแผนการกบฏจันทราทมิฬและปีศาจ ทราวิส ไหมครับ?”ลิงค์ ถาม
“อาจารย์ใหญ่บอกว่าการป้องกันของสถาบันไม่มีทางถูกทำลายได้”เอร์เรร่า ตอบในทันที “นอกจากนี้ สถานที่ที่ปิดผนึกปีศาจทราวิสไว้ก็ถูกลืมเลือนไปนานแล้ว ดังนั้นตราบใดที่เขายังคอยระวังพวกดาร์กเอลฟ์อยู่ มันก็ไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องกังวลเกี่ยวกับแผนการกบฏจันทราทมิฬ”
คิ้วของ ลิงค์ ขมวดแน่นในตอนที่เขาได้ฟังคำตอบของ เอร์เรร่า
เหตุการณ์การหลบหนีของปีศาจ ทราวิส นั้นได้เกิดขึ้นจริงๆในเกม ดังนั้นมันจึงเห็นได้ชัดว่าพวกดาร์กเอลฟ์นั้นรู้ที่อยู่ของมัน แม้ว่าในโลกนี้จะมีบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน แต่ดาร์กเอลฟ์มีความสามารถในการปลดปล่อย ทราวิส ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ภายในเกมพลังการทำลายล้างของปีศาจนั้นไม่มีใครเทียบได้ แม้กระทั่งเวทย์ที่ทรงพลังที่สุดของ แอนโทนี่ ที่เขาร่ายโดยจิตวิญญาณที่เผาไหม้ของเขาก็ยังทำได้เพียงแค่ทำให้มันบาดเจ็บและบังคับให้มันต้องหนีไปเท่านั้น ตอนนี้ด้วยข้อมูลที่เขามี เขาเลือกที่จะละเลยภัยคุกคามจากแผนการของดาร์กเอลฟ์และบอกว่าการป้องกันของสถาบันนั้นสมบูรณ์แบบและไม่มีทางทำลายได้งั้นเหรอ?
นั่นมันช่างน่าขำสิ้นดี!
ดูจากท่าทีของ ลิงค์, เอร์เรร่า รู้สึกว่าเธอต้องพูดอะไรซักอย่างเพื่อปกป้องอาจารย์ของเธอ
“ช่วงนี้อาจารย์ใหญ่ยุ่งมาก” เธอพูด “เขากำลังง่วนอยู่กับสงครามทางตอนเหนือ ยังไงซะเขาก็อยู่ที่สถาบันตลอดเวลา แน่นอนว่าพวกดาร์กเอลฟ์คงไม่กล้าทำอะไรที่อาจหาญมากนักหรอกถ้าพวกมันต้องเจอกับเขา”
เอร์เรร่า นั้นเคารพผู้อาวุโสมาก เธอเชื่อในความรู้และความแข็งแกร่งของเขาอย่างเต็มที่ ดังนั้นถ้าเขาบอกเธอว่ามันไม่มีอะไรที่ต้องเป็นห่วงมากนักสำหรับแผนการลับของดาร์กเอลฟ์ นั่นก็หมายความว่ามันไม่ได้เป็นภัยคุกคามที่รุนแรงขนาดนั้น ความกลัวและความกังวลของเธอต่อเรื่องนี้ก็ลดลงเช่นกัน
ลิงค์ นั่นรู้สึกกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับท่าที่ของ เอร์เรร่า ที่ดูผ่อนคลายต่อแผนการที่อันตราย แต่แล้วเขาก็หยุดตัวเองจากการพยายามเถียงเรื่องนี้กับเธอ
