Advent of the Archmage - ตอนที่ 157:ชื่อเสียงของเขาจะแพร่กระจายไปทั่วทวีปฟิรุแมน
โดยรวมแล้วบรรยากาศระหว่างการรับประทานอาหารในปราสาทโมรานี่ในวันที่สองที่ ลิงค์ กลับมานั้นค่อนข้างรื่นรมย์
หลังจากมื้ออาหาร ลิงค์ ได้กลับไปที่ห้องของเขาเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับคัมภีร์แห่งความรู้ต่อและยังจัดการใช้วัตถุดิบที่เขานำติดตัวมาจากสถาบันในการสร้างแหวนเวทมนตร์ป้องกันที่สามารถชาร์จใหม่ได้ แหวนนี้ยังอนุญาติให้ใส่เวทมนตร์เดิมลงไปในแหวนได้แม้ว่ามันจะถูกใช้ไปแล้วก็ตาม
และแล้ว ค่ำคืนก็ผ่านพ้นไปโดยที่ ลิงค์ ใช้เวลาของเขาในความสันโดษและความขยันทำงานหนัก
ในเวลา 9 โมงของเช้าวันต่อมา งานศพของไวส์เคาท์คนเก่าเป็นไปตามกำหนดการ จากนั้นร่างกายของเขาก็ถูกฝังลงใต้ดินในตอนเวลาประมาณเที่ยงวันขณะที่นักบวชกำลังสวดมนต์ และด้วยเหตุนี้เรื่องทั้งหมดก็เสร็จสิ้น
ไม่นานนัก รถม้าจากสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟก็พร้อมแล้ว โชคดีที่คนขับรถม้าเป็นคนที่สายตากว้างไกลเขาได้หลบหนีไปทันในตอนที่เขารู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆเมื่อคืน และเขาก็รอดจากการโจมตีของดาร์กเอลฟ์โดยไร้รอยขีดข่วน
ก่อนที่พวกเขาจะออกเดินทาง ลิลิธ และ มอลลี่ ไปที่ห้องของพวกเขาเพื่อที่จะเก็บข้าวของในขณะที่ วาร์ตัน และ ไคลน์ ยืนอยู่ที่ลานกว้างเพื่อบอกลาน้องชายของพวกเขา ในตอนที่พวกเขารอแม่และพี่สาวของ ลิงค์, ลิงค์ ก็ได้ยื่นแหวนที่เขาสร้างเมื่อคืนให้กับไคลน์เพื่อเป็นของขวัญการจากลา
“ผมเพิ่งสร้างแหวนเวทมนตร์ป้องกันนี้ให้สำหรับพี่” ลิงค์ พูดกับพี่ชายของเขา
“สวมมันไว้ที่นิ้วชี้ซ้ายของพี่ ในตอนที่พี่ต้องการจะใช้เวทย์ พี่แค่กดแหวนด้วยนิ้วโป้งของพี่แล้วมันก็จะทำงาน”
แหวนนั้นทำด้วยมิธริลและถึงแม้ว่าภายนอกมันจะดูธรรมดา แต่ข้างในของมันก็ซับซ้อนและประณีต ลิงค์ ได้สร้างมันโดยระมัดระวังที่สุดเพื่อที่จะทำให้แน่ใจว่ามันจะได้คุณภาพที่ดีที่สุด แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการให้มันดูหรูรามากเพื่อหลีกหลีกการดึงดูดความอิจฉาจากอัศวินอื่นที่อาจจะทำให้พี่ชายของเขามีปัญหาได้
ไคลน์ ดูสดใสขึ้นเมื่อได้ยินว่าพูดถึงอุปกรณ์เวทมนตร์ เขาใส่แหวนและมันก็พอดีกับเขา-มันไม่ได้แน่นเกินไปหรือหลวมเกินไป ซึ่งถ้าแหวนนั้นใหญ่และสวยงามเกินไปมันก็จะไปดึงดูดรูปลักษณ์อันไม่พึงประสงค์ได้
“ลองใช้เวทย์ดูสิครับ” ลิงค์ พูด
