48 Hours a Day - ตอนที่ 1 ชั่วโมงพิเศษอีก 24 ชั่วโม
ตอนที่ 1 ชั่วโมงพิเศษอีก 24 ชั่วโมง
นี่ก็ผ่านมาเดือนนึงแล้วที่ จาง เฮง พบว่าตนเองมีเวลามากกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวันเหมือนอย่างคนอื่นๆ
ทุกอย่างมันเริ่มต้นที่นาฬิกาของเขา นาฬิกา Swiss Tissot Automatic III หน้าปัดอนาล็อก ที่พ่อแม่ซึ่งอยู่ในประเทศไอซ์แลนด์ให้เป็นของขวัญวันเกิดอายุครบสิบแปดปี
มันถูกซื้อมาจากร้านที่ดูดาดๆ ทั่ว ๆ ไปในเถาเป่า* แล้วผู้ขายก็ส่งมา แถมยังถูกส่งไปผิดห้องอีกด้วย
จางเฮงไม่ได้อยู่ด้วยกันกับพ่อแม่ของเขาเลย ถ้าจะพูดถึงคนสองคนนี้แล้วละก็ เทวดาทั้งสองของเขาต่างรีบเก็บกระเป๋าเพื่อไปยุโรปและเริ่มต้นชีวิตใหม่ก่อนที่เขาจะเรียนจบระดับประถมศึกษาเสียอีก
พ่อแม่ของเขาพบกันที่งานประชุมแลกเปลี่ยนทางวิชาการ ทั้งคู่เป็นนักศาสนศาสตร์ – ผู้ชำนาญในการศึกษาศาสนาและเทวปกรณ์* ตามปกติแล้วในแถบเอเชียตะวันออกซึ่งเป็นบ้านเกิดของพวกเขา ลัทธิวัตถุนิยม*ไม่ใช่สิ่งที่ได้รับความนิยมเลย
แต่พวกเขาไม่ใช่พวกหลอกลวงอย่างคนทรงเจ้า พ่อแม่ของจางเฮงเนี่ยคือของจริง พวกเขาได้รับใบปริญญามาจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด สาขาเทวปกรณ์นอร์ดิกและกรีก ในขณะที่อีกคนเป็นบัณฑิตจบจากมหาวิทยาลัยเดอร์แฮม ที่ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับตำนานศาสนาคริสต์หลายฉบับซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ามีอิทธิพลในแวดวงนี้
สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เจอเข้าปัญหา อันทำให้พวกเขากลับบ้านที่ประเทศจีนไม่ได้
บังเอิญว่าที่ปรึกษาด้านการศึกษาของพ่อได้เข้าควบคุมโครงการขนาดใหญ่และขาดบุคลากรมาช่วยทำงาน หลังจากที่ทั้งคู่ได้คุยกันคร่าวๆแล้ว พ่อแม่ของจางเฮงส่งลูกชายของพวกเขาไปให้ตาเลี้ยงดู หลังจากนั้นพวกเขาก็รีบออกมาเพื่อเริ่มใช้ชีวิตยุ่งอยู่กับงานวิจัยที่ต้องเดินทางไปรอบโลก
พวกเขากลับมาบ้านแค่ปีละครั้ง นั้นหมายความว่าช่วงชีวิตวัยเด็กของจางเฮงมีแต่คุณตามาตลอด
บางทีอาจเป็นเพราะะพวกเขารู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเขาเลยส่งเงินและสิ่งของมาให้ตาเฒ่าและลูกน้อยไม่เคยขาด
รวมทั้งค่าเทอมหรือค่าเดินทาง จางเฮงได้เงินค่าขนมตอนเรียนปีหนึ่งประมาณสามล้านหยวน ถึงจะไม่เท่าค่ารถสปอร์ตหรูของบรรดาลูกคุณหนู แต่ก็มากกว่านักศึกษาทั่วไป
เอาละ กลับเข้าเรื่อง
ทุกอย่างที่เกี่ยวกับนาฬิกานี้แปลกมาก จางเฮงตื่นจากการนอนหลับตอนกลางคืนแล้วดูเวลา เขาสังเกตเห็นว่าเครื่องหมายที่ด้านบนของหน้าปัดเปลี่ยนจาก 12 เป็น 24
จางเฮงหยุดนิ่งชะงักไปชั่วขณะ เขาค่อยๆวางนาฬิกาลงไปที่เดิม ห่มผ้าห่มแล้วนอนต่อ
หนึ่งชั่วโมงครึ่งผ่านไป เพื่อนที่นอนฝั่งตรงข้ามส่งข้อความถึงเขาเพื่อบอกเขาด้วยความเศร้าสร้อยว่า ผู้เรียนทุกคนต้องเข้าเรียนคลาสคณิตศาสตร์เพิ่มเติม
ไม่ใช่ความฝันหรอกเหรอ?
