นิยาย Abe the Wizard (AtW) AtW ตอนที่ 95 ของขวัญจากผู้บัญชาการ
AtW ตอนที่ 95 ของขวัญจากผู้บัญชา
“นายได้ยินข่าวลือนั้นไหม?มีอัศวินระดับกลางปรากฏตัวขึ้นที่เมืองมาร์วาพร้อมกับเอลฟ์และหมาป่านั้นน่ะดูเหมือนว่าไอหมอนั้นมันจะรวยเป็นบ้า!”ตอนนี้ข่าวเริ่มแพร่กระจายไปทั่วเมืองมาร์ว่าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วทุกคนที่ได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้ต่างก็พูดกันเกินจริงไปมาก
–
ในปัจจุบันได้มีกลุ่มทหารรับจ้างนั้นกําลังรวมตัวกันอยู่ในเมืองมาร์วาเมืองนี้อยู่พวกกลุ่มทหารรับจ้างนั้นบางทีก็จะทํางานร่วมกับพวกโจรเพื่อจะทําเรื่องที่ผิดศีลธรรมต่างๆนาๆขึ้นมาแต่แน่นอนว่าพวกทหารรับจ้างนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอัศวินระดับกลางเลยแม้แต่น้อย แต่ในท้ายที่สุดแล้วก็ยังมีทหารรับจ้างที่มีความโลภมากกว่าคนอื่นๆกล้าที่จะโจมตีเหล่าขุนนางอยู่ดี
“นายท่าน ตอนนี้มีอัศวินระดับกลางปรากฏตัวขึ้นที่เมืองมาร์วา เขาคนนั้นเดินมทางมาพร้อมกับเอลฟ์และก็หมาป่าอีกด้วยทั้งเอลฟ์และหมาป่านี้มันมีค่ามากเลยนะครับท่าน”ข่าวการเดินทางขอ งอาเบลนั้นได้ไปถึงหูของหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มพายุทรายแห่งเมืองมาร์วาไปเป็นที่เรียบร้อย
กลุ่มทหารชั้นสูงซูมกําลังคํานวณอยู่ว่า พวกเขาจะสามารถโจมตีรถม้าของพวกอัศวินได้ไหม… “เอลฟ์ที่มากับกลุ่มการเดินทางมีมูลค่าหลายหมื่นเหรียญทองอย่างไม่ต้องสงสัยส่วนหมาป่าที่เป็น สัตว์ขี่นั้นตํานานได้เล่าเอาไว้ว่าเมื่อมันได้เจอกับเจ้านายที่แท้จริงของมันแล้วมันจะไม่หาเจ้านายคนใหม่ไปตลอดนอกจากนี้เองยังมีสิ่งของที่มีมูลค่ามากมายมากับการเดินทางครั้งนี้ด้วย”
“ถ้าหากนายอยากจะฆ่าอัศวินแบบนี้ แล้วละก็นายจะต้องเก็บกวาดงานให้เรียบร้อยละนะนายจะต้องไม่ทิ้งหลักฐานใดๆ ให้เหลืออยู่อีกต่อไปถ้าหากพวกศาลชั้นสูงของพวกขุนนางนั้นรู้เรื่องนี้เข้า พวกเราจะต้องเจอกับจุดจบที่ไม่ดีอย่างแน่นอนและตอนนี้พวกเราเองยังสูญเสียทหารรับจ้างไปอีกหลายคนแต่ถ้าหากงานนี้สําเร็จ พวกเราจะได้ทองหลายหมื่นเหรียญแน่นอน”
พวกมันเป็นแค่อัศวินระดับกลางเท่านั้นเองสําหรับทหารชั้นสูงอย่างฮมแล้วเขาไม่คิดดเลยว่าอัศวินระดับกลางนั้นจะมีพลังการต่อสู้ที่มากกว่าตัวเองไปได้นอกเหนือจากนี้เองยังมีทหารรับจ้างคนอื่นๆอีกหลายคนที่สามารถจัดการกับอัศวินระดับกลางได้ดังนั้นเรื่องอัศวินระ ดับกลางเองจึงไม่ได้เป็นปัญหาอะไร มากนัก