จากนั้น ไคลน์ ก็ได้กดนิ้วโป้งของเขาลงบนแหวนและทันใดนั้นก็มีกลุ่มออร่าจางๆมาปกคลุมร่างกายของเขา มันเป็นเวทมนตร์ป้องกันที่ ลิงค์ ได้ใส่เวทระดับสุดยอดของเขาเองลงไปในการปรับปรุง-เอเดลไวซ์
เอเดลไวซ์เลเวล 4 นั้นซับซ้อนเกินกว่าที่จะใส่ลงไปในแหวนได้ ดังนั้น ลิงค์ จึงใช้มันในเวอร์ชั่นเลเวล 3 พอเขามั่นใจว่า ไคลน์ รู้วิธีปล่อยเวทมนตร์อย่างถูกต้องแล้ว ลิงค์ จึงโบกคทาของเขาบนแหวนและชาร์จแหวนด้วยมานาของเขา ในขณะนั้นเขาก็อธิบายเกี่ยวกับเวทมนตร์ให้พี่เขาฟังไปด้วย
“นี่คือแหวนเวทมนตร์ป้องกัน”เขาบอกกับ ไคลน์ “และมันจะปกป้องพี่จากการโจมตีใดก็ตามที่ต่ำกว่าเลเวล 3 ไม่ว่ามันจะเป็นเวทมนตร์หรือเป็นคมมีดจากดาบ และมันยังสามารถลดพลังของการโจมตีเลเวล 4 ได้นิดหน่อยด้วย พี่สามารถใช้เวทย์นี้ได้ 5 ครั้ง หลังจากนั้น เพียงแค่ไปหานักเวทย์ที่อยู่ในกองทัพและบอกพวกเขาให้ถ่ายมานาของพวกเขาใส่ลงไปในแหวนโดยตรงและมันก็จะกลับมาดีเหมือนใหม่”
ไคลน์ รู้ได้ในทันทีจากคำอธิบายของ ลิงค์ ว่าแหวนนี้สามารถกำหนดความเป็นความตายของเขาในสนามรบได้ เขามั่นใจว่าแหวนนี้จะต้องมีค่ามากกว่า 1,000 เหรียญทองอย่างแน่นอน เขารู้สึกขอบคุณน้องชายอย่างมาก แต่เขาก็ไม่สามารถหาคำพูดที่เหมาะสมได้ ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วเขาก็ทำได้แค่ยืนอยู่เงียบๆและสาบานกับตัวเองว่าหลังจากนี้เขาจะขยันและกลายเป็นอัศวินที่ยอดเยี่ยมของกองทัพที่จะไม่ทำให้น้องชายผิดหวัง!
ในขณะเดียวกัน วาร์ตัน ก็มองสองพี่น้องอยู่ข้างๆ เขาอิจฉาตาร้อนสำหรับแหวนที่อยู่ที่นิ้วของ ไคลน์ แต่เขารู้ว่าเขาจะไม่ได้เห็น ลิงค์ ทำดีกับเขาเพราะว่าเขาเคยทำไม่ดีกับ ลิงค์ ในอดีต
แต่เขาก็ต้องประหลาดใจ อยู่ๆ ลิงค์ ก็เดินมาหาเขาและยื่นแหวนมิธริลที่เหมือนกับของ ไคลน์ ให้กับเขา
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอดีต นายก็ยังคงเป็นพี่คนโตของพวกเรา” ลิงค์ พูด “แหวนวงนี้เหมือนกับอันที่ฉันให้ ไคลน์ ใช้นิ้วโป้งเพื่อเปิดใช้งานมัน นายสามารถใช้มันได้ 5 ครั้งเช่นกัน ฉันจะไม่อธิบายส่วนที่เหลือนะเพราะมันยุ่งยาก” ลิงค์ ไม่มีความตั้งใจที่จะเอาใจ วาร์ตัน ด้วยของขวัญ เขาเพียงแค่ต้องการทำให้แน่ใจว่า วาร์ตัน จะไม่อิจฉาหรือเสียใจ ซึ่งมันอาจจะทำให้ ลิงค์ มีปัญหาในอนาคตได้
วาร์ตัน ยืนอยู่เฉยๆและไม่แน่ใจว่าจะตอบสนองยังไง เขาต้องการแหวนมากยิ่งกว่าสิ่งใด แต่เขาก็กลัวว่า ลิงค์ อาจจะหลอกเขาด้วยทริกเวทมนตร์บางอย่าง ดังนั้นเขาจึงลังเลที่จะยื่นมือออกไปรับแหวน
