Advent of the Archmage - ตอนที่ 102: คัมภีร์แห่งความรู้
ชื่อเสียงของนักเวทย์ในตำนาน ไบรอัน เป็นที่รู้จักกันดีในทวีปฟิรุแมน และในสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟก็ยกย่องเขาเป็นเทพเจ้าคนหนึ่งเลยทีเดียว พอมาคิดว่าคัมภีร์เวทมนตร์แผ่นนั้นถูกสร้างโดยคนที่ถูกยกย่องขนาดนี้และยังได้รับชื่ออย่างคัมภีร์แห่งความรู้-ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่จะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแน่นอน
“คัมภีร์แห่งความรู้ของ ไบรอัน งั้นหรอ?” ลิงค์ งุนงง เขาจำได้ว่ามีอะไรแบบนั้นอยู่ในเกมด้วย และความจริง ลิงค์ ก็มีมันเช่นกัน
คัมภีร์แห่งความรู้มีทั้งหมด6แผ่นและแต่ละแผ่นก็อยู่ในระดับอีพิค เมื่อผู้เล่นได้ครอบครองหนึ่งในคัมภีร์เหล่านี้ พวกเขาจะเพลิดเพลินไปกับบัพถาวรและการเสริมความสามารถของพวกเขาให้แข็งแกร่ง และเมื่อนำคัมภีร์ทั้ง 6 มารวมกัน คัมภีร์ในตำนานก็จะถูกสร้างขึ้น
คัมภีร์ในตำนานนั้นถูกเรียกอีกชื่อว่าคัมภีร์โลกาวินาศและมันสามารถเสริมความสามารถของผู้เล่นได้หลากหลาย โดยเฉพาะมานาสูงสุดที่สามารถเพิ่มขึ้นได้ถึง 100% ด้วยความช่วยเหลือของคัมภีร์ นับตั้งแต่ได้ครอบครองคัมภีร์แห่งความรู้ ลิงค์ ก็ไม่เคยมานาหมดอีกเลย แม้กระทั่งหลังจากที่เขาต่อสู้กับคู่ต่อสู้ระดับบอสก็ตาม
ลิงค์ คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะได้พบกับคัมภีร์นี้ที่ทวีปฟิรุแมนจริงๆ การรู้ถึงการมีอยู่ของพวกมันทำให้เขาตื่นเต้นมากๆ
คัมภีร์นั้นมีค่ามาก แต่ไม่ใช่เฉพาะความสามารถของมันที่สามารถเพิ่มความสามารถของผู้ใช้เพียงเท่านั้น แค่ความรู้ที่อยู่ในคัมภีร์เพียงอย่างเดียวก็ประเมิณค่าไม่ได้แล้ว ถ้ามีใครที่ศึกษาคัมภีร์ทั้ง 6 ได้อย่างครบถ้วน ก็เท่ากับว่าได้รับการสืบทอดความรู้และภูมิปัญญาของ ไบรอัน เกือบทั้งหมดแล้ว
ดาริส ไม่รู้ว่า ลิงค์ คิดอะไรอยู่ในใจ เขาคิดว่าที่ ลิงค์ เงียบไปเพราะเขาคาดหวังข้อมูลเพิ่มเติมจากเขา ดังนั้นเขาจึงพูดเสริม “ใช่แล้ว อาจารย์ของฉันมีคัมภีร์แห่งความรู้อยู่ แม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์ แต่มันก็ยังเต็มไปด้วยภูมิปัญญาเวทมนตร์ที่มหัศจรรย์ ที่ฉันสามารถเป็นนักเวทย์เลเวล 4 ในตอนที่อายุ 30 ได้ ก็ต้องขอบคุณคัมภีร์แห่งความรู้เนี่ยหล่ะ”
“แค่แผ่นเดียวงั้นเหรอ? แย่จริงๆเลย มันจะเป็นยังไงรู้ไหมถ้าคัมภีร์แห่งความรู้อยู่พร้อมกันทั้ง 6 แผ่น?” ลิงค์ ถาม
“อยู่พร้อมกันทั้ง…หก…นี่นายรู้ได้ยังไงว่ามันมีทั้งหมด 6 แผ่น?!” ดวงตาของ ดาริส เบิกกว้างด้วยความตกใจ เหมือนกับว่าเขากำลังเห็นผี การมีอยู่ของคัมภีร์โลกาวินาศนั้นเป็นความลับสุดยอดของอาจารย์ของเขา-ทั้งสถาบันมีคนที่รู้เรื่องเพียงแค่เขากับอาจารย์ของเขาเท่านั้น แล้ว ลิงค์ รู้ได้ยังไงว่าคัมภีร์แห่งความรู้นั้นมีทั้งหมด6แผ่น?