หลังจากอาบน้ำสิบนาที จางเฮงนั่งลงที่โต๊ะปลายเตียงแล้วเปิดคอมพิวเตอร์
อย่างแรกเลย เขาเข้าเถาเป่าแล้วค้นหาว่า ‘นาฬิกาปลอม 24 ชั่วโมง’ สิ่งที่เขาเจอคือ – ขออภัย เราไม่พบสิ่งที่คุณกำลังมองหา
จางเฮงลบคำว่า ‘ปลอม’ ออก แต่ก็ยังไม่เจออะไร
ถ้ามันไม่ใช่ของปลอมล่ะ?
จางเฮงถูคางพลางครุ่นคิด ถ้าเขาทำเป็นมองไม่เห็นเลขอีกสิบสองตัวที่เกินมาบนหน้าปัดจากไหนก็ไม่รู้ นาฬิกาของเขาก็เวลาตรงกับในหน้าจอนะ แต่ถ้าดูใกล้ๆจางเฮงมั่นใจว่านาฬิกา 24 ชั่วโมงอันนี้คืออันเดิมที่เขาเคยใส่มา
ทั้งรอยขีดข่วนด้านหลังหรือรอยย่นที่สายข้อมือก็ยังคงอยู่ เป็นรายละเอียดเล็กๆที่คงไม่มีใครรู้นอกจากเจ้าของนาฬิกาอย่างเขา
แน่นอนว่าคงมีคนเล่นพิเรนทร์ที่พยายามทำให้มันดูไม่แตกต่างจากของเดิม แต่ใครจะเอาเวลาเยอะแยะขนาดนี้มาพิถีพิถันในการแกล้งคนกัน? พวกเขาควรจะใช้ทักษะและความพยายามพวกนี้ในการบูรณะโบราณสถานหรือเมืองต้องห้ามมากกว่านะ
สรุปว่า จางเฮงคิดว่ามีคนก่อกวนเขาแน่ๆ
คนปกติทั่วไปคงจะตกใจกับเรื่องเหนือธรรมชาติพวกนี้ แต่หมอนี่ไม่ใช่คนทั่วไป เขาต้องขอบคุณเทวดาทั้งสองของเขาเลย
พ่อแม่ส่วนใหญ่ คงพาลูกเข้านอนแล้วเล่านิทานเทพนิยายที่มีกระต่ายน้อยหรือกระรอกน้อย แต่พ่อแม่จางเฮงใช้ความรู้ที่มีมาเล่าให้เขาฟัง เด็กน้อยจางเฮงเลยเข้านอนพร้อมกับตำนานเทพนอร์ดิกและตำนานไบเบิ้ล
ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้เสียการเรียนภาคบังคับเก้าปี และกลายเป็นนักวัตถุนิยม แต่เขาก็มีพื้นฐานที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก
เขารับมือกับสถานการณ์แบบนี้ได้ดี
ถ้าอธิบายจากบอร์ดเกมชื่อดังอย่าง ‘The Call of the Cthulhu’ ตัวละครอย่างเขาคงเสียคะแนนความปกติทางจิตได้ช้ามาก
แทนที่จะรู้สึกกลัว เขากลับพบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาน่าสนใจมาก
นาฬิกาธรรมดามี 12 เลขที่หน้าปัด และหลังจากเข็มชั่วโมงหมุนได้สองครั้งก็เท่ากับผ่านไปหนึ่งวัน ตอนนี้นาฬิการุ่นพิเศษของเขามี 24 เลขบนหน้าปัด เข็มชั่วโมงหมุนรอบเดียวก็เพียงพอสำหรับเวลาหนึ่งวัน
มองมุมนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เดี๋ยวใช้ไปเรื่อยๆก็คงชินไปเองนั้นแหละ
