48 Hours a Day - ตอนที่ 13 เอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง VII
ตอนที่ 13 เอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง VII
จางเฮงเข้าดูที่หน้าข้อมูลตัวละครของเขา แล้วพบว่าสกิลของเขานั้นเพิ่มขึ้นมาจาก 2 ไปเป็น 3 แต่ผลประเมินเฉลี่ยที่ด้านล่างยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ตั้งแต่เด็กหนุ่มกางเกงขาสั้นสอนเขาสร้างธนูและลูกศร จางเฮงก็มีอะไรให้ทำเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน เขาสร้างพื้นที่ส่วนหนึ่งของหาดเป็นสนามซ้อมยิงธนู
เขาใช้ความรู้ที่ได้มาจากเอ็ดและหนุ่มกางเกงสั้น จัดการหาอาหารและน้ำดื่ม แล้วย้ายที่อยู่จากในถ้ำขี้นกมาอยู่ในบ้านดินที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยสองมือ
เมื่อชีวิตของเขาดีขึ้น คลื่นลูกใหม่ก็กำลังจะซัดเข้ามาในไม่ช้า
เอ็ดบอกเขาว่าศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของคนที่เชี่ยวชาญในการเอาตัวรอดในป่า ไม่ใช่ธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงและคาดเดาไม่ได้ แต่เป็นตัวเราเองต่างหาก
เมื่อความต้องการขั้นพื้นฐานของคนเราถูกเติมเต็มแล้ว สิ่งอาจจะเกิดต่อไปก็คือ คนนั้นจะตกอยู่ในความว่างเปล่า; ไม่รู้จะไปทางไหนดีและไม่มีแรงจูงใจ การอยู่คนเดียวบนเกาะไม่นานคลื่นแห่งความเหงาก็ซัดเข้ามาอย่างจัง
จางเฮงต้องหาอะไรบางอย่างมาทำเพื่อให้เขายุ่งอยู่ตลอด เขาจะได้ไม่มีเวลาไปคิดถึงความจริงที่ว่าเขาอยู่คนเดียวบนเกาะนี้
ตอนที่เขาอยู่กับหนุ่มกางเกงขาสั้น จางเฮงพิจารณาว่าเขาต้องอยู่รอดต่อไปอีก 400 กว่าวัน และเขาอยากตั้งเป้าหมายใหม่ให้ตัวเอง
เขาตัดสินใจที่จะไปสำรวจที่ใจกลางของเกาะ
จนถึงตอนนี้เขายังอยู่เพียงบริเวณรอบๆเกาะเท่านั้น ที่ไกลที่สุดที่เขาเคยไปคือการเข้าไปหาฟืนในป่าอันอุดมสมบูรณ์ ที่ซึ่งเขาเคยเห็นสัตว์ปีกและเศษกระดูกสัตว์อยู่และนั่นยืนยันได้ว่ามีสัตว์นักล่าอาศัยอยู่แน่นอน
จากนั้นมาเขาจึงระวังตัวเป็นพิเศษและทำกิจกรรมอยู่ในบริเวณใกล้ๆเท่านั้นและเลี่ยงบริเวณป่า ยังไงซะของบนหาดก็เพียงพอที่จะทำให้เขามีชีวิตรอดในวันถัดไป
แต่ตอนนี้จางเฮงต้องการเป้าหมายเพื่อไปต่อ เพื่อสู้กับความเหงา – ออกสำรวจใจกลางของเกาะและดูว่ามีอะไรบ้าง
ด้วยจุดประสงค์นี้จางเฮงจึงยอมให้ตัวเองได้ลองเสี่ยงดูและพยายามไปให้ถึงเป้าหมาย
และคำนึงถึงว่ามีสัตว์ผู้ล่าอยู่ในป่า เขาจึงต้องเรียนรู้ที่จะปกป้องตัวเองก่อน
