48 Hours a Day - ตอนที่ 29 บททดสอบมิตรภาพ
ตอนที่ 29 บททดสอบมิตรภาพ
รถสายตรวจส่งคนทั้งกลุ่มกลับไปที่เมือง คำพูดของพวกเขาถูกลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน แต่ก็ไม่น่าแปลกใจที่ตำรวจทำอะไรไม่ได้มาก
นั่นเป็นเพียงอาชญากรรมเล็กๆที่ไม่ได้ส่งผลอะไรร้ายแรง ดังนั้นพวกเขาเพียงแค่รับแจ้งความและเตือนผู้ตั้งแคมป์อื่นๆ หากไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก พวกเขาก็คงจะไม่ลงทุนลงแรงไปสืบสวนสอบสวนหรอก
แต่ก็เป็นสถานการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้เพราะเจ้าหน้าที่ก็มีคดีมากมายกองท่วมท้น การเรียงคดีความตามลำดับความสำคัญเป็นทักษะที่สำคัญของเจ้าหน้าที่ทุกคน
และเพราะแบบนั้นการออกมาพักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติก็ได้ถูกทำลายลง เมื่อเวลาผ่านไปพวกเขาก็ไปถึงที่มหาวิทยาลัยแต่มันก็ใกล้ถึงเที่ยงคืนแล้ว พวกเขาร่ำลาและกล่าวฝันดีกันแล้วแยกย้ายกันกลับไปที่ห้องของตัวเอง
เฉินหวงตงนั้นโชคดี! ต้องขอบคุณความกล้าหาญของเขาที่ยืนหยัดไม่ไปไหนในตอนที่มีผู้บุกรุกเข้ามาข่มขู่เขา เขาจึงได้รับเบอร์โทรศัพท์ของสวี่จิ้ง!
ขณะที่เขากำลังเริ่มต้นสานความสัมพันธ์ ทุกคนก็ได้เริ่มแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อสื่อสารกัน ทันทีที่พวกเขากลับมาที่ห้องตัวเอง ที่นั่งบนเก้าอี้ยังเย็นๆอยู่ แต่ทั้งคู่ก็เริ่มคบกันแล้ว
เสิ่นซีซีส่งข้อความถึงจางเฮงเพื่อเตือนให้เขาระวังตัวเป็นพิเศษ
จางเฮงเก็บเรื่องนี้มาคิดและจากนั้นก็ส่งข้อความตอบขอบคุณกลับไปอย่างสุภาพ
เขาเพิ่งจะส่งข้อความไปในตอนที่โลกรอบๆตัวของเขาเงียบลงอย่างน่าประหลาด แต่หลังจากผ่านไปเกิน 1 เดือน จางเฮงก็ไม่ได้แปลกใจสำหรับปรากฏการณ์นี้อีกแล้ว
เขาตั้งเวลาบนโทรศัพท์ให้ปลุกเขาในอีก 7 ชั่วโมง จากนั้นเขาก็ปีนขึ้นไปบนเตียง
เมื่อเขาลืมตาตื่นโลกก็ยังคงตกอยู่ในความมืดมิด จางเฮงปิดนาฬิกาปลุกและกลิ้งออกจากเตียง หลังจากทำข้าวโอ๊ตถ้วยหนึ่งเขาก็เดินลงบันไดไปพร้อมกับถ้วยนั้น
ผู้ดูแลหญิงมาถึงเร็วกว่าปกตินิดหน่อย ประตูหลักถูกล็อคไปเรียบร้อยแล้วที่เวลา 12 นาฬิกา
