48 Hours a Day - ตอนที่ 21 เอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง (ตอนจบ)
ตอนที่ 21 เอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง (ตอนจบ)
ภาษาอังกฤษของเบลล์นั้นยอดเยี่ยมมาก มันคงจะเป็นเพราะเขาเป็นคนอังกฤษ
…
สิ่งแรกที่พวกเขาทำเมื่อพวกเขากลับจากการเดินทางไปยังใจกลางเกาะ คือปลูกเมล็ดพืชที่พวกเขาเก็บรวบรวมมาได้ลงในแปลงผัก จางเฮงคิดไม่ตกเกี่ยวกับการทำกระโปรงเสือแต่สุดท้ายเขาก็เลิกล้มความคิดนี้เสีย เพราะเขายังคงไม่อยากคอสเพลย์เป็นราชาวานร ซุนหงอคง
ท้ายที่สุดเบลล์จึงนำหนังเสือจากัวร์สองชิ้นมาปูเป็นพรม ผ่านไปไม่นานจากนั้นเล้าสัตว์ก็เต็มไปด้วยสัตว์ที่นักสำรวจนำกลับมาจากการล่าสัตว์ของเขา
ดูเหมือนว่ามิกกี้เม้าส์จะตกใจเล็กน้อยจากจำนวนเพื่อนบ้านที่เพิ่มขึ้นอย่างเร็วรวด จางเฮงยังเจอนกโดโดเพศเมียที่จะทำให้พวกเขาสองคนบนเกาะได้มีไข่กินในที่สุด
จางเฮงก็รู้สึกว่าเขาเอาชนะธรรมชาติได้ เขากินผักมากกว่า 20 ชนิด มีเครื่องปรุงเพิ่มมาอีกสองอย่างในครัวของเขา เป็นเจ้าของบ่อที่เต็มไปด้วยอาหารทะเลและเขาจับมันมากินเมื่อไหร่ก็ได้ที่เขาต้องการ และได้กินเนื้อสัตว์ทุกวันส่วนที่สำคัญที่สุดคือเขาได้มีเพื่อนคุย
ความรู้สึกเหมือนโรบินสันที่ได้เจอฟรายเดย์
อืมม…ก็ได้ เป็นมากกว่าฟรายเดย์ก็ได้ เพราะเราเป็นครูกับนักเรียนกัน
จางเฮงเรียนภาษาอังกฤษกับเบลล์เป็นเวลา 4 ชั่วโมงทุกวันซึ่งรวมถึงการฟังการพูดการอ่านและการเขียน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังคงฝึกยิงธนูต่อไปแม้ว่าเขาจะบรรลุเป้าหมายแล้ว มันกลายเป็นนิสัยไปเสียแล้วจากการฝึกฝนมาตลอดทั้งปีต่างกันเพียงแค่เขาไม่ได้ใช้เวลานานเท่าที่เคย และเบลล์ยังสอนทักษะการป้องกันตัวเพิ่มเติมให้เขาอีกด้วย
เวลาของเขาบนเกาะกำลังจะสิ้นสุดลง ในเช้าวันที่ 520 มีเรือกู้ภัยแล่นผ่านมาแล้วสังเกตเห็นสัญญาณไฟจากชายหาดแล้วส่งเรือชูชีพไปที่เกาะ ก่อนที่เรือจะมาถึงชายฝั่ง หญิงสาวกระโดดลงจากเรือแล้ววิ่งไปหาชายอีกคนด้วยน้ำตา
“คายะ! ภรรยาของฉัน” นักสำรวจปล่อยเบ็ดตกปลาที่ทำด้วยมือของเขาลงและยืนขึ้นในทันที
คู่รักที่โล่งอกโอบกอดกันและกัน
จากนั้นเบลล์ก็หยิบมีดที่เขาเก็บไว้ข้างเอวและวางลงบนมือของจางเฮง