“เอาล่ะ พวกเราลงมือทําได้!” ทหาร ชั้นสูงซูมได้เริ่มจัดเตรียมกองกําลังของตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมสําหรับการโจมตีนั่นเอง
เมืองมาร์วานั้นแตกต่างจากเมืองฮาเวสอย่างสิ้นเชิงเมืองฮาเวสเป็นเมืองที่มีกองทัพและพลังอํานาจทางการทหารอยู่ในมือของไวเคานต์ดึกเคนแต่เพียงผู้เดียวส่วนเมืองมาร์วานั้นมีกองกําลังทหารครึ่งหนึ่งอยู่ในการสั่งการในมือของหัวหน้าผู้บัญชาการฮอปกินนั่นเองส่วนกองกําลังทหารอีกครึ่งหนึ่งนั้นอยู่ในมือของท่านเจ้าเมือง
หัวหน้าผู้บัญชาการฮอปกินตอนนี้เขาได้ฟังรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วดูเหมือนว่าตอนนี้กําลังมีข่าวลือที่ถูกพูดกันอยู่ในเมืองมาร์วาอยู่เมื่อฮอปกินได้ยินว่าเขา คนนั้นมีหมาป่าอยู่ฮอปกินก็หัวเราะออกมาทันทีพร้อมกับพูดว่า”ดูเหมือนว่าเพื่อนรักของฉันจะมาที่เมืองมาร์วาสินะช่างน่าอับอายอะไรแบบนี้ที่เขาไม่ได้มาเยี่ยมเยียนฉันแบบนี้”
หัวหน้าผู้บัญชาการฮอปกินได้หันมาพูดกับพ่อบ้านของเขาเอง “ช่วยส่งคนไปตรวจสอบที่ว่าใครกันที่กล้าปล่อยข่าวลือแบบนี้เพื่อทําร้ายแขกผู้มีเกียรติของฉันกัน”
บทสนทนาที่ฮอปกินได้เอยขึ้นถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยความรู้สึกสบายๆ แต่ เมื่อพ่อบ้านคนนั้นโค้งคํานับเพื่อรับคําสั่งตัวเขากับลูกน้องคนอื่นๆก็รู้ได้ทันทีว่าจะต้องทําอะไรต่อไปพ่อบ้านคนนี้เข้า ใจความหมายของคําสั่งฮอปกินดีฮอปกนมีเป้าหมายที่จะจัดการกับคนที่ปล่อยข่าวคนนี้นั่นเอง
ตอนนี้ฮอปกินเริ่มสงสัยขึ้นมาทุกทีแล้วข่าวลือเพียงข่าวเดียวแบบนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะกระตุ้นให้พวกคนโลภนั้นสังหารอาเบลได้
ในตอนนี้หัวหน้าผู้บัญชาการฮอปกินต์ องการที่จะเป็นเพื่อนกับอาเบลการที่จะเป็นเพื่อนกับปรมจารย์ช่างตีเหล็กอัจฉริ ยะแบบนี้ได้ทางตัวฮอปกินเองจะต้องได้ผลประโยชน์ในอนาคตอย่างแน่นอน
และนอกเหนือจากการผูกมิตรเองฮอ ปกินยังได้สัญญากับอาเบลต่อหน้าลิ้กเคนว่าจะต้อนรับอาเบลอย่างดีถ้าเขามา
ที่เมืองมาร์วาแห่งนี้ ถ้าหากอาเบลถูก โจมตีที่เมืองมาร์วาเข้า ไม่ว่าอาเบลจะได้รับอันตรายไหมแต่ฮอปกินจะต้องเสียหน้าอย่างแน่นอนถ้าในอนาคตพวกเขาทั้งสองคนพบหน้ากันอีกครั้งฮอปกินจะต้องถูกดึกเคนล้อเลียนอย่างแน่นอนที่ไม่สามารถปกป้องอาเบลไว้ได้
“ได้เลยครับ นายท่าน” พ่อบ้านได้โค้ง คํานับก่อนจะเดินจากไป
