48 Hours a Day - ตอนที่ 40 โตเกียวดริฟท์ X
ตอนที่ 40 โตเกียวดริฟท์ X
“รถแข่ง 4WD มีปัญหาท้ายปัด*มากเกินไป แต่การดริฟท์ ตอนเข้าทางโค้งด้วยระบบขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) แกจะต้องอัพเกรดระบบช่วงล่างของเพลาหน้าและเพลาหลัง และแกยังต้องคํานวณปัจจัยที่จะช่วยรักษาความสามารถในการยึดเกาะตอนที่เข้าโค้ง” ทาเคดะเท็ตสึยะกล่าวขณะที่เขาพ่นควันออกมาจากที่นั่งผู้โดยสาร
“ปัญหานี้แก้ไขได้ง่ายดายมาก เพียงแค่แกต้องปรับแต่งสปริงและสัมประสิทธิ์การหน่วง ทําช่วงล่างให้นุ่มลง ลดอัตราแรงต้านการยันของโช้คอัพ เพิ่มความหนืด ลดความแข็งของเหล็กกันโครง และกระทั่งเพิ่มความกว้างของแกนที่เป็นแท่งยาวยึดระหว่างล้อซ้ายกับขวาเข้าด้วยกันที่ด้านหลัง โดยปกติแล้วการแข่งขันที่เป็นทางการจะมีข้อจํากัดของความกว้างของแท่งยาวยึดระหว่างล้อซ้ายกับขวาที่ด้านหลัง แต่การแข่งขันใต้ดินนั้นไม่ได้มีข้อจํากัดอะไร”
“แล้วถ้าแกรู้สึกว่าโครงรถมันส่ายๆ แกอาจจะลองเพิ่มมุมเอียงของสปอยเลอร์ได้ การทําแบบนั้นจะเป็นการเพิ่มแรงกดที่ด้านหลังของรถ แน่นอนว่านั่นหมายถึงการเสียความเร็วสูงสุดของรถไป เมื่อพิจารณาทุกอย่างแล้วไม่มีรถแข่งคันไหนที่สมบูรณ์แบบ: การปรับแต่งรถแข่งคือการหาสมดุลระหว่างพารามิเตอร์ประสิทธิภาพ…”
จางเฮงจดทุกอย่างใส่สมองเพื่อให้จําได้ใน ขณะที่เขาขับรถด้วยความเงียบสงบ และขับรถช้าที่สุดเท่าที่เขาจะทําได้ กระนั้นพวกเขาก็มาถึงตลาดปลาสึกิจิในเวลา 10 นาทีต่อมาเท่านั้น
เมื่อรถ L300 มาจอดอยู่ด้านหน้าตลาดอาหารทะเล ทาเคดะ เท็ตสึยะก็หยุดพูดไปโดยสัญชาตญาณ ผู้ชายคนนี้ติดอยู่กับข้อตกลงของพวกเขาจริงๆ – ไม่พูดอะไรอีกสักคําขณะที่เขาผลักประตูเปิดออกและลงจากรถตู้ไป
เขาก้าวไปข้างหน้า 2 ก้าวแล้วอยู่ๆก็หยุดไปเสียอย่างนั้น เขาหันหลังกลับมาและพูดว่า “วันอาทิตย์นี้มาก่อนเวลาหน่อยนะ”
จางเฮงจ้องตามหลังชายคนนั้นไปด้วยความสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง และนั่นจุดประกายเขา ไม่แน่ว่าเขาอาจกําลังเข้าไปสู่เรื่องราวใหม่เนื่องจากเขาเพิ่งได้รับการอัปเดตมาเมื่อ 4 วินาทีที่แล้วว่าสกิลการขับขี่ของเขาเลื่อนขึ้นจากเลเวล 0 ไปเป็นเลเวล 1 และในเวลาเดียวกันนั้นเอง หลังจากได้เรียนรู้มาเป็นเวลาหนึ่งเดือน เขาก็ได้รับสกิลอีกอย่างหนึ่ง – การปรับแต่งและการบํารุงรักษารถยนต์ (เลเวล 0)
ดังนั้นในคืนที่สาม หลังจากที่เขาเดินเล่นรอบๆชินจูกุกับอามิโกะ จางเฮงก็ขึ้นรถบัสไปที่ร้านขายอาหารทะเลเร็วกว่าปกติ 3 ชั่วโมง เมื่อทาเคดะเท็ตสึยะเห็นว่าเขามาถึงแล้ว เขาก็หันกลับไปและล็อคประตูที่อยู่ข้างหลังแล้วโยนกุญแจไปให้จางเฮง “วันนี้ร้านปิด”
“แล้วเราจะไปที่ไหนกัน?”
