A Warrior Exiled by the Hero and His Lover - ตอนที่ 10
เรามาถึงชั้นสิบแล้ว
และตอนนี้ คาเอเดะก็ถึงเลเวล 100 แล้ว
“กร๊าาาาา!”
ก็อบลิน10ตัวที่กำลังขี่อยู่บนหลังหมาป่าบางตัวกำลังขวางทางพวกเราอยู่
คาเอเดะร่ายรำพร้อมพัดเหล็กของเธอ
“ดอกบัวหิมะ!”
ซู่มมมมม ทันใดนั้นทางเดินก็ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง
“คมมีดวายุ”
ลมกระโชกรุนแรงพัดผ่านในแนวนอน ส่งผลให้ร่างของก็อบลินถูกผ่าครึ่ง
แม้แต่เซอินและทีมของเขาเองก็ยังไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้
“เธอใช้เวทย์มนตร์มาสักพักหนึ่งแล้ว เธอแน่ใจหรือว่ายังสามารถไปต่อได้”
“ค่ะ เป็นเพราะว่าเลเวลของฉันมันสูงขึ้น ทำให้ตอนนี้ฉันมีเวทย์มนตร์มากกว่าเมื่อก่อน”
“ก็ได้ แต่อย่ากดดันตัวเองมากล่ะ ถ้าเหนื่อยก็บอกฉันนะ”
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงเดินหลายก้าวมาจากด้านล่างของห้องโถง
ก็อบลินอีก 20 ตัวเพิ่งปรากฏตัวออกมา
บางทีนี่อาจเป็นพื้นที่ที่พวกมันอาศัยอยู่
ตั้งแต่เราไปถึงชั้นที่สิบ ก็อบลินหมาป่าจำนวนมากก็ได้ปรากฏตัวขึ้น
คาเอเดะรู้สึกว่าพวกมันเริ่มที่จะมีปัญหามากเกินไป ดังนั้นเธอจึงใช้สกิลที่มีพลังทำลายมากขึ้น
“กระสุนอากาศ!”
กระสุนอัดอากาศจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งทะลุร่างก๊อบลิน
พวกมันก็ทรุดตัวลงกับพื้น ร่างกายอย่างกับชีสสวิสที่มีรูอยู่เต็มไปหมดเลย
เวทมนตร์นี่น่ากลัวจริงๆ
ขอโทษทีนะเจ้าพวกก็อบลิน
คาเอเดะผ่านชั้นที่สิบด้วยพลังกายที่ยังคงเหลืออยู่
เรามาถึงชั้นที่ยี่สิบแล้ว
เลเวลของคาเอเดะตอนนี้อยู่ที่ 150
ดูเหมือนว่าเลเวลจะเริ่มขึ้นช้าลงแล้วสินะ
มันอาจเป็นเพียงจินตนาการของฉันก็ได้
พวกเราใช้เวลาหนึ่งวันเต็มๆกว่าจะมาถึงที่นี่
คนปกติจะใช้เวลาสามวัน แต่น่าแปลกใจคือทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก
นอกจากนี้ ทั้งคาเอเดะและฉันก็มีพละกำลังที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นเราจึงมาที่นี่โดยไม่ได้พักผ่อนเลย
อย่างไรก็ตาม ตามที่คาดไว้ หลังจากผ่านไปนานกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมง เธอเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าทางจิตใจ
ฉันแนะนำให้เราหยุดพักและทานอาหารที่นี่อย่างเงียบๆ
“นี่ของเธอ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ฉันยื่นชามออกมาและคาเอเดะก็รับไป
โดยปกติทาสจะต้องเป็นผู้เตรียมอาหาร แต่น่าเสียดายที่เธอทำอาหารได้ไม่ดีนัก
ดังนั้นฉันจึงรับบทบาทนั้นเหมือนที่ฉันเคยทำ
ฉันสนุกมากเลย ไม่มีอะไรต้องกังวล
“อร่อย! ซุปที่นายท่านเป็นคนทำสุดยอดไปเลยค่ะ!”
“ใช่มั้ยล่ะ ฉันมักจะถูกชมว่าทักษะการทำอาหารของฉันมันยอดเยี่ยม”
หางสีขาวของเธอกระดิกอย่างแรง
ฉันสงสัยว่าสิ่งนั้นมันเชื่อมโยงกับอารมณ์ของเธอหรือเปล่า
ฉันมักจะเห็นมันเคลื่อนไหวเมื่อเธอมีความสุข
เดี๋ยวฉันค่อยถามเธอที่หลังแล้วกันว่าฉันจะขอสัมผัสมันได้หรือเปล่า
โอ้ ใช้แล้วฉันมีบางอย่างต้องถามเธอก่อน
“นี่เธอมีเคล็ดลับในการใช้เวทมนตร์ด้วยเหรอ?”