“รออะไรอยู่หล่ะ? รับมันไปสิ!” ไคลน์ พูด เขารำคาญที่ วาร์ตัน ไม่เชื่อใจญาติพี่น้องของตนเอง
ในที่สุด วาร์ตัน ก็ได้สติ เขายื่นมือไปรับแหวนและกำมันไว้แน่น เพราะกลัวว่า ลิงค์ จะเอามันกลับไป
ลิงค์ ไม่มีเวลาที่จะมาสนใจนิสัยของ วาร์ตัน ดังนั้นเขาจึงหันหลังให้กับพี่ชายของเขาหลังจากที่เขาหยิบแหวนไปและเดินจากไปโดนไม่พูดอะไร
วาร์ตัน รู้สึกได้ถึงท่าทีเย็นชาของ ลิงค์ และเขาก็รู้สึกอายในความใจแคบของตัวเองขึ้นมาทันที
“ในอดีตของนาย ฉันทำตัวโหดร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ?” อยู่ๆ วาร์ตัน ก็พูดขึ้นมา
ทันใดนั้นเอง หิมะก็เริ่มตกลงมาจากท้องฟ้า ความหนาวเหน็บของลมหนาวพัดผ่านลานกว้างและความหนาวเย็นได้เจาะผ่านผิวหนังเหมือนกับใบมีดเล็กๆ ลิลิธ และ มอลลี่ พร้อมแล้วและได้มาถึงทางเข้าห้องโถงใหญ่ของปราสาทพร้อมกับกระเป่าของพวกเขา ในตอนที่พวกเขาออกมา ลมกระโชกแรงก็พัดใส่พวกเขา ทำให้พวกเขาทั้งคู่ตัวสั่นเป้นเจ้าเข้า
ลิงค์ มองไปและสังเกตเห็นว่า ถึงแม้เสื้อผ้าของแม่และพี่สาวของเขานั้นจะดูค่อนข้างหนา แต่มันก็ทำขึ้นมาจากผ้าฝ้ายจากทางใต้ซึ่งมันไม่สามารถปกป้องพวกเขาจากความหนาวได้เลยแม้แต่นิดเดียว
เสื้อพวกนั้นน่าจะมีราคาไม่ถึง 5 หรือ 6 เหรียญเงิน แม้กระทั่งครอบครัวพ่อค้าที่มีรายได้มากกว่านี้เล็กน้อยในเมืองริเวอร์โควฟก็ยังใส่เสื้อผ้าที่ดีกว่านี้ เมื่อมาลองคิดดูแล้ว แม้กระทั่งชุดของคนขับรถม้าก็ยังทำมาจากวัสดุที่ดีกว่าของแม่และพี่สาวของเขา แม้ว่าพวกเขาจะเป็นภรรยาและลูกสาวของไวส์เคาท์ก็ตาม!
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการกระทำอีกอย่างของ วาร์ตัน
ลิงค์ หันไปจ้องเขม็งใส่วาร์ตัน เขาไม่คิดที่จะพูดอะไรกับเขาอีกแล้วในตอนนี้ ลืมมันไปซะ เขาคิดในใจ ยังไงซะแม่กับพี่สาวของเขาก็จะไม่ต้องกลับมาที่ปราสาทที่มีคนคอยกดขี่นี้อีกแล้ว พอถึงเมืองริเวอร์โควฟ ฉันจะซื้อเสื้อที่หนาและดีที่สุดที่หาได้ให้กับพวกเขา มันคงไม่ใช้เงินไปมากกว่า 100 เหรียญทองหรอก
วาร์ตัน รู้สึกถึงสายตาอันคมกริบของ ลิงค์ และขยับริมฝีปากของเขาเหมือนกับจะพูดอะไรซักอย่าง แต่แล้ว วาร์ตัน ที่ปกติมักจะชอบคุยโม้โอ้อวดกลับพบว่าตัวเองไม่สามารถหาคำที่เหมาะสมที่จะมาพูดได้เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา เขารู้สึกละอายใจตัวเองมากและอยากที่จะขุดหลุมมุดดินหนีไปให้ได้
“แม่ มอลลี่ เข้าไปในรถม้ากันเถอะ” ลิงค์ พูด รถม้าของสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟนั้นมีตราประทับเวทมนตร์ความอุ่นที่ทำให้ข้างในนั้นอุ่นสบายเหมือนกับเป็นฤดูใบไม้ผลิตลอดปี