” ชายหาด นับตั้งแต่วันนี้ ฉันจะสอนวิธีการดริฟท์รถให้กับแก”
จางเฮงตกใจเล็กน้อยจากการป่าวประกาศสั้นๆนั้น
ถึงแม้ว่าทาเคดะเท็ตสึยะจะสอนเกี่ยวกับวิธีการขับรถแข่งให้กับเขาและได้สอนเทคนิคบางอย่าง แต่เขาก็ไม่เคยเปิดเผยเคล็ดลับสุดยอดของเขาให้ฟัง จางเฮงเคยถามเขาไปแล้ว 2.3 ครั้งก่อนหน้านี้ แต่ก็โดนเขาก็บอกปัดกลับมาตลอดว่า “แกยัง ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ!” ซึ่งเป็นวิธีที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา ในการบอกว่าเขาจําเป็นต้องมีความสามารถถึงตามเกณฑ์มาตรฐานเสียก่อน
ภายใต้สถานการณ์ปกติ เรื่องแบบนี้คงไม่อาจสําเร็จได้ด้วยคนมือใหม่ไร้ประสบการณ์ที่มีพื้นฐานเท่ากับศูนย์ อย่างจางเฮงจนถึงตอนนี้เขาเรียนรู้วิธีการขับรถมาได้เป็นเวลา ถึง 4 เดือนซึ่งนั้นเลยเวลาเดดไลน์มาแล้ว และเขาสามารถส่งสินค้าตามเงื่อนไขได้แค่เมื่อวานนี้เท่านั้น
ไม่จําเป็นต้องบอกเลยว่าจางเฮงจะไม่มีทางปล่อยให้โอกาสอันมีค่านี้หลุดลอยไป ใครจะไปรู้ล่ะว่าทําไมทาเคดะเท็ตสึยะ คนขี้ตุ๊ดจู่ๆถึงเปลี่ยนใจได้? ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเป็นผู้ชนะในเกมการแข่งขัน D1 Grand Prix tsuisou ในโตเกียวหรือไม่ใช่คนที่เกือบจะคว้าตําแหน่ง Drift King มาก่อน จางเฮงก็คงจะมองหาคนอื่นเพื่อขอคําปรึกษา อย่างเช่นรุ่นพี่ที่เวิร์กชอปนักแข่งคนนั้น
ไม่เพียงแต่ว่าเขาจะมีทัศนคติที่ดีเท่านั้นแต่เขายังทําเพื่อประโยชน์ของคนรุ่นต่อไป และเพื่อปูทางสําหรับผู้ที่ปรารถนาจะเป็นนักแข่งรถอย่างเขา เขาได้แบ่งปันมุมมองและประสบการณ์กับสมาชิกในกลุ่มอย่างคนใจดีมีเมตตา
