48 Hours a Day - ตอนที่ 10 เอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง IV
ตอนที่ 10 เอาชีวิตรอดบนเกาะร้าง IV
พระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า แล้ววันใหม่ก็มาถึง
ณ ถ้ำ จางเฮงลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นว่าเอ็ดตื่นแล้วและนั่งอยู่ “อรุณสวัสดิ์ จาง”
“อรุณสวัสดิ์” จางเฮงหาว
“โอ้ พระเจ้า ฉันอยากได้กาแฟสักแก้ว พร้อมกับไข่ดาว ไส้กรอก และขนมปังสักแผ่นตอนนี้เลย” อดีตร้อยเอกอาลัยอาวร “แต่ดูจากสภาพตอนนี้ เราไม่น่าเรียกร้องอะไรได้ใช่ไหมละ? แย่หน่อยนะที่มะพร้าวให้แคลอรี่น้อย ลูกเขียวๆลูกนึงให้พลังงานแค่ 200 แคลเอง ถึงเราจะไม่ได้ออกกำลังกาย ร่างกายเราก็เผาผลาญวันละ 2,000 แคลอยู่แล้ว เพราะงั้นเราถึงต้องหาอาหารประเภทอื่นเพื่อที่จะได้รับสารอาหารที่มีคุณค่า แล้วการที่เราอยู่ติดทะเลแบบนี้ ฉันว่าเราใช้ประโยชน์จากมันได้นะ”
“แล้วฉันต้องทำอะไรบ้างล่ะ?”จางเฮงถาม
“ใจเย็นพ่อหนุ่ม นายใช้ชีวิตในเมืองมาตลอด นั่นทำให้ระบบย่อยอาหารของนายเปราะบางมาก ถ้าฉันสอนนายจับปลาในทะเล โดยไม่รู้วิธีปรุงแล้วละก็ นั่นอาจจะทำให้นายท้องเสียจนร่างกายขาดน้ำไปเลยก็ได้นะ เอาละตอนนี้เราต้องการไฟ และน้ำที่นายเจอเมื่อกี้ก็ต้องต้มก่อนดื่มนะ ต้องต้มสัก 3 นาทีพวกแบคทีเรียในนั้นถึงจะตาย แล้วตอนนี้ฉันจะสอนนายก่อไฟก่อน” เอ็ดหยุดไปขณะหนึ่งก่อนจะเริ่มอธิบาย “สิ่งที่สำคัญที่สุดในการก่อไฟคือการหาไม้ที่ดียังไงละ ไม้เนื้ออ่อนที่โตเร็วน่ะดีที่สุดแล้ว กิ่งไม้ที่จะใช้ฝนกับท่อนไม้ที่ใช้เป็นฐานรองจะมาจากต้นเดียวกันก็ได้ ดึงเปลือกไม้ออกแล้วเอาไปตากแดดให้แห้ง… ”
จางเฮงตั้งใจฟังทุกสิ่งที่สอน แต่เมื่อถึงคราวต้องลงมือทำจริง มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาคิดไว้เลย
เขาใช้เวลาทั้งเช้าในการก่อไฟ
อนิจจา นี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาทำไม่สำเร็จ การปั่นกิ่งไม้ถูไปกับท่อนไม้จนเป็นรูด้วยมือเนี่ยมันเจ็บจนหน้าตาเขาบู้บี้ไปหมด ตอนนี้นเขาไม่ได้ออกไปหาอาหารเลย เขาและเอ็ดกินมะพร้าวที่กักตุนไว้ไปจนเต็มท้อง
น่าผิดหวังอะไรเช่นนี้หลังจากเขาทุ่มความพยายามทั้งหมดที่มี แต่ไม่ได้อะไรลับมาเลย
“จาง ไม่มีใครเก่งตั้งแต่เกิดหรอกน่า” เอ็ดพูดปลอบ “ตอนเริ่มต้นมันยากที่สุดเสมอแหละ”
จางเฮงโยนกิ่งไม้ลงพื้นด้วยความอับอาย “นั่นก็จริง แต่พอทำไม่ได้แล้วมันเจ็บใจสุดๆเลย”
“ความล้มเหลวก็เป็นประสบการณ์ที่มีค่านะ หมื่นปีที่แล้วบรรพบุรุษของเราพัฒนาขึ้นมาจากความล้มเหลว” เอ็ดพูดอย่าง เห็นอกเห็นใจ “จางนายเป็นนักเรียนฉลาด ไม่ต้องเครียด ยังมีเวลาให้ได้เรียนรู้อีกเยอะ ตอนนี้บอกฉันสิว่านายได้เรียนรู้อะไรจากความผิดพลาดบ้าง?”
