48 Hours a Day - ตอนที่ 25 เสิ่น ซีซี
ตอนที่ 25 เสิ่น ซีซี
รถมินิบัสที่เหว่ยเจียงเหยียนจองนั้นเพิ่งมาถึงที่ชั้นล่าง ชายหนุ่มทั้งสามบรรทุกของใส่ยานพาหนะทั้งอุปกรณ์ตั้งแคมป์และอาหารที่เตรียมไว้
จางเฮงตรวจดูคันธนูโค้งกลับ SF ของเขาจากสนามซ้อมยิงเมื่อวันก่อน
หลังจากได้ฝึกซ้อมไปประมาณหนึ่งสัปดาห์ ทักษะของเขาก็เกือบกลับมาเต็มร้อยแล้ว และด้วยความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีสมัยใหม่เขายิงโดนวงที่ 9 ในระยะ 50 เมตร แต่จางเฮงถนัดยิงเป้าเคลื่อนที่มากกว่า ถึงแม้มันจะขึ้นอยู่กับความเร็วและวิถีการเคลื่อนที่ของเป้าก็ตาม
มีสิ่งหนึ่งที่คอยรบกวนจิตใจของเขา เขารู้สึกว่ามีสายตาที่ขุ่นเคืองกำลังจ้องมองเขาซึ่งนั้นทำให้เขาลังเลเล็กน้อยที่จะปลดปล่อยศักยภาพทั้งหมดที่มี โดยส่วนใหญ่แล้วเขาจึงต้องรอให้ถึงห้วงเวลาหยุดนิ่งเพื่อใช้สนามฝึกซ้อม ตอนนี้โอกาสที่จะได้ฝ่าฟันอุปสรรคในป่าก็เกิดขึ้นแล้วเขาคงหาสถานที่ที่เงียบสงบในการซ้อมยิงธนูได้
“พ่อหนุ่มจาง ถ้ามีอะไรอันตรายเกิดขึ้น นายต้องปกป้องฉันก่อนเลยนะ” เฉินหวงตงขำรัวๆ จางเฮงไม่ได้เก็บเรื่องการเรียนยิงธนูขอองเขาเป็นความลับจากเพื่อนร่วมห้อง เพื่อนทั้งหมดรู้ว่าเขาเพิ่งจะเริ่มฝึก จริงๆแล้วเพิ่งเริ่มเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนและดูคลิปสอนยิงธนูตามเน็ต คิดว่าเขาจะพัฒนาได้มากแค่ไหนกัน?
“ได้สิ พอถึงตอนนั้นก็อย่าลืมมาอยู่ในอ้อมกอดของฉันก็แล้วกัน”
พวกเขาพูดคุยและหัวเราะกันขณะที่เดินขึ้นลงบันไดไปมา ท้ายที่สุดหลังจากขนของทุกอย่างลงหลังรถตู้แล้ว สามสาวก็เดินเข้าไปหาพวกเขา
เฉินหวงตงใช้ศอกสะกิดจางเฮงพร้อมพูดว่า “คนทางซ้ายนั้นคือ เสิ่น ซีซี”
จางเฮงมองไปทางที่เพื่อนบอกและเห็นหญิงสาวตัวสูง เหว่ยเจียงเหยียนไม่ได้โกหกจริงๆที่ว่าเธอหุ่นดีมาก – เธอมีหุ่นนางแบบและคงโดนมองได้ง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าแตกต่างจากดาราดังที่เห็นตามทีวีและนิตยสาร เธอมีนัยน์ตาที่ใสบริสุทธิ์ เธอดูเป็น ‘สาวขี้อาย‘ ไม่แปลกใจเลยที่เธอเป็นสาวในฝันของชายหนุ่มมากมาย; คนที่ขาย ‘บัตรคนดี1‘ ได้อันดับ 1 ของฝ่ายประชาสัมพันธ์
เสิ่นซีซีหยิบน้ำ 3 ขวดออกจากกระเป๋าของตัวเองแล้วส่งให้ชายหนุ่มทั้งสาม เธอพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ขอบคุณที่ทำงานหนักนะเพื่อนๆ!”
