48 Hours a Day - ตอนที่ 30 รอบ 2
ตอนที่ 30 รอบ 2
เฉิงเฉิงไม่ไปมหา’ลัยสองวัน ได้ยินว่าเขาถูกส่งไปยังแผนกฉุกเฉินโดยรถพยาบาล และได้รับคำวินิจฉัยโรคขั้นสุดท้ายจากแพทย์คือ ‘จมน้ำ‘ สิ่งที่แปลกคือเฉิงเฉิงบอกว่าเขานอนอยู่บนเตียงในห้องพักของโรงแรมและไม่ต้องสัมผัสกับน้ำเลย
แต่สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าสภาพร่างกายของเขาคือสภาพจิตใจของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะทุกข์ทรมานจากการบาดเจ็บทางจิตใจอย่างรุนแรงและได้รับคำแนะนำจากแพทย์ให้ไปรับความช่วยเหลือทางด้านจิตใจหลังจากการรักษาสภาพร่างกาย เป็นผลให้ผู้ปกครองของเขาต้องใช้จ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงระดับโลกและหลังจากการรักษาไป 2 ช่วง เขาก็กลับมามีปกติอีกครั้ง
ในที่สุดเขาก็กลับไปเรียนมหา’ลัยได้อีกครั้งในอีก 1 เดือนต่อมา เพื่อนคนสนิทเพียงไม่กี่คนได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับด้วยความยินดี และเชิญสาวสวยมาอยู่ข้างเคียงเขา แต่เฉิงเฉิงยังคงหวาดกลัวหลังจากทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้น แม้ว่าพวกเขาจะพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวที่อยู่ในห้องอาบน้ำคืนนั้น แต่เฉิงเฉิงอยากจะมีนางแบบดาดๆทั่วๆไปมากกว่าใครจากวันนั้น
คืนนั้นหลังจากเบียร์ 2-3 แก้วและคำชื่นชมของเพื่อนๆ อารมณ์ของเฉิงเฉิงดีขึ้นอย่างมากและเต็มใจที่จะฝึกฝนตามสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญได้บอกไว้ ซึ่งคือการเชื่อว่านั่นเป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้น
เมื่อเขากลับมายังมหาวิทยาลัย เขาตัดสินใจจะเอาความรุ่งเรืองในอดีตของเขากลับมาและหาวิธีเอาชนะเสิ่นซีซีให้ได้ คนเราก็เป็นซะอย่างนี้ พวกเขาคิดว่าอะไรที่ได้มายากสิ่งนั้นก็จะยิ่งมีค่ามากขึ้น
ในตอนแรก ช่วงระหว่างงานเลี้ยงต้อนรับเขาคิดว่าเธอเป็นนักร้องที่ดูน่ารักและอยากจะจีบเธอเพื่อความสนุก แต่เสิ่นซีซีคงไม่ยอมและไม่แม้แต่จะให้โอกาสเขาเลยซึ่งนั้นยิ่งทำให้เขาดื้อดึงมากขึ้นในการตามตอแยเธอ
เรื่องนี้ช่างทำให้เขารำคาญใจขึ้นมา และขณะที่เขากำลังมีอะไรกับนางแบบทั่วๆไป เฉิงเฉิงก็เอาคลุมใบหน้าของหญิงสาวผู้น่าสงสารด้วยหมอนแล้วจินตนาการว่าเธอคือเสิ่นซีซี สิ่งนี้ทำให้เขาตื่นเต้นยิ่งกว่าปกติ
เขาเก็บมันไว้อีก 3 นาทีก่อนจะทิ้งตัวลงนอน หลังจากนั้นความเหนื่อยล้าก็ท่วมศีรษะของเขา และเฉิงเฉิงที่เหนื่อยล้าก็หลับตาและหลับไปทันที เขารู้สึกตัวตื่นขึ้นกลางดึกและเขารู้สึกว่ามีบางอย่างที่วางอยู่บนใบหน้าของเขา
เมื่อเขาลืมตาขึ้น เขาก็เห็นหน้าของเจ้าชัคกี้อยู่บนใบหน้าของเขา! เขาขนลุกไปทั่วร่างกายด้วยความหวาดผวา!
