48 Hours a Day - ตอนที่ 38 โตเกียวดริฟท์ VIII
ตอนที่ 38 โตเกียวดริฟท์ VIII
จางเฮงตระหนักได้ว่าเขาประเมินขอบเขตความดุร้ายเหี้ยมโหดของเจ้านายคนใหม่ของเขา ทาเคดะเท็ตสึยะต่ำเกินไป
เขาส่งชายคนนั้นกลับไปถึงที่ร้านในเวลาตี 3.15 น.ในตอนเช้า แล้วหลังจากใช้เวลากว่า 10 นาทีในการขนถ่ายและบรรจุอาหารทะเลลงกล่อง จางเฮงก็ออกจากร้านมาตอนเวลา 3.35 น. และ ณ เวลา 6.30 น. เขายังคงขับรถต่อไปด้วยสิ่งของกว่าครึ่งที่ไม่ได้ถูกส่งไปอยู่ด้านหลังของรถตู้
จากนั้นท้องถนนก็เริ่มมีรถวิ่งขวักไขว่ – พนักงานออฟฟิศทุกคนที่อาศัยอยู่ห่างไกลจากที่ทํางานของตัวเองได้ออกมาข้างนอกกันหมดแล้ว และไหลทะลักเข้าไปสู่สถานีรถไฟใต้ดินและสถานีขนส่ง จํานวนรถยนต์บนท้องถนนก็ทยอยเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆเช่นกัน
จางเฮงขับรถไปส่งของอีก 2 ที่ และเมื่อเขาออกจากร้านอิซากายะ เขาก็เจอเข้ากับตํารวจจราจร 2 นายที่เพิ่งเริ่มเข้ากะ เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่เสี่ยงขับรถส่งของต่อไปอีก
การขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ในญี่ปุ่นถือเป็นความผิดร้ายแรง ผู้ขับขี่ที่กระทําผิดไม่เพียงแต่ต้องรับโทษจําคุกน้อยกว่า 3 ปีและจ่ายค่าปรับไม่เกิน 500,000 เยน ผู้โดยสารทั้งหมดและเจ้าของรถจะถูกรับโทษและถูกปรับ นี่เกือบจะเป็นชั่วโมงเร่งด่วนแล้ว หากจางเฮงไม่ไปตอนนี้ก็มีโอกาสที่เขาจะต้องอยู่ในสภาพการจราจรติดขัด
จางเฮงขับรถ L300 กลับไปที่ร้านเพื่อไปหาทาเคดะ เท็ตสึยะที่ดูไม่แปลกใจอะไร หลังจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและติดต่อกับคนส่งของคนก่อน ก่อนที่จะหันไปหาจางเฮงและพูดว่า “แกมีเวลาอีก 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นทาคาฮาชิ โคอิจิจะกลับมาหลังจากที่เขากลับไปเยี่ยมบ้านเกิด ถ้าแกยังส่งสินค้าไม่เสร็จสิ้นภายในเวลานั้น แล้วฉันต้องขาดทุน แกจะจ่ายเงินชดใช้ให้ฉันไหม?”
“ได้ครับ” จางเฮงตอบ
คําตอบอันแน่วแน่ของจางเฮงนั้น ไม่ได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่ทาเคดะ เท็ตสึยะคาดไว้เลย พูดตามตรงสถานการณ์เช่นนี้ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสําหรับเจ้าของร้าน ไม่เพียงแต่เขาจะโต้เถียงกับชายหนุ่มไม่ได้เท่านั้น แต่เขายังตกอยู่ในสถานะเสี่ยงที่ชายหนุ่มจะสามารถใช้ประโยชน์จากเขาได้อย่างเต็มที่ เขาทําอะไรไม่ได้เลยในเรื่องที่จางเฮงทํางานไม่สําเร็จ ดังนั้นเขาจึงทําได้แค่บ่นและทําเป็นเอะอะเท่านั้น เขาไม่ได้คาดหวังไว้แม้แต่น้อยเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะตอบตกลงได้อย่างง่ายดายเพียงนี้
ทาเคดะ เท็ตสึยะพูดอย่างฉลาดแกมโกงว่า “เฮ้ ไอ้หนู แกอย่าโกหกเลยดีกว่านะ ถ้าแกทําไม่ได้ก็บอกมาเลยว่าทําไม่ได้! ยิ่งแกบอกฉันเร็วเท่าไหร่ ฉันก็จะยิ่งหาวิธีจ้างคนขับรถส่งของคนอื่นได้เร็วขึ้นเท่านั้น ฉันทํางานอย่างหนักเพื่อให้ได้ลูกค้าเหล่านี้ทุกคน! อย่าสัญญาเปล่าหากแกยังทํางานไม่สําเร็จ ของเดิมพันนั่นก็คือร้านของฉันเลยนะ!”