ทั้ง เอร์เรร่า และ แอนโทนี่ ต่างก็เป็นชาวพื้นเมืองของทวีปฟิรุแมน ดังนั้นมุมมองของพวกเขาจึงแตกต่างกับ ลิงค์ มาก เอร์เรร่า และ แอนโทนี่ ไม่เคยได้รับข้อมูลจากภายนอกนอกเหนือจากว่าพวกเขาจะเห็นและได้ยินมันด้วยตนเอง และพวกเขาก็ใช้ชีวิตส่วนมากอยู่ที่สถาบัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่พวกเขาจะบอกว่าสถาบันนั้นเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในอาณาจักร ถ้า ลิงค์ ใช้ชีวิตแบบเดียวกันกับพวกเขา เขามั่นใจเลยว่าเขาจะต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน เหตุผลเดียวที่ ลิงค์ รู้เยอะกว่าก็เพราะเขานั้นได้พบเห็นเหตุการณ์ภัยพิบัติของการปลดปล่อยปีศาจด้วยตัวเองภายในเกม
ในตอนที่เขาคิดอย่างนั้น ลิงค์ ก็ยอมแพ้ที่จะเกลี้ยกล่อม เอร์เรร่า ต่อ ร่องรอยความกังวลที่หน้าของเขาก็หายไปเช่นกัน และในที่สุดเขาก็ยอมพยักหน้าต่อคำพูดของ เอร์เรร่า
“ถ้าเกิดว่าผู้อาวุโสว่าอย่างนั้น งั้นมันก็คงไม่เป็นปัญหา” ลิงค์ พูด “ขอโทษนะครับ อาจารย์ แต่ผมเพิ่งนึกได้ว่าผมมีอะไรบางอย่างที่ต้องไปทำตอนนี้”
“ไปเถอะ” เอร์เรร่า ตอบ เธอโล่งใจที่ ลิงค์ ไม่ได้พยายามที่จะพูดเรื่องของดาร์กเอลฟ์ต่อ
จากนั้น ลิงค์ ก็หันหลังและเดินจาก เอร์เรร่า ไป
ลิงค์ และ เอร์เรร่า นั้นเจอกันที่ทางเดินในชั้นสามของหอคอยเวทมนตร์ ดังนั้น ลิงค์ จึงเดินลงต่อไปตามทางเดินในขณะที่เขากำลังคิดว่าควรทำอะไรต่อไปดี
อาจารย์กับผู้อาวุโสต่างก็ไม่เห็นถึงอันตรายที่พวกเราเจอยู่ในตอนนี้ เขาคิด แต่ฉันต้องทำยังไงให้พวกเขารู้สึกตัวหล่ะ? ฉันจะต้องหาหลักฐาน…แต่ว่าฉันจะไปหาของแบบนั้นได้ที่ไหน?
ในขณะที่ ลิงค์ ตกอยู่ในห้วงความคิด ปัญหาก็เกิดขึ้น
ลิงค์ ได้มาที่สถาบันเวทมนตร์อีสโควฟบ่อยมากตอนที่เล่นเกมส์ในชีวิตก่อนของเขา ดังนั้นเขาจึงคุ้นเคยกับที่นี่ แต่ถึงอย่างนั้น ในเกมและความเป็นจริงนั้นก็ต่างกัน สถาบันเวทมนตร์อีสโควฟของจริงนั้นใหญ่กว่าในเกมหลายเท่า ไม่ต้องพูดถึงรายละเอียดที่มากกว่าหลายเท่าเช่นกัน ลิงค์ เพิ่งอยู่ที่นี่มาได้แค่ไม่กี่เดือน และเขาก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับการเรียนเวทมนตร์ในหอคอยเวทมนตร์ ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟของจริงเท่าไหร่ในจุดนี้
ไม่เพียงแค่สถานที่แห่งนี้จะดูแปลกตาสำหรับเขาเท่านั้น แต่เขายังไม่รู้จักนักเวทย์อีกหลายๆคนที่อยู่ในสถาบันเลยด้วยซ้ำ
ถึงอย่างนั้น เขาก็เดินไประหว่างที่คิดเกี่ยวกับปัญหานี้ เขาเดินมาจากชั้น 3 ลงมายังชั้น 1 จากนั้นก็ออกไปนอกหอคอยเวทมนตร์ เดินอย่างไม่มีจุดหมายไปทั่วทั้งสถาบัน
จงเดินซะหากคุณรู้สึกว่าถึงทางตันสำหรับบางเรื่อง-นี่เป็นนิสัยของเขาที่ได้มาในตอนที่เขาเขียนสุนทรพจน์
โดยที่ไม่รู้ตัว ลิงค์ ได้เดินไปเป็นเวลา10นาทีและตอนนี้เขาก็มาถึง ลานกว้างแห่งแรงบัลดาลใจของไบรอัน แม้ว่าตอนนี้จะยังเป็นหน้าหนาวและมีหิมะกองอยู่ทั่วพื้น ดอกไม้ในลานกว้างก็ยังคงบานอยู่เพราะผลของตราเวทมนตร์