เสียงกรีดร้องของเขาไม่เพียงจะแต่ปลุกนางแบบที่อยู่ข้างๆให้ตื่นเท่านั้น แต่ยังทำให้แขกที่อยู่ชั้นล่างทั้งหมดตกใจตามไปด้วย เฉิงเฉิงไม่ทันได้สนใจด้วยซ้ำว่าเขาแต่งตัวไม่เรียบร้อยขนาดไหนก่อนออกมาจากห้อง เขารีบวิ่งออกมาพร้อมกับกรีดร้องตะโกนเสียงดังอย่างสุดชีวิตโดยสวมแค่กางเกงในเท่านั้น!
อนิจจา แม้ในยามทุกข์ยากเขาก็ยังมีเพื่อนอยู่ด้วย เขาอยู่ห่างจากโรงแรมเพียงไม่ไกลในตอนที่เขาวิ่งออกมาและตอนนั้นเองก็มีรถมินิแวนเบรกเอี๊ยดอย่างกระทันหันเพื่อหยุดอยู่ตรงหน้าเขา! ประตูเปิดออกและเด็กหนุ่มที่มีรอยสักก็ยิ้มให้เขาจากข้างใน “พี่เฉิง หมาปั๊กตัวน้อยของนายมาพานายกลับบ้านแล้ว!”
จากนั้นผู้โดยสารภายในรถตู้ก็ลากเฉิงเฉิงที่กำลังหวาดกลัวเข้ามาในรถ!
จากเรื่องนี้ คือมีคลิปวิดีโอ 15 นาทีของเฉิงเฉิงที่สวมปลอกคอสุนัขกำลังเห่าและไล่หาอาหารสุนัขปรากฏอยู่บนหน้าแสดงความคิดเห็นของมหาวิทยาลัย ถึงแม้ว่าเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยจะลบคลิปไปอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ยังคงมีอยู่บนอินเตอร์เน็ต เป็นสิ่งที่ลบไม่ได้ตลอดไป ทั้งมหาวิทยาลัยวุ่นวายไปหมด!
ชื่อเสียงของเฉิงเฉิงนั้นเปราะบางราวกับเปลือกไข่อยู่แล้ว คนในสมาคมนักศึกษาแกล้งทำเป็นว่าโกรธเขือง แต่ปฏิกิริยาที่ได้รับจากคนทั่วไปส่วนใหญ่คือรู้สึกดีใจเมื่อเห็นผู้อื่นมีความทุกข์(schadenfreude)
สัปดาห์ต่อมา พ่อแม่ของเฉิงเฉิงมาที่มหาวิทยาลัยและหลังจากรีบร้อนให้ลูกชายของเธอลาออกแล้ว ก็มีข่าวลือแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็วว่าพวกเขาส่งลูกชายไปต่างประเทศเพื่อรับการรักษา
…
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นไม่เกี่ยวข้องกับจางเฮงอีกต่อไป จริงๆแล้วหลังจากที่เขาสละเวลาไปส่งคำเตือนให้เฉิงเฉิง จากนั้นเขาก็มีตารางงานที่ยุ่งอยู่ตลอด เขาแค่โยนตุ๊กตาไปผ่านๆเพื่อให้เฉิงเฉิงยุ่งอยู่กับเรื่องน่าเบื่อของเขา! จางเฮงไม่เคยคาดหวังมาก่อนว่าจะส่งผลรุนแรงมากขนาดนี้
ต่อมาจางเฮงได้กลับไปอีกครั้ง โดยเจตนาในครั้งนี้คือเพื่อติดหน้าตุ๊กตาผีสิงลงในห้องมืดๆของโรงแรม สถานการณ์ค่อนข้างน่ากลัวอย่างปฏิเสธไม่ได้ เฉิงเฉิงเคยหวาดผวามาก่อนแล้วและในสภาวะที่เปราะบางที่สุดของเขาในตอนนี้ ที่ต้องทำก็แค่เพิ่มความน่ากลัวไปอีกนิด จากนั้นก็คงไม่น่าแปลกใจเลยถ้าเขาจะสติแตก และสำหรับการปรากฏตัวของอู๋ฟานหลังจากนั้นจางเฮงก็ไม่รู้อะไรเลย