การแสดงออกของ ดาริส ก็ทำให้ ลิงค์ ตกใจเช่นกัน แม้ว่าเขาจะกลับมาสำรวมอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ลืมไปเลยว่าความจริงที่การมีอยู่ของคัมภีร์แห่งความรู้นั้นควรเป็นความลับที่นี่ แต่แน่นอนว่าเขาจะไม่แก้ตัวกับ ดาริส แน่ๆ
“ฉันรู้มากกว่าที่นายคิดเยอะ นายน่าจะชินกับมันได้แล้วนะ” ลิงค์ พูด
ดาริส จ้องไปที่ ลิงค์ อย่างละเอียด แต่สิ่งเดียวที่เขารู้สึกได้คือกลุ่มเมฆปริศนาที่ปกคลุมตัวลิงค์ อยู่ ยิ่งเขาพยายามที่จะทำความเข้าใจมันมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจมันมากขึ้นเท่านั้น
“พูดต่อสิ อย่าหยุด!” ลิงค์ เร่ง
ดาริส นิ่งเงียบไปพักนึง เรียบเรียงประโยคในใจของเขาก่อนที่จะเริ่มพูดอีกครั้ง “นายพูดถูกเรื่องที่คัมภีร์แห่งความรู้มี 6 แผ่น ตำนานบอกว่าพวกมันบรรจุไปด้วยความลับสุดยอดที่ทำให้ ไบรอัน ได้เลื่อนขั้นเป็นระดับตำนาน แต่ว่าเวลามันก็ได้ผ่านมานานมากแล้วนับตั้งแต่ตอนนั้น และคัมภีร์เหล่านี้ก็ถูกสันนิษฐานว่ามันได้สูญหายไปแล้ว ยังไงก็ตาม นอกจากฉันแล้ว ไม่มีใครรู้ว่า อาจารย์ของฉันมีคัมภีร์อยู่ แน่นอนว่าฉันรู้ที่อยู่ของมัน ถ้านายปล่อยฉันไป ฉันจะบอกที่อยู่ของมันให้นายด้วย” ดาริส พูด
ดาริส เห็นโอกาสของเขา และเขาก็ใช้คัมภีร์แห่งความรู้เพื่อต่อรองแลกเปลี่ยนกับอิสระของเขา เอาจริงๆ แม้แต่ ลิงค์ ก็ถูกดึงดูดด้วยข้อเสนอนี้ แต่ถึงอย่างนั้น หลังจากคิดพิจารณาอยู่พักนึง ลิงค์ ก็ส่ายหัวเป็นการปฏิเสธ
“คัมภีร์อยู่ในมือของ เบล มาหลายปี แต่เขาก็ยังคงเป็นได้แค่นักเวทย์เลเวล 6 ดูเหมือนว่าคัมภีร์จะไม่ได้น่าประทับใจขนาดนั้นนะ นายควรยอมแพ้ได้แล้ว ดาริส”
“ไม่ นายยังไม่เข้าใจ” ดาริส เพิ่มเติม “คัมภีร์ทั้ง 6 นั้นเชื่อมต่อกัน ตราบใดที่นายมี 1ในพวกมัน นายก็สามารถตามหาเบาะแสที่อยู่ของอีก 5 แผ่นที่เหลือได้ อาจารย์ของฉันเป็นแค่นักเวทย์เลเวล 6 เพราะว่าคัมภีร์ที่เขามีนั้นเป็นแผ่นที่เป็นพื้นฐานที่สุด ส่วนอีก 5 แผ่นที่เหลือจะต้องมีความลับในการเลื่อนขั้นเป็นระดับตำนานอย่างแน่นอน เชื่อฉันสิ ฉันไม่ได้โกหกนายนะ!”
ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้สถาบันเวทมนตร์อีสโควฟมากเท่าไหร่ น้ำเสียงของ ดาริส ก็ยิ่งวิตกกังวลและรีบร้อนขึ้นเท่านั้น เขารู้ว่าพอพวกเขาไปถึงสถาบันเขาจะซวยแน่ๆ
หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่ ดาริส พูด ลิงค์ ก็หัวเราะและมองลงมาที่เขาและพูด “นี่นายคิดว่าฉันโง่รึไง?” ลิงค์ พูด
“แต่..ทุกอย่างที่ฉันพูดเป็นความจริงนะ” ดาริส พูดตะกุกตะกัก พร้อมกับมีความรู้สึกผิดในเสียงของเขา
“ถ้านายสามารถหาคัมภีร์อีก 5 แผ่นที่เหลือได้จากคัมภีร์แผ่นเดียวจริงๆ ทำไม เบล ถึงไม่หามันเองในช่วงหลายปีมานี้หล่ะ?” ลิงค์ ถาม
“นายไม่เข้าใจ” ดาริส ตอบอย่างรีบร้อน “เขารู้ว่าคัมภีร์แผ่นที่เหลืออยู่ที่ไหน แต่เขาไม่สามารถไปเอามันได้-คัมภีร์พวกนั้นต่างก็อยู่ในสถานที่ๆอันตรายและในตอนที่เขาได้คัมภีร์มาเขาก็อายุ 60 ปีแล้ว เขาแค่แก่เกินไปที่จะตามหามัน!”
“งี้นี่เอง..” ลิงค์ พูด “และเขาก็คงคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีเกินกว่าที่จะละทิ้ง ดังนั้นเขาจึงหันมาศึกษาเวทมนตร์ดำเพื่อที่จะหาทางที่จะยืดชีวิตของเขาและจากนั้นเขาก็จะออกไปตามหาคัมภีร์แผ่นอื่นๆ ฉันคิดว่าเขาน่าจะให้สัญญากับนายด้วยว่าถ้านายช่วยเขาหามัน เขาจะอนุญาตให้นายได้ศึกษาคัมภีร์แห่งความรู้ด้วย ใช่มั้ย?”
ดาริส ถึงกับพูดไม่ออก ความจริงนั้นแทบจะเหมือนกับที่ ลิงค์ พูดทุกอย่าง ขณะที่เขากำลังเผชิญหน้ากับดวงตาสีดำ ที่ ดาริส รู้สึกทั้งหมดก็คือความกลัวและความสยอง มันเหมือนกับว่าดวงตานั้นสามารถเจาะผ่านวิญญาณของเขาได้
ดูจากการตอบสนองของ ดาริส รอยยิ้มก็เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ ลิงค์
“นายหยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ฉันไม่มีวันเชื่อนายหรอกและฉันก็ไม่ต้องการนายเพื่อตามหาคัมภีร์แห่งความรู้ด้วย ฉันจะตามหามันด้วยตัวเอง”
คัมภีร์พวกนี้อาจจะทรงพลังมากๆก็จริง และมันก็อาจจะช่วยให้เลื่อนขั้นสู่ระดับตำนานได้จริง แล้วยังไงล่ะ? ลิงค์ มีความช่วยเหลือจากระบบเกมอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจะไม่มีทางเจอกับทางตันที่ทำให้เขาไม่สามารถไปต่อได้แน่ ตราบใดที่เขายังคงทำภารกิจที่เขาได้รับต่อไป เขาก็จะได้รับแต้มโอมนิที่ทำให้เขาแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นทำไมเขาถึงต้องทำเรื่องอะไรเสี่ยงๆอย่างการปล่อยตัว ดาริส ด้วยหล่ะ?