“ตามสัญญาที่เคยให้ไว้ มันเป็นของนายแล้ว ฉันเคยไปยังที่ที่อันตรายหลายแห่งทั่วโลก…ขั้วโลก, ทะเลทราย, ที่ราบสูง… แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันถูกทิ้งบนเกาะร้าง มันเป็นประสบการณ์เหลือเชื่อที่ลืมไม่ลงและมีคุณค่ามาก นายจะเป็นเพื่อนฉันตลอดไป ทุกวันที่อยู่ที่นี่ไม่ใช่แค่นายที่เป็นคนเรียนรู้ ฉันเองก็ได้เรียนรู้หลายอย่างจากนาย – ฉันเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่ามีไวยากรณ์ในภาษาอังกฤษ “
“…”
“ไปกันเถอะ เพื่อนรัก เราควรกลับบ้านได้แล้ว”
จางเฮงตามคู่สามีภรรยาบูตาร์ขึ้นไปบนเรือชูชีพ และประหลาดใจที่เห็นผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์หลายแห่งอยู่บนเรือ ทุกคนมองไปที่นักสำรวจและต่างก็ปรบมือชื่นชมที่เขากลับมาได้อย่างปลอดภัย
เมื่อถึงเรือจางเฮงใช้เวลานานไปกับการอาบน้ำร้อนและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่ลูกเรือให้มา ในที่สุดก็จะได้กลับไปชีวิตในสังคมเมืองสักที แต่แทนที่จะเข้าร่วมงานฉลองจางเฮงกลับหามุมสงบบนเรือที่ซึ่งไม่มีใครสังเกตเห็น เกือบ 2 ชั่วโมงแล้วที่เขาอยู่ในโลกเสมือนนี่
มันคงเป็น 2 ชั่วโมงที่ยาวนานที่สุดในชีวิตเขาเลย
จางเฮงสงสัยว่ากระบวนการส่งตัวกลับไปจะเป็นเช่นไรแต่ทันใดนั้นเอง ความมืดก็ปกคลุมทุกอย่างรอบตัวเขาและเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นในหูของเขา
[ถึงกำหนดเวลาส่งคืน ยืนยันภารกิจเสร็จสิ้น…]
[เกมการเอาชีวิตรอดบนเกาะร้างของผู้เล่นใหม่เสร็จสมบูรณ์แล้ว เกมรอบแรกสิ้นสุดลง กำลังกลับสู่โลกจริง…]
…
เมื่อวิสัยทัศน์ของจางเฮงกลับมา เขาจึงพบว่าตัวเองนั่งอยู่ข้างบาร์ถือแก้วน้ำมะนาวที่เขาเพิ่งจิบไป
สิ่งแรกที่เขาทำคือยื่นมือออกมาสัมผัสใบหน้าตัวเอง ผิวหนังหนาและหยาบกร้านที่ผุพังเพราะโดนลมและแสงแดดนั้นไม่มีแล้ว
บาร์เทนเดอร์สาวเห็นอย่างนั้น เธอจึงหยิบกระจกขนาดกะทัดรัดออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งไปให้เขาด้วยความเห็นใจ
จากกระจกบานเล็กจางเฮงยืนยันได้ว่าเขาดูไม่ต่างจากตอนที่เขาเพิ่งเดินเข้าไปในบาร์ตอนแรก เขายังคงสวมใส่ชุดกีฬาและรองเท้าวิ่ง มีดทหารสวิสของเขายังคงซ่อนอยู่ในกระเป๋าอย่างปลอดภัย
“แล้วเมื่อกี้นี้คืออะไร? ความฝันแปลกๆเหรอ?”