แต่จางเฮงเชื่อว่าใครก็ตามที่ทำแบบนี้ คงไม่หยุดที่แค่เปลี่ยนหน้าปัดนาฬิกาแน่ๆ
สัญชาตญาณบอกเขาว่าอะไรจะเกิดก็คงจะต้องเกิดเมื่อเข็มนาฬิกาหมุนครบหนึ่งรอบ
อีก 15 ชั่วโมงก็จะครบหนึ่งวัน และจางเฮงก็ไม่ได้คิดว่าจะปล่อยให้เวลาผ่านไปเฉยๆ
เขาคงไม่ต้องเข้าเรียนคณิตศาสตร์เพิ่มเติมแล้วแหละ อาจารย์ขู่ว่าจะหักคะแนนสอบ 5 คะแนนสำหรับคนที่ไม่มาเรียน
เพราะคงจะโดนหักคะแนนไปแล้ว
เขาจึงตัดสินใจลงไปที่สวนสาธาราณะและวิ่งในตอนเช้าแบบที่เขาทำเป็นประจำ
สำหรับเพื่อนๆในห้อง จางเฮงเป็นคนที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ ตั้งแต่พวกเขาเข้ามหาวิทยาลัยมา พวกนักศึกษาเนี่ยไม่อยากลุกออกจากเตียงเลย เพื่อนคนนี้เป็นคนเดียวที่ตื่นตั้งแต่เช้ามาวิ่ง แต่กระนั้นแล้วเขาก็ไม่ได้ลงแข่งกีฬาอะไรสักอย่างเลยในวันกีฬาสี และไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มสักเท่าไหร่ เขาไม่ค่อยชอบการอยู่ในที่ที่คนเยอะหรือรวมกันเป็นกลุ่ม แต่ถ้าได้ลองคุยกับเขาแล้ว เขาก็ไม่ใช่คนหยิ่งอะไรนะ เขาแค่ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้น ความจริงแล้วคุณอาจจะพบว่าคนคนนี้น่าสนใจเลยทีเดียว
ข่าวลือเกี่ยวกับจางเฮงที่ว่าเป็นคนมีความสามารถหลากหลายกำลังเป็นที่ฮือฮากันในหมู่สาวๆ เห็นได้ชัดว่ามีคนกลับไปที่มหาวิทยาลัยก่อนหมดวันหยุดและเห็นเขาอยู่ในห้องเปียโนคนเดียว กำลังเล่นเพลง Paganini Etude No.3 “La Campanella” ซึ่งดัดแปลงโดยฟรานซ์ลิซท์ จากบทเพลงของนักไวโอลินอิตาลี ‘‘The Violin Concerto No. 2 in B minor’มาเป็นเปียโนเดี่ยว เขียนโดยใช้รูปแบบวัฏจักร* ใคร ๆก็รู้ว่าเพลงนี้เล่นยากมาก ด้วยหลากหลายเทคนิควิธีการเล่นที่มีออกมาอย่างสม่ำเสมอ นั้นคือบททดสอบความชำนาญและความเก่งกาจของนักเปียโน
บางคนจำได้ว่าเห็นจางเฮงซ้อมยิงธนูอยู่ที่สนามยิงธนู และตามที่เพื่อนร่วมห้องของเขาเคยบอก เขายังเป็นสมาชิกของชมรมปีนเขาอีกด้วย
ทุกอย่างเป็นความจริง แต่ก็ไม่ถูกเสียทั้งหมด