“ถ้าผมส่งของไม่สําเร็จ ผมจะจ่ายเงินชดใช้ให้ลุงสําหรับทุกสิ่งที่ลุงสูญเสียไปเอง!” จางเฮงโดดลงจากรถตู้แล้วเหยียดไหล่และข้อมือของเขาออก การจัดส่งสินค้าครั้งแรกของเขานั้นไม่ประสบความสําเร็จ และหลังจากขับรถมาตั้งแต่ยามฟ้าสางจนอรุณรุ่ง ร่างกายและจิตใจของเขาช่างอ่อนล้าเสียเหลือเกิน แต่นั่นกลับกลายเป็นแรงกดดันที่ทําให้เขาพัฒนาการขับรถยนตร์ได้ดีขึ้นอย่างมาก ดูเหมือนว่าการขับรถแบบไม่แวะพักเลยนี้คงมีประโยชน์มากกว่าการที่เขาฝึกขับรถตลอดทั้งวัน
แน่นอนว่าเขาสามารถบอกทาเคดะ เท็ตสึยะให้ลดจํานวนสินค้าที่ต้องไปส่งได้เสมอ แต่ถ้าเขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับความท้าทายเพียงเล็กๆน้อยๆแบบนี้ แล้วถ้าอย่างนั้นจะกระเสือกกระสนไปเข้าร่วมการแข่งขันทําไมกัน? เช่นนั้นแล้วก็ยอมแพ้ไปเสียดีกว่า
จางเฮงขึ้นรถบัสกลับไปที่มหาวิทยาลัยและทําได้เพียงล้างหน้าและรีบกลืนขนมปังลงไปได้สัก 2-3 ชิ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะต้องรีบเข้าไปเรียนคลาสภาษาญี่ปุ่นอีกครั้ง
มีเพียงในช่วงเย็นเท่านั้นที่เขาพอจะมีโอกาสตื่นชดเชยแทนช่วงเช้าได้ เขาตั้งนาฬิกาให้ปลุกในอีก 4 ชั่วโมง ต่อมาเขากินอาหารเย็น แล้วจากนั้นเขาก็เข้าไปในร้านหนังสือใกล้ๆเพื่อซื้อแผนที่เมืองโตเกียว
ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ การวิเคราะห์ตนเองและการอนุมานนั้นเป็นจุดแข็งของจางเฮง ระหว่างทางกลับไปมหาวิทยาลัยในเช้าวันนั้น เขาก็เริ่มครุ่นคิดถึงสาเหตุว่าทําไมเขาจึงทํางานไม่สําเร็จได้เลยในวันนั้น นอกเหนือจากสกิลการขับขี่ที่ยังไม่ถูกขัดเกลาและประสิทธิภาพที่ย่ำแย่ของรถ L300 แล้ว ก็ยังมีความไม่คุ้นเคยกับท้องถนนและยังขาดการวางแผนเส้นทางในการเดินทางซึ่งนั่นก็เป็นปัจจัยสําคัญเช่นกัน
ไม่ว่าจะขับรถเก่งขนาดไหน มันคงจะเป็นเรื่องท้าทายสําหรับเขาที่จะแสดงความสามารถได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากเขายังไม่คุ้นชินกับสถานที่เช่นนี้
ณ เวลา 1.20 น.ในยามเช้าตรู่ จางเฮงมาถึงที่ลานจอดรถและนําให้โอนิกิริไปให้คุณปู่คนที่คอยเปิดประตูให้เขาด้วยความยินดี เขากลับไปถึงที่ร้านในเวลา 7.34 น. แต่น่าเสียดายที่วันนี้เขาแสดงผลงานได้แย่กว่าวันก่อนเสียอีก โดยขนส่งสินค้าให้ถึงมือผู้รับไปได้ประมาณ 40% เท่านั้นเอง
ทาเคดะ เท็ตสึยะกําลังทําความสะอาดอ่างของเขาในชุดนอน และเมื่อเขาเห็นชายหนุ่มกลับมา “เด็กๆอย่างแกนะ ไม่ควรจะมั่นใจเกินไป แกจะยอมแพ้ตอนนี้ก็ยังไม่สายนะ ไม่อย่างงั้นอีก 6 วัน แกจะต้องชดใช้ด้วยการขายตัวเองให้ฉันในฐานะแรงงานทาสและทํางานให้ฉันฟรีๆไปตลอดชีวิต”
จางเฮงไม่ได้พูดตอบอะไรออกไป นอกเสียจากเอาแต่โทษตัวเองเท่านั้น เขาใช้เวลามากเกินไปกับการวางแผนเส้นทางและชื่อของสถานที่ต่างๆที่ไม่คุ้นเคยนั้นทําให้เขาไปผิดสถานที่ถึง 2-3 ครั้ง เขาเกือบจะขับรถไปดูบิกินี่ถึงโอกินาว่าเสียแล้ว!