หญิงสาวทั้งสองยังคงสั่นจากความหนาวอยู่ในตอนที่พวกเธอวิ่งไปที่รถม้า พวกเขาทั้งสองตกใจในตอนที่พวกเธอเข้าไปข้างในและถูกเสริมพลังด้วยเวทมนตร์ในทันที่ทีเข้าไป
จากนั้น ลิงค์ ก็โบกมือลา ไคลน์ และตามแม่และพี่สาวของเขาเข้าไปในรถม้าเช่นกัน
พอพวกเขาทุกคนอยู่ข้างในพร้อมแล้ว คนขับรถม้าก็ฟาดแส้ของเขาและรถม้าก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากปราสาทโมรานิ
ไคลน์ ยืนอยู่ที่ลานกว้างของปราสาทมองดูรถม้าสีน้ำเงินอันสวยงามค่อยๆหายลับตาไป จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมายาวๆและหันมาหาพี่ชายที่อยู่ข้างๆเขา
“ฉันไม่รู้ว่านายสังเกตเห็นมันไหม วาร์ตัน” ไคลน์ พูด “แต่เห็นได้ชัดเลยว่าอีกไม่ช้าก็เร็วชื่อเสียงของ ลิงค์ จะต้องโด่งดังไปทั่วฟิรุแมน ตระกูลของเราจะรุ่งโรจน์เพราะเขา ถ้าทั้งหมดที่นายอยากทำในชีวิตคือหมกตัวอยู่ในปราสาทเล็กๆแบบนี้ งั้นก็เมินสิ่งที่ฉันจะพูดไปได้เลย แต่ถ้านายต้องการที่จะยกระดับชีวิตให้ดีขึ้นและเห็นโลกมากกว่านี้ งั้นก็ถึงเวลาที่ต้องคิดวิธีที่จะคืนดีกับ ลิงค์ แล้วหล่ะ พี่ชาย!”
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ไคลน์ ได้เห้นแล้วว่าน้องคนเล็กของเขาแข็งแกร่งขนาดไหน เขาได้เห็นคนหนุ่มมากมายที่ถูกยกย่องว่าเป็นคนใหญ่คนโตหรือว่าเป็นอัจฉริยะหนุ่มในกองทัพ แต่ก็ไม่มีใครเลยที่สามารถเทียบกับน้องชายคนเล็กของเขาได้!
พอเขาพูดสิ่งที่จะพูดกับ วาร์ตัน หมดแล้ว ไคลน์ ก็เดินกลับไปที่ห้องโถงใหญ่ของปราสาทอย่างเงียบๆ
ในขณะที่ พี่ชายของเขา วาร์ตัน ยืนอ้าปากค้าง ไม่สามารถที่จะตอบอะไรได้ เขาก็ลูบหัวของเขาเบาๆในขณะที่มืออีกข้างเขาถือแหวนเวทมนตร์ที่ได้มาจาก ลิงค์ อยู่ เห็นได้ชัดว่าแหวนนั้นมีลักษณะภายนอกที่เรียบ แต่อย่างไรก็ตาม เขาสาบานได้ว่าเขารู้สึกแปลกๆที่ฝ่ามือของเขา เหมือนกับว่าเขากำลังถือเข็มอยู่ในมือของเขา
…
รถม้าเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและภายในเวลาไม่นาน พวกเขาก็ออกห่างจากปราสาทโมรานี่มาไกล
“คุณแม่ มอลลี่” ลิงค์ พูด “ที่รกร้างเฟิร์ดนั้นแห้งแล้งเกินที่จะอยู่ได้ในตอนนี้ และผมยังไม่ได้ตั้งถิ่นฐานไว้ที่นั่นเลย แต่ผมมีกระท่อมที่เป็นสำนักงานใหญ่ของกองทหารรับจ้างของผมอยู่ที่ป่าเกอเวนท์ใกล้ๆกับเมืองริเวอร์โควฟ มันจะดีไหมถ้าพวกคุณแม่จะไปอยู่ที่นั่นในระหว่างที่ผมทำให้ที่ดินของผมดีกว่านี้?”