ลิงค์ เดินไปที่ต้นหลิวที่เขามักจะคุยเรื่องเวทมนตร์กับเอเลียร์ดบ่อยๆและเขาก็นั่งลงบนมานั่งหินตรงนั้น เขามองไปที่ใบไม้ที่ลอยอยู่ในสายลมอยู่ซักพักในขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับปัญหา และแล้ว หลังจากผ่านไปครึ่งวันเขาก็ไม่ได้คืบหน้าเลยซักนิดเดียว เขาเริ่มรู้สึกหมดกำลังใจเป็นครั้งแรก
มันมีเรื่องที่ฉันไม่รู้มากเกินไป เขาคิด นี่สถาบันจะต้องก้าวสู้เส้นทางแห่งการล่มสลายเหมือนเดิมงั้นหรอ?มันเป็นชะตากรรมที่ฉันไม่สามารถเปลี่ยนมันได้งั้นหรอ?
ลิงค์ หยิกตัวเองหลังจากความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของเขาเพียงไม่กี่วินาที เขาสลัดเอาความคิดที่น่าสิ้นหวังนี้ออกจากหัวของเขาในทันที
ฉันหัวร้อนเกินไปหน่อย เขาคิด มันไม่มีประโยชน์ที่จะไปวิตกกับมันในตอนนี้ แผนการกบฏจันทราทมิฬจะเริ่มในวันที่ 15 เมษายน ดังนั้นฉันยังมีเวลาอีกเกือบ 3 เดือน แม้ว่าฉันจะไม่รู้ข้อมูลที่แน่นอนของแผนการ แต่ฉันยังคงฝึกฝนเพื่อเพิ่มพลังให้สู้กับปีศาจทราวิสได้ในเวลา 3 เดือนอยู่นิ จริงมั้ย?
ตาของ ลิงค์ มีประกายขึ้นมาในตอนที่เขาคิดเรื่องนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือนกับก้อนเมฆที่หลบทางให้พระอาทิตย์ฉายแสง
ใช่แล้ว ฉันจะต้องจัดการความมืดด้วยแสงสว่าง! ลิงค์ รู้สึกตัว ถ้าดาร์กเอลฟ์วางแผนที่จะปลดปล่อย ทราวิส เพื่อทำลายสถาบัน งั้นฉันก็แค่ต้องฆ่ามันในตอนที่มันถูกปลดปล่อย! ถ้า ทราวิส เป็นปีศาจเลเวล 8 หละก็ งั้นฉันก็แค่เรียนเวทมนตร์ที่มีเลเวลอย่างน้อย 8 ก็พอ
จากนั้น ลิงค์ จึงคิดที่จะเช็คค่าสถานะของตัวเอง และภายในพริบตาระบบเกมก็แสดงมันขึ้นในอินเตอเฟส
ลิงค์ โมรานี่ (ผู้สืบเชื้อสายบารอน)
นักเวทย์ระดับสูงเลเวล 5
อัตราการฟื้นฟูมานา: 110 ต่อชั่วโมง
มานาสูงสุด: 1,910
อาวุธปัจจุบัน: คทาคว้าดาว
แต้มโอมนิปัจจุบัน: 210แต้ม
จากนั้น ลิงค์ ก็คิดที่จะตรวจดูรายชื่อของเวทย์มนตร์เลเวล 8 ทันใดนั้นอินเตอเฟสก็แสดงถึงแถวของการ์ดที่ส่องแสงจ้าของเวทมนตร์เลเวล 8 ขึ้นมา ซึ่ง ลิงค์ ได้ตรวจสอบมันทุกอัน
การทำลายล้างอันรุ่งโรจน์ใช้มานา 4,600 แต้ม นภาเพลิง 4,800 แต้มมานา มังกรน้ำแข็งใช้มานา 4,900 แต้มในการอัญเชิญ กรงขังกาลเวลาใช้มานา 4,800 แต้ม พรมังกรศักดิ์สิทธ์ 1,300 แต้มมานา… แต่ว่าเวทมนตร์สนับสนุนพวกนี้ไม่มีประโยชน์เมื่อเจอกับปีศาจ และมันยังใช้มานามากเกินไป!