จางเฮงรับขวดน้ำมาและกล่าวขอบคุณเธอ
เป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่บอกได้เยอะมากว่าคนๆนั้นถูกเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนมาอย่างไร เห็นได้ชัดเลยว่าเสิ่นซีซีไม่ได้คิดว่าชายหนุ่มทั้งสามเป็นแรงงานหรือบอดี้การ์ดส่วนตัว หรือไม่ได้คิดว่าเพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่เป็นเรื่องปกติที่ต้องให้ผู้ชายมายกของใช้แรงให้ ช่างเป็นทัศนคติที่ดี และยิ่งเป็นคนสวยด้วยแล้วคงเป็นอะไรที่หายากกว่าจะเจอคนแบบนี้
เฉินหวงตงยังคงรับบทเป็นที่ปรึกษางุ่มง่ามที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ เขากระซิบข้างหูจางเฮง “มีคนบอกมาว่าพ่อของเสิ่นซีซีเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยและแม่ของเธอเป็นนักแปลนิยาย ดูเหมือนว่าครอบครัวที่ดีเลย แล้ว… นายคิดว่าไง? พ่อหนุ่มจาง ฉันเชื่อว่าครอบครัวนายเข้ากันได้ดีเลยแหละ”
คนที่เหว่ยเจียงเหยียนกำลังรอคอยนั้นหายไป เขาอดไม่ได้ที่จะถามตัวเองว่า “เสียวเสี่ยวไปไหน ทำไมยังไม่มาเนี่ย?”
“ฮ่าๆๆๆ! ทุกครั้งที่เราออกไปไหน เธอก็มีปัญหาตลอดเลย เธอใช้เวลาแต่งหน้าตลอดกาล! เหว่ยเจียงเหยียนคงจะต้องทนไปอีกนานแน่ถ้านายแต่งงานกับเธอ!” หญิงสาวตัวเล็กหัวเราะที่สุดในสามคนนั้นหัวเราะ เธอยืนอยู่ระหว่างผู้หญิงอีกสองคน เธอน่าจะสูงสัก 1.5 เมตรบวกลบได้อีกนิดหน่อย ไม่ต้องพูดให้มากความเธอคือสาวโลลิ สวี่ จิ้ง ที่เฉินหวงตงหมายตาไว้
เธอพูดจบตอนที่มีคนตบหัวของเธอ
“ฮึ ฉันขอโทษแทนเธอด้วยนะ! ฉันจะลงโทษเด็กคนนี้เอง!” เสิ่นซีซีกล่าวหน้านิ่งกับเหว่ยเจียงเหยียน
บรรยากาศเริ่มจะอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้นเองพวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องเรียก “ซีซี”
แล้วหญิงสาวก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไปทันที
“ซีซี เธอกับเพื่อนกำลังจะไปเที่ยวกันเหรอ? ทำไมไม่บอกฉันล่ะ ฉันไปส่งเธอได้นะ” รถ BMW ซีรีส์ 5 ซีดานสปอร์ตสีแดงฉูดฉาดมาจอดอยู่ข้างพวกเขา
ชายหนุ่มที่ขับรถนั้นดึงเบรกมือและก้าวออกมาจากรถ
