AtW ตอนที่ 97 พิธีมอบตําแหน่ง
ในที่สุดก็ถึงวันงานแห่งการมอบตําแหน่งตอนนี้ขุนนางทั้งหลายได้แต่ประหลาดใจกับลอร์ดมาแชลที่กําลังเดินไปตามถนนไทรอัมพ์แห่งนี้เกราะทอรัสทองคําของเขาส่องประกายสะท้องแสงของดวงตะวันทําให้ทั่วบริเวณนั้นเต็มไปด้วยแสงอาทิตย์ประกายแสงสีทองได้ล้อมรอบปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้แต่ขนของม้าศึกที่ลอร์ดมาแชลได้ขอยู่นั้นก็ยังคงถูกย้อมไปเป็นสีทองเช่นกัน
ม้าศึกที่อาเบลกําลังขอยู่นั้นกําลังเดินตามลอร์ดมาแชลมาอย่างติดๆด้านหลังของอาเบลมีม้าศึกแก่อยู่สองตัวคนที่ขี่ม้าศึกทั้งสองตัวนั้นคือพ่อบ้านทั้งสองคนนั่นเองวันนี้เป็นวันแห่งเกียรติยศของลอร์ดมาแชลแม้ว่ามันจะเป็นวันของอาเบลด้วยก็ตามทีแต่ตอนนี้อาเบลก็ไม่ได้สนใจอะไรกับตําแหน่งลอร์ดอยู่ดีอาเบลได้มีฉายาอย่างปรมาจารย์ช่างดีเหล็กรวมไปถึงอัศวินระดับกลางแล้วสถานะที่ตัวเขาได้มีในตอนนี้มันยิ่งใหญ่เกินกว่าตําแหน่งลอร์ดไปแล้ว
พระราชวังของกษัตริย์ที่เมืองเบกองนั้นไม่ได้ดูหรูหราอย่างที่อาเบลได้เคยจินตนาการภาพเอาไว้นอกจากนี้เองบนผนังกําแพงนั้นยังถูกสร้างมาจากวัสดุสีขาวเช่นเคยแน่นอนว่าหลังคาของพระ ราชวังนี้เองยังถูกปไปด้วยกระเบื้องสีแดงเช่นเดียวกับอาคารบ้านเรือนด้านนอกสิ่งเดียวที่อาเบลจะสามารถสังเกตเห็นได้ว่ามันแตกต่างจากอาคารอื่นๆนั้นคือโครงสร้างของพระราชวังนี้ดูใหญ่โตเป็นอย่างมากจากคําแนะนําของเหล่าสาวกผู้รับใช้ภายในราชวังทําให้อาเบลและลอร์ดมาแชลรู้ว่าที่นี่เป็นเหมือนกับศูนย์กลางที่อยู่ของดยุคคาร์เมลนั่นเองโดยพระราชวังแห่งนี้นั้นมีพลังอํานาจมากที่สุดแล้ว
ที่ทางประตูทางเข้าหลักของรพระราชวังนี้เองมีทางเดินยาวสีขาวทอดตรงปรากฏขึ้นทันทีหลังจากที่ประตูของพระราชวังนั้นถูกเปิดขึ้นที่ทางเดินทอดยาวเองมีรูปปั้นอัศวินทั้ง 12 รูปอยู่ตามทางเดิน พ่อบ้านเคนได้กระซิบกับอาเบลอย่างเบาๆ ว่า “รูปปั้นพวกนี้คืออัศวินทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อตั้งประเทศนี้ขึ้นมาในสมัยอดีตโดยรูปปั้นอัศวินรูปปั้นที่ 3 นี้เองเป็นบรรพบุรุษของตระกูลแฮรี่ครับ”
เส้นทางสีขาวนี้เองจะนําทางเหล่าผู้มาเยือนทั้งหลายนั้นไปถึงห้องประชุมของพระราชวังโดยตรงได้ห้องประชุมของพระราชวังนี้เองจะเป็นสถานที่สําหรับการมอบของรางวัลรวมไปถึงตําแหน่งของพวกขุนนางเมื่อลอร์ดมาแชลและอาเบลเดินทางมาถึงห้องประชุม ขุนนางทั้งหลายรวมไปถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องนั้นได้เริ่มทยอยเข้าสู่ห้องประชุมอย่างช้าๆเช่นเดียวกัน
