48 Hours a Day - ตอนที่ 33 โตเกียวดริฟท์ III
ตอนที่ 33 โตเกียวดริฟท์ III
อามิโกะพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นไกด์นำเที่ยวที่มีความสามารถมาก นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากทานไทยากิของจางเฮงนั่นทำให้เธอมีความกระตือรือร้นมากขึ้น เธอพาจางเฮงไปเดินดูบริเวณรอบๆก่อนส่งเขากลับไปที่มหาวิทยาลัยอย่างไม่เต็มใจตอนประมาณสามทุ่ม จากนั้นเธอก็นั่งรถรางกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ของเธอ
เพราะที่ดินนั้นมีราคาแพงมากในโตเกียว จึงมีเพียงไม่กี่มหาวิทยาลัยเท่านั้นที่มีหอพัก ด้วยเหตุนี้นักศึกษาส่วนใหญ่จึงต้องหาห้องเช่านอกมหาวิทยาลัยเหมือนอามิโกะ และแม้ว่าบ้านของเธอจะอยู่ในเมืองแต่เธอก็เลือกที่จะเช่าอพาร์ทเมนต์อยู่กับเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยเพราะว่าที่นั้นอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยมากกว่า
อย่างไรก็ตามถือว่าทางมหาวิทยาลัยดูแลนักเรียนแลกเปลี่ยนได้ค่อนข้างดี พวกเขามีบ้านนานาชาติซึ่งมีที่พักสำหรับนักเรียนจากต่างประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นห้องเดี่ยวทั้งหมด
จางเฮงเห็นหมายเลขห้องบนโทรศัพท์ของเขาและปลดล็อคประตูด้วยกุญแจที่มีอยู่ในกระเป๋าของเขา
เป็นห้องพักขนาดกลาง โดยมีขนาดทั้งหมดเพียงประมาณ 15 ตารางเมตร มีเฟอร์นิเจอร์คือเตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะอ่านหนังสือ เครื่องปรับอากาศและยังมีห้องน้ำขนาดใหญ่ในตัว
จางเฮงอาบน้ำอย่างรวดเร็วก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าสะอาดจากในตู้เสื้อผ้า มีบิสกิตครึ่งแพค, บัตรธนาคาร, สมุดบันทึกและสำเนาเอกสารจำนวนหนึ่งอยู่บนโต๊ะ นั้นยิ่งทำให้เขาดูเหมือนนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เพิ่งย้ายเข้ามาในวันนี้จริงๆ
เขาหยิบสมุดบันทึกและพบรายการค่าใช้จ่ายของเขา เขียนด้วยลายมือแบบแผ่นต่อแผ่นเป็นสำเนาให้เขา ในหน้าที่สองคือตารางเรียนที่มีเพียงวิชาเดียวถูกเขียนลงไป นั่นก็คือภาษาญี่ปุ่น
ในสถานการณ์ปกติ มหาวิทยาลัยคงจะไม่จัดชั้นเรียนภาษาเดี่ยวๆให้สำหรับนักเรียนแลกเปลี่ยน
โดยทั่วไปเมื่อลงทะเบียนนักเรียนแลกเปลี่ยน มหาวิทยาลัยจะให้เลือกเรียนแบบภาษาญี่ปุ่นตามความต้องการของตัวนักศึกษาเอง แน่นอนว่าคงมีบางที่ที่ไม่ได้ทำแบบนั้นแต่ก็ต่อเมื่อสาขาวิชาส่วนใหญ่สอนเป็นภาษาอังกฤษ
นั่นต้องเป็นประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ที่เกมประเภทนี้มอบให้ผู้เล่นแน่ๆ ประมาณว่าเป็นการสอนเบื้องต้นสำหรับผู้ที่พูดหรืออ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ได้
แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเรียนรู้ภาษานั้นๆให้คล่องแคล่วได้ในเวลา 60 วัน ตอนนี้เขายังต้องคอยพึ่งอามิโกะเพื่อสื่อสารกับผู้อื่น เป็นประหนึ่งเป็นเครื่องแปลภาษามนุษย์ที่ไว้ใจได้
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่นั้นเขาก็ได้รับข้อความจากเธอ
จางซัง ฉันถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว บ้าเอ้ย! โมโมะไปดื่มจากห้องน้ำอีกแล้วตอนที่ฉันออกไปข้างนอก เธอทิ้งรอยเท้าไปทั่วทุกที่เลย!
อามิโกะเคยเล่าเรื่องของเจ้าโมโมะแมวสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่เธอรับมาเลี้ยงให้จางเฮงฟังไปบ้าง ซึ่งจางเฮงตอบไปว่า: เอาไปทำเป็นสตูว์สิ
“(⊙▽⊙)”
อามิโกะส่งหน้าตกใจให้เขา!
