48 Hours a Day - ตอนที่ 7 เอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง
ตอนที่ 7 เอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง
จางเฮงเดินขึ้นบันไดแล้วเปิดประตูเหล็กสีน้ำเงินออก
เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่ได้เห็นทั้งในบาร์และกลุ่มของหนุ่มสาวที่เดินเซอยู่ด้านล่าง สิ่งที่เขาจะเจอคงเหมือนๆเดิมมีเพียงสไตล์ที่ต่างออกไป แต่คงไม่ได้ต่างอะไรไปจากห้องที่เอาไว้เต้นอีกห้องหรอก
จริงๆแล้วที่นี่ก็ดูเหมือนพวกเลานจ์ VIP ของสนามบินนานาชาติมากกว่า
ตอนที่เขาเปิดประตูออก เขารู้สึกเหมือนว่าเขาได้เข้าสู่โลกอีกใบ แสงไฟอ่อนๆ พรมเปอร์เซียสีแดง โซฟาหนัง ช้อนส้อมถูกจัดเรียงไว้บนโต๊ะอาหาร เครื่องดื่มสีสันสดใสและผลไม้นานาชนิดวางอยู่ที่โต๊ะบุฟเฟ่ต์ และบาร์เล็กๆทางด้านขวามือ เมื่อประตูปิดไล่หลังเขา เสียงเปียโนก็ดังขึ้น
เสียงอึกทึกของดนตรีข้างล่างน่าจะถึง 100 เดซิเบลได้ ถึงเขาจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ จางเฮงก็รู้ว่าโครงสร้างของตึกนี้ไม่น่าจะกันเสียงได้ดีขนาดนั้น
แต่ความจริงตรงหน้า – คือตอนที่ประตูบานนั้นปิดลง เขาก็ไม่ได้ยินเสียงข้างนอกอีกเลย
อาจจะเป็นเพราะว่าจางเฮงประสบพบเจอกับหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ทำให้เขามีภูมิกับเรื่องพวกนี้มากขึ้น เขาเกิดความสงสัยเพียงชั่วครู่แล้วรีบดึงสติตนเองกลับมาแล้วเดินต่อไป
“ยินดีต้อนรับ” ผู้หญิงในชุดราตรีสีแดงยืนข้างหลังบาร์กล่าวทักทาย
จางเฮงมองไปรอบๆห้อง เขาเห็นคนอื่นๆ อีกประมาณโหลนึงอยู่ในเลาจน์ มีเก้าอี้นั่งว่างอยู่ไม่ไกลจากตรงที่เขายืน ไปนั่งคุยอยู่ขณะที่คนอื่นนั่งคนเดียว แต่สิ่งที่ทำให้เขาไม่เข้าใจเลยก็คือ คนที่อยู่ใกล้เขาที่สุดอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตรแต่เขาก็ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของพวกนั้นได้อย่างชัดเจน
เป็นประสบการณ์ที่แปลกมาก เขารู้สึกว่าตาเขาก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ และจอประสาทตาของเขาก็มองเห็นได้ปกติดี แต่มีอะไรบางอย่างมากันภาพไม่ให้ถูกส่งไปยังสมอง
จางเฮงปัดเรื่องไร้สาระออกไป และพยายามตั้งใจมองอีกรอบ เขารู้สึกเหมือนว่าเขากำลังจะทลายกำแพงล่องหนทว่าจู่ๆท้องไส้ก็ปั่นป่วนเหมือนจะสำรอกออกมา เขาต้องจับบาร์เอาไว้กันล้ม
แก้วน้ำมะนาววางตรงหน้าเข้าได้ทันเวลาพอดี
“ใจเย็น นี่เป็นอะไรที่ผู้เล่นใหม่ทุกคนต้องเจอ ยกเว้นคนในตี้จะอนุญาต มันเป็นค่าเริ่มต้นที่จะไม่ระบุตัวตนและใบหน้าของผู้เล่น จริงๆแล้วเสียงก็ถูกเปลี่ยนด้วย สิ่งที่นายได้ยินไม่ใช่เสียงจริงๆหรอก เพื่อคุ้มครองนายจนถึงที่สุดไงละ”
“แต่ฉันเห็นหน้าเธอนะ” จางเฮงหยิบน้ำและขอบคุณบาร์เทนเดอร์ เพราะแสงไฟสลัวและความจริงที่ว่าถูกคนอื่นดึงความสนใจไปหมด เขารู้แค่ว่าบาร์เทนเดอร์หน้าตาคุ้นๆ เธอทาลิปสติกและเปลี่ยนชุด เธอดูต่างกันมากระหว่างตอนกลางวันกับตอนกลางคืนแต่จางเฮงก็จำเธอได้ “นี่เธอ… เป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ที่เมดคาเฟ่ใช่ไหม?”