ตอนนี้เรื่องนี้ก็ถือว่าจบลงไปแล้ว จางเฮงไม่ได้ใช้เวลาและพลังงานไปกับเฉิงเฉิงมากนัก การที่เขาเข้าไปก่อกวนได้นั้นก็เพราะว่ามันไม่ได้ต้องใช้ความพยายามอะไร ช่วงนี้เขามีแผนการใหม่ – เข้าร่วมชั้นเรียนและเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันรอบต่อไป
และผลลัพธ์ของการออกกำลังกายของเขาชัดเจนขึ้นอีกเล็กน้อย เขาไม่ได้พยายามที่จะเป็นนักเพาะกายอะไรเทือกนั้น แต่สิ่งที่เขากังวลคือความยืดหยุ่นมากกว่าความแข็งแกร่ง ตอนนี้เขาปีนเขาผ่านขั้นเริ่มต้นไปแล้วเช่นกัน
เกมที่สองใกล้เข้ามาแล้ว ในทางทฤษฎีเขาสามารถรอจนถึงวันสุดท้ายที่จะเข้าร่วมเกมได้ แต่จางเฮงไม่ต้องการให้มันจวนตัวขนาดนั้น ถ้าเกิดเขาป่วยขึ้นมาหรือบังเอิญข้อเท้าแพลงล่ะ? ก็คงสนุกเลยน่ะสิ
ดังนั้น 5 วันก่อนสิ้นเดือนพฤศจิกายน จางเฮงจึงกลับไปที่บาร์เซ็กส์แอนด์เดอะซิตี้
ในครั้งนี้เขาไม่จำเป็นต้องโชว์หมายเลขที่แขนของเขาให้กับชายร่างก่ำยำที่ยืนเฝ้าหน้าบันไดทั้งสองคนนี้ดูเพื่อให้เขาเดินผ่านไปได้
จางเฮงขอบคุณสุภาพบุรุษทั้งสองและผลักประตูเหล็กออก เลานจ์แห่งนี้ก็ไม่ต่างจากครั้งก่อนที่เขามาถึงจะมีก็แต่ดนตรีที่เปลี่ยนไปเป็นดนตรีแจ๊สเท่านั้นเอง
บาร์เทนเดอร์ดูเหมือนจะอารมณ์ดี เธอกำลังผสมเครื่องดื่มแปลกๆอยู่ ตอนที่เธอเห็นจางเฮงและเธอก็ทักทายเขาว่า “เดือนนี้เป็นไงบ้าง? อยากดื่มอะไรไหม?”
“ก็ไม่แย่ ขอไม่ดื่มอะไรเลยแล้วกัน”
จากนั้นเหมือนอ่านใจเขาได้ เธอผลักผลงานชิ้นเอกที่เพิ่งทำเสร็จเมื่อครู่ส่งให้เขา “นายคงไม่คิดว่าเป็นเพราะน้ำมะนาวที่ทำให้นายสลบไปครั้งก่อนใช่ไหม? ต่อใหนายจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตาม นายก็ยังต้องเข้าเกมในแบบเดียวกันอยู่ดี”
“ครั้งที่แล้ว เธอบอกว่าเวลาสำหรับเกมแรกเท่านั้นที่เลือกไม่ได้ ตอนนี้ฉันมีอิสระในการเลือกเวลาแล้วใช่ไหม?”
บาร์เทนเดอร์ชี้ไปที่บางอย่างที่อยู่ใกล้ๆ “นายเห็นบูธนั้นไหม? แต่ละอันมีนาฬิกาปลุกอยู่ เลือกนั่งสักที่หนึ่งในนั้นและปรับเวลาตามใจชอบได้เลย เมื่อถึงเวลาที่นายเลือกแล้ว เกมก็จะเริ่มขึ้น”
“ขอบคุณ แต่ยังไงฉันก็ไม่อยากดื่มเหล้า เดี๋ยวเกมก็จะเริ่มแล้ว ฉันควรมีสติเอาไว้ดีกว่า!”