ในเมืองที่เงียบสงบอย่างเมืองมาร์วา พายุกําลังจะก่อนตัวขึ้นมาอย่างช้าๆตอนนี้พวกทหารรับจ้างกําลังใช้เส้นสาย ที่พวกเขามีนั้นในการหาข่าวกรองต่างๆการหาข่าวกรองรวมไปถึงช่องทางต่างๆเอาไว้ให้ได้มากที่สุดจะทําให้พวกเขาไม่ถูกศาลของเหล่าขุนนางจับได้นั่นเอง
ในเวลาเดียวกันนั้นเองอาเบลที่กําลังพักผ่อนอยู่ในห้องได้ดื่มยาเสริมพลังที่ตัวเขานั้นพกมาด้วยตอนนี้เขาได้ดื่มยาเสริมพลังไปกว่า 70 ขวดแล้วแต่ถึงจะเป็นแบบนั้นอาเบลเองก็ยังไม่ชินกับรส ชาติอยู่ดีรสชาติของยาเสริมพลังระดับสุดยอดนี้เป็นเหมือนกับขยะดีๆนี้เองที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าสิ่งนี้คือยานั่นเองแม้ว่ายาเสริมพลังนี้จะถูกยกระดับจนเป็นระดับสุดยอดได้ แต่ดูเหมือนว่ารสชาติของมันจะไม่ได้ดูดีขึ้นมาบ้างเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้อาเบลมีประสบการณ์ในการดื่มยาเสริมพลังมากขึ้นแล้วตัวเขานั้นได้เทยาเสริมพลังลงไปในคอโดยตรงการทําแบบนี้จะทําให้ตัวเขาไม่ต้องลิ้มรสชาติของยานั่นเอง
หลังจากที่กลืนยาเสริมพลังไปแล้ว ร่างกายของอาเบลก็เต็มไปด้วยผลของยาที่กําลังกระจายไปทั่วร่างกายการที่หยุดพักกินยาเสริมพลังไปถึง 5 วันนั้นทําให้จุดกระตุ้นพลังลมปราณในร่างกาย ของอาเบลบีบอัดพลังลมปราณสีทองของตัวเขามากกว่าเดิมทุกครั้งที่พลังลมปราณสีทองพุ่งผ่านร่างกายของเขาไปอาเบลก็จะรู้สึกแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นใน 5 วันที่ผ่านมานี้เองอาเบลจึงสามารถ สัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าตัวเขานั้นกําลังแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้วัดความแข็งแกร่งของตัวเองด้วยพละกําลังก็ตามแต่อาเบลก็มั่นใจว่าพลังของเขาจะต้องเพิ่มขึ้นมาอย่าง น้อยๆ 10 เปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน
ลอเรนที่กําลังนั่งอยู่ใกล้ๆกับอาเบลสงสัยว่าอาเบลนั้นกําลังดื่มอะไรตลอดการเดินทางแต่เขาก็ไม่เคยอธิบายอะไรให้กับเอลฟ์สาวคนนี้ได้ฟังเลยแต่เนื่องจากความชาญฉลาดที่มีอยู่แล้วของพวกเอลฟ์นั้นทําให้ลอเรนเข้าใจดีว่ามันคืออะไรเธอได้แต่มองออกไปที่นอกหน้าต่างของโรงแรมนี้สายตาของเธอนั้นกําลังมองตรงไปที่ถนนด้านนอก
ผลของการกินยาเสริมพลังในร่างกายของอาเบลนั้นเริ่มลดลงจนสงบลงอีกครั้งเขาได้ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนที่จะจ้องมองไปทางลอเรน หลังจากที่มองลอเรนได้พักหนึ่งอาเบลก็พยายามที่จะต้องกลั้นหัวเราะเอาไว้ใครจะไปรู้ว่าเอลฟ์อย่างลอเรนนั้นก็มีความปรารถนาอันแรงกล้าในการที่จะช็อปปิ้งเหมือนกับมนุษย์
