48 Hours a Day - ตอนที่ 6 เริ่มเกมส์ได้
ตอนที่ 6 เริ่มเกมส์ได้
“จะออกไปตอนนี้เหรอ?” หัวหน้าหอเหว่ย เจียงเหยียนที่เพิ่งกลับมาจากการดูหนัง reeking of love กับคู่เดท ตอนเวลา 9:45 น. ที่เขาเปิดประตูไปเจอจางเฮงในชุดกีฬา ก้มตัวลงเพื่อผูกเชือกรองเท้า
“ใช่ คืนนี้มีอะไรให้ทำเยอะน่ะ”
“ทำอะไรอะ? เดทหรอ?”เหว่ยเจียงเหยียนยิ้มกริ่มถามเพื่อนร่วมห้องของเขา
เฉินหวงตงคนที่กำลังดื่มโค้กอย่างเอร็ดอร่อย “อะไรนะ? นายน้อยจาง ฉันไม่ใช่คนที่นายชอบหรอ?”
มา เหว่ยคนที่แก่ที่สุดในห้อง วางหนังสือภาษาอังกฤษที่เขากำลังอ่านลง “จางเฮง นายนี้เพรียบพร้อมมากเลยนะ น่าจะหาแฟนได้ง่ายๆเลยแหละ แต่ตอนนี้นายโสด ถ้าเราไม่ใช่เพื่อนร่วมห้องกันฉันคงคิดว่านายไม่ชอบผู้หญิงนะเนี่ย”
โลกมาเหว่ยนั้นไม่ยุติธรรม ในบรรดาเพื่อนร่วมห้องทั้งสี่ สถานภาพของครอบครัวเขาเป็นสิ่งที่น่าพอใจน้อยที่สุด พ่อแม่เขาเป็นเพียงเกษตรกรซื่อๆ
เขาเคยแอบชอบหญิงสาวสมัยเรียนมัธยม เขาไม่เคยบอกใครเลยกระทั่งครั้งนึงที่เพื่อนร่วมห้องจัดงานฉลองวันเกิดให้เขา เขาเมามากและนั้นเป็นตอนที่เพื่อนเขารู้ว่าหญิงสาวคนที่มาเหว่ยชอบเรียนอยู่ที่มหา’ลัยในเมืองเดียวกัน พวกเพื่อนคะยั้นคะยอให้มาเหว่ยไปสารภาพรักกับเธอ แต่เขาปฏิเสธ
พวกเขาทุกคนรู้ถึงสถานการณ์ในครอบครัวของมาเหว่ย เขาต้องพึ่งทุนการศึกษาแห่งชาติจีนเพื่อชำระค่าเล่าเรียนและแบ่งเบาภาระทางการเงินของครอบครัว เขาฝังตัวเองอยู่กับการเรียนและใช้เวลาว่างทั้งหมดที่มีอยู่ในห้องสมุดหรือรับสอบพิเศษเพื่อหารายได้เสริม เขาเลยไม่มีเวลาออกเดท
เรื่องนี้เป็นอะไรที่ใครก็ช่วยเขาไม่ได้ มาเหว่ยมีศักดิ์ศรีมาก เขามักจะปฏิเสธเวลาเพื่อนร่วมห้องอยากจ่ายเงินให้เขาเวลาที่พวกเขาออกไปข้างนอก
จางเฮงตบไหล่มาเหว่ยแล้วพูดว่า “หยุดกวนประสาทฉันได้แล้วน่า คืนนี้ฉันไม่ได้ไปเดท แล้วฉันก็ชอบผู้หญิงแต่ฉันยังไม่เจอคนที่ชอบแค่นั้นเอง”
เฉินหัวตงชูขวดโค้กขึ้นราวกับจะชนแก้ว “ ถ้านายเจอเธอเมื่อไหร่ นายต้องพาเธอมาหาพวกเรานะ อยากรู้จังเลยว่าคนแบบไหนถึงจะมัดใจนายน้อยจางของเราได้”
…
จางเฮงใช้เวลาครู่หนึ่งในการต่อล้อต่อเถียงกับเพื่อนช่างสอดรู้สอดเห็นของเขา กว่าเขาจะเดินออกจากรั้วมหา’ลัยก็เป็นเวลา 10:05 น.แล้ว
หากเขาไม่เห็นเชือกกลุ่มหนึ่งพันอยู่ที่แขนขวาขณะที่เขากำลังอาบน้ำ จางเฮงคงยังสงสัยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมดคาเฟ่นั้นเป็นเพียงภาพหลอน
เมดสาวน้อยน่ารักสวมหูแมวยืนยันว่า ตั้งแต่วินาทีที่เขาเดินเข้าร้านไปจนถึงตอนที่เขาออกจากร้าน เขาอยู่คนเดียวและสาวเท่ที่ดูแลการทำเครื่องดื่มบอกว่าเธอได้ทำน้ำ‘รักต้องห้าม’แค่แก้วเดียวในตอนนั้น
“ไม่เคยสงสัยบาร์เทนเดอร์เลยเพราะทุกแก้วที่เขาชงมันเต็มไปด้วยความรัก และผู้คนไม่เคยลืมสิ่งที่พวกเขารักหรอก” เขากล่าวหลังจากนั้น
