48 Hours a Day - ตอนที่ 47 โตเกียวดริฟท์ XVII
ตอนที่ 47 โตเกียวดริฟท์ XVII
แม้ว่าพวกเขาจะคาดการณ์ไว้แล้ว แต่อามิโกะก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังที่คุโระเบะซาบุโร่ไม่ยอมเปลี่ยนใจเลย เธอกับจางเฮงแวะกินอาหารกลางวันแล้วรีบไปโรงพยาบาลรัฐที่อาซาโนะนาโอโตะเคยถูกส่งตัวไป
หลังจากได้สอบถามที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนคนเยี่ยมผู้ป่วย พวกเขาก็ได้รับการยืนยันว่าฮิโรมิ ริงโกะนั้นไม่ได้ทํางานอยู่ที่นี่แล้ว แต่ในตอนที่พยาบาลเดินผ่านมาได้ยินชื่อนั้น เธอก็หยุดเดินและบอกพวกเขาว่า “เธอเคยทํางานที่นี่ แต่ตอนนี้เธอเกษียณแล้ว ตอนที่ฉันมาที่นี่ครั้งแรก ฉันไม่สบาย เธอให้กําลังใจฉันและให้คําแนะนําแก่ฉัน! ทําไมพวกคุณถึงตามหาเธอล่ะ?”
จางเฮงยกตะกร้าผลไม้ในมือขึ้นแล้วพูดว่า “พ่อของผมเคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์อันร้ายแรงเมื่อมานานแล้ว และเป็นเพราะป้าฮิโรมิ ริงโกะที่ช่วยให้เขาฟื้นขึ้นมาได้ เราแค่อยากจะขอบคุณเธอน่ะครับ”
นี่เป็นเรื่องธรรมดาในโรงพยาบาลระแวกนี้ ผู้ป่วยจํานวนมหาศาลและสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาจะกลับมาขอบคุณแพทย์และพยาบาลอยู่เสมอ คงไม่มีเหตุผลอะไรที่หัวหน้าพยาบาลจะสงสัยหนุ่มสาวทั้ง 2 คนนี้
เธอฉีกกระดาษและเขียนที่อยู่ไว้ “ขอบคุณพระเจ้าที่เราพบกัน ตอนนี้รุ่นพี่ริงโกะน่ะอาศัยอยู่ที่นี่
“บ้านพักคนชราไทฮากุ?” อามิโกะอ่านที่อยู่บนกระดาษ
“ใช่.. รุ่นพี่น่ะไม่เคยแต่งงานและไม่มีลูกเลย นับตั้งแต่เธอเกษียณไป เธอก็อาสาทํางานการกุศลที่นั่น เธอต้องการช่วยเหลือผู้คนต่อไปในบั้นปลายชีวิต และยังเป็นที่พักพิงสําหรับเธอในวันข้างหน้าอีกด้วย” นางพยาบาลกล่าวด้วยความชื่นชม
จางเฮงขอบคุณเธอเป็นอย่างมากแล้วนั่งรถไฟใต้ดินกับอามิโกะไปถึงที่บ้านพักคนชราในย่านชานเมือง และด้วยความช่วยเหลือของผู้ดูแลที่นั่น พวกเขาก็หาตัวฮิโรมิริงโกะได้ในไม่ช้า
อดีตพยาบาลกําลังสอนผู้สูงอายุที่ส่วนใหญ่สูญเสียการได้ยินถึงวิธีการจัดดอกไม้ เมื่อเธอเห็นหนุ่มสาว 2 คน ใกล้เข้ามาเธอก็มีแววตาสงสัย แต่เธอก็ยังพยักหน้ารับพวกเขา
5 นาทีต่อมาฮิโรมิ ริงโกะช่วยผู้สูงอายุคนหนึ่งให้นอนลงก่อนจะเดินไปหาอามิโกะและจางเฮง ” พวกเธอเป็นใคร?”