“ไม่ใช่หรอก นายตัวหายไป 2 ชั่วโมง…ไม่ใช่แค่หายไปจากตึกนี้หรือบาร์นี้ – นายไม่อยู่ในมุมไหนเลยของโลกใบนี้” บาร์เทนเดอร์หยิบกระจกของเธอคืน “ตอนนี้นายอาจจะมีคำถามมากมาย แต่น่าเสียดายที่ฉันตอบคำถามส่วนใหญ่นั้นไม่ได้หรอก นายจะต้องหาคำตาบด้วยตัวนายเองในเกม”
จางเฮงนั่งฟังและพูดไม่ออก
“ที่ฉันบอกนายได้ก็คือเกมนี้จัดขึ้นเดือนละครั้ง นายสามารถเลือกเวลาใดก็ได้ที่นายต้องการมาที่เช็คพอยท์และเข้าร่วมเกม และมันคงไม่ใช่ที่เซ็กส์แอนด์เดอะซิตี้ไปตลอดหรอก มีเช็คพอยท์มากกว่าหนึ่งที่ในทุกๆเมือง ถ้านายหามันไม่เจอ นายสามารถโทรหาฝ่ายบริการลูกค้าได้ตลอดเวลาและล็อกอินแบบพิเศษหลังจากจ่ายเงินแล้ว ถ้ามาล็อกอินไม่ทันเวลานายก็จะถูกตัดสิทธิ์ เริ่มแรกผู้เข้าร่วมเกมต้องยอมรับข้อบังคับที่จะไม่เปิดเผยข้อมูล นายไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยทุกอย่างที่เกี่ยวข้องให้กับผู้อื่นนอกเหนือจากผู้เล่นด้วยกันและทีมงาน อืม ฉันคิดว่าจะสรุปข้อจำกัดพื้นฐานอยู่นะ อย่าคิดว่าตัวเองโชคดีไป”
บาร์เทนเดอร์ถูคางของเธอ “มีอะไรอีกบ้างนะ ขอคิดก่อน…โอ้ นอกจากการล็อกอินแล้วที่หน้าเกมยังมีบริการอื่นๆให้อีก นายสามารถปรึกษาฝ่ายบริการลูกค้าสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมได้”
เธอลอกกระดาษโน้ตออกมาแล้วเขียนตัวเลข แล้วเธอก็พูดต่อ “นี่เบอร์ อย่าโทรมาเล่นๆละเพราะฉันนี่แหละฝ่ายบริการลูกค้าของนาย”
“เธอนี่เป็นหลายอย่างจังเลยนะ” จางเฮงตั้งข้อสังเกตด้วยความประหลาดใจ
“มันไม่ใช่ว่าฉันมีทางเลือก บ้านในเมืองใหญ่ราคาแพง” บาร์เทนเดอร์ถอนหายใจ “แล้วก็ สงสัยอะไรอีกไหม?”
จางเฮงค้นกระเป๋าของเขาและหยิบเจ้าก้อนขนปุยออกมา “บอกหน่อยสิว่าบริการที่เธอพูดมาเนี่ย มันรวมถึงการบอกข้อมูลไอเทมด้วยไหม?”
ทุกอย่างในเกมแม้แต่เคราและรอยแผลเป็นบนไหล่ของเขา อุปกรณ์ที่เขาทำจากหินทุกชิ้น และมีดที่เบลล์มอบให้เขา ไม่มีสิ่งไหนติดมากับเขาในโลกแห่งความเป็นจริง
ทุกอย่างอยู่ในกระเป๋าของเขา
“เกมไอเทม?” บาร์เทนเดอร์อ้าปากค้าง “ดูเหมือนว่านายจะได้รับรางวัลชิ้นใหญ่เลยนะเนี่ย ของชิ้นนี้มันไม่ธรรมดา ไม่ค่อยมีใครได้ของชิ้นนี้เลยแม้จะเล่นไปหลายรอบก็ตาม ฉันมีบริการให้ข้อมูล แต่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวน 5 เกมพอยท์ นายมีพอหรือเปล่า?”
“ฉันจะจ่ายยังไง?”
บาร์เทนเดอร์หยิบแท็บเล็ตออกมาหลังจากนั้นก็จิ้มไม่กี่ที “แค่ใส่หมายเลขประจำตัวผู้เล่นของนาย แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะมาใช้เลขของนายหรอกนะ – เพราะต้องแสดงตัวถึงจะจ่ายค่าบริการได้”
คงเป็นเพราะเขาผ่านอะไรมาเยอะตั้งแต่เขาก้าวเท้าเข้ามาในบาร์ จางเฮงจึงมึนงงไปเล็กน้อย
เขาจำตัวเลขนั้นได้และกรอกมันไปอย่างรวดเร็ว หลังจากใส่ตัวเลขเข้าไปแล้ว บาร์เทนเดอร์ก็ขยับถุงมือก่อนจะวางตีนกระต่ายลงในกล่องไม้เล็กๆ
“นี่คงใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน ถ้าเสร็จแล้วฉันจะส่งข้อความหานาย”
จางเฮงสังเกตการเคลื่อนไหวของเธอ แล้วเขาก็สังหรณ์ใจแปลกๆ “เดี๋ยวนะ ทำไมถึงต้องระวังมากขนาดนี้ละ?”