“ไม้มันยังไม่ดีพอ มือถลอกไปหมดแล้วแต่มันก็ยังไม่มีอะไรติดขึ้นมาเลย ฉันต้องไปหาไม้อันอื่นมาแทน”
ทว่าโชคชะตาและสภาพอากาศต่างก็คาดเดาไม่ได้ เมื่อพระอาทิตย์ตกก็มีลมแรงพัดเข้ามาและเมฆดำครึ้มลอยอยู่เหนือหัว ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก และจางเฮงก็มีเวลาไม่พอที่จะไปเก็บสิ่งของต่างๆ อย่างแผ่นเปลือกไม้ที่ตากไว้บนก้อนหิน มันเปียกโชกไปด้วยน้ำฝน
เขาเสียเวลาทั้งวันไปอย่างสูญเปล่า
จางเฮงนอนลงบนพื้นถ้ำด้วยความท้อใจ แขนและขาแผ่ออกเป็นตัว ‘X’ มองไปที่เพดานถ้ำ “เอ็ด ฉันไม่คิดว่าซุปไก่ของนายจะได้ทำแล้วแหละ”
“งั้นก็ไม่ต้องทำสิ” เอ็ดพูดเสียงเบา
“หื้ม?”
“แต่แค่ก่อนฝนจะหยุดตกเท่านั้นนะ หลังจากนายได้ระบายอารมณ์แย่ๆทั้งหมดแล้ว นายก็จะใส่ใจกับงานได้ดีขึ้น””
“นายมองโลกในแง่ดีแบบนี้ตลอดเลยเหรอ เอ็ด?”
“ก็คงจะใช่ ฉันเผชิญสถานการณ์มากมายระหว่างการเดินทางที่ป่าอเมซอน ลองคิดดูสิว่าฉันต้องคอยปลุกใจตัวเองแค่ไหนให้ไม่ยอมแพ้”
“ประสบการณ์นั้นทำให้เราเป็นเราอย่างนั้นเหรอ?” จางเฮงพึมพำกับตัวเอง นึกถึงสิ่งที่บาร์เทนเดอร์บอกเขา รู้สึกราวกับว่าเขาเจออะไรบางอย่าง
“ดูเหมือนว่าฝนจะไม่หยุดตกก่อนค่ำ เราควรกลับไปนอนนะ พรุ่งนี้มีอะไรให้ต้องทำอีกเยอะ” เอ็ดพูดแล้วล้มตัวลงนอน
ทั้งสองเข้านอนคืนที่ 2 ซึ่งภายในท้องนั้นว่างเปล่า
…
เช้าวันถัดมาจางเฮงตื่นก่อนพระอาทิตย์ขึ้น จริงๆแล้วเพราะว่าเขาหิว สิ่งแรกที่เขาทำคือวิ่งไปหามะพร้าวเพื่อดับความกระหายและหิวโหยด้วยผลไม้สัก 2-3 ลูก ต้นมะพร้าวที่อยู่ใกล้ๆพื้นถูกเก็บไปจนเกลี้ยงอย่างง่ายดาย ต้นอื่นนั้นสูงกว่ามากและการที่จะขว้างหินให้โดนผลมันเป็นอะไรที่ต้องใช้ความพยายามมาก จางเฮงรู้ว่าเขาเหลือเวลาไม่มากแล้วเพราะเขาต้องไปก่อไฟ ไม่งั้นเขาคงจะทำอย่างอื่นต่อไปไม่ได้
ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจที่จะเสี่ยง หลังจากนำอาหารเช้ามาให้เอ็ด เขาก็เดินเข้าไปในป่าหลังชายหาดไกลขึ้นอีกหน่อย
สิ่งที่ได้นั้นน่าพอใจ ไม่เพียงแต่เขาจะหาไม้ที่เหมาะแก่การก่อไฟมาได้เขายังเจอสัตว์ที่สงสัยว่าจะเป็นพวกสัตว์ปีกที่กินได้ แต่โชคไม่ดีสำหรับเขา เจ้าสิ่งนั้นมันไวมาก ก่อนที่จางเฮงจะเข้าไปจับมันสิ่งนั้นตีปีกบินและหนีหายไปแล้วจางเฮงก็ทำอะไรไม่ได้อีก