จางเฮงไม่ได้เก่งกาจขนาดที่พวกเขาล่ำลือกัน การวิ่งตอนเช้ามันติดเป็นนิสัยของเขา มันเป็นสิ่งที่ตาเคยสอน – เขาวิ่งจนเป็นกิจวัตร เขาอาจจะวิ่งเร็วกว่าและอึดกว่าคนส่วนใหญ่นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้เก่งเท่านักกีฬาของมหา’ลัยที่ถูกคัดเลือกมาเป็นพิเศษ
การยิงธนูเป็นสิ่งที่เขาเพิ่งตัดสินใจลองด้วยความคิดประหลาด มีเพียงสามสิ่งที่เขาเคยรู้มาก่อน เขาแทบจะเป็นมือใหม่ อีกอย่างหนึ่งการปีนหน้าผาเป็นอะไรที่ใครหลายๆคนจะรีบกุลีกุจอเข้าไปสมัครแล้วก็ลืมมันเสียเกือบจะทันที
เปียโนเป็นอย่างเดียวที่เล่นมาตลอดตั้งแต่เด็ก แต่อยู่แค่ระดับแปดหรือเก้า เพลง La Campanella เป็นเพียงบันทึกในโทรศัพท์ของเขาที่เขาเล่นตอนอยู่คนเดียวในห้องเปียโน เขาไม่เคยคิดเลยว่ามันจะทำให้เขาดังได้ขนาดนี้
ด้วยเหตุนี้จางเฮงผู้เก่งกาจแท้จริงแล้วก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น
เขาชอบทำอะไรหลายๆอย่าง แต่จะชอบหรือไม่เวลาของทุกคนก็มีเท่ากัน
ไม่ว่าคุณจะเห็นคุณค่าของมันหรือไม่ก็ตาม และไม่ว่าคุณจะตัดสินใจใช้ทุกๆนาทีอย่างมีค่าและก่อเกิดประโยชน์สูงสุดหรือนอนเล่นอยู่บนเตียงดั่งคนที่ไร้ประโยชน์ ทุกคนมีเวลาให้ใช้เพียงยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่ากัน ไม่มากหรือน้อยไปกว่านั้น..แม้เสี้ยววินาทีเดียว..
***
เถาเป่า – เว็บขายของออนไลน์
เทวปกรณ์/เทพปกรณัม/เทวปกรณัม – หนังสือที่รวมประวัติและเรื่องราวต่างๆ ของเทวดาจำนวนมาก ตรงกับคำภาษาอังกฤษว่า mythology
วัตถุนิยม – หมายถึงทัศนะที่ว่าสะสารหรือพลังงานเป็นเครื่องกำหนดลักษณะพื้นฐานของสิ่งและเหตุการณ์ทั้งหลาย แต่สสารเท่านั้นเป็นภาวะที่มีอยู่จริงนอกนั้นไม่เชื่อว่ามีอยู่จริง เป็นแนวคิดทางปรัชญาที่เป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดวิทยาศาสตร์ เป็นแนวคิดที่ทำให้คนมองโลกตามความเป็นจริง ตามหลักวิทยาศาสตร์ไม่พึ่งพาความเชื่อ เป็นการมองและหาคำตอบเกี่ยวกับทุกสิ่งอย่างที่พิสูจน์จับต้องได้ อันพัฒนามาสู่ความคิดวิทยาศาสตร์ในภายหลัง
รูปแบบวัฏจักร หรือ Cyclic Form – เป็นกลวิธีในการใช้แนวทำนองหลักไม่ว่าจะเป็นกี่แนวก็ตามในการผูกส่วนย่อยของเพลงเข้าไว้ด้วยกันเพื่อดำเนินเรื่องจากต้นไปจนจบ