48 Hours a Day - ตอนที่ 19 เอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง XIII
ตอนที่ 19 เอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง XIII
เสือจากัวร์หันไปสนใจลูกธนูที่จางเฮงยิงพลาดเมื่อครู่ แต่ไม่นานเสือจากัวร์ก็หันมาสนใจเขาแทน
เบลล์ยังคงต่อสู้กับเสือจากัวร์อีกตัว ซึ่งหมายความว่าจางเฮงจะต้องเผชิญหน้ากับจ้าวแห่งป่าดิบชื้นนี่ด้วยตัวเขาเอง หากเขาเจอเหตุการณ์เช่นนี้เมื่อเขามาถึงที่เกาะเป็นครั้งแรกเขาต้องตายแน่ๆ
แค่ห่านเขาก็คงสู้ไม่ได้ ไม่ต้องนึกถึงเสือจากัวร์เลย
แต่เขาฝึกยิงธนูมาเกือบปีก็เพื่อสถาณการณ์แบบนี้ใช่ไหมละ?
จางเฮงดึงลูกศรอีกลูกอย่างรวดเร็วและเสียบไว้ข้างคันธนู เขายังไม่รีบร้อนยิงเพราะเขายังอยู่ห่างจากสัตว์ร้ายตัวนั้น
เขาไม่มั่นใจว่าจะยิงโดนเป้าหมายได้ในระยะนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องควบคุมความกลัวที่กำลังประสบและรอให้เสือจากัวร์โจมตีก่อน
นี่อาจฟังดูง่าย แต่จริงๆแล้วมันไม่ง่ายเลย
เพราะสำหรับการโจมตีระยะไกลแล้ว ยิ่งอยู่ไกลก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้น นักยิงธนูทุกคนคงจะรู้เทคนิคการรักษระยะห่าง
เป็นอีกครั้งที่ความจริงนั้นโหดร้าย จางเฮงรู้ดีว่าขาทั้งสองของเขาไม่สามารถเอาชนะสิ่งมีชีวิตที่มีสี่ขาได้เลย ทั้งในแง่ของความคล่องแคล่วและความรวดเร็ว เขาใช้การรักษาระยะห่างได้แต่ถ้าเสือจากัวร์เลือกที่จะร่วมมือกับเพื่อนของมันและโจมตีนักสำรวจแทนละ?
หลังจากนั้นจางเฮงก็ไม่สามารถออกจากป่านี้ไปได้เพราะถูกล้อมไว้ด้วยเสือจากัวร์ทั้งสองตัว
ทั้งคนและแมวยืนประจันหน้ากัน จางเฮงควบคุมลมหายใจแล้วเล็งไปที่เป้าหมายและเล็งเลยขึ้นไปอีกหน่อยอย่างที่ครูสอน เขา
ตรงข้ามกับเขาคือเสือจากัวร์ที่หมดความอดทน จากนั้นมันจึงโก่งตัวเพื่อเตรียมพร้อมที่จะกระโจนใส่
ความหวั่นวิตกเพิ่มขึ้นในใจจางเฮง นี่เป็นสถานการณ์ที่แตกต่างจากการล่านกโดโดอย่างสิ้นเชิง ที่หากเขาพลาดเป้าหมายผลลัพธ์คงไม่ใช่แค่เขาจะอดได้กินเนื้อ แต่ถ้าลูกธนูของเขาพลาดเป้า และจากความเร็วของเสือจากัวร์ เขาคงจะไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะใส่ธนูอีกครั้ง
และคนที่จะถูกกินก็คือเขาเอง
จางเฮงรีบไล่ความคิดสับสนทั้งหมดนี้ออกอย่างรวดเร็วและรวบรวมสติ ในเสี้ยววินาทีนั้นเสือจากัวร์ก็เคลื่อนไหว มันเร็วกว่าที่จางเฮงคาดการณ์เอาไว้ ด้วยการใช้สองขาหลังถีบพื้นส่งแรงออกมาทำให้เจ้าสิ่งนี้มีแรงอันมหาศาลระเบิดออกมาอย่างน่ากลัว
ระยะห่างระหว่างพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็ว จนน้อยกว่า 7 เมตรและในที่สุดก็ได้ยินเสียงของลูกธนูที่ถูกปล่อยออกมา
จางเฮงพอใจกับการยิงครั้งนี้มากที่สุด หลังจากเตรียมตัวและประเมินสถานการณ์เป็นเวลานาน จิตใจของเขาก็เข้าสู่สภาวะเซน ที่ซึ่งโลกดูเหมือนจะเคลื่อนไหวช้าและเขาเห็นกระทั่งการเคลื่อนไหวของหนวดของจากัวร์
ไม่ว่าจะเป็นแรงที่ใช้ มุมที่ยิงหรือการคาดคะเน – ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ
ทันทีที่เขาปล่อยลูกศรออกจากมือ จางเฮงรู้ทันทีว่ามันโดนเป้าหมาย
และเขาคิดถูก
ในระยะใกล้เช่นนี้และวิ่งมาด้วยความเร็วเต็มที่ จากัวร์ไม่สามารถหลีกหนีได้เลย มันทำได้แค่มองลูกศรไม้ที่เข้ามากระทบหัวเท่านั้น
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนั้นเป็นสิ่งที่นอกเหนือความคาดหมายของจางเฮง เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะปลายศรลนไฟนั่นไม่ทำให้ถึงตายหรือเป็นเพราะเขาโชคร้ายกันแน่ ลูกศรเจาะเข้าไปที่กะโหลกของแมวยักษ์แต่มันไม่ได้ลงลึกไปกว่านั้นเลย
เสือจากัวร์ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด แต่อาการบาดเจ็บที่หัวก็ไม่เพียงพอที่จะฆ่ามันได้ มันกลับกลายเป็นสัตว์ร้ายแล้วพุ่งไปที่จางเฮงและกระโจนใส่ทำให้เขาล้มลงกับพื้น
จางเฮงดันคันธนูขึ้นไปที่คอของเสือจากัวร์เพื่อกันไม่ให้มันฉีกคอของเขาออก แต่เสือจากัวร์กลับตรึงส่วนล่างของร่างกายมันไว้กับพื้นและข่วนอย่างบ้าคลั่งเข้าที่ไหล่ของเขา จนเห็นเป็นรูและมีเลือดไหลออกมา
แต่ความเจ็บปวดแสนทรมานนี้ทำให้จางเฮงมีพลังที่เขาไม่เคยมีมาก่อน
ด้วยความตายที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมเขาก็ลืมความกลัวของเขาไปชั่วขณะ เขารู้ว่าไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้ตอนนี้ หากเขาต้องการมีชีวิตอยู่เขาจะต้องพึ่งพาตัวเอง
มือข้างหนึ่งของจางเฮงจับอยู่ที่คันธนูแล้วปล่อยมืออีกข้างลงไปที่พื้น เขารับรู้ถึงแรงต้านที่อ่อนแรงลงที่คอของมัน แววตาของเสือจากัวร์พลันโหดเหี้ยมขึ้น สัตว์ร้ายเหยียดคอเพื่อเข้าไปหาคอของจางเฮงแล้วน้ำลายจากฟันแหลมคมก็หยดลงมาบนใบหน้าของเหยื่อ พร้อมกับกลิ่นเหม็นจนจางเฮงเกือบหมดสติ
ตอนนี้เขาตกอยู่ในอันตรายมากกว่าเดิม
แต่ในตอนนั้นมือที่ว่างอยู่ของจางเฮงเอื้อมไปหยิบได้ถึงหอกที่หล่นอยู่บนพื้น
กลิ่นเน่าเหม็นจากปากที่หิวโหยจะใกล้ถึงคอเขาเต็มที แต่ทันใดนั้นเขาก็แทงหอกเข้าไปที่คอของเสือจากัวร์ ดวงตาของสัตว์เปลี่ยนเป็นว่างเปล่าในฉับพลัน แต่จางเฮงไม่ยอมปล่อย; เขากลับดันมันแรงขึ้นและบิดมันเข้าไปในคอแมวให้ลึกขึ้น
เขาทิ้งธนูไม้ของเขาไว้ข้างๆ แล้วเอื้อมมือไปจับลูกธนูที่ฝังอยู่ในหัวของเสือจากัวร์ แล้วดันมันเข้าไปด้วยสองมือพร้อมแรงทั้งหมดที่เขามี
อะดรีนาลีนหลั่งทำให้เขาลืมทุกความเจ็บปวดบนร่างกาย นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างความเป็นกับความตาย ไม่มีความเมตตาอะไรทั้งนั้นในตอนนี้ จางเฮงทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อสร้างความเจ็บปวดให้กับสัตว์ป่าข้างหน้าเขาจนมีเสียงประกาศดังขึ้นมาในหูของเขา:
[กำจัดเสือจากัวร์ด้วยตัวคนเดียวสำเร็จ เกมพอยท์ +10 ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน้าข้อมูลตัวละคร… ]
จากนั้นจางเฮงก็ยืนยันได้ว่าเขาเป็นผู้ชนะสำหรับเหตุการณ์นองเลือดในครั้งนี้
เขาผลักซากสิ่งมีชีวิตที่ไร้ลมหายใจออกจากตัวเอง จางเฮงเห็นว่าการต่อสู้ของเบลล์กับเสือจากัวร์อีกตัวก็ใกล้จบแล้วเช่นกัน
นักสำรวจแทงเข้าที่ใต้ท้องน้อยของเสือจากัวร์ด้วยมีดของเขาทำให้สัตว์ตัวนี้เสียเลือดมาก มันเคลื่อนไหวอย่างไร้เรี่ยวแรงและเฉื่อยชา ดูเหมือนว่ามันกำลังจะตายตามเพื่อนมันไป
“เฮ้ เป็นอะไรไหม จาง?” เบลล์ถามด้วยความกังวล เขาเห็นว่าจางเฮงตกอยู่ในอันตรายแต่ไม่สามารถไปช่วยได้
“…ฉันเคยอยากได้กระโปรงลายเสือมาตลอด แต่ฉันคิดว่าหนังเสือจากัวร์ก็ใช้ได้เหมือนกัน” จางเฮงหอบแล้วทิ้งตัวลงไปที่พื้นพร้อมกับแขนและขาที่แผ่ออก เมื่อตรวจดูแล้วว่าเขาปลอดภัยอย่างแน่นอน พลังงานทั้งหมดในร่างกายของเขาก็หมดลงไปในทันที เขาไม่อยากแม้แต่จะกระดิกนิ้วด้วยซ้ำ
เมื่อเขาคิดว่าเมื่อกี้มันเกิดเรื่องบ้าๆอะไรขึ้นกับเขาบ้าง เสียงหัวใจที่เต้นโครมครามอยู่ตอนนี้ก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงได้เลย
เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะต้องมาสู้กับสัตว์ร้ายตัวใหญ่ใกล้ๆแถมยังสู้ตัวต่อตัวแบบนี้อีก ตามนับตามเวลาในโลกจริงแล้ว มันก็เพิ่งผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วโมงจากที่เขาดื่มน้ำมะนาวที่บาร์
แต่ตอนนี้เขาคือคนที่เพิ่งฆ่าเสือจากัวร์ไปได้
เรื่องเมื่อกี้มันเจ๋งมาก แต่มันคงจะดีกว่าถ้าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกเลย
“ก้อนหินบนแท่นบูชาแตกระหว่างต่อสู้ แล้วฉันเจอนี่” นักสำรวจเดินไปหาเพื่อนของเขา หลังจากที่เขาจัดการคู่ต่อสู้ของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“นั่นอะไรเหรอ?” จางเฮงมองดูก้อนขนปุยในมือของเบลล์ มันดูเหมือนหางอะไรสักอย่าง แล้วที่แปลกคือถ้าชาวพื้นเมืองซ่อนสิ่งนี้ไว้ใต้หิน มันก็ไม่น่าอยู่ในสภาพที่ดีหลังจากผ่านเวลามานานขนาดนี้ได้
เขากำลังจะบอกเบลล์ให้เก็บเอาไว้แต่เขาก็เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายแล้วถามนักสำรวจว่า “ฉันขอได้มั้ย?”
“ได้เลย นายช่วยฉันเอาไว้นะ 2 ครั้งแล้วด้วย” เบลล์ช่างเป็นคนใจกว้าง
“ขอบคุณนะ สิ่งนี้อาจมีประโยชน์สำหรับฉัน”
จางเฮงเปลี่ยนใจเพราะเมื่อเขาหยิบเจ้าก้อนขนปุยนี้ ก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นมา
[ได้รับไอเทมในเกม – ตีนกระต่าย (ไม่สามารถระบุได้)]