เมื่อเห็นท่าทางที่เย็นชาและไม่แยแสของ ลิงค์ ความกลัวในหัวใจของ ดาริส ก็ได้ละลายหายไปและกลายเป็นความเกลียดที่เดือดดาลแทน คำพูดที่ขุ่นเคืองใจออกมาจากปากของเขา ความดูถูกที่เขาเก็บไว้ภายในได้ระเบิดออกมาเป็นพายุของคำด่าทอ
“ฉันขอสาปแช่งนาย!” เขาเริ่มที่จะพูด “ฉันขอให้นายมีชีวิตที่โดดเดี่ยว!ฉันขอให้นายถูกหักหลังจากคนที่นายเชื่อใจมากที่สุด!ฉันขอให้…”
ปั๊ก!ด้วยความรวดเร็ว ลิงค์ ตีเข้าที่คอของ ดาริส และทำให้เขาสลบ
สาปแช่ง? นั่นอาจจะได้ผลในการทำให้คนธรรมดากลัว แต่สำหรับนักเวทย์แล้ว คำสาปมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากเสียงเห่าสุดท้ายของสุนัขใกล้ตาย
ไม่นานนักก็เริ่มมองเห็นประตูหน้าของสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟ ลิงค์ มาได้ค่อนข้างใกลเพราะผู้รักษาประตู วินเซนท์ กำลังอาบแดดอยู่ในสวนของเขา
วินเซนท์ ยังไม่ได้สังเกตเห็นพวกเขา
เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย ลิงค์ จึงหยุดใช้หมาป่าพายุ จากนั้นเขาก็ใช้มือแห่งนักเวทย์ในการพาดาริสเข้าไปในประตูของสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟ
เมื่อพวกเขาเข้ามาในประตู ในที่สุด วินเซนท์ ก็สังเกตเห็น ดาริส ที่ตัวดำและโดนเผา เขาลุกจากเก้าอี้และรีบพุ่งตรงมายังพวกเขา
“ลิงค์ ผู้เคราะห์ร้ายคนนี้เป็นใครกัน? เกิดอะไรขึ้นกับเขา?” วินเซนท์ ถาม
ลิงค์ ทำความเคารพ วินเซนท์ อย่างสุภาพเหมือนกับทุกที จากนั้นเขาก็พูด “ในตอนที่ผมเจอเขา เขาบอกผมว่าเขาคือ ดาริส หัวหน้าลูกศิษย์ของนักเวทย์เบล แต่อย่างที่คุณเห็นว่าสภาพเขาแย่แค่ไหน ดังนั้นผมจึงไม่แน่ใจว่าเขาใช่คนที่เขาอ้างว่าเขาเป็นรึเปล่า คุณวินเซนท์ ผมควรทำยังไงดีครับ?” ลิงค์ คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ฉลาดที่สุดที่จะแจ้งกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟว่าเบลกับ ดาริส กำลังทำอะไร มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเผยแพร่ข่าวให้คนอื่นรู้
วินเซนท์ ถึงกับตะลึงเมื่อเขาได้ยินชื่อ ดาริส? ไม่ใช่ว่าเขาเป็นนักเวทย์หนุ่มที่มีพรสวรรค์ของสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟหรอกเหรอ? แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ในสภาพที่น่าหวาดกลัวนี้ได้ล่ะ?
เขาแทบจะมองไม่ออกหรือจำได้เลย ดังนั้นจึงไม่แน่ใจว่าผู้ชายคนนี้เป็น ดาริส จริงๆรึเปล่า แต่ถ้าเกิดว่าเป็นเขาจริงๆ งั้นเขาก็ต้องถูกโจมตีจากนักเวทย์ที่แข็งแกร่งอย่างไม่สามารถจินตนาการได้แน่ๆ แต่ว่าใครในป่าเกอแวนท์ที่จะกล้าโจมตีนักเวทย์จากสถาบันเวทมนตร์อีสโควฟหล่ะ? เรื่องนี้มันแทบจะกลายเป็นเรื่องร้ายแรงได้เลย
วินเซนท์ คิดว่าเรื่องนี้มันร้ายแรงเกินกว่าที่เขาจะจัดการได้ เขาจะต้องนำเรื่องนี้ไปเสนอกับผู้อาวุโส “นายรอฉันอยู่ที่นี่นะ” เขาบอกกับ ลิงค์ “ฉันจะไปรายงานเรื่องนี้กับผู้อาวุโส!”