เขาหักกิ่งไม้และกลับไปที่ชายหาดแล้วใช้วิธีเดิมเหมือนวันก่อน และแล้วในตอนเที่ยงวันนั้นเองที่ปลายกิ่งไม้ก็มีควันออกมา เขาใช้ความรู้ที่เอ็ดสอนมา เขาโปรยเศษไม้ที่ติดไฟลงบนใบของต้นถั่วแล้วค่อยๆเป่ามันจนกระทั่งขี้เลื้อยนั้นมีแสงสว่างและไฟลุกติดเชื้อไฟด้านล่าง
ไม่นานหลังจากนั้นทั้งสองคนบนเกาะก็มีไฟใช้อย่างที่หวังมานาน
“เยี่ยมมาก! ตอนนี้เราก็เลี่ยงอันตรายจากความมืดได้แล้ว!” เอ็ดเปล่งเสียงตะโกน
จางเฮงไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะดีใจที่ไฟติดขนาดนี้ เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างการแต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงบุคคลที่ 3 ดังขึ้นมาในหัวเขา
“ก่อไฟสำเร็จ ได้รับสกิลใหม่ – การเอาตัวรอดในป่า: เลเวล 0; เกมพอยท์ +3; แผงตัวละครเปิดการใช้งาน; สามารถดูข้อมูลได้ที่หน้าตัวละคร”
เสียงนั้นดูคุ้นมาก จางเฮงขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรู้ว่ามันคือเสียงเดียวกันกับที่เขาได้ยินตอนที่เขาไม่ได้สติก่อนหน้านี้
จางเฮงมองไปที่เอ็ด “เอ็ด นายได้ยินอะไรหรือเปล่า?”
เพื่อนเขามองหน้ากลับมาอย่างสงสัย “นี่ฉันต้องได้ยินอะไรด้วยเหรอ? จาง นี่นายกำลังเห็นหลอนเพราะขาดน้ำหรือเปล่าเนี่ย?”
“…”
จางเฮงเองก็สงสัยว่านี่เป็นผลข้างเคียงจากการเป็นฮีทสโตรกหรือเปล่า เพราะบางอย่างที่ดูเหมือนกับการ์ดตัวละครได้ปรากฏสู่สายตาเขา
ชื่อ: จาง เฮง
เพศ: ชาย
อายุ: 19
ID ผู้เล่น: 07958
ค่าประสบการณ์เกมรอบนี้: 0
เกมพอยท์ปัจจุบัน: 3
สกิล: เปียโน: เลเวล 1; ความถนัดทางภาษา: เลเวล 1 (ทั้งสองภาษาอยู่ในระดับทักษะการสื่อสารทั่วไป)
ผลประเมิน: ผู้เล่นทั่วไปไม่มีคุณสมบัติที่น่ายกย่อง ไม่มีความสามารถพิเศษและไม่คิดว่าจะอยู่เกิน 3 รอบแรก
จางเฮงอึ้งกิมกี่ จากผลการประเมินอย่างที่หยาบคายนี้ปรากฏอยู่ที่มุมล่างด้านหนึ่ง เขาจะมีความสามารถแค่ 2 อย่างได้ยังไงกัน?
โอเค เขาเห็นตัวหนังสือเล็กๆปรากฏอยู่ใต้สกิล – เลเวล 0 สกิลไม่แสดงผล
ทักษะการเล่นเปียโนระดับ 9 ถูกปัดตกเป็นแค่ระดับหนึ่งเนี่ยนะ?!
การบัญญัติสกิลในเกมนี้โหดเกิน! ไม่ใช่ทุกคนใน 100 คนจะก่อไฟด้วยได้มือเปล่าเป็นเสียหน่อย แต่มันก็แทบจะไม่ถึงเลเวล 0 บนรายชื่อสกิลของเขาเลย!
ดูเหมือนว่าเกมนี้จะยากกว่าที่เขาคิดเอาไว้เสียแล้ว