48 Hours a Day - ตอนที่ 49 โตเกียวดริฟท์ XIX
48 Hours a Day ตอนที่ 49 โตเกียวดริฟท์ XIX
ตอนที่ 49 โตเกียวดริฟท์ XIX
ในที่สุดจางเฮงก็ได้เจอทาเคดะเท็ตสึยะตอน 10 นาทีก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น
ที่ข้างๆถนนทางหลวงทาเคดะยืนอยู่ถัดจากชายร่างเตี้ยที่ดูน่ากลัว จางเฮงยังเห็นอามิโกะอยู่ในรถโตโยต้าวอกซี่สีน้ําเงิน ซึ่งที่ข้อมือและขาของเธอถูกมัดเอาไว้และปากของเธอก็ถูกปิดผนึกเอาไว้ด้วยเทป เมื่อเธอเห็นเขาเธอก็เริ่มดิ้น แต่ประตูรถก็ปิดลงอย่างรวดเร็ว!
“คุณโยสุเกะ ฉันอนุญาตให้คุณไปเจอลูกสาวของคุณได้ตาม ที่คุณร้องขอ เราจะเริ่มกันเลยไหม?” ชายร่างเตี้ยถาม
โยสุเกะ ทสึจิยะไม่พูดอะไร ขณะที่เขาเข้าไปในรถดอดจ์ ไวเปอร์
ทันใดทีที่เห็นอย่างนั้นชายร่างเตี้ยก็เผยยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็เดินมาหาจางเฮงแล้วกล่าวว่า “นายถามฉันว่ามีนักแข่งกี่คนที่ร่วมการแข่งขันในคืนนี้ สนามเป็นยังไงและมีกฏอะไรบ้าง – ฉันจะบอกนายตอนนี้แหละ – คืนนี้มีคนเข้าแข่งขันทั้งหมด 3 คน เราจะแข่งกันที่นี่บนถนนทางหลวงสายนี้! กฏคือ แข่งถึงตาย! นายอาจจะไม่คุ้นเคยกับเหตุการณ์เมื่อ 22 ปีที่แล้ว ฉันจะอธิบายสั้นๆให้นายฟังก็แล้วกัน พวกเรา 3 คนจะขับ รถสวนทางฝ่าการจราจรบนถนนทางหลวงสายนี้ คนที่มาถึงเส้นชัยก่อนจะได้รับชัยชนะไป แต่แบบนั้นมันก็ดูน่าเบื่อเกินไป ฉันเลยตัดสินใจเพิ่มข้อจํากัดนิดหน่อย คือกระจกหน้ารถทั้ง 3 คันนั้นจะใช้การไม่ได้และจะเลื่อนหน้าต่างรถไม่ได้”
ชายร่างเตี้ยหยิบประแจออกมาและทุบด้านหน้าของรถนิสสัน 180SX!
“ฉันคิดเสมอว่าไฟบนรถยนต์นั้นไร้ประโยชน์ เอามันออกดีกว่า” ทันทีที่เขาพูด คนของเขาทุบไฟหน้ารถ L300 และรถไวเปอร์ด้วย จากนั้นชายร่างเตี้ยก็เปิดประตูรถแล้วยิ้มให้จางเฮง “อย่างสุดท้าย… ถ้านายอยากเข้าห้องน้ําล่ะก็ นายควรไปตอนนี้เลย ประตูจะถูกปิดสนิทและมันจะเปิดเฉพาะตอนที่นายมาถึงปลายทาง”
จางเฮงคิดไว้แล้วตั้งแต่ตอนอยู่ที่โรงงานว่าเรื่องอะไรแบบนี้ อาจเกิดขึ้นได้ และตอนนี้มันเกิดขึ้นต่อหน้าเขาแล้ว เขาคงทําอะไรไม่ได้นอกเสียจากคิดว่าชายคนนั้นเสียสติไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เขานั่งอยู่ในที่นั่งคนขับของรถ L300 และ เห็นกระจกหน้ารถที่พร่ามัวอยู่หน้าเขา เขาไม่แม้แต่จะมองเห็นเค้าโครงของสิ่งอื่นๆที่ห่างออกไปเป็นระยะ 2 เมตรได้เลย
ทางด้านนอก มีคนกําลังวุ่นอยู่กับการเชื่อมปิดประตูรถยนต์ แม้แต่รถนิสสัน 180SX ที่ชายร่างสั้นเป็นคนขับก็ด้วย เสียงของเขาดังออกมาจากอินเตอร์คอมด้านหน้าที่นั่ง ข้างคนขับ “แล้ว? นี่ทําให้หวนนึกถึงความทรงจําอันแสนหวานเลยใช่ไหมล่ะ คุณโยสุเกะ?”