จางเฮงพิมพ์กลับ: ฉันล้อเล่น! เอ้อ แต่อามิโกะเธอรู้หรือเปล่าว่าตู้เอทีเอ็มที่ใกล้มหา’ลัยที่สุดอยู่ที่ไหน?
เขาพลิกไปที่หน้าที่สามในสมุดบันทึกของเขา ในนั้นมีรายการสิ่งที่ต้องทำ – หนึ่งในนั้นคือการสมัครบัตรเครดิตธนาคาร ค่าธรรมเนียมสำหรับเดือนหน้าจะถูกหักออกจากบัตร
ได้สิ เดี๋ยวฉันจะพานายไปที่นั่นพรุ่งนี้เลย แล้วถ้ามีอะไรที่นายยังไม่รู้อีก นายถามฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ! ฉันเองก็อยู่ที่นี่มาจนชินแล้ว!
อามิโกะยังคงกระตือรือร้นเหมือนครั้งแรกที่พบกัน
ขอบคุณที่คอยช่วยฉันนะ
จางเฮงกล่าวอวยพรให้หญิงสาวฝันดี จากนั้นเขาก็ออนไลน์เพื่อค้นหาข้อมูลบางอย่าง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ปิดไฟแล้วปีนขึ้นไปบนเตียง และนั่นคือคืนแรกในต่างประเทศของเขา
…
ค่ำคืนผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และในเช้าวันรุ่งขึ้นจางเฮงก็เข้าคลาสเรียนภาษา ในระดับเริ่มต้นนั้นเรียนรู้ได้ค่อนข้างง่าย – เพื่อให้เข้าใจ Gojūon* หรือที่เรียกกันว่าตารางเทียบโรมันจิ 50 เสียง ซึ่งหลักๆก็คือการทดสอบความจำของนักเรียน จากนั้นในช่วงบ่ายเขาและอามิโกะก็ไปสมัครบัตรเครดิตธนาคาร และกระบวนการเหล่านั้นใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์
เมื่อพวกเขาก้าวออกจากธนาคารจางเฮงถามเพื่อนของเขาว่า “ถ้าฉันอยากหางานทำ พอจะมีที่ไหนที่เธอจะแนะนำบ้างไหม?”
30,000 เยนที่เขามีอยู่นั้นไม่ใกล้เคียงกับคำว่าพอเลย จากการประมาณการณ์ 2 เดือนที่เขาคิดไว้ก่อนหน้านี้นั้นช่างดูดีเกินไป เพราะแค่ค่าเช่าห้องเขาคนเดียวก็ 20,000 เยนแล้ว! โชคดีที่ค่าเช่าเดือนแรกนั้นจ่ายไปแล้ว และเมื่อคิดว่าเขาจะต้องใช้เวลาต่อไปอีก 14 เดือนหรือมากกว่านั้นที่นี่ จางเฮงจึงตัดสินใจว่าเขาต้องหารายได้
เขาไม่รู้ว่าผู้เล่นคนอื่นจะแก้ไขปัญหาทางการเงินนี้ได้อย่างไร พวกเขาอาจเลือกวิธีที่มีความเสี่ยงสูงมากกว่า แต่จางเฮงเลือกที่จะทำงาน แม้ว่าจะได้เงินมาไม่ไวนัก แต่มันจะทำให้เขาได้คุ้นเคยและเป็นส่วนหนึ่งกับเมืองนี้
“อืม คนส่วนใหญ่ทำงานในร้านอาหาร, ซูเปอร์มาร์เก็ตหรือไม่ก็ร้านสะดวกซื้อ แต่การพูดภาษาญี่ปุ่นได้น่ะเป็นเรื่องจำเป็น” อามิโกะหยุดคิดครู่หนึ่ง “หรือนายมีความสามารถด้านไหนไหม?”
“ความสามารถ?” จางเฮงเลิกคิ้ว “ยิงธนูได้กับเล่นเปียโนเป็นนี่นับไหม?”