บางทีมันคงเป็นธรรมชาติของอาชีพของเธอ, ฮิโรมิ ริงโกะในรูปนั้นมีท่าทางที่เข้มงวด พร้อมด้วยความแข็งแกร่งราวกับทหาร จางเฮงเป็นกังวลว่าเธอคงจะไม่ใช่คนที่คุยด้วยได้ง่ายๆ แต่เมื่อได้พบเธอด้วยตัวเอง เขาก็รับรู้ได้ว่าเธอเป็นคนสบายๆมากกว่าที่คิด
จางเฮงส่งกระเช้าผลไม้ให้เธอขณะที่พวกเขานั่งอยู่บนโซฟา
“เรามาที่นี่เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องบางอย่าง คุณป้ายังจําอุบัติเหตุอันโหดร้ายเมื่อ 22 ปีก่อนได้ไหมครับ? ชายหนุ่ม 2 คนกําลังขับแข่งซึ่งกันฝ่าการจราจรแล้วตอนที่ 1 ในนั้นพุ่งไปหารถบรรทุก คนหนึ่งเสียชีวิตทันทีส่วนอีกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส ชื่อของเขาคือ…”
“อาซาโนะ นาโอโตะ” ฮิโรมิ ริงโกะพูดขึ้นมา “ฉันจําเรื่องนั้นได้ แต่ไม่ใช่เพราะมันเป็นข่าวหรอกนะ แต่เป็นเพราะเด็กคนนั้นอายุยังน้อย เขาต่อสู้กับมัจจุราช และเห็นได้เลยว่าเขายังไม่อยากจากโลกนี้ไป! น่าเสียดายที่ฉันช่วยเขาไว้ไม่ได้”
จางเฮงและอามิโกะมองหน้ากัน “เราได้ยินมาว่าคุณป้าอยู่กับเขาตลอดเวลา เรา… เราเป็นครอบครัวของเขา เราแค่อยากรู้ว่ามีใครมาเยี่ยมเขาหรือตอนที่เขาตื่นเขาได้ขอเจอใครบ้างไหม?”
“ไม่ พวกเธอไม่ใช่ครอบครัวของเขา” ฮิโรมิ ริงโกะส่ายหัวราวกับว่าเธอสามารถมองผ่านพวกเขาได้
หน้าของอามิโกะเริ่มร้อนขึ้น ภายใต้สายตาอันเคร่งขรึมของอดีตพยาบาลเก่า
ตรงกันข้ามกับจางเฮงที่นิ่งสงบ “ญาติห่างๆน่ะครับ”
ฮิโรมิ ริงโกะยิ้มและไม่ได้ถามอะไรพวกเขาอีกเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ถ้าพวกเธอถามถึงคนอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้รับความยินยอมจากครอบครัว ฉันคงจะไม่บอกพวกเธอหรอก แต่เขาคนอื่นๆนอกจากสือก็ไม่ค่อยมีใครสนใจเขาหรอก”
“คุณป้าหมายความว่ายังไง?”
“อาซาโนะนาโอโตะน่ะ เป็นเด็กที่โดดเดี่ยวมาก ในเวลาทั้งหมด 3 วันที่เขาได้อยู่ในโรงพยาบาล ปู่ของเขามาเยี่ยมเขาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ฉันได้ยินมาว่าพ่อแม่ของเขาตัดความสัมพันธ์กับเขาไปแล้ว… โอ้ แล้ว เอ่อ… ฉันคิดว่าเขามีลุงที่ส่งชาย 2คนมาเฝ้าหน้าประตู แต่ลุงเขาไม่เคยเข้าไปข้างในเลย”
“คือไม่มีใครสนใจเขาเลยเหรอ?” จางเฮงและอาเมโกะรู้สึกตกใจเล็กน้อยกับคําตอบของพยาบาล
ฮิโรมิ ริงโกะถอนหายใจ “ในสายงานของเรา มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เห็นคนตาย แต่นี้ช่างเป็นความเจ็บปวดใจจริงๆที่มาเห็นเด็กหนุ่มอายุน้อยจากโลกนี้ไปอย่างเดียวดาย ท้ายที่สุดเขาก็สูญเสียกําลังใจทั้งหมดที่จะรักษาตัว ฉันก็ไม่รู้นะว่าพวกเธอยังจะเรียกนั่นว่าโชคดีได้หรือเปล่า”
อามิโกะออกจากบ้านพักคนชราไทฮากุมาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า นี่ไม่ได้ถึงเศษเสี้ยวที่เธอคิดเอาไว้เลย หลังจากที่ได้เจอฮิโรมิรินโกะ ทุกอย่างกลับดูคลุมเครือมากขึ้นแทนที่จะกระจ่างราวกับว่ามีหมอกหนาโผล่ขึ้นมาปกคลุมรอบกายพวกเขา
เห็นได้ชัดเลยว่าลุงของอาซาโนะนาโอโตะไม่ได้สนใจหลานของเขามากเท่าไหร่ เขาไม่แม้แต่สนใจจะไปเยี่ยมคนในครอบครัวที่กําลังจะตาย – แล้วตอนนี้ทําไมเขาถึงคิดจะแก้แค้นหลังจากผ่านมานานหลายปี?
ถ้าไม่ใช่โอนิ ฮิโตมิที่วางเพลิงร้านขายอาหารทะเล แล้วใครล่ะ? ทําไมพวกเขาถึงมาตามจองล้างจองผลาญทาเคดะ เท็ตสึยะที่หายตัวไปตั้งแต่การแข่งขัน? ทําไมถึงแกล้งเป็นโอนิ ฮิโตมิ?