ห้องประชุมของพระราชวังนี้เองดูหรูหรากว่าภายนอกพระราชวังที่อาเบลเห็นมามากความรู้สึกแรกของอาเบลที่ได้ก้าวเท้าเข้ามาในห้องประชุมแห่งนี้ในครั้งแรกเหมือนกับตัวเขานั้นถูกพลังแห่งแสงสีทองจู่โจมเข้าเต็มๆผนังและเสาของพระราชวังนั้นเต็มไปด้วยการสลักลวดลายต่างๆมากมายลวดลายทั้งหมดที่ถูกสลักขึ้นล้วนแต่มีสีทองด้วยกันทั้งนั้นแม้แต่คริสตัลที่ให้ความสว่างไสวเองก็มีแสงสีทองเช่นเดียวกัน
ผนังเพดานของห้องประชุมนี้สูงถึง 30 เมตรด้วยกันแน่นอนว่าบนเพดานนั้นเต็มไปด้วยภาพวาดที่ดูทรงคุณค่าอีกด้วยภาพวาดนั้นเองเป็นภาพวาดของการต่อสู้ระหว่างเทพเจ้ากับวิญญาณอันชั่วร้าย
พื้นของพระราชวังนี้เองทํามาจากวัสดุที่มีสีทองเข้มมันถูกขัดมาเป็นอย่างดีจนกระทั่งวัสดุชิ้นนั้นได้เหมือนกับเงางามเหมือนกับกระจกไปใครก็ตามที่มองไปที่วัสดุอันนั้นจะต้องมองเห็นภาพสะท้อนของตัวเองอย่างชัดเจนด้วยสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเองทําให้ห้องประชุมแห่งนี้เต็มไปด้วยแสงระยิบระยับสีทองมากยิ่งขึ้น
เกราะทอรัสทองคําของลอร์ดมาแชลเองก็ดูเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมภายในห้องประชุมแห่งนี้เช่นเดียวกันถ้าหาก ไม่ได้สังเกตดีๆแล้วละก็อาจจะมีคนเข้าใจผิดได้ว่าลอร์ดมาแชลเป็นรูปปั้นของห้องๆ นี้ก็เป็นได้
“มาแชล ทําไมนายไม่กลับไปเยี่ยมครอบครัวของนายบ้างล่ะ?” ชายชรารูปร่างหน้าตาดีคนหนึ่งได้พูดขึ้นมาเขาคนนี้ดูมีท่าทางรวมไปถึงหน้าตาคล้ายคลึงกับลอร์ดมาแชลเป็นอย่างมากจากวิธีที่ใช้พูดนี้เองแสดงให้เห็นว่าเขาคนนี้ไม่เพียงแต่รู้จักลอร์ดมาแชลเท่านั้นเขายังสนิทกับลอร์ดมาแชลอีกด้วย
“พ่อ!” ลอร์ดมาแชลส่งเสียงเรียกออกไปการแสดงออกของลอร์ดมาแชลทําให้อาเบลรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากทุกครั้งที่ลอร์ดมาแชลพูดถึงครอบครัวของตัวเองที่อยู่ในเมืองเบกองแห่งนี้เขามักจะพูดว่าตัวเขานั้นถูกขับไล่ออกมาจากครอบครัวแล้วนั่นเองแต่น้ำเสียงที่ลอร์ดมาแชลใช้เรียกพ่อของตัวเองครู่นี้เป็นเหมือนกับเสียงของหนูตัวเล็กๆที่กําลังเกรงกลัวแมวน้ำเสียงที่ลอร์ดมาแชลใช้เรียกพ่อนั้นเต็มไปด้วยความนิ่มนวลและความเคารพอย่างไม่ต้องสงสัยดูเหมือนว่าความภาคภูมิใจในสมัยอดีตของเขานั้นจะต้องถูกทําลายไปในเพียงการเรียกเพียงครั้งเดียว
“ยืนตรงซะดูตัวเองเข้าสิตอนนี้นายเป็นผู้นําของครอบครัวคนใหม่แล้วไม่ใช่หรอ”
ชายชราคนนั้นได้พูดขึ้นมาในระหว่างที่พูดนั้นเขาตบไปที่หลังของลอร์ดมาแชลอย่างรุนแรงในตอนแรกนั้นลอร์ดมาแชลได้โค้งคํานับให้กับผู้เป็นพ่อทันใดนั้นเขาก็หลังตรงขึ้นมาในทันทีชายชราคนนั้นยังคงพูดต่อไปว่า”นายทําได้ดีมากแล้วและในตอนนี้นายจะได้รับตําแหน่งลอร์ดอีกที่ผ่านมาไม่เลวเลยนะถ้านายมีเวลาว่างแล้วละก็ไปเยี่ยมแม่ของนายซะด้วยล่ะ”