“ลอเรนเธออยากที่จะไปซื้อของในเมืองมาร์วาสินะ?”อาเบลถามลอเรนตรงๆ
ปากของลอเรนที่โค้งเล็กน้อยไม่ได้ตอบอะไรเขาแต่ลอเรนเลือกที่จะพยักหน้าเพื่อตอบรับแทน ตอนนี้เธอดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
หลังจากที่ตกลงกันได้อาเบลก็ได้ออกจากโรงแรมแห่งนี้ไปตอนนี้ไม่เพียงแต่ลอเรนเท่านั้นแต่ลมทมิฬเองก็ออกมาจากโรงแรมเช่นเดียวกับอาเบลและในตอนที่อาเบลได้พาลมทมิฬไปด้วยนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะพาอัศวินรับใช้ทั้ง 6คนตามพวกเขาไปด้วย
ในเวลานี้เป็นเวลายามเย็นแล้วนั่นเองอาเบลไม่รู้สึกร้อนอีกต่อไป เวลาแบบนี้คงเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้วที่จะไปเดินในเมืองมาร์วา
อาเบลคิดเอาไว้ว่าลอเรนคงไม่สามารถที่จะขี่ม้าได้ดังนั้นแล้วเขาจึงวางแผนที่จะพาลอเรนไปกับรถม้านั่นเองแต่เมื่ออาเบลได้ถามลอเรนแล้วเขาก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเอลฟ์นั้นสามารถที่จะติดต่อสื่อสารกับพวกสัตว์ต่างๆได้
ในระหว่างการเยี่ยมชมเมืองมาร์วาอาเบลสังเกตเห็นอะไรบางอย่างๆแปลกๆเมื่อตัวเขานั้นออกมาจากโรงแรมตอนนี้ดูเหมือนว่ากําลังมีใครบางคนสะกดรอยตามตัวเขาเองอยู่แต่ดูเหมือนว่าคนเหล่านั้นที่สะกดลอยตามจะถูกลากตัวออกไปอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือของใครอีกคนอาเบลนั้นไม่คุ้นเคยกับเมืองมาร์วาแห่งนี้เท่าไรนักแต่ในตอนนี้พลังในตัวของเขานั้นก็เพิ่มมากขึ้นแล้วดังนั้นอาเบลจึงไม่ได้คิดกังวลอะไรและออกเดินทางต่อไป
ในช่วงอาหารค่ำเองอาเบลและลอเรนก็ได้เดินทางกลับมาที่โรงแรมเป็นที่เรียบร้อยแล้วการเดินทางชมเมืองในครั้งนี้ เป็นเพียงการเดินทางระยะสั้นๆเท่านั้นแต่ลอเรนก็ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษในระหว่างการทานอาหารค่ำเองเธอได้พูดถึงสิ่งต่างๆที่ตัวเธอไปได้เห็นให้กับลอร์ดมาแชล
ในเช้าวันต่อมานั้นเองเมื่ออาเบลและ ลอร์ดมาแชลตัดสินใจที่จะออกจากโรงแรมแห่งนี้ในเวลานั้นดูเหมือนจะมีใครบางคนมาที่โรงแรม “อาเบลนายมาเมืองมาร์วาไม่บอกกันบ้างเลยนะ!”
เสียงโหวกเหวกโวยวายที่ดังขึ้นมานี้เป็นเหมือนกับเสียงที่ใช้พูดกับเพื่อนอย่างไม่มีผิดแต่อาเบลก็รู้ได้ทันทีว่าเสียงที่เพิ่งจะดังขึ้นจะต้องเป็นเสียงของผู้บัญชาการฮอปกินไม่ผิดแน่ แต่อาเบลกลับรู้สึกแปลกใจแทนทําไมฮอปกินถึงรู้ได้ว่าเขามาที่เมืองมาร์วาแห่งนี้ใครกันที่ไปบอกเรื่องนี้กับเขา?