“…”
ทุกคนในคาเฟ่ทำเหมือนว่าเรื่องที่เขาคุยกับชายชราไม่เคยเกิดขึ้น
ชายที่สวมเสื้อคอจีนและหมวกฮอมเบิร์กเคยพูดเอาไว้ว่าการมาเจอกันของเรานั้นเป็นเรื่องต้องห้าม และเขาจัดการปัญหานั้นได้
จางเฮงทึกทักเอาว่านี่อาจเป็นทางออกอย่างดีที่เขาพูดถึง
จางเฮงสงสัยใคร่รู้ในตัวชายคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ ความสามารถทั้งหมดของเขาดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับเวลา แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องสนใจก็คือการผ่านเกมที่กำลังจะเริ่มนี่ต่างหาก
เมื่อเขาออกมานอกมหา’ลัย เขาก็เดินตามทางบนไป่ตู้ และนั่งรถไฟใต้ดินไปยังเขตอุตสาหกรรมนอกถนนวงแหวนที่ 5 จากนั้นวิ่งไปตามทางที่เหลือเพื่ออุ่นเครื่อง
เขามาถึงบาร์ที่ชื่อ “เซ็กซ์แอนด์เดอะซิตี้” เวลา 10:45 น.
มันอยู่ในพื้นที่ห่างไกลและระหว่างทางนั้น จางเฮงเดินผ่านคนสองคนที่ดูเหมือนมีปัญหา คนนั้นคาบบุหรี่อยู่ที่มุมปากแล้วมองจ้องมาที่เขา มีหญิงสาวขี้เมาในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยกลุ่มหนึ่งกำลังโวยวายอยู่ข้างถนน
จางเฮงไม่อยากมีปัญหา เขาจึงดึงหมวกขึ้นคลุมเหนือศีรษะ ก้าวเดินต่อไปและเร่งฝีเท้าขึ้นมาขณะที่วิ่งผ่านตรงนั้น
บาร์นี่ดูมีคนเยอะกว่าที่เขาคิดไว้มาก มันถูกดัดแปลงมาจากโรงงานร้างดังนั้นมันจึงใหญ่มาก ด้านหน้าอาคารที่เป็นสนิมนั้นถูกทาสีเป็นลายกราฟฟิตีแปลกหลากลวดลาย และด้านหน้าของตึกนี้เต็มไปด้วยรถยนต์หรูหราและรถแข่งจอดอยู่
นี่เป็นช่วงพีคของบาร์เลยนะเนี่ย – หนุ่มสาวจากทั่วเมืองมารวมตัวกันที่นี่
ก่อนที่เขาจะก้าวเข้าไปในตึก จางเฮงได้ยินเสียงเพลงดังอึกทึกจากข้างใน ราวกับว่ามันจะแยกวิญญาณเขาออกจากกัน จางเฮงขมวดคิ้ว แม้ว่าเพื่อนที่เจอกันในคาเฟ่จะย้ำว่าเขาไม่สามารถเปิดเผยอะไรกับจางเฮงได้ และเขาจะพบทุกสิ่งเมื่อเขาดำดิ่งเข้าไปในเกม ทุกอย่างช่างดูคลุมเครือไปหมด
ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร องค์กรที่ชายชราเข้ามาเกี่ยวข้องจะต้องเก่าแก่และซ่อนตัวอย่างมิดชิดแน่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้เล่นเกมเช่นนี้ แต่โลกก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขามีตัวตน
เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาทำการปกปิดร่องรอยได้อย่างแนบเนียน
แต่ตอนนี้ก็มีคนอยู่ที่นี่อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดร้อยคนแล้ว มีแต่ต้นขาและบั้นท้ายไม่ว่าจะหันไปทางไหน แสงเลเซอร์เท่ ๆ กระพริบและเต้นไปพร้อมกับการผสมผสานของดีเจ หากเกมอันตรายดังกล่าวเริ่มที่นี่ จางเฮงก็ขอพนันเอาไว้เลยว่าเกมนี้ค้นไม่พ้น TikTok และ YouTube แน่
เขาได้ที่อยู่มาผิดหรือเปล่าเนี่ย?