หลังจากที่พูดกับลอร์ดมาเสร็จชายชราคนนี้ก็ได้หันมาหาอาเบลก่อนที่จะพูดกับเขาว่า”นายคงต้องเป็นอาเบลแน่นอนฉันบรูคเป็นเอิร์ลแห่งตระกูลแฮรี่ฉันเป็นพ่อของมาแชลเองดังนั้นตอนนี้พวกเราก็เป็นเหมือนกับครอบครัวเดียวกันละนะ!”เอิร์ลบรูคได้ทําตัวกับอาเบลเอาไว้ราวกับว่าเขานั้นเป็นลูกชายแท้ๆของตัวเองในตอนนี้ลอร์ดมาแชลได้กลายเป็นคนแปลกหน้าไปในสายตาของชายชราคนนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“คุณปู่บรูค ผมหวังว่าคุณจะสบายดีนะครับ” อาเบลพูดทักทายบรูคก่อนที่จะโค้งคํานับให้
“พวกเราเป็นครอบครัวกันนะไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นหรอก!”เอิร์ลบรคได้พูดกับอาเบลก่อนที่จะยิ้มเสริมให้กับเขา
เอิร์ลบรูคหันหน้าของเขาไปมองรอบๆกับห้องโถงตอนนี้มีขุนนางยังเดินทางมาถึงไม่มากเท่าไรนักดังนั้นตอนนี้จึงไม่ได้มีใครสนใจอะไรพวกอาเบลบรูคได้หันกลับมาหาลอร์ดมาแชลก่อนที่จะพูดต่อไป”นายยังคงเป็นคนใจร้อนเหมือนเมื่อตอนนายยังเด็กอยู่สินะ นายมาถึงเมืองเบกองในเวลาแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
“พ่อครับ เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?”ลอร์ดมาแชลถามออกไปด้วยความสับสน
เอิร์ลบรูคไม่ได้อธิบายรายละเอียดให้กับลอร์ดมาแชลได้ฟังมากนักเขาเพียงแค่พูดออกไปโดยตรงเพียงเท่านั้น “หลังจากที่เสร็จพิธีแล้วอย่าอยู่ที่เมืองเบกองนานจนเกินไปล่ะ”
อาเบลมองไปที่เอิร์ลบรูค ตอนนี้สีหน้าท่าทางของเขานั้นจริงจังเป็นอย่างมากดูเหมือนว่าต่อจากนี้ไปจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นที่เมืองเบกองอย่างแน่นอน
“กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งท่านดยุคคาร์เมลกษัตริย์อาสเตอร์จอร์จมาถึงแล้ว!”
หลังจากที่ได้ยินเสียงเตือนที่ดังขึ้น เหล่าข้าราชสํานักรวมไปถึงขุนนางทุกคนในห้องโถงก็ต่างหยุดพูดก่อนที่จะกลับไปที่นั่งของพวกเขาอย่างรวดเร็วมีเพียงผู้ทรงเกียรติทั้ง 5 คนเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ตรงใจกลางห้องห้องนี้
กษัตริย์อาสเตอร์จอร์จได้เดินตรงเข้าสู่ห้องโถงสําหรับการประชุมไปเป็นที่ เรียบร้อยแล้วตอนนี้เขากําลังสวมชุดสูทผ้าไหมสีแดงพร้อมกับกําลังสวมใส่เสื้อคลุมสีแดงเข้มอยู่ในเวลานี้ทุกคนในห้องโถงในยืนขึ้นเพื่อทําความเคารพกษัตริย์ก่อนที่จะนั่งลงในเวลาต่อมา
อาเบลสังเกตว่ากษัตริย์คนนี้ก็คงจะไม่ได้ดูยิ่งใหญ่อะไรมากนัก ด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่นในตัวอาเบลนั้นทําให้เขาสามารถสัมผัสได้ว่าไฟแห่งพลังชีวิตของกษัตริย์คนนี้กําลังอ่อนแอลงและค่อยๆ จางหายไปเรื่อยๆ
“อัศวินมาแชล แฮรี่ จงรับตําแหน่งลอร์ดอันทรงเกียรติไปซะ!” ข้าราชสํานักได้ประกาศขึ้นมาอย่างชุดเจน