เพื่อนคนที่สองสอนเขาทำอาวุธระยะไกลสองอัน – ธนู ลูกธนูและสลิง
อย่างหลังทำง่ายที่สุด แต่ใช้ยากที่สุด มุมและเวลาที่หินถูกเหวี่ยงจะต้องแม่นยำ หากสลิงถูกปล่อยเร็วเกินไปหรือช้าไปเล็กน้อย คุณจะพบว่าหินนั้นอยู่ห่างจากเป้าหมายไปไกลหลายไมล์
โดนเป้าแค่ 4-5 ครั้งจากร้อยครั้งนี่มันไม่ง่ายเลย
อีกอย่างหนึ่ง คันธนูและลูกศรนั้นแม่นยำและควบคุมได้ง่ายกว่ามากเมื่อจางเฮงมีพื้นฐานของการยิงธนูอยู่แล้ว – เทคนิคเกี่ยวกับท่าทาง พละกำลังและเทคนิคการหายใจที่โค้ชของเขาเคยสอน สิ่งเดียวที่ขาดคือการฝึกฝน
นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ถ้าขาดความกระตือรือร้น; มันต้องใช้เวลา ในโลกแห่งความเป็นจริงแม้ว่าจางเฮงจะมีเวลา 48 ชั่วโมงต่อวัน แต่ก็มีอะไรมากมายที่ต้องทำ เขาไม่สามารถใช้เวลามากขนาดนี้กับงานอดิเรกได้ ตอนนี้บนเกาะนี้ ที่ซึ่งเขาเป็นมนุษย์เพียงคนเดียว สิ่งที่เขาไม่ขาดมากที่สุดเลยก็คือเวลา
จากคันธนูโค้งที่เขาซื้อมาจากตลาดสู่ธนูทำมือแบบดั้งเดิมนั้นไม่ถือว่าเป็นการลดค่าใช้จ่ายเลย
เมื่อเทียบกับธนูที่ซื้อมาแล้ว ความแม่นยำและความทนทานของธนูทำด้วยมือนั้นช่างน่าหนักใจ การสร้างธนูนั้นต้องใช้ความแข็งแรงมากและเปลือกไม้ที่เขาใช้ก็มีความเสี่ยงที่จะแตกได้หลังจากใช้ไปมากกว่าร้อยครั้ง ซึ่งน่าจะใช้ได้เฉลี่ยประมาณ 150 ลูก
เป้าหมายที่เขาตั้งไว้สำหรับตัวเองคือยิงธนูได้ 300 ลูกต่อวัน ซึ่งหมายความว่าเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนธนูสองครั้ง
วันนี้ก็เป็นวันที่ 172 แล้วตั้งแต่เขามาถึงเกาะ จางเฮงยิงโดนเป้านิ่งในระยะ 10 เมตรโดยไม่พลาดเลยได้สำเร็จ และมีอัตราความสำเร็จ 70% ที่ 30 เมตร การพุ่งของลูกธนูของเขาจะลดลงอย่างมากถ้าเขาเล็งอะไรที่อยู่ไกลออกไป
จากนั้น สกิลการยิงธนูของเขาก็เพิ่มขึ้นมาจากเลเวล 0 เป็นเลเวล 1
จางเฮงรู้สึกว่าแค่นั้นยังไม่พอ
เป้าหมายของเขาคือไปถึงเลเวล 2 ก่อนเข้าไปสำรวจในป่า อย่างน้อยเขาก็จะสามารถป้องกันตัวเองได้
นอกฝึกทักษะการยิงธนู จางเฮงก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เขาย้ายที่อยู่จากในถ้ำไปสู่บ้านดินซึ่งอยู่แถบชายป่า และหลังจากที่ย้ายข้าวของทั้งหมดของเขา เขาทำอุปกรณ์จากดินขึ้นอีกชุดหนึ่ง และในที่สุดวันนี้เขาก็สามารถกินอาหารในจานชามได้สักที
ด้วยสกิลการยิงธนูเลเวล 1 จางเฮงเดินลึกเข้าไปในป่า ใกล้กับที่ซึ่งเขาหาไม้มาทำฟืนครั้งแรก เขาพบสิ่งมีชีวิตที่เหมือนไก่อีกครั้ง