จางเฮงเดินตรงเข้าไปในห้องควบคุมและหยิบกุญแจชุดหนึ่ง แล้วเขาก็เริ่มไขกุญแจที่ประตู
เขาไปที่วูมาร์ท ก่อนคว้าขนมปังสับปะรดหรือที่เรียกกันว่า Bo Lo Bao ออกมาจากชั้นและจากนั้นก็วางเงินไว้ที่แคชเชียร์ เป็นเวลานานแล้วที่เขาไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ ไม่ได้ทำตั้งแต่คุณยายตกใจกลัววิ่งกลับบ้านพร้อมกับหลานของเธอแล้วหลังจากได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับตำนาน 12 นาฬิกา เขาจึงเปลี่ยนไปเป็นตุนอาหารไว้ก่อนเข้านอน
ส่วนตอนนี้นั้นเป็นข้อยกเว้นเพราะเกิดเหตุที่ไม่คาดฝัน หากเฉิงเฉิงไม่ได้เข้ามายุ่งวุ่นวาย เขาก็ยังคงตั้งแคมป์อยู่ที่นั่น หลังจากจัดการกับข้าวโอ๊ต 1 ถ้วยและขนมปังเสร็จสิ้น เขาก็ทิ้งถ้วยไว้ที่ชั้นวางซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้ววิ่งเหยาะๆไปที่ยิมที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง จนถึงตอนนั้นอาหารในท้องของเขาก็ถูกย่อยเกือบจะหมดแล้ว
เขาเริ่มฝึกด้วยเครื่องกันเฉียงบก 3 ชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนโกหก จากนั้นเขาก็อาบน้ำอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเตรียมตัวไปชมรมปีนเขา … ท้ายที่สุด เขาก็เดินไปรอบๆเมืองเพื่อทัวร์ประจำวันของเขาพร้อมกับกล้องของเขา
เขากำลังเดินผ่านโรงแรมขนาดเล็ก ที่มีรถ BMW สีแดงฉูดฉาดเตะตาเขา จางเฮงหยุดปั่นจักรยานขณะที่เขากำลังจ้องมองไปที่ป้ายทะเบียนรถอย่างช้าๆ นั้นเป็นรถของเฉิงเฉิง
แม้ว่าแท้จริงแล้วจางเฮงจะไม่ได้โดนลูกชายของนักธุรกิจผู้มั่งคั่งคนนี้ก่อกวนแต่อย่างใด อย่างที่เขาบอกเสิ่นซีซีเขาไม่ได้มีส่วนร่วมในชมรมหรือกลุ่มกิจกรรมไหนเลยและมีปฏิสัมพันธ์กับสมาคมนักศึกษาน้อยมาก หากเฉิงเฉิงต้องการทำลายจางเฮงลง นั่นคงต้องใช้ความพยายามค่อนข้างมากเพื่อขุดอดีตของเขาขึ้นมา
เฉิงเฉิงอาจมีชื่อเสียงในมหา’ลัยและเขาก็ไม่ใช่คนโง่ แต่เป็นมันเพราะเงินที่ทำให้พวกเขาเต็มใจที่จะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของเขาในการหลอกลวงสาว 1 ปีซึ่งไร้เดียงสา แต่ถ้าพวกเขาถึงกับต้องยอมไม่ได้ใบปริญญาบัตรเพื่อเขาหรือยอมทำผิดกฎหมาย ขอโทษนะ คงไม่มีใครทำหรอก