ไวส์เคาท์ คนเก่าและลูกคนโตของเขาได้ปกครองอยู่เหนือพวกเธออย่างโหดร้ายมากว่า 10 ปีแล้ว และแน่นอนว่าพวกเธอไม่เคยแม้แต่จะโดนถามถึงความเห็นในเรื่องใดๆทั้งสิ้น เธอเกือบจะหลั่งน้ำตาแห่งความปลื้มปิติออกมาในตอนที่เธอได้ยินลูกชายของเธอถามถึงความคิดเห็นของเธอด้วยน้ำเสียงที่ใจดีและมีความเคารพ
“แน่นอนสิจ๊ะ ลูกรัก” ลิลิธ พูด เธอเพิ่งจะอายุ 40 ปีเมื่อไม่นานมานี้ แต่หน้าของเธอก็เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นและตีนกาแล้ว มันเป็นผลจากชีวิตอันยากลำบากที่เธอต้องอดทนหลังจากที่เธอแต่งงานเข้าสู่ตระกูลโมรานี่ แต่เธอก็มีความสุขอย่างมากตั้งแต่ที่ ลิงค์ กลับมาที่ปราสาทเมื่อ 2 วันก่อน ในที่สุดเธอก็สามารถยิ้มจากก้นบึ้งของหัวใจได้จริงๆ และมันก็ทำให้ใบหน้าของเธอสดใสเหมือนกับดอกไม้บานทำให้เธอดูสาวขึ้นมาก
พี่สาวของ ลิงค์, มอลลี่ ก็พยักหน้าเช่นกัน เธอจะอายุ 22 ในปีนี้ แต่เธอยังไม่เคยออกจากปราสาทโมรานี่มาก่อน ทั้งพ่อและพี่ชายคนโตของเธอปฏิบัติกับเธอเหมือนกับเธอเป็นแค่สิ่งของอย่างหนึ่งของพวกเขาที่จะใช้แลกเปลี่ยนเมื่อเห็นว่าเหมาะสมและไม่เคยแสดงความเคารพต่อเธอในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเลย ชีวิตอย่างนี้ทำให้เธอไม่มั่นใจในตัวเองและทำให้เธอโตมาเป็นผู้หญิงที่ขี้อายและเก็บตัว
แต่ ลิงค์ นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง น้องชายของเธอพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน เขาให้ความเคารพกับเธอ แม้ว่า ลิงค์ จะดูรุนแรงกับเธอ แต่ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะเขาเป็นห่วงและกังวลเกี่ยวกับเธอ มันไม่ใช่การพูดเกินจริงเลยที่จะบอกว่า ลิงค์ ได้ให้ชีวิตใหม่กับเธอ
มอลลี่ คิดไม่ถึงเลยว่าปีที่ 22 ของเธอจะกลายเป็นปีที่มีความสุขมากที่สุดแบบนี้
ลิลิธ นั้นเคยเป็นสาวงามที่สุดในประเทศปักเป้าในตอนที่เธอยังสาว ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมไวส์เคาท์คนเก่าถึงสนใจเธอและขอเธอแต่งงาน ช่างโชคร้ายที่ ลิงค์ ไม่ได้รับสืบทอดส่วนที่ดูดีนั้น ไม่เหมือนกับ มอลลี่ ที่ดูเหมือนกับแม่ของเธอในสมัยยังสาว มอลลี่ นั้นมีผมหยักศกสีดำ ตาของเธอเป็นสีนิลดำ ผิวหนังของเธอนั้นเรียบเหมือนกับเนยและรูปร่างของเธอก็ดูสาวและบอบบาง ความอบอุ่นในรถม้า, ความสุข, และความสบายใจที่เธอได้หนีออกจากเงื้อมมือของพ่อและพี่ชายของเธอนั้นได้นำสีสันกลับมาสู่ใบหน้าของเธอและทำให้เธอดูสวยงามเหมือนกับนางฟ้า
ลิงค์ ถอนหายใจเบาๆในตอนที่เขาคิดถึงโชคชะตาของแม่และพี่สาว พวกเธอทั้งคู่เป็นคนธรรมดาและไม่มีทักษะหรือความสามารถพิเศษใดๆ และพวกเขาก็ทนทุกข์ทรมานกับการกลั่นแกล้งของพ่อและวาร์ตันมามาก ลิงค์ สาบานว่าต่อจากนี้เขาจะให้ชีวิตที่ดีและปลอดภัยและเป็นอิสระไร้กังวลกับพวกเขา
จากนั้นเขาก็หยิบถุงผ้าไหมที่มีเงินอยู่ถุงละ 50 เหรียญทอง ส่งให้กับแม่ของเขาและ มอลลี่
“พวกคุณแม่รับเหรียญทองพวกนี้ไปนะ” ลิงค์ พูด “เอามันไปจ้างคนรับใช้ในตอนที่พวกเราไปถึงเมืองริเวอร์โควฟ จากนั้นผมจะซื้อชุดใหม่ เครื่องประดับและอื่นๆให้”
ลิลิธ รับเหรียญทองจาก ลิงค์ โดยไม่ถามคำถามใดๆ เธอรู้ว่า ลิงค์ มอบให้พวกเธอมากกว่าที่พวกเธอต้องการ แต่เธอนั้นรับมันมาเพื่อที่จะเก็บไว้ให้เขาเผื่อเวลาที่เขาอาจจะต้องการมันหลังจากนี้
สำหรับ มอลลี่ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้และเธอก็ลังเลที่จะรับมัน
“แต่ว่า ลิงค์” เธอพูด “นี่มันเยอะเกินไปนะ! ฉันคิดว่าพวกเราไม่ได้ต้องการเงินมากขนาดนี้เพื่อจ้างคนใช้หรอก นอกจากนี้ ไม่ใช่ว่านายต้องการมันในการสร้างที่อยู่ใหม่ของนายหรอกหรอ? นายเก็บเหรียญทองนั้นไว้กับตัวเองแทนดีกว่าไหม?”
“ไม่ต้องห่วงหน่า รับเงินไปเถอะ” ลิงค์ พูดกับพี่สาวของเขา “ผมจะหาทางสร้างที่อยู่ของผมเอง ดังนั้นพี่ไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้พี่ไปจดจ่อกับการปรับตัวกับชีวิตใหม่ของพี่เถอะนะ”
“โอเค ถ้างั้นก็ได้” มอลลี่ ตอบ จากนั้นเธอก็รับถุงเงินจาก ลิงค์ ด้วยความดีใจ เธอไม่เคยรู้เลยว่าการถูกสมาชิกในครอบครัวที่เป็นห่วงความสุขของเธอมาคอยเอาอกเอาใจจะมีความสุขขนาดนี้
ตลอดการเดินทาง ลิงค์ ไม่ได้อ่านตำราเวทมนตร์ในแบบที่เขาทำตามปกติเลย ทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือการคุยแบบสบายๆกับแม่ของเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เขาพบเจอมาในโลกก่อนหน้านี้ ในตอนแรก มอลลี่ ฟังมันอย่างเงียบๆ หลังจากนั้นเธอก็เริ่มผ่อนคลายและร่วมการสนทนาบ้างเป็นครั้งคราว ทั้งหมดนี้ ในที่สุดทุกคนก็ได้ผ่อนคลายและมีความสุขและมีการเดินทางที่แสนรื่นรมย์สู่เมืองริเวอร์โควฟ
ขณะที่ ลิงค์ พาครอบครัวของเขากลับไปที่เมืองริเวอร์โควฟ รถม้าที่มีตราสัญลักษณ์รูปใบไม้เขียวก็เข้ามาที่สถาบันเวทมนตร์อีสโควฟ ข้างในนั้นคือชายวัยกลางคนที่ดูธรรมดาแต่มีเสื้อผ้าที่ดูหรูหรา ผู้ที่ถือสร้อยคอมิธริลไว้ที่มือซ้ายและมีกำไลเวทมนตร์อยู่ที่มือขวา ทั้งคู่นั้นมีสัญลักษณ์นกบินอันแสนปราณีตติดอยู่ ซึ่งบ่งบอกว่ามันถูกสร้างขึ้นโดย ลิงค์ ชายผู้นี้มีชื่อว่า วาร์เตอร์ เขาคือเจ้าของบริษัทการค้าใบไม้เขียว
พอเขาก้าวเข้าไปในสถาบัน วาร์เตอร์ ก็เจอกับภาพอันงดงามของหอคอยเวทมนตร์ที่เก่าแก่และสูงขึ้นไปถึงก้อนเมฆ และในใจของเขาก็มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
นักเวทย์ ลิงค์ นั้นได้สร้างผลงานอุปกรณ์เวทมนตร์ที่สามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญเก่าแก่ถึงกับต้องอับต้องอายได้ วาร์เตอร์ คิด ถ้าเกิดว่าฉันสามารถใช้วิธีใดวิธีหนึ่งชักชวนเขาให้มาทำงานกับฉันได้ ชื่อเสียงและโชคลาภของฉันจะต้องโด่งดังไปทั่วอาณาจักรอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
ด้วยความที่เป็นพ่อค้าเต็มตัว ความมหัศจรรย์ของเวทมนตร์จึงไม่มีความหมายสำหรับเขา และเขาก็ไม่มีความเคารพต่อนักเวทย์แม้แต่นิดเดียว เป้าหมายในใจของเขามีเพียงอย่างเดียว และนั่นก็คือการนำเงินทั้งหมดที่อยู่ในทวีปฟิรุแมนมาอยู่ในกระเป๋าของเขา