โยสุเกะ ทสึจิยะไม่ได้ตอบอะไรออกไป แต่จากเสียงหายใจของเขา จางเฮงก็บอกได้ว่าเขาคงไม่ได้ใจเย็นอย่างที่เขาเป็น ผ่านไปสักพักทาเคดะเท็ตสึยะก็พูดขึ้นมาว่า “ตามหลังฉันมาให้ใกล้ที่สุด”
จางเฮงรู้ว่านั่นมีหมายถึงเขา ในสถานการณ์เช่นนี้คนที่ขับรถอยู่ด้านหน้าย่อมเจอความเสี่ยงมากที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นสภาพของรถในตอนนี้นั้นทําให้การขับรถน่ากลัวกว่าเมื่อ 22 ปีที่ แล้ว และทาเคดะเท็ตสึยะไม่ได้แตะพวงมาลัยมานานกว่า 20 ปี เขาไม่อยู่ในสภาพที่ดีเลย
จริงๆแล้วในนาทีที่ 3 ของการแข่งขัน ทาเคดะเท็ตสึยะ เกือบจะวิ่งเข้าชนรถบิวอิคก์ที่กําลังขับตรงมา! ยังดีที่เขาจับพวงมาลัยไว้แน่น และทําให้รถไวเปอร์ไม่พลิกคว่ําไป ผ่านไปไม่ถึงครึ่งนาทีเขาเกือบจะชนที่กั้นตอนทางโค้ง!
เสียงหัวเราะของชายร่างเตี้ยทะลุผ่านอินเตอร์คอมออกมา “นั่นอะไรน่ะคุณโยสึเกะ? นั่นคุณขับรถดีที่สุดแล้วเหรอ? เรายังไปไม่ถึง 1 ใน 10 ของทางทั้งหมดในการแข่งเลยนะ!”
ทาเคดะเท็ตสึยะเงียบไป ตอนนี้เขาแทบจะไม่ได้พูดเลย เหงื่อหยดลงมาเป็นเม็ดๆไหลลงมาที่ปลายจมูกหยดลงบนกางเกงยีนส์ของเขา
ขั้นต้นเลยคือวิสัยทัศน์ในการมองเห็นนั้นแย่มาก นี่เป็นตอนกลางดึกและรถยนต์ของพวกเขาก็ไม่มีไฟหน้ารถ ส่วนสิ่งที่มองเห็นผ่านหน้าต่างกระจกที่เป็นฝ้านั้นล้วนเห็นแต่ภาพเบลอที่มืดมน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงทําได้แค่ใช้ไฟจากรถยนต์ที่กําลังจะสวนมาเพื่อระบุตําแหน่งของตัวเองแค่นั้น มันเหนื่อยเหลือเกินและดวงตาและจิตใจของเขาก็ขยายไปถึงขีดจํากัดแล้ว
ทาเคดะเท็ตสึยะไม่รู้ว่าเขาจะยังขับรถแบบนี้ต่อไปได้อีกนานแค่ไหน ขณะที่การหายใจของเขาเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ รถ L300 ที่อยู่ข้างหลังเขาก็เร่งความเร็วนําหน้าเขาไปได้
เสียงของจางเฮงดังขึ้นมาจากอินเทอร์คอมว่า “ถึงคราวที่ผมจะนําบ้างแล้ว! ลุงพักสักหน่อยเถอะ เดี๋ยวเราจะเปลี่ยนตําแหน่งกันในอีก 4 นาทีหลลังจากนี้”
ทาเคดะ เท็ตสึยะอยากที่จะปฏิเสธข้อเสนอนี้ แต่เขาก็ใช้พลังงานมากเกินไปแล้ว และเสียงที่ใจเย็นของจางเฮงก็ดูน่าเชื่อถือโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแข่งขันที่บ้าคลั่งเช่นนี้
ชายหนุ่มไม่ได้พยายามจะอวดเก่งโดยการนําหน้าขึ้นไป แต่การแข่งขันนี้นั้นเป็นการทดสอบทักษะการสังเกตและความสามารถในการตอบสนองอย่างเหมาะสม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอย่างไรเสียคนที่อายุน้อยกว่าย่อมมีประสิทธิภาพมากกว่าในเรื่องนี้
ที่สําคัญกว่านั้น คือคืนนี้โชคควรจะอยู่ข้างเขา
จางเฮงนําตีนกระต่ายนําโชคออกมาจากกระเป๋าของเขา แล้วแขวนไว้ที่กระจกมองหลัง
เขาอาจเป็นนักขับที่มีทักษะน้อยที่สุดในบรรดาทั้ง 3 คน แต่ด้วยกลไกของการแข่งขันในวันนี้ โชคจึงหนึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการแข่งขันแน่นอน
ตลอดทั้ง 2 นาทีนี้ จางเฮงไม่เจอรถสักคันเดียว
จากนั้นชายร่างเตี้ยพูดขึ้นอีกครั้ง “ในปีนั้น ระหว่างการแข่งขัน – คุณโยสุเกะซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเพื่อนในทีมของเขาแบบนี้เหรอ?”