“ไม่เลวนี่ ความช่างสังเกตของนายมันแม่นยำกว่าที่ฉันคิดไว้อีกนะ” บาร์เทนเดอร์หยิบแก้วขึ้นมาเช็ด เธอยังคงเยือกเย็นเหมือนเคย “ไม่มีใครบอกสักหน่อยว่าคนคนหนึ่งจะทำงานได้แค่อย่างเดียว ใช่ไหมละ? อีกอย่างนึง ฉันเป็นพนักงานต้อนรับเลยไม่จำเป็นต้องปิดหน้าตาเหมือนพวกผู้เล่นในเกม”
“ขอโทษด้วยนะ ตั้งแต่ผมเดินเข้ามา เธอเอาแต่พูดคำว่า ‘ผู้เล่น’กับ‘พนักงานต้อนรับ’ ขอโทษที่ต้องถามตรงๆ แต่ว่าผมไม่รู้เลยว่าผมเล่นเกมอะไรอยู่ แบล็กแจ็ก? เท็กซัส โฮลเอ็ม? Legends of the Three Kingdoms? E-sports? ” จางเฮงถามโดยนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างหน้าบาร์
“ปกติแล้วฉันไม่ชอบโม้เรื่องเจ้านายของฉันต่อหน้าลูกค้าหรอกนะ จริง ๆ แล้วก็ไม่ชอบโม้ตอนไหนทั้งนั้นแหละ แต่คราวนี้ฉันต้องบอกว่า – ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะท่านจางเฮง นายโชคดีมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ ฉันบอกได้เลยว่าเกมอื่นๆที่นายเคยเล่นมาก่อนหน้านี้ทั้งกากและน่าสมเพช เกมนี้จะเปลี่ยนชีวิตนายไปอย่างสมบูรณ์แบบเลยแหละ”
“ประเมินไว้สูงเลยนะนั่น”
“ โห น้อยไปซะด้วยซ้ำ ไม่มีคำชมไหนจะเทียบกับเกมนี้ได้เลย ตอนนี้ถึงเวลาที่นายต้องตอบคำถามของฉันแล้ว นายคิดว่าอะไรทำให้คน ๆ หนึ่งเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง”
บาร์เทนเดอร์วางแก้วที่ถูกขัดจนเงาวับลงอย่างเคร่งขรึม
จางเฮงจิบน้ำมะนาวแล้วตอบว่า “DNA?”
“ก็ไม่ผิด เพราะทุกคนต่างก็มี DNA ที่ต่างกัน และบางส่วนในร่างกายเราก็ถูกใส่รหัสมาตั้งแต่เกิด รูปร่างหน้าตา ครอบครัว ประวัติความเจ็บป่วยของครอบครัว… แต่โชคดีที่เรายังเลือกได้อีกมากมาย – เลือกเรียนมหา’ลัย เลือกทำงาน เลือกสายอาชีพ หรืออยากจะไปเป็นครูโรงเรียนประถม หรือนักบินอวกาศ เลือกอะไรก็ได้”
มีแสงประหลาดในตาของบาร์เทนเดอร์ และเธอพูดเร็วขึ้น “ลองไม่คิดถึงสิ่งที่เราเลือกไม่ได้ … ถ้าจะถามให้ถูก – นายคิดว่าอะไรทำให้คนคนหนึ่งเป็นตัวเขาในวันนี้ อย่างเช่นนักบินอวกาศเดินบนอวกาศได้ยังไง? นักมวยจะล้มคู่ต่อสู้บนเวทีลงได้ยังไง? อะไรที่ทำให้ครูใช้สื่อการสอน?”