จางเฮงเชื่อว่าถ้าเขายังคงทํางานอย่างหนักต่อไป เขาอาจจะสามารถสร้างหนทางสู่ความสําเร็จได้ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบรุ่นพี่คนนี้กับทาเคดะเท็ตสึยะเจ้าของร้านขายอาหารทะเลแล้ว รุ่นพี่คนนี้เป็นนักแข่งรถที่ดูน่าเชื่อถือกว่ามาก แต่หลังจากคิดใคร่ครวญอยู่นาน จางเฮงตัดสินใจทิ้งแผนการนั้นไปเสีย
GT300 เป็นการแข่งขันที่ถูกทํานองคลองธรรม ข้อกําหนดของสนามแข่งขันและสกิลในการขับขี่นั้นแตกต่างไป จากการแข่งรถใต้ดินอย่างสิ้นเชิง จากชื่อ GT300 นั้นบ่งบอกถึงกําลังแรงม้าสูงสุดที่กําหนดไว้จะอยู่ที่ 300ps ส่วนในอีกด้านหนึ่งกฎข้อเดียวในการแข่งรถใต้ดินก็คือไม่มีกฏ ไม่มีใครสนใจว่าคุณขับรถแบบไหนหรือใช้เทคนิคแบบไหน ใครก็ตามที่ข้ามเส้นชัยก่อนเป็นผู้ชนะ จริงๆแล้วถ้าคุณใจกล้ามากพอ คุณจะติดไนตรัสออกไซด์ก็ยังได้
จางเฮงได้อ่านบันทึกและดูวิดีโอของผู้ฝึกสอนจากการเวิร์คช็อปมาหลายครั้งแล้ว สไตล์การขับขี่ที่แข็งแรงและมีความทะเยอทะยานอยากเอาชนะของเขา เหมาะกับการแข่งรถแบบมืออาชีพมากกว่า แต่ในสภาพแวดล้อมที่มีความสลับซับซ้อน เขาคงจะเทียบกับทาเคดะเท็ตสึยะอดีตแชมป์ของ D1 Grand Prix ไม่ได้เลย
เจ้าของร้านขายอาหารทะเลพาจางเฮงไปยังท่าเรือส่วนตัว ที่ดูเหมือนใกล้จะถูกทิ้งร้าง และสร้างคอร์สสอนดริฟท์ที่เต็มไปด้วยยางและลังกระดาษแข็งเรียงรายกันไปถึงปลายหาด
“การดริฟท์เป็นเทคนิคการขับขี่โดยจงใจขับรถท้ายปัด และบังคับให้ไถลไปทางด้านข้างตอนเข้าโค้ง ทุกวันนี้คนหนุ่มสาวชอบอวดความสามารถด้วยการดริฟท์ แต่ในความเป็นจริงแล้วการดริฟท์บนถนนสาธารณะจะทําให้รถวิ่งช้าลงและทําให้ยางเสื่อมสภาพ เทคนิคนี้ออกแบบมาเพื่อรับมือกับสภาพถนนที่ลดเลี้ยวเคี้ยวคด”
จางเฮงมองกระดาษลังที่อัดแน่นขนาดใหญ่และยางกองมหึมา “นี่มัน… ไม่ซับซ้อนเกินไปหน่อยเหรอ?”