ลอร์ดมาแชลที่ตอนนี้กําลังสวมใส่ชุดเกราะทองคําอยู่กําลังเดินออกไปข้างหน้าคนนับพันคนนั้นได้แต่มองดูชุดเกราะที่ดูสง่างามชุดเกราะนี้ของลอร์ดมาแชลหลังจากที่ก้าวมาข้างหน้าแล้วเขา ก็ได้คุกเข่าลงก่อนที่จะทําความเคารพกษัตริย์อาสเตอร์ท่าทางตอนที่ลอร์ดมาแชลนั้นดูสง่างามและสงบเยือกเย็นในเวลาเดียวกัน
กษัตริย์อาสเตอร์ได้ยืนขึ้น ตอนนี้เขาหยิบดาบยาวเล่มหนึ่งมาจากข้าราชสํานักกษัตริย์ทรงใช้ดาบยาวเล่มนั้นแตะไปที่ลอร์ดมาแชลอย่างเบามือจากนั้นพระองค์ก็ได้ทรงพูดออกมาว่า”ลอร์ดมาแชลเอ๋ยเจ้าจงตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายและทําตามความฝันของเจ้าให้เป็นจริงซะ!”
ลอร์ดมาแชลเงยหน้าขึ้นมาก่อนที่จะตะโกนออกไปอย่างนักแน่นว่า “ผมขอสัญญาว่าจะภักดีต่อองค์กษัตริย์”
สําหรับลอร์ดมาแชลแล้วช่วงเวลานี้เป็นเหมือนกับช่วงเวลาที่สําคัญที่สุดอีกช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตของเขาก็ว่าได้แต่ถึงจะเป็นช่วงเวลาสําคัญแค่ไหนก็ตามแต่ช่วงเวลานี้เองก็จบลงไปอย่าง รวดเร็วเกินกว่าที่ลอร์ดมาแชลนั้นจะจินตนาการไว้มากกษัตริย์อาสเตอร์ใช้แค่ดาบของเขาแตะไปที่ไหล่ขอบลอร์ดมาแชลก่อนที่จะพูดคําเพียงไม่กี่คําออกมาเท่านั้นเขา
ในทางตรงกันข้ามนั้นอาเบลไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรกับพิธีมอบตําแหน่งแบบนี้เลยเขารู้ดีอยู่แล้วว่าพิธีการมอบตําแหน่งแบบนี้เป็นเพียงการแสดงพลังอํานาจของกษัตริย์ในการควบคุมคนของเขา เพียงแค่นั้นการแตะไหล่ด้วยดาบนั้นหมายความว่ากษัตริย์คนนั้นได้เอาชนะผู้ทรงเกียรติไปแล้วนั่นเองและแน่นอนว่ากษัตริย์นั้นจะสามารถฆ่าใครก็ได้ที่คิดไม่ภักดีต่อตัวเขาเอง
หลังจากที่มอบตําแหน่งให้กับผู้ทรงเกียรติอีก 3 คน อาเบลก็เป็นคนต่อไปที่จะรับตําแหน่งอาเบลได้คุกเข่าของเขาลงต่อหน้าพระราชาตอนนี้ชุดเกราะที่อาเบลกําลังสวมใส่อยู่เป็นชุดเกราะสีฟ้าทั้ง ตัว
เมื่อกษัตริย์อาสเตอร์ได้ใช้ดาบยาวเล่มเดิมแตะไปที่ไหล่ของอาเบลอาเบลก็รู้ได้ทันทีว่ามือของชายชราคนนี้กําลังสั่นคลอนอยู่ดูเหมือนว่าพิธีการมอบตําแหน่งนี้คงจะใช้พละกําลังร่างกายจาก ชายชราผู้อ่อนแอคนนี้มากเกินไป
ก่อนที่จะได้รับมอบตําแหน่งอย่างเป็นทางการ กษัตริย์องค์นี้ก็ได้พูดอะไรบางอย่างกับอาเบลเอาไว้ “ท่านปรมาจารย์อาเบลท่านเป็นเหมือนกับนกอินทรีที่ยังคงมีอายุน้อยที่อยู่ภายใต้การปกครอง ของดยุคคาร์เมลแน่นอนว่าท่านนั้นจะต้องเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอนได้โปรดจําเอาไว้ว่านับตั้งแต่จากนี้เป็นต้นไปท่านได้เป็นขุนนางภายใต้การปกครองของดยุคคาร์เมลแล้ว!”จากนั้นกษัตริย์ก็ทรงพูดต่อไปว่า”ท่านปรมาจารย์อาเบลขอให้ท่านนั้นตื่นจากฝันร้ายและทําตามความฝันให้เป็นจริงซะ!”