สัตว์พวกนั้นทำเสียงแปลกๆ ตอนที่เจอกันราวกับเยาะเย้ยที่จับมันไม่ได้ แล้วมันก็เร่งฝีเท้าแล้วหายกลับไปในพุ่มไม้
แต่เสี้ยววินาทีต่อมา ลูกศรไม้ตกลงมาจากท้องฟ้าและแทงเข้าไปบนตัวของมัน
มีเสียงประกาศอีกครั้งดังขึ้นในหูของจางเฮง
[ไล่ล่าสำเร็จ เกมพอยท์ +3 ดูรายละเอียดได้ที่หน้าข้อมูลตัวละคร…]
ฝ่ามือของจางเฮงเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ระยะห่างระหว่างเขากับสัตว์ปีกห่างกันเพียงเจ็ดเมตร – ระยะทางที่เขาคุ้นเคย แต่เมื่อเป้าหมายเคลื่อนไหว เขาจึงเล็งได้ไม่แม่นยำนัก
การยิงครั้งนี้เร็วกว่าปกติมาก และลมหายใจของเขาค่อนข้างไม่สม่ำเสมอเมื่อปล่อยลูกธนูออกจากคันธนู ดีที่อย่างน้อยการฝึกฝนเป็นเวลาหลายชั่วโมงของเขาได้ผล และมันไม่ได้ทำให้นกเจ็บปวดเพราะมันปักลงไปโดนพุงอันอวบอ้วนของนก
สิ่งมีชีวิตดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง แล้วฝืนใจยอมแพ้ไป
จางเฮงเดินไปเก็บลูกธนูแล้วก้มลงเพื่อตรวจสอบสัตว์ตัวนี้
สิ่งมีชีวิตมีรูปร่างแปลกๆ จางเฮงคิดว่ามันเป็นไก่ แต่เมื่อมองใกล้ๆ เขาเห็นว่าจงอยปากของมันคล้ายกับเป็ดแต่มีโค้งที่ปลาย; ร่างของมันใหญ่กว่าไก่มากและมีขนสีเทาน้ำเงินปีกสั้นและเล็กและมีขาที่ค่อนข้างหนา
เจ้านี่ดูน่าเกลียดพอตัว …
จางเฮงเคยอ่านสมุดแผนที่นกอยู่ครั้งนึง และเจ้าสิ่งนี้ไม่ได้อยู่ในหนังสือ แต่เนื่องจากมันกินผลไม้และเมล็ด ดังนั้นในทางทฤษฎีอาจเป็นไปได้ว่า … มันน่าจะกินได้
ตลอดเวลาที่ผ่านมาบนเกาะนี้จางเฮงก็ได้กินเนื้อสัตว์สักที แต่รสชาติของอาหารทะเลเช่นปลา กุ้งและปูสามารถเทียบได้กับเนื้อสัตว์ที่อาศัยอยู่บนบกได้เลย
จางเฮงคิดถึงสิ่งมีชีวิตที่เหมือนไก่ตัวนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเห็นมัน น่าเสียดายที่ครั้งนั้นเขาไม่รู้ว่าจะจับสิ่งที่ว่องไวนี้ได้อย่างไร วันนี้ด้วยการฝึกฝนทักษะการยิงธนู จางเฮงก็ได้ยื่นกรงเล็บเพื่อคว้าสิ่งมีชีวิตบริสุทธิ์ตัวน้อยนี้โดยไม่ลังเล
จางเฮงกลับมาจากการล่าของเขาอย่างเต็มไม้เต็มมือ เพราะนอกเหนือจาก ‘เป็ดไก่‘ 15 ตัวที่เขาหามาได้ เขายังเก็บมันฝรั่งป่ามาบ้างระหว่างเดินทางกลับ
มันฝรั่งมีแคลอรี่สูงและอุดมไปด้วยแป้งซึ่งสามารถใช้เป็นอาหารหลักได้ จางเฮงไม่ได้กินมันฝรั่งเยอะมาก เขาวางหัวมันที่ใหญ่ที่สุดสองชิ้นไว้สำหรับกินคู่กับเนื้อในคืนนี้ แล้วบรรจงวางที่เหลือลงในตะกร้าอย่างเบามือ เขามีแผนที่จะทำแปลงผักข้างบ้านเมื่อเขากลับมา
มันฝรั่งนั้นโตไวมาก เมื่อใดก็ตามที่เขาปลูกมันลงไป เขาก็จะมีมันฝรั่งให้กินได้ไม่รู้จบ