จางเฮงเลิกคิ้วขึ้น เขาก็สงสัยว่าทำไมเสิ่นซีซีดูคุ้นมาก – พวกเขาเจอกันก่อนหน้านี้ตอนที่เขาออกจากซุปเปอร์มาร์เก็ตหลังจากซื้อบัตรขูด ตอนนี้เขาจำคู่ที่เขาเห็นได้แล้ว นั่นคือเสิ่นซีซีและชายที่สวมเสื้อยืด Supreme คนนี้
“เฉิงเฉิงมาทำไมอีก! ซีซีปฏิเสธนายไปแล้วตั้งหลายครั้ง! ทำไมยังไม่ไปอีก” ไม่เหมือนชื่อของเธอเลย สวี่ จิ้ง*เป็นคนขวานผ่าซากตรงไปตรงมาเธอพูดทุกอย่างที่คิดออกไป
การป่าวประกาศอย่างเปิดเผยว่าโดนปฏิเสธนั้นได้ตอกย้ำและทำให้เฉิงเฉิงเสียศักดิ์ศรีของและ‘หน้า‘แตกเป็นเสี่ยงๆ แต่เนื่องจากสวี่จิ้งเป็นผู้หญิงนั้นคงจะน่าอายถ้าเขาโมโหใส่เธอ ลูกคนรวยจึงก็กล้ำกลืนความโกรธของเขาลงไปแทน
“ซีซี ขอคุยด้วยแปปนึงได้ไหม? คือมันอยู่ใกล้ๆนี่เอง ฉันรู้จักร้านกาแฟที่มีกาแฟบลูเมาท์เทนจากจาไมกาที่ดีที่สุดนะ” เฉิงเฉิงกล่าว
เสิ่นซีซีขมวดคิ้ว แม้แต่หญิงสาวอารมณ์ดีก็เริ่มหมดความอดทน เธอกับเฉิงเฉิงไม่รู้จักกันจนกระทั่งงานเลี้ยงต้อนรับสำหรับนักศึกษาใหม่
คืนนั้นหลังจากเธอร้องเพลงเฉิงเฉิงก็เข้าหาเธอ เขาเกลี้ยกล่อมและกวนเธอมานานกว่าครึ่งเดือนนับตั้งแต่
ตั้งแต่ดอกไม้ ขนมขบเคี้ยวและผลไม้ไปจนถึง iPhone และตั๋วคอนเสิร์ต เฉิงเฉิงทำให้ผู้หญิงบางคนไว้ใจเพื่อพาเขาไปที่หน้าประตูหอพักของเสิ่นซีซี
วิธีนี้ใช้ได้ผลมากกับผู้หญิงคนอื่นๆแต่กลับล้มเหลวอย่างน่าอนาถกับเสิ่นซีซี
ของขวัญที่เขามอบให้เธอมักจะถูกส่งกลับไปหาเขาเสมอ และเสิ่นซีซีก็ชัดเจนตลอดว่าเธอไม่สนใจที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม การปฏิเสธนี้ดูเหมือนจะยิ่งทำให้เฉิงเฉิงกระตือรือร้นมากขึ้นเท่านั้นเอง เขาทำกระทั่งลดทัศนคติที่เย่อหยิ่งของเขาลง พ่อแม่ของเสิ่นซีซีนั้นคอยสอนให้เธอเป็นคนสุภาพและเคารพผู้อื่นอยู่เสมอ และตอนนี้ซึ่งเธออยู่ในสถานการณ์ที่น่าโมโหมากที่สุด เธอยังไม่ค่อยจะโกรธเลยและนั้นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอต้องโดนเฉิงเฉิงตามตื้ออยู่ตลอด
มีข่าวลือว่าพวกเขาทั้งคู่ไปมหา’ลัยด้วยกัน ซึ่งนั้นทำให้เสิ่นซีซีปวดหัวมาก
ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังดูเหมือนจะเป็นฝ่ายเข้าหาเฉิงเฉิงไปเสียอีก เขารู้ว่าพวกเราจะไปตั้งแคมป์ได้อย่างไร? บังเอิญเกินไปไหมที่เขามาถึงขณะที่พวกเรากำลังจะไปพอดิบพอดี?