“ค่ะ พื้นฐานคือสิ่งสำคัญ ถ้าคุณรู้คาถา คุณสามารถร่ายมันได้ในทุกสภาวะ แต่ถ้าไม่รู้ก็ทำได้ยาก”
“แล้วถ้าเธอนึกภาพเปลวไฟ มันจะออกมาจากมือเธอหรือเปล่า”
“อันที่จริง มันอาจจะดีกว่านะคะถ้าลองใช้เวทย์ประเภทลมหรือธาตุดินก่อน…”
ฟู้มม
ประกายแสงสว่างสีแดงสดปรากฏขึ้นจากมือขวาของฉันและมันก็พุ่งขึ้นไปทะลุเพดานด้านบน
“เอ๊ะ?”
วงกลมสีแดงที่ก่อตัวขึ้นกำลังทำให้เพดานเริ่มร้อน
มีเสียงที่เหมือนบางสิ่งบางอย่างเริ่มเดือด และหินเพดานเริ่มหลอมเหลวและหยดลงมาบนพื้น
หากมองใกล้ๆผ่านรูบนเพดาน คุณจะเห็น เอ่อ..ท้องฟ้าสลัวแต่เต็มไปด้วยดวงดาว
อีกนัยหนึ่งก็คือ ไฟที่ฉันปลดปล่อยออกมามันพึ่งจะทะลุผ่านเพดานไป 19 ชั้น
“…………”
เราทั้งคู่ปิดปากที่อ้าค้างอยู่โดยไร้ซึ่งคำพูด แล้วกลับมานั่งกินข้าวต่ออย่างเงียบๆ
ลืมสิ่งที่เกิดขึ้นไปจะดีกว่า
ฉันไม่ได้ทำอะไรนะ
และพวกเราก็ไม่เห็นอะไรด้วย
ฉันคิดว่าฉันควรทำตามคำแนะนำของคาเอเดะและฝึกฝนเวทย์ลมและดิน นั่นจะดีที่สุด
ในที่สุด เราก็มาถึงชั้นที่ยี่สิบเก้า
เลเวลของคาเอเดะตอนนี้อยู่ที่ 200
ไม่เซอร์ไพรส์อีกต่อไปแล้ว
อันที่จริงฉันรู้สึกตื่นเต้นมากจนสงสัยว่าทำไมฉันถึงหมดหวังกับตัวเลขสองหลัก
ศัตรูที่ปรากฏตัวบนชั้นที่ยี่สิบเก้าเป็นศัตรูทั้งหมดที่ปาตี้เก่าของฉันยังไม่เคยเห็น
โครงกระดูกต้องสาป
นักรบออร์ค
ผี
มิโนทอร์
พวกมันทั้งหมดถูกแช่แข็งและหั่นเป็นชิ้น ๆ ต่อหน้าคาเอเดะ
อันที่จริง ความแตกต่างของเลเวลนั้นใหญ่มาก แม้แต่มอนสเตอร์ก็สามารถบอกได้
แค่พวกมันเห็นเธอพวกมันก็เริ่มวิ่งหนีแล้ว
แล้วเราก็เจอบันไดไปสู่ชั้นสามสิบแล้วก็ลงไป
“นี่คือชั้นสามสิบ… ยังไม่มีวี่แววของศัตรู”
“เธอพูดถูก มันเงียบผิดปกติ”
ชั้นสามสิบนั้นเงียบเกินไป
ด้านหน้าบันไดมีทางเดียวที่ทอดยาวไปข้างหน้า
ฉันสงสัยจังว่านี่เป็นชั้นที่ลึกที่สุดหรือไม่
แต่ไม่แน่ใจเพราะไม่เคยเห็น
“ระวังตัวไว้”
“ค่ะ”
ฉันได้ยินมาว่ามีศัตรูที่หายากแต่ทรงพลังที่เรียกว่า [บอส] ในดันเจี้ยน
ถ้าเกิดมันอยู่บนชั้นนี้ ต้องเตรียมตัวให้พร้อม
เราเดินต่อไปอย่างช้าๆ ผ่านทางเดินและออกไปสู่ห้องขนาดใหญ่
กลางห้องมีคริสตัลสีฟ้าสดใสลอยอยู่
“คริสตัลคือคอร์ดันเจี้ยนแน่นอน เรามาถึงชั้นสุดท้ายแล้ว”
“คุณทำได้ ในที่สุดเราก็ผ่านดันเจี้ยนได้สำเร็จ!”