ยิ่งเวทย์เลเวลสูง ก็จะยิ่งใช้มานามากขึ้นในเวทย์แต่ละบท ซึ่งมันเป็นกฎพื้นฐาน และเวทย์สนับสนุนนั้นก็จะใช้มานาน้อยกว่าเวทย์โจมตี
เวทมนตร์ระดับตำนานก็เช่นกัน เวทมนตร์ระดับตำนานของ ลิงค์ ข้ามมิติใช้มานาเพียงแค่ 1,800 แต้ม แต่ว่าเวทย์โจมตีใดๆก็ตามที่มีเลเวลเท่านี้จะใช้มานาอย่างน้อย 9,000 แต้ม!
ปีศาจนั้นเป็นเผ่าพันธุ์ของนักสู้ พวกมันมีความต้านทานเวทมนตร์ที่สูงมากนอกเหนือจากความแข็งแกร่งและพลังชีวิตของมัน ไม่ต้องพูดถึงเกราะที่ไม่สามารถทำลายได้ของมันเลย พอ ทราวิส ถูกปลดปล่อยออกมา เขาจะทำลายทั่วทั้งสถาบันในทันทีเหมือนกับรถศึกสงครามอันแข็งแกร่ง
สำหรับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างทราวิส การโจมตีที่อ่อนแออย่างเวทย์สนับสนุนนั้นไม่เป็นอุปสรรคต่อเขาเลย ทางเดียวที่สามารถล้มเขาได้ก็คือการโจมตีเขาทันทีด้วยเวทย์โจมตีที่รุนแรงที่สุดที่มีโดยไม่ให้เขาทันหายใจ
แต่ว่าการต้านทานเวทมนตร์ของปีศาจนั้นสูงมาก ลิงค์ คิด แม้ว่าฉันจะดัดแปลงเวทย์เลเวล 8 ด้วยเวทย์ระดับสูงสุด แต่ฉันก็ยังไม่สามารถจัดการเขาได้ในครั้งเดียวอยู่ดี และเวทย์เลเวล 8 ก็ใช้มานาในปริมาณมากและฉันคงไม่สามารถเพิ่มมานาสูงสุดของฉันให้เพียงพอกับเวทย์เลเวล 8, 2 บทได้ภายใน 3 เดือน….และอันที่จริง ฉันก็ไม่คิดว่า ทราวิส จะให้ฉันมีโอกาสร่ายเวทย์เลเวล 8 ได้ 2 ครั้งอยู่ดี
จากนั้น ลิงค์ ก็ค้นพบรายละเอียดสำคัญมากมายหลังจากการพิจารณา ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเขาต้องการที่จะร่ายเวทย์เลเวล 8, 2 ครั้ง เขาจะต้องร่ายอันแรกในการลอบโจมตี จากนั้นอันที่สองจึงจะใช้ใส่ ทราวิส โดยตรง ปีศาจเลเวล 8 อย่างเขาคงจะมีการตอบสนองที่รวดเร็วดั่งสายฟ้า ดังนั้นถ้าเขาไม่สามารถร่ายเวทย์ครั้งที่สองได้เร็วพอเขาก็คงจะต้องตาย แม้กระทั่งเวทย์ระดับตำนานข้ามมิติก็ไม่อาจจะช่วยเขาได้ แผนเดียวที่สามารถวางใจได้ก็คือ เขาจะต้องเชี่ยวชาญเวทมนตร์ป้องกันที่สามารถปกป้องเขาจากเวทมนตร์ที่มีเลเวลถึง 8 ได้ ซึ่งนั่นหมายความว่าตอนนี้ ลิงค์ ต้องเพิ่มมานาสูงสุดของเขาให้เพียงพอกับเวทมนตร์เลเวล 8, 3 บทเพื่อที่จะทำให้สามารถต่อสู้กับปีศาจทราวิสได้
แต่ว่าแทนที่จะเสียมานาไปกับเวทมนตร์เลเวล 8, 3 บท ทำไมเขาถึงไม่เรียนเวทย์เลเวล 9 ไปเลยหล่ะ?