“ประสบการณ์? เธอพูดถึงประสบการณ์และการเรียนรู้ที่ทำให้เราเป็นเราในทุกวันนี้ใช่ไหม?” จางเฮงเข้าใจในสิ่งที่บาร์เทนเดอร์พยายามจะสื่ออย่างรวดเร็ว จางเฮงเลิกคิ้วขึ้นพร้อมพูดว่า “แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวกับเกมที่กำลังจะเล่นยังไง”
ครั้งนี้ เขาไม่ได้รับคำตอบ
“ไม่ว่าจะพูดยังไงก็ไม่สามารถบรรยายสิ่งที่นายกำลังจะเจอได้หรอก ท่านจางเฮงรอบแรกได้เริ่มขึ้นแล้ว กรุณาเก็บรักษาประสบการณ์หายากนี้ด้วย หวังว่าจะได้พบกันอีก” บาร์เทนเดอร์ขยิบตาให้เขาอย่างรู้กัน
เข็มชั่วโมงบนนาฬิกาบนผนังชี้ไปที่เลข 11
สิ่งต่อไปที่เขารู้คือความรู้สึกวิงเวียนแล่นเข้าที่หัวของเขาอย่างหนักหน่วงและวิสัยทัศน์ของเขาเบลออีกครั้ง
นี่เขาติดกับหรือเปล่า?!
สิ่งแรกที่จางเฮงคิดคือ เพราะน้ำมะนาวนั่นหรือเปล่า เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เขาดื่ม ตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในบาร์ เขาตื่นตัวตลอด เขาไม่ได้นึกว่าจะเจอคนที่เคยเจอ และนั้นทำให้เขาลดการระแวดระวังลด เขาไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ หรือยาสลบอันนี้มันแรงขนาดไหน ที่ดื่มเพียงจิบเดียวก็ทำให้เกิดผลขนาดนี้ได้ เขารู้สึกว่าหัวของเขาหนักขึ้นและหนักขึ้นจนเขาไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป เขาล้มตัวลงบนบาร์แล้วหลับไม่ได้สติ
เขาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว เป็นวัน เป็นชั่วโมง หรือแค่ไม่กี่วินาที?
เสียงของคนแปลกหน้าก้องอยู่ในหูเขา
[ยืนยันตัวตนผู้เล่น … ]
[ยืนยันตัวตน สุ่มเควสผู้เล่นใหม่สำหรับผู้เล่นหมายเลข 07958 …]
[การสุ่มเสร็จสิ้น – เควสปัจจุบันคือ เอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง]
คุณอยู่บนเรือและกำลังเผชิญกับพายุโหมกระหน่ำในขณะที่คุณเดินทางใกล้เส้นศูนย์สูตร เรือก็ออกนอกเส้นทาง และเรดาร์และโซนาร์บนเรือ GPS และโทรศัพท์ดาวเทียมบนเรือจู่ๆก็ไม่ทำงาน โดยไม่มีทิศทางคุณเดินทางอย่างไร้จุดหมายในทะเลเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม แต่โชคไม่เข้าข้างคุณเจอกับพายุลูกใหญ่กว่าเดิมโถมเข้ามา ในตอนนั้นเองคุณกำลังยืนอยู่บนดาดฟ้าแล้วคลื่นยักษ์ได้ซัดเข้ามาพาคุณลงไปสู่ห้วงมหาสมุทร ท้ายที่สุด เมื่อคุณลืมตาอีกครั้ง คุณพบว่าตัวเองนอนอยู่บนหาดที่ไม่คุ้นตา
[ภารกิจ: อยู่รอดให้ได้ 40 วันบนเกาะนี้]
[โหมด: เล่นคนเดียว]
[อัตราการไหลของเวลา: 480] (หนึ่งชั่วโมงในโลกแห่งความจริงเทียบเท่ากับ 20 วันในเกมนี้ และ 40 วันหลังจากนี้ผู้เล่นจะถูกบังคับให้กลับไปยังโลกแห่งความจริง)
เตือนด้วยความหวังดี เกมจะเริ่มใน 5 วินาที ผู้เล่นโปรดเตรียมตัวให้พร้อม