“นี่ไม่ใช่ค็อกเทล แค่เป็นน้ำผลไม้ผสมกัน” บาร์เทนเดอร์ยกคิ้วให้เขา; เห็นได้ชัดเลยว่าเธอมีความอดทนอยู่เยอะพอตัว
จางเฮงมีความรู้สึกดีในตอนที่หยิบแก้วที่เต็มไปด้วยของเหลวที่ไม่รู้จักขึ้นมา จากรูปลักษณ์ของมันสิ่งนี้เหมือนน้ำในสไตล์ของเมดคาเฟ่มากจนสมบูรณ์แบบ มันดูน่าสงสัยจริงๆนะ จางเฮงเคยไปที่ร้านเมดกาแฟนั้นครั้งสองครั้งก่อนหน้านี้ แต่ผู้หญิงที่เป็นบาร์เทนเดอร์นั้นทำตัวราวกับว่าเธอไม่รู้จักเขา ทำหน้าเย็นชาและไม่แยแส
“โอ้ ใช่! ที่เธอเคยพูดถึงครั้งก่อนว่ากล่องไม้ที่ทำจากไม้ไซปรัสนั้นสามารถปิดกั้นพลังเหนือธรรมชาติได้ขายอยู่ที่นี่ มันราคาเท่าไหร่เหรอ?” จางเฮงลองชิมเครื่องดื่มในมือเขา มันมีรสชาติที่แปลกประหลาดเหมือนทุเรียนและมะม่วงอย่างละนิด อาจจะมีทุเรียนเทศแล้วก็อะโวคาโดผสมอยู่ในนี้ มันเป็นส่วนผสมที่แปลกเกินจะรับได้ จางเฮงจึงตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องและค่อยๆวางเครื่องดื่มลงไปอย่างช้าๆ
จากข้อมูลก่อนหน้านี้ทั้งหมดที่เขารวบรวมมาได้ มีสิ่งที่มีค่าอยู่ 2 อย่างในเกม อย่างแรกคือบรรยากาศที่เหมือนจริงมากและการตั้งค่าที่อนุญาตให้ผู้เล่นได้รับประสบการณ์และทักษะมากมายภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง อย่างที่สองคือที่เรียกว่าเกมไอเทม
ยิ่งไม่ต้องบอกเลยว่าการมีไอเทมเหนือธรรมชาติที่ยังคงส่งผลต่อเนื่องมาถึงโลกแห่งความจริงนั้นมีประโยชน์มาก! ตีนกระต่ายนำโชคอยู่กับจางเฮงมานานกว่า 1 เดือนแล้ว เขาพบเงินที่หล่นอยู่บนท้องถนนถึง 2 ครั้งด้วยกัน ถึงแม้มันแค่ 2 หยวนก็ตาม ตีนกระต่ายอยู่ในระดับ E คลาส นั้นบ่งบอกได้ว่ามีคลาสอื่นๆอีกด้วยเช่น A, B, C และ D ที่เหนือกว่า
แต่เนื่องจากผลกระทบของเกมไอเทมนั้นไม่สามารถระบุได้ การพกพาไปไหนมาไหนแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่อาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะมีโชคดีตลอดเวลาดังนั้นเขาจึงต้องการวิธีที่ดีกว่าในการเก็บมัน
สุดท้ายหลังจากที่บาร์เทนเดอร์บอกเขาเกี่ยวกับต้นไซปรัส เขาก็กลับไปค้นหาบนไป่ตู้และพบว่าต้นไม้นี้เติบโตในรัฐโออาซากาของเม็กซิโกเท่านั้น ซึ่งเป็นที่เคารพของคนท้องถิ่นอย่างมาก คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชิ้นส่วนจากต้นไม้นั่นมาทำเป็นกล่องเอาเอง
เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากซื้อกล่องนี่จากบาร์เทนเดอร์ รู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ซื้อถึงแม้เขาจะคิดว่าผลลัพธ์ที่ออกมาจะไม่ดีก็ตาม