แม้ว่ามันจะเป็นความตั้งใจของ ลิงค์ ที่จะบอกผู้อาวุโสเรื่องที่ว่า เบล กับ ดาริส มีส่วนเกี่ยวข้องกับเวทมนตร์แห่งความมืด แต่ว่าเขายังไม่สามารถปล่อยให้ วินเซนท์ ไปหาผู้อาวุโสตอนนี้ได้ ผู้อาวุโสไม่เคยเจอ ลิงค์ และไม่เคยสงสัย เบล เลย ถ้าเกิดว่าทั้งหมดมันมาจากคำพูดของเขา ลิงค์ กลัวว่าผู้อาวุโสจะปล่อยให้เรื่องทั้งหมดที่เขาพูดเป็นเรื่องไรสาระ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเขารีบเกินไป ข่าวอาจจะรั่วไปถึง เบล และทำให้เขาหนีก่อนที่จะไปถึงตัวเขาได้
และมันก็เป็นไปได้ว่า วินเซนท์ อาจจะคิดช่วยเหลือ เบล และแจ้ง เบล ให้ทราบถึงสถานการณ์ก่อน
และนั่นก็เป็นความเป็นไปได้หนึ่งที่จะเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น มันยังมีทางอื่นอีกนับไม่ถ้วนที่อาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้
แต่ ลิงค์ ได้เตรียมตัวสำหรับเรื่องทั้งหมดมาแล้ว เขาก้าวไปข้างหน้า และหยุด วินเซนท์ เอาไว้
“คุณวินเซนท์ รอก่อน ผมคิดว่ามันจะดีกว่าที่จะยังไม่ไปแจ้งผู้อาวุโสตอนนี้ พวกเราจะไม่ปล่อยให้คนอื่นรู้เรื่องนี้ด้วย ในกรณีที่นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด คนๆนี้อาจจะไม่ใช่ ดาริส จริงๆก็ได้ และนั้นจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่ได้นะครับ”
วินเซนท์ รู้สึกตัวว่าการกระทำของเขามันบุ่มบ่ามเกินไป ลิงค์ พูดถูก เมื่อเขาพิจารณามันอย่างระมัดระวัง มันไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเลยจริงๆที่จะตรงไปหาผู้อาวุโส เขาเป็นผู้เฝ้าประตูถ้าเกิดว่าเรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิด มันจะทำให้ความผิดตกลงมาอยู่ที่เขา-และเขาไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น!
เขาพอใจกับตำแหน่งปัจจุบันของเขาในฐานะผู้เฝ้าประตูซึ่งทำงานได้ง่ายและเขาก็ต้องการสูดอากาศข้างนอกเหมือนกัน เขาวางแผนที่จะทำงานในตำแหน่งนี้จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตถ้าเป็นไปได้ เขาจะไม่ทำอะไรที่อาจทำให้ตำแหน่งของเขามีความเสี่ยงเด็ดขาด
“ถ้างั้น พวกเราจะทำยังไงดีหล่ะ?” วินเซนท์ ถาม
“ไม่ใช่ว่านักเวทย์ มอยร่า เป็นลูกศิษย์คนโปรดของผู้อาวุโสเหรอครับ? เธอใจดีและสุภาพด้วย ดังนั้นผมคิดว่าคุณควรจะไปหาเธอก่อน แม้ว่านี่มันอาจจะกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ผมมั่นใจว่าเธอจะไม่กล่าวหาคุณแน่ๆ ถ้าเกิดว่ามันไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด เธอก็จะสามารถรายงานมันให้กับผู้อาวุโสได้อย่างรวดเร็วไม่ล่าช้า คุณเห็นด้วยมั้ยครับ?”
วินเซนท์ ตีต้นขาของตัวเองในทันทีที่ได้ยิน ลิงค์ อธิบาย
“นายพูดถูก ฉันจะไปหา มอยร่า ตอนนี้เลย!”เขาพูด
เขารีบเข้าไปในสถาบันและมุ่งตรงไปที่หอคอยเวทมนตร์ของมอยร่า