มันก็ผิดกันได้นะเรื่องแบบนี้ ยิ่งพิจารณาถึงอายุของชายชราคนนั้นแล้วก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก
ทันใดนั้น ความสนใจของจางเฮงก็ถูกกระชากไปที่เงาดำทางขวาเหนือเขา
ถ้าจะว่ากันตามจริง นั้นก็ไม่ได้นับว่าอยู่บนชั้นสองด้วยซ้ำ มันเป็นเพียงแท่นขนาดยักษ์ที่ยึดไว้ด้วยโครงเหล็กไปด้านกำแพงตะวันตก ที่ด้านล่างของบันไดมีชายร่างบึกบึนสองคนยืนและสวมแว่นกันแดดสีดำ
หนุ่มสาวสองคนที่ดื่มเหล้าจินจนเมามายกำลังพยายามที่จะปีนบันไดขึ้นไป ทว่าถูกชายทั้งสองผลักออก
หนึ่งในนั้นโยนธนบัตรจำนวนหนึ่งใส่หน้ารปภ. เขาคงจะเป็นบรรดาลูกคุณหนูจากครอบครัวไฮโซ เมื่อทุกคนรอบข้างรู้ว่ามันคือแบงค์ร้อยดอลลาร์สหรัฐ พวกเขาก็เริ่มฉกฉวยแบงค์ที่หล่นที่กระจัดกระจาย
แต่ชายทั้งสองยืนนิ่งไม่มีท่าทีใด ๆ
นั่นทำให้ไฮโซฉุนขาด เขาโยนแก้วในมือใส่ชายทั้งสอง เขาคงใช่วิธีนี้จนเคยชินแล้วเขาก็ขึ้นไปที่บันได สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปมัวไปหมด ตัวเขาลอยไปอีกมุมห้อง ลงกระแทกคนแล้วลงสักสองสามโต๊ะ เขาตกลงบนพื้นพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดและรอยสกปรก
เพื่อนขี้เมาของเขาช็อคจนนิ่งไป พวกนั้นบางคนกำลังจะหันไปพ่นถ้อยคำหยาบคายใส่แต่เมื่อพวกเขาเห็นการ์ดคนหนึ่งยืนเช็ดแว่นดำด้วยความน่าเกรงขาม พวกนั้นก็กลัวหัวหดแล้วหนีไปที่ลานจอดรถพร้อมกับแบกเพื่อนไม่ได้สติไปด้วย
ในขณะที่ความปั่นป่วนสงบลงผู้คนในบาร์ก็จ้องมองไปที่ชายร่างกำยำทั้งสองและรักษาระยะห่างจากพวกเขา
จางเฮงรออีกห้านาทีและเมื่อเขาแน่ใจว่าไม่มีใครสนใจแล้ว เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเดินไปที่บันได
ชายสองคนในชุดสูทมองเขาผ่านแว่นดำ ใบหน้านิ่งเฉยราวกับก้อนหินนั่นทำให้ขนลุกซู่ จางเฮงรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นเหยื่อที่กำลังจะโดนสิงโตสองตัวขย้ำ เขาพับแขนเสื้อขึ้นและแสดงตัวเลขบนแขนของเขา
เขาค่อนข้างจะกังวลจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกคุณหนูพวกนั้น แม้ว่าเขาจะมีตัวเลขจากหมึกบนแขนของเขาเป็นตั๋วเข้าเกม แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้
โชคดีที่ไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้น เขาไม่ได้ลงเอยแบบลูกคุณหนูพวกนั้นที่กลิ้งเป็นลูกโบว์ลิ่ง
คนตัวยักษ์สองคนก้าวออกไปด้านข้างและหลีกทางให้