อาเบลได้ตะโกนอย่างเสียงดังต่อไปในทันที”ผมขอสัญญาว่าจะภักดีต่อองค์กษัตริย์”
เสียงที่ฟังได้ตะโกนออกมาก่อนหน้านี้จะต้องเป็นเสียงวัยรุ่นอย่างไม่ต้องสงสัยทันใดนั้นเองห้องประชุมห้องนี้ก็เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยในทันทีดูเหมือนว่าจะมีลอร์ดที่อายุยังน้อยนั้นเข้ารับตําแหน่งในพิธีครั้งนี้ด้วย
กษัตริย์อาสเตอร์ได้ดึงดาบยาวเล่มนั้นกลับมาที่ตัวเองตอนนี้อาเบลกําลังสวมใส่เสื้อคลุมที่มีตราสัญลักษณ์เป็นรูปมังกรส่วนพื้นหลังของสัญลักษณ์นั้นเป็นสีดํานั่นเอง
ตราสัญลักษณ์เสื้อคลุมที่อาเบลกําลังสวมใส่อยู่นั้นถูกออกแบบด้วยตัวเขาเองก่อนที่จะถูกสร้างขึ้นโดยข้าราชสํานักของพระราชวังแห่งนี้ไม่สําคัญเลยว่าจะต้องมีคําอธิบายใดๆสุดท้ายแล้วอาเบลก็เป็นเหมือนกับลูกลานของมังกรเสมอมานั่นเป็นเหตุผลที่ว่าอาเบลตัดสินใจที่จะใช้มังกรในแบบของประเทศจีนเป็นสัญลักษณ์บนเสื้อคลุมของเขาไป
เมื่ออาเบลและลอร์ดมาแชลออกจากพระราชวังไปตัวเขานั้นก็สังเกตเห็นว่าท้องฟ้าในตอนนี้กําลังเต็มไปด้วยเมฆหมอกสีดําสนิท เมื่ออาเบลหันกลับไปที่ถนนไทรอัมพ์เสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นในทันที หลังจากเสียงฟ้าร้องดังขึ้นสายฟ้าก็ได้ฟาดลงมาลงจากท้องฟาต่อไป
พลังแห่งความมุ่งมั่นของอาเบลในตอนนี้กําลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายอาเบลรู้สึกว่ากําลังมีอะไรบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ดีเกิดขึ้นที่เมืองแห่งนี้อย่างแน่นอน
ตอนนี้อาเบลกําลังหาว่าเมฆาสีขาวอยู่ที่ไหนกันแน่หลังจากที่รู้ตําแหน่งแล้วดูเหมือนว่ามันกําลังจะบินอยู่บนท้องฟ้าโดยที่ไกลจากเมืองเบกองเมืองนี้ไป 10 ไมล์ถ้าหากอาเบลตั้งใจที่จะกลับโดยใช้เมฆาสีขาวอาจจะไม่เจอปัญหาอะไรก็เป็นได้ตอนนี้เขากังวลอยู่ อย่างเดียวว่าจะมีใครบางคนรู้ว่าเมฆาสีขาวนั้นมีตัวตนมากกว่า
อาเบลได้แต่เพิ่มการป้องกันตัวให้มากขึ้นเป็นสองเท่าเขาสั่งให้อัศวินรับใช้ทั้ง 20 คนรวมไปถึงนักรบเกราะดําอีก 10 คนลาดตระเวนรอบโรงแรมจนกว่าอาเบลพลังแห่งความมุ่งมั่นของตัวอาเบลเองจะสงบลง
พายุฝนได้ถูกพัดผ่านมาที่เมืองเบกองตลอดทั้งคืนวันนั้น ตอนนี้เมืองทั้งเมืองเหมือนกับกําลังร้องไห้อยู่ยังไงยังงั้นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดนั้นได้ปกคลุมไปทั่วเมืองเบกองแห่งนี้ไปจะทั่วซะแล้ว
MANGA DISCUSSION