“ตราบใดที่มีคนพิชิตได้ มันก็ไม่ซับซ้อนเกินไปหรอก!” ทาเคดะ เท็ตสึยะตอบโต้อย่างโอ่อ่า
จางเฮงคิดว่าหลังจากกล่าวถ้อยคําอย่างกล้าหาญเช่นนั้นแล้ว; อย่างน้อยชายคนนั้นก็น่าจะสาธิตให้เขาดูแบบสดๆ แต่เขาก็ต้องเจอกับความผิดหวังเพราะเท็ตสึยะแค่เปิดคลิปวิดีโอให้เขาดูเท่านั้นเองและดูทรงแล้วเป็นคลิปที่เก่ามากๆด้วย หลังจากนั้นชายคนนั้นก็หยิบเก้าอี้พับและคันเบ็ดออกมาจากด้านหลังรถตู้
“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นนะ ฉันเคยสาบานไปแล้วว่าจะไม่แตะพวงมาลัยอีกเลยในชีวิต แต่แกไม่ต้องกังวล เพราะอุปสรรคที่ฉันวางไว้สําหรับแกนั้นไม่ได้ยากเกินความเป็นไปได้ที่จะทําให้สําเร็จหรอกนะ” ทาเคดะเท็ตสึยะพูดขึ้น ในขณะที่เขากําลังใส่เหยื่อตกปลาไว้ที่ปลายตะขอ จางเฮงดูวิดีโอคร่าวๆและรู้ตัวทันทีว่าเขาตัดสินชายคนนี้ผิดไป เขาอาจจะพยายามชดเชยสําหรับเรื่องที่เขาไม่สามารถแสดงเทคนิคให้จางเฮงดูได้ด้วยตัวเอง และแทนที่สิ่งนั้นด้วยคลิปสอนที่มีรายละเอียดอันน่าประหลาดใจ นอกเหนือจากการสาธิตในตอนเริ่มต้น ส่วนที่เหลือทั้งหมดของวิดีโอนั้นมีเนื้อหาใหม่ๆที่ทาเคดะเท็ตสึยะถูกบันทึกไว้
จางเฮงเล่นวิดีโอซ้ําแล้วซ้ําอีกไปเกือบ 7 ครั้ง และระหว่างนั้นเขาเล่นวิดีโอแบบสโลว์โมชั่นไป 2 ครั้ง
เมื่อดูจนพอใจแล้ว เขาก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าของเขาและเริ่มการฝึกฝน
ผลลัพธ์ที่ได้ ก็ออกมาตามที่คาดไว้ ช่างเป็นภาพที่น่าสลดใจ เสียงกรีดร้องของยางรถยนตร์ที่สีไปกับพื้นถนนดังกึกก้องไปทั่วท่าเรือ กล่องลังกระดาษแข็งและยางรถ ยนต์ล้มกระจัดกระจายเกลื่อนกลาด! ตอนแรกจางเฮงเริ่มคิดว่าสกิลการขับรถของเขาดีขึ้นมาก เขาคิดไปจนถึงการได้เป็นเจ้าของรถยนต์และสามารถทําภารกิจเบื้องต้นให้สําเร็จได้
แต่การฝึกฝนครั้งใหม่นี้ให้ความรู้สึกเหมือนมีคนมาสาดน้ําเย็นใส่เขา แม้ว่าทาเคดะเท็ตสึยะจะไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือมากเท่าไหร่นักในตอนนี้ แต่เขาคงจะไม่ได้โกหกเกี่ยวกับเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ และตั้งแต่เขากล่าวว่าการฝึกฝนของวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว นั้นแปลว่าจางเฮงมีปัญหาเข้าแล้ว
และชายหนุ่มก็ปลุกปล้ําอยู่กับกองยางรถยนต์และกล่องลัง จนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้า เช้าวันรุ่งขึ้นเจ้าของร้านขายอาหารทะเลเก็บเบ็ดตกปลาและยืดเหยียดร่างกายของเขาแล้วมองมาที่จางเฮง “ พรุ่งนี้แกก็ไปส่งของต่อเหมือนเดิม และถ้าแกมีเวลาว่างตอนไหนแกก็มาฝึกดริฟท์ที่นี่ เพราะงั้นแกจะดริฟท์รถเป็นเร็วแค่ไหนขึ้นอยู่กับตัวแกเอง แกเริ่มปรับแต่งรถ L300 ได้นะ ฉันให้คําแนะนําแกได้แต่ที่เหลือ แกจะต้องจัดการมันด้วยตัวเอง!”
***
*ท้ายปัด – Oversteer หรืออาการ “ท้ายเดิน” นี้ มันคือการเข้าโค้งแล้วรถมันหมุนเกินกว่าโค้ง เช่นรถกําลังเลี้ยวโค้งไปทางขวา แต่ตัวรถดันเกิดอาการล้อหลังกําลังจะขวางขึ้นมาแซงล้อหน้า และจะควบคุมได้ยากกว่า และรถสามารถหันไปได้ทุกทิศทุกทาง