ในขณะที่พออยู่นอกโรงเรียน ถึงแม้ว่าชายหนุ่มคนนี้จะไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมใดๆ แต่จากเบาะแสของเสิ่นซีซี จางเฮงคิดว่าอย่างไรเสียเขาก็เป็นแค่ลูกคนรวยที่น่าเบื่อหน่ายอีกคนที่ไม่ต้องไปอะไรทำด้วยเหมือนกับเฉิงเฉิง
นั่นเป็นเพียงแค่การช่วยเหลือเพื่อนจริงๆไม่มีอะไรแอบแฝง แต่บางครั้งคนเหล่านี้ก็เป็นคนที่น่ารำคาญกว่าพวกอันธพาล พวกเขายินดีที่จะทำเกือบทุกอย่างก็เพื่อศักดิ์ศรีของพวกเขาเอง
จางเฮงคิดว่าเนื่องจากเขาบังเอิญมาเจอกันแล้ว นี่คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะกำจัดม้าโทรจันนี้ไปอย่างถาวร
เขาจอดรถจักรยานสาธารณะข้างๆตึกและเดินเข้าไปในโรงแรม เขาไม่รู้ว่าเฉิงเฉิงอยู่ที่ไหนแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะเขาเข้าถึงข้อมูลลูกค้าทั้งหมดได้บนคอมพิวเตอร์ที่แผนกต้อนรับอย่างง่ายดาย
เขาพบชื่อเฉิงเฉิงในไม่ช้า เขาจดเลขห้องและยืมกุญแจสำรองหนึ่งชุด 2 นาทีต่อมาเขาผลักประตูเปิดออกแล้วเข้าไปในห้อง 305
มีไอน้ำเกาะอยู่ทั่วประตูกระจกของห้องน้ำ แต่ไม่มีเสียงน้ำ
จางเฮงรับรู้ว่านนั่นคือภาพเงาของหญิงสาวคนหนึ่ง แต่เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาแบบนี้ เขามองออกไปทางอื่นทันทีแล้วเดินเข้าไปในห้องต่อ มีเสื้อผ้าวางเกลื่อนไปหมดทุกที่
มีแม้แต่ยกทรงยกห้อยอยู่บนโทรทัศน์
เฉิงเฉิงอยู่บนเตียงไม่ใส่อะไรเลยนอกจากกางเกงในเท่านั้น กำลังสูบบุหรี่และส่งข้อความทาง WeChat ไปพร้อมกัน
จางเฮงดึงโทรศัพท์จากมือของเขาและเห็นว่าคนที่เขาคุยด้วยเป็นผู้ชายที่ชื่อ อู๋ ฟาน ที่มีรูปรอยสักเป็นรูปโปรไฟล์ของเขา จางเฮงพยายามนึกถึงรอยสักของผู้บุกรุกคืนนั้นแต่เขาก็ยังไม่แน่ใจ แต่ก็ไม่เป็นไร จางเฮงคลิกที่ผู้ติดต่อเลื่อนลงไปและพบภาพเดียวกัน
เจ้าของบัญชี WeChat ถ่ายภาพเต็มตัวพร้อมกับตู้เสื้อผ้าและมีคำอธิบายใต้ภาพว่า – ไม่มีที่วางรองเท้าเลย ทำไงดี?
ใบหน้าบนรูปภาพนั้นคือคนคนเดียวกันกับผู้ชายที่พกมีดพับ
จางเฮงกลับไปดูที่หน้าการสนทนาแล้วดูข้อความ มันเกือบเหมือนกับที่เขาคาดเดาไว้ เฉิงเฉิงเป็นคนที่คิดวางแผนเรื่องนี้ขึ้นมา! เขาอยู่ใกล้ๆสถานที่เกิดเหตุและพร้อมที่จะปรากฏตัวขึ้นเมื่อเขาได้รับสัญญาณ!