“ผู้บัญชาการฮอปกิน ทําไมคุณอยู่ที่นี่ได้?” อาเบลรีบเดินไปที่หน้าประตูโรงแรมตอนนี้หัวหน้าผู้บัญชาการฮอปกินกําลังรอตัวเขาอยู่นั่นเอง
ถนนหน้าโรงแรมเส้นนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวายเป็นอย่างมากในช่วงเช้าของวันแต่ตอนนี้ทั้งถนนกลับเงียบสงบ ทันทีเมื่อฮอปกินปรากฏตัวรอบตัวของฮอปกินนั้นเต็มไปด้วยทหารยามหลายสิบคนที่กําลังยืนอยู่ข้างๆกับเขา
“อาเบล ฉันมาบอกลานายไงละ!” ผู้ บัญชาการฮอปกินพูดออกมาในขณะที่ ตัวเขานั้นกําลังหัวเราะไปด้วย พลังจากพูดเสร็จฮอปกินก็ได้แสดงอะไรบางอย่างที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมให้กับอาเบลได้เห็น “พวกนี้เป็นพวกที่พยายามจะสร้างปัญหาให้กับนายน่ะ”
หลังจากที่ฮอปกินส่งสัญญาณมือ เหล่าทหารยามก็ได้เปิดผ้าที่คลุมอยู่ออกภายใต้ผ้าคลุมนั้นมีหัวของมนุษย์กวางอยู่รวมกันหลายหัว
ลอเรนที่อยู่ไม่ไกลจากอาเบลเท่าไร เองรู้สึกตกใจขึ้นมาในทันที เธอเริ่มขยับเข้าไปใกล้กับอาเบลมากขึ้นก่อนที่จะจับหลังของอาเบลเอาไว้
ลมทมิฬเองก็ส่งเสียงร้องออกมาเมื่อ เห็นหัวของมนุษย์ที่ถูกวางเอาไว้บนพื้น
อาเบลเองที่ได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ได้มองไปหาฮอปกินพร้อมกับความรู้สึกที่งุนงงสับสน หัวหน้าผู้บัญชาการฮอปก นชี้ไปที่หัวของมนุษย์ก่อนที่จะเริ่มอธิบายต่อไป “นี่คือลอร์ดเทอเทิล เขาคนนี้ กําลังวางแผนที่จะสังหารอัศวินอยู่ในระหว่างการจับกุมนั้นเขาเป็นคนที่พยายามจะต่อต้านเอง ดังนั้นแล้วฉันจึงต้องสังหารพวกเขาในที่สุด”
อาเบลจําหน้าของลอร์ดเทอเทิลได้ดี เขาเป็นขุนนางที่ได้จ้องมองมาที่ตัวเขาโดยที่มีจุดประสงค์ร้ายแอบแฝงเอาไว้เมื่อคืนก่อนนั่นเองในโรงแรมแห่งนี้
อาเบลไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชายที่เขาได้เจอเมื่อวานนั้นวันนี้จะได้กลายเป็นศพไปแล้วพยายามที่จะต่อต้านเลยถูกฆ่าเอาอย่างงั้นหรอาเบลพนันได้เลยว่าขุนนางแบบนี้ไม่มีทางที่จะต่อต้านกับอัศวินระดับผู้บัญชาการได้เลย พวก ขุนนางส่วนใหญ่นั้นไม่มีแม้แต่ความสามารถในการต่อสู้ด้วยซ่ำดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่ชายคนนี้จะต่อต้านการจับกุมนี่อาจจะเป็นข้ออ้างของฮอปกินเท่านั้นที่จะจัดการสังหารชายคนนี้ไป
ฮอปกินยังคงพูดต่อไปอีกว่า “และคน ที่อยู่กับลอร์ดเทอเทิลพวกนี้ก็คือคนที่แพร่กระจายข่าวเรื่องที่นายมาที่เมืองแห่งนี้พร้อมกับของมีค่ามากมายไงล่ะ”
หลังจากนั้นฮอปกินก็ใช้มือของตัวเองชี้ไปที่หัวของมนุษย์กองสุดท้ายก่อนจะเริ่มพูดอีกครั้งว่า”และหัวของคนพวกนี้ก็คือหัวของพวกทหารชั้นสูงฮมและทหารรับจ้างเบอร์เซิร์กเกอร์ยังไงล่ะ”
MANGA DISCUSSION