“อา? ยิงธนูกับเล่นเปียโน! โหเหลือเชื่อ! ถ้างั้นนายก็ไปทำงานที่สนามฝึกคิวโดได้หรือไม่ก็ร้านอาหารตะวันตก อืม แต่การยิงธนูแบบญี่ปุ่น (คิวโด) นั้นต่างจากการยิงธนูแบบตะวันตกอยู่นิดหน่อยนะ โดยคิวโดจะเน้นการฝึกฝนด้านจิตใจและฝึกสติ นอกจากนี้นายคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดคุยกับคนในห้องซ้อม ดูเหมือนว่าตัวเลือกที่ดีที่สุดของนายคือไปเล่นดนตรีที่ร้านอาหารตะวันตก” อามิโกะวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียสำหรับสถานที่ทำงานแต่ละที่ของจางเฮงอย่างรอบคอบ
เธอคนนี้ช่วยจัดแจงอย่างเต็มที่ – เธอลากจางเฮงไปที่ร้านอาหารอิตาเลียนเพื่อสมัครงาน น่าเสียดายที่พวกเขามีนักเปียโนอยู่แล้ว ทั้งคู่จึงลองไปร้านอาหารสเปนและฝรั่งเศสข้างๆ ในที่สุดร้านอาหารตะวันตกที่คนโตเกียวไลต์ท้องถิ่นเป็นเจ้าของ ก็เต็มใจที่จะให้โอกาสจางเฮงหลังจากได้ยินเขาเล่นดนตรี ถึงกระนั้นเจ้าของก็ยังคงตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่าจางเฮงพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้
อามิโกะชี้ไปที่ป้ายโฆษณางานนอกร้านแล้วพูดว่า “คุณยังต้องการพนักงานเสิร์ฟอยู่ใช่ไหมคะ คือฉันเคยทำงานที่ Roast Beef Ohno เอาอย่างนี้ไหม – เดี๋ยวฉันจะทำงานที่นี่ด้วย! ถ้ามีปัญหาด้านภาษา ฉันจะช่วยแปลให้เขาเอง”
“ถ้างั้นเราก็ไม่มีปัญหา!” บรรดาพนักงานในร้านอาหารต่างพยักหน้า “เราจ่ายให้ 1,200 เยนต่อชั่วโมงนะ 3 วันต่อสัปดาห์ วันละ 4-5 ชั่วโมง มีให้เลือกว่าจะทำกะกลางวันหรือกะกลางคืน เธอสามารถเลือกมาวันที่เธอไม่มีเรียนได้นะ เดี๋ยวฉันจะพยายามทำให้พวกเธอ 2 คนอยู่กะเดียวกันเอง”
“ขอบคุณที่สละเวลานะคะ!” อามิโกะโค้งคำนับ
หลังจากที่พวกเขาก้าวเท้าออกจากประตูร้านไปแล้ว ตอนนั้นเองจางเฮงถึงได้รู้ว่าพวกเขาได้คุยอะไรกันไปบ้าง และตอนนี้อามิโกะก็รับรู้ได้ถึงความไม่เห็นด้วยระหว่างเดิน เธอก็รีบอธิบายว่า “เมื่อวานนี้สนุกดีนะ! ปกติแล้วทุกคนมักจะยุ่งอยู่กับชีวิตของตัวเอง มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นแหละที่เต็มใจรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น! จางซัง…ช่างเป็นคนที่อ่อนโยนมากเลยนะ แล้วก็นะ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพราะนายอย่างเดียวหรอก ฉันเพิ่งจะออกจากงานเก่ามาและกำลังจะหางานใหม่ทำอยู่พอดี สภาพร้านและค่าจ้างที่นี่ก็ดูค่อนข้างดีใช้ได้เลยแหละ! แล้วมันก็ยิ่งปลอดภัยกับนายมากขึ้นใช่ไหมล่ะ?” อามิโกะส่งประกายฟันเกของเธอ
หรือนี่จะเป็นความประทับใจแรกที่ดีใช่ไหม? จางเฮงไม่พูดอะไร เมื่อเขาเห็นว่ามันเริ่มเย็นแล้ว เขาจึงพาอามิโกะไปกินมื้อเย็นที่ร้านอาหารใกล้ๆ
ทั้งสองกำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในมหาวิทยาลัย ทันใดนั้นเองรถซูบารุ BRZ พ่นสีสเปรย์และรถโฟล์คสวาเก้น Golf R สีเขียว ก็หยุดอยู่ตรงด้านหน้าร้าน บรรดาชายหนุ่มและหญิงสาวที่มีผมหลากสีสันก้าวออกมาจากรถ หนึ่งในนั้น มีชายสวมผ้าพันคอตะโกนใส่เจ้าของร้านให้นำเบียร์มาให้เขาทันทีที่เขาก้าวเข้ามา
จากลักษณะของพวกเขาส่วนใหญ่ นั้นดูชัดเจนเลยว่าพวกเขาได้ดื่มมาก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาดูเมามาอยู่ก่อนแล้ว
อามิโกะกระซิบว่า “อย่าไปจ้องพวกเขานะ! ผู้ชายคนนั้นเป็นโบโสะโซคุ*อยู่ตอนนี้ มีไม่กี่คนที่มาจากมหา’ลัยของเรา พวกนั้นออกไปเที่ยวกับพวกพังก์ที่ทำตัวไม่มีประโยชน์ไร้ค่าตลอดทั้งวัน! พวกเขาไม่ทำอะไรดีๆเลยตั้งแต่เช้าจรดค่ำ”
***
Gojūon – ตารางเทียบฮิระงะนะ โรมันจิ 50 เสียง / ตารางเทียบคะตะกะนะ(คาตาคานะ) โรมันจิ 50 เสียง
โบโสะโซคุ Bōsōzoku – เป็นวัฒนธรรมย่อยของเยาวชนชาวญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับจักรยานยนต์