ตอนที่ 18 เอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง XII
แต่จางเฮงก็ไม่แปลกใจ เพราะเขารู้ว่านี่เป็นเพียงเกมและเขาคงจะไม่แปลกใจถ้าเจอวินนี่เดอะพูห์ในป่า
แต่ในตอนนี้จางเฮงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าทุกสิ่งรอบตัวเขาในตอนนี้สมจริงมาก ถ้าไม่ใช่เพราะนาฬิกาที่มี 24 ชั่วโมงพิเศษเพิ่มขึ้นมาที่ทำให้เกิดเรื่องซับซ้อนและขยายช่วงของเกมเขาก็คงจะไม่พบบัคเลย
นอกจากกระท่อมและเครื่องมือหินแล้วทั้งคู่ก็พบทะเลสาบเล็กๆขนาดเกือบ 1 เฮกตาร์อยู่บริเวณใกล้เคียง เบลล์ชิมน้ำแล้วพูดว่า “มันดื่มได้ นี่เป็นทะเลสาบน้ำจืด ไม่น่าแปลกใจที่พวกเขาสร้างหมู่บ้านไว้ใกล้ๆ”
แต่สายตาของจางเฮงก็ถูกดึงความสนใจไปยังสิ่งที่ฝังอยู่ครึ่งหนึ่งในโคลนริมทะเลสาบ
“พวกชนเผ่านี้…พวกเขาหลอมโลหะได้แล้วเหรอ?”
จางเฮงดึงสิ่งนั้นออกมาและพบว่าเป็นชิ้นส่วนของเหล็กที่เต็มไปด้วยสนิม มีส่วนที่ดูเหมือนว่าจะติดกับไม้แต่ที่จับไม้นั้นหายไปโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าหน้าตาของมันจะเป็นอย่างไร
เมื่อลองตรวจสอบดูแล้ว จางเฮงไม่รู้เลยว่าสิ่งนั้นคืออะไร
เบลล์ไม่ได้รู้ไปเสียทุกเรื่อง: เขาไม่รู้ว่าสิ่งนี้เอาไปใช้ทำอะไร เขาแค่วิเคราะห์ได้เท่านั้น “จากรูปลักษณ์งานฝีมือของชนเผ่าส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในยุคหิน โลหะชิ้นนี้น่าจะไม่ใช่ของพวกเขา”
ใกล้ค่ำแล้วพวกเขาจึงไม่ไปไหนต่อ และหาที่ใกล้ๆเพื่อพักและเริ่มจุดไฟใช้ในการปรุงอาหาร
ยิ่งใกล้จุดหมายปลายทางเท่าไหร่ ความรู้สึกของจางเฮงยิ่งผสมปนเปกันไปมากเท่านั้น
ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาเขาอาศัยเป้าหมายในการสำรวจใจกลางเกาะ เพื่อให้ตัวเองมุ่งมั่นพัฒนาในการยิงธนูอย่างเต็มที่และออกกำลังกายเพื่อรักษารูปร่างจนมันเกือบจะกลายเป็นกิจวัตรอีกอย่างของเขาไปแล้ว แต่จะบอกว่าเขากังวลเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ที่ใจกลางเกาะนั้นก็ไม่ถูกไปเสียทั้งหมด
ในแง่นี้จางเฮงมักจะอิจฉาเอ็ด เบลล์และเด็กหนุ่มกางเกงขาสั้น พวกเขาปลอบใจตัวเองได้ว่าพรุ่งนี้อาจจะมีเรือเข้าเทียบท่าหรืออาจมีบางอย่างบนเกาะที่สามารถพาพวกเขากลับบ้านได้ แต่ผู้เล่นอย่างจางเฮงรู้ดีว่าถ้ายังไม่ถึงเวลาเขาก็คงจะไม่มีสิทธิไปไหนทั้งนั้น
เมื่อเขาคิดว่าพวกเขาจะไขปริศนาในวันพรุ่งนี้อย่างไร เขาทั้งมีอารมณ์อ่อนไหวและตื่นเต้น – อย่างไรเสียเขาเองก็เคยคิดถึงวันนี้มาหนึ่งปีแล้ว – แต่เหนือสิ่งอื่นใดเลยคือเขาเสียสูญ
ถ้าเรื่องทั้งหมดนี้จบลง เขาจะทำอะไรต่อละ?
ขอบคุณพระเจ้าที่ 4 ใน 5 ของเวลาได้ผ่านพ้นไปแล้ว เหลืออีกเพียงร้อยกว่าวัน ถ้ามันเหลือมากกว่านั้นเค้าคงไม่มีกำลังใจจะทำอะไรแล้ว
ในเช้าวันที่สามของการเดินทางจางเฮงลุกขึ้นแต่เช้า เมื่อเขาลืมตาขึ้นเขาเห็นว่าเบลล์ตื่นอยู่ก่อนแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ จาง” นักสำรวจทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น “ฉันเดินไปรอบๆทะเลสาบอีกครั้ง ทายสิว่าฉันเจออะไร? “
“เอ่อ…อาหารเช้าเมนูใหม่เหรอ?”
“นั่นก็ถูก ฉันจับปลาดุกมาเราจะได้เปลี่ยนรสชาติบ้าง แต่นอกจากนั้นฉันก็พบบางอย่าง” เบลล์วางลูกเล็กๆ 2 ลูกที่เป็นสนิมลงบนฝ่ามือของจางเฮง
“นี่คืออะไร? ลูกหินเหรอ?”
“มันคือลูกตะกั่ว”
“แล้วลูกตะกั่วนี่ยิงยังไงเหรอ?” จางเฮงถาม เขาไม่ได้เป็นคนชอบอาวุธแต่เขาพอจะมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้าง อาวุธสมัยใหม่อาศัยการจุดระเบิดของดินปืนในลูกกระสุนที่จะยิง หากไม่มีดินปืนลูกกระสุนจะไม่สามารถทะลุทะลวงอะไรได้
“จำของที่นายเจอที่ทะเลสาบได้ไหม? ฉันรู้แล้วว่ามันคืออะไร” นักสำรวจยิ้มด้วยความตื่นเต้น “มันคือปืนคาบชุด – ใช้กันอย่างแพร่หลายในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 15-16 ดินปืนและลูกตะกั่วสำหรับอาวุธประเภทนี้จะถูกใส่แยกกัน จากนั้นที่ชุด*ก็มีประกายไฟขึ้นมา… ในตอนนั้นการค้าทาสกำลังเฟื่องฟู และชาวพื้นเมืองที่นี่ถูกโจมตีและถูกจับโดยพ่อค้าทาสแล้วขายออกไปให้กับเกษตรกร”
คิดๆแล้วมันก็ดูสมเหตุสมผลและสอดคล้องกับสิ่งที่พวกเขาเห็น จางเฮงปักใจเชื่อในสิ่งที่เพื่อนคนนี้พูดว่าเป็นเรื่องจริง ต่อมาในวันนั้นเมื่อพวกเขามาถึงใจกลางเกาะ พวกเขาก็เจอเข้ากับสิ่งก่อสร้างที่คล้ายกับแท่นบูชาและมีกระดูกกองเป็นภูเขาอยู่ด้านบน
จางเฮงหันไปหาเพื่อนของเขา “ พวกพ่อค้าทาสชาวยุโรปในศตวรรษที่ 15-16 โหดเหี้ยมขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ …นี่ไม่ใช่ฝีมือของพ่อค้าทาส แต่มันคือยุคมืดที่มีการนองเลือด เท่าที่ฉันรู้สิ่งที่พ่อค้าทาสทำจริงๆคือฆ่าผู้ที่พยายามต่อต้านการเป็นเชลยเพื่อทำให้คนอื่นกลัว บางครั้งพวกเขาก็จะฆ่าคนที่แก่เกินไปหรือเด็กเกินไปหรือพวกที่เคลื่อนย้ายลำบาก” เบลล์เดินขึ้นไปที่แท่นบูชาแล้วหยิบกะโหลกขึ้นมา “ แต่นี่…นี่ไม่ใช่วิธีปฏิบัติของพวกเขา”
“ถ้าไม่ใช่พ่อค้าทาสที่ฆ่าคนพื้นเมืองของเกาะแล้วใครทำ? พวกเขาทำเรื่องนี้กันเองเหรอ?”
คำถามของจางเฮงทำให้ทั้งคู่นิ่งงัน
รูปแบบสถาปัตยกรรมของแท่นบูชาดูคล้ายกับซากปรักหักพังที่พวกเขาพบในทะเลสาบ
“เอาละ งั้นพ่อค้าทาสมาถึงเกาะแล้วชาวพื้นเมืองพวกนี้คิดว่าพวกเขาคงสู้กับศัตรูไม่ได้แน่ๆ พวกเขาจึงมาที่แท่นบูชาและจบชีวิตของพวกเขาเอง… มันดูไม่น่าเป็นไปได้นะ”
เบลล์เดินไปตรงกลางของกองกระดูกก้มลงและปัดฝุ่นบนพื้นหิน “ดูนี่สิ มันเป็นรูปสัญลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตครึ่งคนครึ่งงู ดูเหมือนว่าอาจเป็นเทพเจ้าที่ชาวพื้นเมืองพวกนี้เคารพบูชาอยู่”
จางเฮงผิดหวังเล็กน้อยถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนใจว่าจะมีอะไรอยู่ที่ใจกลางเกาะก็ตาม แต่การค้นพบเศษซากอารยธรรมของชนเผ่าพื้นเมืองที่ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรต่อตัวเขา นั่นทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง
เขาเตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้มาเป็นปีและเสี่ยงอันตรายมาที่นี่ เขาเกือบจะถูกงูเหลือมกลืนเข้าไป สุดท้ายสิ่งที่พวกเขาเจอก็แค่กองกระดูกและแท่นบูชา
แต่เมื่อเห็นว่าเบลล์ตื่นเต้นเพียงใด จางเฮงจึงเก็บความคิดนี้ไว้ในใจก็พอ
ทั้งคู่มีอาหารและน้ำมากมาย ยังมีอาหารเหลืออยู่อีกมากกว่าครึ่งที่พวกเขานำติดตัวมาด้วยและระหว่างนั้นเบลล์ก็ฆ่า ‘สัตว์‘ ไปจำนวนหนึ่ง สัตว์ที่คนส่วนใหญ่คงไม่เต็มใจใส่เข้าปากของตัวเอง แต่กลายเป็นว่ามันก็มีรสชาติใช้ได้อย่างน่าประหลาด
จางเฮงกำลังคิดว่าจะตัดผ่านป่าไปยังอีกด้านหนึ่งของเกาะแล้วจากนั้นเดินทางไปตามแนวชายฝั่งเพื่อกลับไปยังที่พักของพวกเขาดีไหม แต่ทันใดนั้นเองก็มีเงามืดโผล่ขึ้นมาจากด้านหลังแท่นบูชาและพุ่งออกไปหานักสำรวจ
จางเฮงกระโดด เขาไม่ต้องการคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ของเบลล์ก็รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร – จากัวร์กษัตริย์แห่งป่าดิบชื้น ที่รูปร่างคล้ายเสือ มีอาวุธคือฟันอันแหลมคมและกรงเล็บที่ฉีกเคแมนได้เป็นชิ้นๆ มันเป็นนักล่าตัวยงที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร
เบลล์ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วมาก นักสำรวจกลิ้งตัวไปมาบนพื้นและหลบการโจมตีปานสายฟ้าฟาดของสัตว์ร้ายนี้ แล้วเขาก็ดึงมีดที่อยู่ที่เอว
จางเฮงรีบหยิบธนูและลูกธนูออก แต่เสือจากัวร์อีกตัวก็ปรากฏตัวขึ้น
ตอนนี้ สีหน้าของเบลล์ดูไม่จืดเลย
อะไรกัน?! จางเฮงรู้สึกคลื่นไส้ไปหมด อีกตั้ง 4 วันกว่าจะถึงการตายของนักสำรวจ ทำไมแมวพวกนี้ถึงมาเร็วขนาดนี้? รับบทมาผิดหรือเปล่า?
แต่ไม่ใช่เวลาที่จะคิดเรื่องนั้นตอนนี้ เบลล์ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง ไม่ว่าเขาจะเก่งขนาดไหนก็ไม่มีทางที่เขาจะสู้กับจากัวร์สองตัวได้คนเดียว จางเฮงยกธนูขึ้นยิงใส่เสือจากัวร์ตัวที่สอง
เจ้าแมวหลบลูกศรอย่างรวดเร็ว จางเฮงคาดไว้แล้ว ตอนนี้พวกเขาทั้งสองอยู่ห่างจากกันประมาณ 27–28 เมตร หากเขาเคยยิงมิกกี้เมาส์จากระยะนี้ได้ เขาคงมีอัตราความแม่นยำประมาณ 50-60% แต่กระนั้นเสือจากัวร์ก็ว่องไวและพริ้วไหวกว่านกโดโดอยู่มาก
***
ชุด (match) เป็นเชือกชุบเชื้อไฟ เมื่อเหนี่ยวไกปืน ปลายของชุดจะตีลงจานชนวนทำให้เกิดประกายไฟเข้าไปจุดระเบิดดินปืน เกิดแรงผลักกระสุนออกไป
MANGA DISCUSSION