จากนั้นเขาก็เช็ครายชื่อของเวทย์เลเวล 9 บนหน้าจอ แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อเขาเห็นว่าเวทมนตร์โจมตีเลเวล 9 นั้นต้องการมานาอย่างน้อย 7,000 แต้ม! ไม่ต้องพูดถึงความยากในการพยายามที่จะเชี่ยวชาญเวทมนตร์เลเวล 9 ภายใน 3 เดือนเลย! ด้วยเหตุนี้ ลิงค์ จึงเริ่มที่จะสิ้นหวังกับแผนการนี้
ยิ่งเวทย์เลเวลสูง มันก็จะยิ่งซับซ้อน บวกกับอุปสรรคอื่นๆก็จะเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน และอุปสรรคแรกก็อยู่ที่เลเวล 6 โดยปกตินักเวทย์ที่ก้าวข้ามกำแพงของเลเวล 6 มาได้นั้นจะถูกเรียกว่าจอมเวทย์
ทำไมงั้นเหรอ?
เนื่องจากเวทมนตร์เลเวล 6 นั้นมีความยากมากขึ้น ลิงค์ เคยเห็นโครงสร้างของเวทมนตร์เลเวล 6 มาแล้ว และเขารู้ว่าแม้ว่าเขาจะเชี่ยวชาญหัตถ์เปลวเพลิงเลเวล 5 ได้ภายในเวลา 2 วัน แต่เขาก็ไม่สามารถเชี่ยวชาญมันได้ภายในเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือน แม้ว่าเขาจะละเลยอาหารกับการนอนและอุทิศตัวเองให้กับเวทมนตร์อย่างเดียวก็ตาม!
ในตอนนี้มีนักเวทย์เลเวล 6 อยู่ 6 คนในสถาบันเวทย์มนต์อีสโควฟ และ แอนโทนี่ ก็เป็นนักเวทย์เลเวล 7 เพียงคนเดียว มันเป็นแบบนี้มากว่า 10 ปีแล้ว ความจริงคือมีนักเวทย์แค่ 2 คนที่เป็นเลเวล 7 ในทั่วทั้งอาณาจักร ซึ่งอีกคนนั้นในตอนนี้ได้ประจำการอยู่ที่พระราชวังหลวง
ถึงจะไม่มีนักเวทย์เลเวล 8 ที่สามารถพบเห็นได้ในโลกมนุษย์ ก็ยังมีนักรบเลเวล 8 อยู่หนึ่งคน แต่ว่าพลังของนักรบนั้นน้อยกว่านักเวทย์มาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถนำมาเทียบกันได้
และตอนนี้ ลิงค์ ก็หวังว่าเขาจะเชี่ยวชาญเวทย์เลเวล 9 ได้ภายในสามเดือน-ถ้าเขาปล่อยให้ใครรู้ความตั้งใจนี้ของเขา พวกเขาจะต้องคิดว่าเขาเป็นบ้าอย่างแน่นอน
ถึงเขาจะใช้ 90 แต้มโอมนิเพื่อซื้อเวทมนตร์เลเวล 9 แต่เขาก็ยังคงไม่สามารถมีมานา 7,000 แต้มตามที่ต้องการได้ ยิ่งไปกว่านั้น เวทมนตร์นั้นจะเป็นรูปแบบปกติโดยไม่มีการดัดแปลงเลย ถ้าเขาจะใช้เวทมนตร์ในการสู้กับปีศาจที่แข็งแกร่งมากจนแทบจะเป็นอมตะ งั้นเขาก็จะต้องลองทุ่มสุดตัวดู เพราะยังไงผลมันก็ออกมาเหมือนเดิม
แค่เชี่ยวชาญเวทย์เลเวล 8 ภายในระยะเวลา 3 เดือนนั้นก็ยากพอแล้ว ฉันไม่เชื่อเลยว่าฉันจะเชี่ยวชาญเวทย์เลเวล 9 ด้วยตัวเองได้ทันเวลา! จากนั้น ลิงค์ ก็ยิ้มอย่างแหยๆและส่ายหัวของเขาด้วยความโกรธ
ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันจะหยุดคิดเกี่ยวกับมันก่อน ลิงค์ คิด ฉันเพียงแค่ต้องขยันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างน้อยฉันก็พยายามอย่างเต็มที่แล้ว ใบหน้าของ ลิงค์ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในตอนที่เขาลุกขึ้นและเขาก็จะกลับไปที่หอคอยเวทมนตร์ มีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ดังนั้นเขาจะเริ่มทำมันตอนนี้เลย
แต่แล้วในทางที่เขากลับไปยังหอคอยเวทมนตร์ ลิงค์ ก็สังเกตุเห็นบางอย่างที่เขาไม่คาดคิด
เขาเห็นคนที่คุ้นเคยอยู่ท่ามกลางต้นหลิวที่อยู่ไม่ห่างจากจุดที่เขายืน เขากระพริบตาและขยี้ตาเพื่อให้มองชัดขึ้น และเขาก็พบว่านั่นคือคนรักของ เอเลียร์ด, เอเลน่า
มันคงดูไม่แปลกที่จะเจอ เอเลน่า ในสถาบัน แต่ว่าเธอนั้นยืนอยู่ห่างจากกอของต้นหลิวซึ่งเป็นจุดที่ร่างกายของเธอจะถูกซ่อนอยู่หลังต้นไม้และพุ่มของมัน ถ้า ลิงค์ ไม่ได้มองไปทางนั้นโดยบังเอิญ เขาก็คงไม่รู้ว่าเธออยู่ตรงนั้น
และสิ่งที่น่าสงสัยที่สุดก็คือเธอนั้นไม่ได้อยู่คนเดียว ข้างๆเธอมีผู้ชายอยู่
ชายคนนั้นแต่งกายด้วยชุดขนสัตว์หรูหราดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่ร่ำรวย เขาน่าจะเป็นพ่อค้าที่มาจากเมืองฮอทสปริง เขานั้นยืนอยู่ใกล้กับ เอเลน่า มาก มันเป็นระยะที่ใกล้ชิดมากเกินไป; ลิงค์ รู้สึกสงสัยพวกเขามากๆแล้วในตอนนี้ เขาถอยไปและไปซ่อนอยู่หลังต้นหลิวและเริ่มที่จะฟังสิ่งที่พวกเขาคุยกัน
ด้วยระยะห่าง ลิงค์ จึงได้ยินเพียงแค่น้ำเสียงของพวกเขาเท่านั้น แต่ไม่อาจได้ยินอย่างชัดเจนว่าพวกเขาพูดอะไรกัน เขาไม่กล้าที่จะใช้อุปกรณ์เวทมนตร์สอดแนมเช่นกันเพราะเขากลัวว่าพวกเขาอาจจะตรวจจับการผันผวนของเวทมนตร์ได้
ลิงค์ รู้สึกว่าน้ำเสียงของ เอเลน่า นั้นแตกต่างจากปกติที่เขาได้ยินตอนที่เธออยู่กับ เอเลียร์ด เสียงของเธอในตอนนี้ดูเย็นชา เย่อหยิ่งและมีแม้กระทั่งความรู้สึกผิดเล็กน้อย ลิงค์ รู้สึกเหมือนกับมันเป็นเสียงของราชินีที่สง่างาม ในขณะเดียวกันเสียงของพ่อค้าก็นุ่มนวลและสุภาพ แม้เขาจะดูเหมือนพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวย แต่เสียงของเขาก็ดูถ่อมตัวและสุภาพมากเมื่อเขาพูดกับ เอเลน่า
ไม่ใช่ว่า เอเลน่า เป็นลูกสาวของพ่อค้าระดับปานกลางหรอกหรอ? ลิงค์ สงสัย ทำไมพ่อค้าที่ร่ำรวยคนนั้นถึงปฏิบัติกับเธอเหมือนกับเธอเป็นราชินีเลยล่ะ?