ฉันอยากจะบอกกับคาเอเดะที่กำลังตื่นเต้นว่า”ไม่ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
ทั้งหมดสำเร็จโดยทาสที่น่ารักของฉันต่างหาก
น่าแปลกใจที่มีคนทำสำเร็จในความพยายามครั้งที่สองเท่านั้น
ฉันคิดว่ามันเป็นเวลาที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์
“นายท่าน ถึงเวลาที่คุยจะต้องสัมผัสคอร์ดันเจี้ยนแล้ว”
“เธอเป็นคนลุยดันเจี้ยนจนสำเร็จ คาเอเดะ เธอเป็นคนที่ควรทำ”
“ไม่ค่ะ มันเป็นเพราะนายท่าน ฉันถึงมาได้ไกลขนาดนี้ และเพราะฉันเป็นสมบัติของนายท่าน ผลประโยชน์ทั้งหมดต้องตกเป็นของคุณ”
ในเมื่อเธอพูดอย่างนั้น ฉันจะยอมรับตัวเลือกของเธอ
อันที่จริงมันเป็นความฝันของฉันเสมอที่จะได้สัมผัสคอร์ของดันเจี้ยน
หากคุณเป็นนักผจญภัย คุณอาจต้องการไปที่ชั้นสุดขท้ายองดันเจี้ยนและสัมผัสคอร์ของมันด้วยมือของคุณเองอย่างน้อยหนึ่งหรือสองครั้งในชีวิต
และแน่นอนว่าฉันเป็นนักผจญภัย และฉันก็อยากจะทำอย่างนั้นมาโดยตลอด
ขอบคุณนะคาเอเดะ ที่อนุญาตให้ฉันทำสิ่งนี้
เมื่อฉันสัมผัสคริสตัลสีน้ำเงิน มันจะส่องแสงระยิบระยับ
《ยินดีด้วยที่เคลียร์เขาวงกตลันตัตต้าได้แล้ว ตอนนี้คุณจะได้รับรางวัลดังต่อไปนี้》
《 ประกาศ: คุณจะได้รับ แหวนแห่งการปกปิด x2 เป็นรางวัลแรกของคุณ 》
《 ประกาศ: คุณจะได้รับดันเจี้ยน》
คริสตัลส่องประกายระยิบระยับ และวิสัยทัศน์ของฉันเป็นสีขาว
“นายท่าน…”
“เกิดอะไรขึ้น?”
เราอยู่ที่ก้นหลุมแนวตั้งขนาดใหญ่
ดันเจี้ยนขนาดใหญ่นั้นหายไปในทันที!
ดูจากสถานการณ์แล้ว เราพึ่งจะลบดันเจี้ยนออกไป แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าโครงสร้างเหล่านั้นมันหายไปอยู่ที่ไหน
“หืม? นายท่านสวมแหวนตั้งแต่เมื่อไร?”
“เอ๋?”
แหวนที่ฉันไม่รู้จักติดอยู่บนนิ้วนางของมือขวา
และถ้ามองใกล้ ๆ ก็มองเห็นสิ่งเดียวกันบนมือขวาของคาเอเดะ
อาจเป็นแหวนปกปิดที่ฉันได้รับ รางวัลแรกจากการได้สัมผัสคริสตัล
“นายท่าน นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆค่ะ”
“เธอรู้ไหมว่ามันคืออะไร”
“ดูเหมือนว่าคุณสามารถปกปิดสถานะของคุณด้วยการสวมแหวนนี้ นอกจากนี้แหวนเองก็มีเลเวลและดูเหมือนว่ายิ่งคุณสวมมันมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งเลเวลสูงขึ้นเท่านั้น”
เมื่อฉันถามถึงรายละเอียด ดูเหมือนว่าคุณสามารถยกระดับได้ถึงเลเวล 3 และที่เลเวล 1 คุณสามารถอำพรางสเตตัสของคุณ ที่เลเวล 2 คุณสามารถอำพรางรูปลักษณ์ของคุณ และที่เลเวล 3 คุณสามารถอำพรางสเตตัสและลักษณะที่ปรากฏของคุณพร้อมๆกัน ต่อหน้าศัตรูใดๆก็ได้
เครื่องมือที่สะดวกมากสำหรับฉันในขณะที่พยายามคิดว่าจะทำอย่างไรกับสถานะของฉัน
ฉันจะมีความสุขมากที่จะใช้มัน
“เราออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
“ค่ะ.”
ใช้หินที่ยื่นออกมาจากด้านข้างของรูเป็นจุดรองรับ เรากระโดดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ทันทีที่เราไปถึงพื้นผิว เราเห็นซากของดันเจี้ยน
มันเป็นรูขนาดใหญ่ แต่ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งปลูกสร้างเหลืออยู่ในนั้น
โชคดีที่ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนและไม่มีใครมาวุ่นวายกับสถานการณ์นี้
เราควรออกไปจากที่นี่ก่อนที่ทุกคนจะสังเกตเห็น
ฉันกับคาเอเดะได้ออกจากเมืองในคืนนั้นเอง