“ไม่ นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย” จางเฮงกล่าว “ดูๆแล้วคนคนนี้พยายามผลักพ่อของเธอให้ตกหลุมพรางเชื่อว่าเป็นฝีมือของโอนิ ฮิโตมิ! แต่ถ้าเขารู้เรื่องนี้แล้วละก็ เขาก็บอกเรื่องนี่ให้โอนิ ฮิโตมิรับรู้ได้และให้พวกเขามาเจอกับพ่อของเธอแทน”
ตอนนี้พวกเขาเจอทางตันแล้ว พวกเขาไม่มีเบาะแสอื่นอีก และตอนนี้ก็กําลังจะดึกลงไปเรื่อยๆ และทั้งคู่ก็เดินไปรอบๆด้วยท้องที่ว่างเปล่าเพราะพวกเขาไม่ได้กินอาหารกลางวัน อามิโกะซื้อชุดไก่ครอบครัว 2 ชุดจากเคเอฟซีแล้วพวกเขาก็กลับไปที่อพาร์ทเมนต์เล็กๆของลูกพี่ลูกน้องของเธอ
ในตอนที่พวกเขาออกจากลิฟต์มา อามิโกะคลําหากุญแจในกระเป๋าของเธอ แต่สีหน้าของจางเฮงทําให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
ประตูเปิดแง้มอยู่! มันเปิดอยู่เพียงเล็กน้อย แต่จางเฮงจําได้แม่นว่าพวกเขาตรวจสอบประตูว่าล็อคเรียบร้อยแล้วก่อนออกเดินทาง ปกติแล้วอามิโกะอาจจะมีขี้หลงขี้ลืมไปบ้างแต่เธอจะไม่มีวันพลาดะไรแบบนี้แน่ๆ
อามิโกะเริ่มกังวลเล็กน้อย เธอเป็นห่วงว่าพ่อของเธอจะเขมือบเข้าปากของโอนิฮิโตมิ แม้ว่าลุงของอาซาโนะนาโอโตะอาจจะไม่ได้โกรธเกรียวมากกับการตายของหลานชายตัวเอง แต่ถ้าฆาตกรปรากฏตัวขึ้น เขาคงจะไม่มีวันปล่อยเหยื่อออกไปจากขอเพื่อรักษาหน้าตาของตัวเองในฐานะผู้นําขององค์กร
อามิโกะพร้อมที่จะพุ่งตัวเข้าไปในห้อง แต่จางเฮงก็คว้าแขนของเธอเอาไว้!
เขารู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ พวกเขามัดทาเคดะเท็ตสึยะทิ้งไว้ในสภาพนั้น ไม่มีทางที่ทาเคดะเท็ตสึยะจะหลุดออกจากเชือกได้ด้วยตัวเอง จะต้องมีคนมาช่วยเขาแน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้นมันแปลกมากที่ประตูถูกแง้มเอาไว้ ราวกับชักชวนคนภายนอกให้เข้ามาดู
ก่อนที่จะได้พิจารณาสถานการณ์โดยละเอียด จางเฮงตัดสินใจที่จะพาอามิโกะออกไปจากที่นี่ แต่คนที่อยู่ในบ้านก็ยังได้ยินเสียงฝีเท้าของพวกเขา เพียงเสี้ยววินาทีถัดมาก็มีบางคนบุกเข้ามาทางประตู! ดูจากเสื้อผ้าของเขานั่นก็เห็นได้ชัดเลยว่าเขาเป็นพวกเดียวกันกับพวกที่อยู่ในรถวอกซี่สีน้ำเงินเข้มที่ร้านอาหารทะเล
จางเฮงไม่เคยเรียนเทควันโดมาก่อน แต่เขาก็ออกกําลังกายที่ยิมและแข็งแรงกว่าคนทั่วๆไปมาก ตอนที่ชายคนนี้เอื้อมมือล้วงเข้าไปในกระเป๋าของตัวเอง จางเฮงได้ยืนกันอยู่ข้างหน้าอามิโกะเรียบร้อยแล้ว และเหวี่ยงหมัดเข้าไปที่หน้าชายคนนั้น! เขาเดินโซซัดโซเซและเดินมึนงงถอยหลังเข้าไปในบ้าน
นับตั้งแต่เขาจบการศึกษาจากโรงเรียนประถม จางเฮงก็ไม่เคยต่อยใครอีก เขาเลยตกตะลึงในแรงของหมัดที่เขาเพิ่งปล่อยออกไป แต่นี้ไม่ใช่เวลาที่จะมามัวคิดว่าเขาแข็งแกร่งขนาดไหน เขาต้องรีบใช้โอกาสที่ได้มาจากการเอาชนะเพียงชั่วคราวนี้เพื่อดูว่าคนร้ายคนนี้มีปืนหรือไม่ เขากําลังจะกระโจนใส่ชายคนนี้และกําลังจะสู้กันต่อ แต่ทันใดนั้นเองก็มีปลายกระบอกปืนแสนเยือกเย็น ไม่ได้เข้าใจผิดเป็นอย่างอื่นแน่ๆ กดลงที่ด้านหลังศีรษะของเขา!