เขาไม่ได้คิดว่าแผนการของเขาจะถูกขัดขวางโดยจางเฮง เขากลับบ้านไปอย่างไม่เต็มใจด้วยพร้อมกับความโกรธแค้นที่อัดอั้นอยู่ในใจไม่สามารถระบายได้ เฉิงเฉิงได้ชักชวนรุ่นน้องที่เขาตามจีบให้ไปเที่ยวและไปเดทกับเขา
อู๋ฟานถามเฉิงเฉิงว่า ต้องการให้ไปเตือนนัดยิงธนูสักหน่อยไหม
เฉินเฉิงตอบอย่างไร้เมตตาว่า ยังไงเขาก็จะต้องจัดการจางเฮงก่อน
หลังจากนั้น บทสนทนาก็เริ่มน่าเบื่อ มองหาว่ามีชมรมอะไรที่มีหญิงสาวสวยๆบ้าง รองเท้ารุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นรุ่นไหนน่าเก็บสะสมบ้าง ใครจะหาผู้หญิงได้บ้าง หรือสาวคนไหนอกใหญ่กว่ากันบ้าง – เรื่องพรรค์นั้น นอกจากนั้นจางเฮงก็ยังพบว่าเฉิงเฉิงกำลังเล่นยาเสพติดด้วยความมัวเมาและหลอกพวกผู้หญิงที่เขาชอบให้ไปกับเขาด้วย
จางเฮงส่ายหัวของเขาอย่างแผ่วเบา ผู้ชายคนนี้ทำให้คนอื่นบาดเจ็บมามาก และเมื่อจางเฮงอ่านบทสนทนาเสร็จแล้ว เขาก็ได้สร้างกลุ่มแชทใหม่ซึ่งได้ดึงอู๋ฟานและผู้ติดต่ออื่นๆทั้งหมดในรายชื่อที่ดูเหมือนพวกลูกคนรวยเข้ากลุ่ม แล้วเริ่มพิมพ์ …
‘ไอ้งั่งอู๋ฟาน! ฉันแค่เอ่ยถึงมิตรภาพและความจงรักภักดีเพื่อให้มันทำทุกอย่างที่ฉันต้องการ แล้วมันก็ทำได้ทุกอย่างที่ฉันสั่ง ตอนนี้มันเชื่องยังกับหมาเลย‘
เมื่อเขาแต่งข้อความเสร็จแล้ว จางเฮงก็เพิ่มอีโมจิหน้ายิ้มและร่มที่ท้ายข้อความ แล้วกดปุ่มส่ง
เขาคาดการณ์ได้ว่าหลังจาก 0 นาฬิกาคืนนี้ มิตรภาพที่มั่นคงต้องได้เผชิญกับการทดสอบที่เลวร้าย
แต่แค่นี้คงไม่อาจทำลายเฉิงเฉิงลงได้ จางเฮงจึงตัดสินใจเตือนเขาไปอีกอย่าง
เขาไม่ได้ทำอะไรที่ไร้มนุษยธรรมเกินไป – เขาไม่ใช่สัตว์ประหลาด เขาเพียงแค่ให้เฉิงเฉิงได้ดื่มน้ำเท่านั้นเอง
หลังจากกรอกน้ำลงไป 2 ขวดใส่ลงหลอดอาหารของเฉิงเฉิง จางเฮงเป็นกลัวว่าเฉิงเฉิงอาจจะยังไม่พอใจดังนั้นเขาไปเอาน้ำมาเพิ่มอีก 2 ขวดจากเคาร์เตอร์แผนกต้อนรับ จากนั้นเพื่อป้องกันความเสียหายถาวรต่อระบบประสาทจากภาวะน้ำเป็นพิษ เขาจึงนำโพคารี่สเวทอีก 3 ขวดตามลงไปด้วย
ท้ายที่สุดก็เหลือแต่ขวดเปล่า และกระเพาะของเฉิงเฉิงก็มีขนาดใหญ่ขึ้นและเมื่อถูกเขย่า จางเฮงก็ได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ข้างในร่างกาย
อย่างสุดท้ายจางเฮงลบแอปทั้งหมดในโทรศัพท์ของเฉิงเฉิงออก ก่อนที่จะตั้งค่ารูปภาพเจ้าชัคกี้สยองเป็นวอลล์เปเปอร์ และเขาก็ทิ้งข้อความสำคัญเอาไว้ในบันทึก – คิดถึงสิ่งที่นายทำลงไป
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น จางเฮงก็กระโดดขึ้นไปบนจักรยานสีเหลืองเล็กๆของเขา ทิ้งโรงแรมนั้นไว้เบื้องหลังและออกสำรวจเส้นทางศิลปะต่อไป