ทาเคดะเท็ตสึยะแสดงสีหน้าแห่งความอับอาย จางเฮงมองเห็นได้จากกระจกมองหลังของเขาว่ารถดอดจ์สีเหลืองเริ่มแกว่งไปมา ซึ่งหมายความว่าทาเคดะเท็ตสึยะเริ่มประ สาทเสียไปหน่อยๆแล้ว
เจ้าของร้านขายอาหารทะเลยิ้มอย่างเศร้าๆ “ถ้าแกต้องการล้างแค้นเรื่องอาซาโนะนาโอโตะ แกควรมาจัดการฉันสิบ ทําไมแกต้องลากคนอื่นมาที่นี้ด้วย?!”
ชายร่างเตี้ยหายใจแรง “คุณไม่ได้เป็นศัตรูกับอาซาโนะนาโอโตะเพราะคนอื่นเหรอ?”
จางเฮงตาโพลงเบิกกว้าง ในที่สุดสิ่งที่เขาสงสัยมาตลอดก็กระจ่าง!
“คุณ คุณไม่ได้แก้แค้นให้อาซาโนะนาโอโตะ แต่เป็นโคบายาชิใช่ไหม?”
ความเงียบเข้าครอบงําที่ปลายสายอีกด้านของอินเตอร์คอม
ชั่วครู่ต่อมาชายร่างเตี้ยกล่าวว่า “ไม่เลวนี่! แกเดาความตั้งใจของฉันได้แล้ว”
“คุณแกล้งเป็นโอนิฮิโตมิเพื่อลักพาตัวอามิโกะ จากนั้นคุณก็บังคับให้เขาเข้าร่วมการแข่งขันนี้ ไม่ได้มีแค่ 3 คนที่รู้เรื่องการแข่งขัน โคบายาชิบอกเรื่องนี้กับแม่ของเขา? ไม่ นั่นเป็นไปไม่ได้! คงไม่มีใครบอกเรื่องแบบนี้กับแม่ของตัวเอง ถ้าอย่างนั้น… น้องสาว…. คุณเกี่ยวข้องกับน้องสาวของเขาได้ยังไง?”
ยานพาหนะที่ถูกดัดแปลงทั้ง 3 คัน เร่งความเร็วขับผ่านถนนทางหลวง
2 นาทีและ 42 วินาทีหลังจากนั้นเป๊ะ จางเฮงก็เจอรถยนต์คันแรกที่กําลังขับตรงมา! เขาหักพวงมาลัย ปล่อยท้ายของรถตู้ด้วยการดริฟท์รถ L300 อย่างหวุดหวิด!
ถึงอย่างนั้นจางเฮงจับสังเกตถึงสิ่งที่ผิดปกติได้ ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ “เดี๋ยวก่อนนะ – คุณคือ… น้องสาวของโคบายาชิใช่ไหม?”
ครั้งแรกที่เขาเจอชายคนนี้ จางเฮงสังเกตเห็นว่าการเคลื่อนไหวของเขาดูค่อนข้างแปลก นอกจากความสูงและขนาดร่างกายที่ใกล้เคียงกับผู้หญิงแล้ว เขายังเป็นคนเดียวที่ไม่เปิดเผยรอยสักของเขา “ผู้ชาย” คนนี้ใช้ความพยายามอย่างมากในการ แกล้งเป็นโอนิฮิโตมิที่ไม่เหมือนกับชายคนอื่นๆ คือชายร่างบางคนนี้ไม่เคยเปิดรอยสักของเขาเลย – อาจเป็นเพราะเขากลัวว่าคนจะสังเกตเห็นว่าเขาไม่มีลูกกระเดือก
ในการอําพรางเสียงนั้นง่ายมาก เพราะทุกคนสวมหน้ากากกันหมด ก็คงเป็นเรื่องของโปรแกรมเปลี่ยนเสียงเท่านั้นเอง