เสิ่นซีซีเหลือบมองไปที่หญิงสาวชื่อ หวัง ฮวน ซึ่งยืนอยู่ด้านหลังสวี่จิ้ง หญิงสาวยิ้มอย่างอายๆกลับมาที่เธอ หวังฮวนอยู่ในครอบครัวระดับกลาง แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอกลับมีแท่งลิปสติก YSL อยู่ในลิ้นชักของเธออย่างน่าประหลาด นักสืบจำเป็นอย่างสวี่จิ้งเห็นราคาของลิปสติกและอยากได้ของชิ้นนี้มาครอบครองสักอัน แต่ราคามันประมาณ 700 – 800 หยวนนั้นเป็นราคาที่ไม่เต็มใจจ่ายเลย
ทุกคนต่างพูดเหน็บแนมหวังฮวน และถามเธอว่าเธอได้ไปเป็นเด็กให้เสี่ยที่ไหนเลี้ยงหรือเปล่า แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าลิปสติกของเธอจะไม่ได้มาด้วยวิธีนั้น
เสิ่นซีซีไม่ได้อยากจะตามปัญหานี้ต่อ ตอนที่เธอเห็นว่าเสียวเสี่ยวออกจากหอพักและเดินตรงไปที่พวกเขา เธอหันไปหาเฉิงเฉิงและพูดอย่างจริงจังว่า “เฉิงเฉิง เราไม่ได้คุยกันไปตั้งแต่วันจันทร์แล้วเหรอ? ฉันไม่ดื่มกาแฟจริงๆ และเรากำลังจะไปกันแล้ว”
“ไม่เป็นไร ให้พวกเขาไปก่อนได้เลย ฉันจะไปส่งเธอทีหลังเอง ไม่ต้องห่วง ฉันใช้เวลาไม่เยอะหรอก” เฉิงเฉิงกล่าวซ้ำอย่างไม่หยุดยั้ง
เฉินหวงตงทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้วและเขากำลังจะพูดอะไรสักอย่างออกมา แต่เหว่ยเจียงเหยียนก็ส่งสายตาห้ามเอาไว้ก่อน
“อย่าไปยุ่งกับมัน” เหว่ยเจียงเหยียนพูดเสียงเบา
เฉินหวงตงกดริมฝีปากของเขา “ทำไม? นั้นแค่ลูกคนรวยไม่ใช่เหรอ? ดูหนุ่มจางของเราสิ – ตอนนี้เป็นต้นแบบลูกคนรวยแล้ว”
จางเฮงส่ายหัว “ไร้สาระ ฉันไม่ใช่พวกลูกคนรวย”
จางเฮงมีฐานะทางการเงินคล้ายกับเสิ่นซีซี – ทั้งมีสติปัญญาและมีความสะดวกสบายพอที่จะไม่ต้องกังวลว่าจะมีกินอะไรหรือจะมีอะไรให้ใส่หรือเปล่า ถือว่าพวกเขาอยู่ในฐานะค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับคนทั่วไป แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ระดับเดียวกันกับนักธุรกิจที่มั่งคั่งร่ำรวยและมีอิทธิพลมากแบบนั้น
เหว่ยเจียงเหยียนยิ้มขึ้นด้วยอารมณ์ฉุน “เฉิงเฉิงคนนี้ไม่ใช่คนที่จะคุยด้วยง่ายๆ; เขาเป็นตัวก่อปัญหา เขาเป็นรุ่นพี่เราปีนึง ตอนที่เขาเข้ามามหา’ลัยปีแรก เขาก็ทะเลาะกับรุ่นพี่ ดูเหมือนครอบครัวของเขาจะเป็นเครือธุรกิจโรงแรม เขาใช้จ่ายฟุ่มเฟือยแถมยังมีคนติดตามอีกต่างหาก ที่สมาคมนักศึกษานั้นยุ่งเหยิงจากเรื่องวุ่นวายทั้งหมดก็ต้องขอบคุณเขาเลย เสียวเสี่ยวไม่ชอบสิ่งที่เขาทำเธอจึงลาออกจากสมาคมนักศึกษา”
***
สวี่ จิ้ง – ความหมาย
徐 – Xú – สวี = ช้าๆ เนิบๆ
靖 – Jìng- จิ้ง = สงบเรียบร้อย