จางเฮงจึงเพิ่มอีกอย่างหนึ่งลงในรายการสิ่งที่ต้องทํา – ทําความคุ้นเคยกับถนนหนทางในกรุงโตเกียว
บรรดาลูกค้าของคุราฮาระซีฟู้ดสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ: ลูกค้าประจําและลูกค้าใหม่ ลูกค้าประจํามักรับสินค้าของพวกเขาในสถานที่เดิมในขณะที่ลูกค้าใหม่มักมีที่รับสินค้าอย่างไม่แน่นอนและคาดเดาไม่ได้และในส่วนนั้นจางเฮงคงจัดการอะไรไม่ได้ แต่ในทางตรงกันข้ามสําหรับลูกค้าประจํา จางเฮงสามารถทําเครื่องหมาย ณ ตําแหน่งของพวกเขาไว้บนแผนที่ได้ จากนั้นจึงใช้ปากกาลากเพื่อเชื่อมต่อจุดและหาเส้นทางที่ดีที่สุดในการจัดส่งสินค้า
หลังจากนั้น เขาค่อยเติมตําแหน่งของลูกค้าใหม่ที่อยู่ระหว่างเส้นทางเข้าไป และด้วยวิธีนี้เขาจึงสามารถประหยัดเวลาไปได้อีกเยอะเลย
เพราะแบบนั้นในวันที่ 3 จางเฮงจึงส่งสินค้าไปได้ถึง 70% ของทั้งหมด และเป็นครั้งแรกที่เมื่อรถ L300 หยุดอยู่ข้างหน้าร้านได้โดยที่ทาเคดะเท็ตสึยะไม่เยาะเย้ยเขา
ในวันที่ 4 มีเพียง 20% ของสินค้าเท่านั้นที่ไม่ได้ถูกจัดส่งถึงมือลูกค้า แต่ในวันที่ 5 จางเฮงพบว่าเขาอยู่ในสภาวะที่ลําบากเอาเสียแล้ว
เพราะถึงแม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อใช้เวลาทุกนาที่อย่างคุ้มค่าที่สุด แต่เขาก็ยังมีสินค้าที่ไม่ได้ส่งอยู่อีก 15% ซึ่งเป็นผลประโยชน์จากการวางแผนอย่างรอบคอบของเขาที่ทําให้เขาสามารถไปส่งของให้ลูกค้าที่อยู่ใกล้ๆได้ ส่วนที่เหลือเป็นสถานที่ที่ตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองหรือไม่ก็เป็นสถานที่ที่สันโดษออกมา – มองข้ามสถานที่พวกนั้นไปอย่างสิ้นเชิง
ถ้าเขาจะส่งสินค้าไปให้พวกเขาในตอนนี้ มันคงจะต้องใช้เวลานานมากกว่าเขาจะไปถึง ในขณะที่สกิลการขับขี่ของเขายังต้องการการฝึกฝนและพัฒนาอีกเยอะ แต่เขามีเวลาเพียงอีก 2 วันก่อนถึง “เส้นตาย” – การไม่ไปส่งสินค้าที่เหลือทั้งหมดนั้นเป็นไปไม่ได้เลย และเป็นอีกครั้งที่จางเฮงตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด
ทาเคดะเท็ตสึยะคนที่หมกมุ่นอยู่กับนิตยสารสําหรับผู้ใหญ่ เงยหน้าขึ้นมามองทันที “สําหรับนักแข่งรถ รถยนตร์ถือเป็นสิ่งที่มีความสําคัญมากกว่าเมียของเขาซะอีก เพราะงั้นคนที่ไม่เข้าใจเมียตัวเองจะจัดการบริหารความสัมพันธ์ได้ยังไง? หึ หึ คนหนุ่มสาวทุกวันนี้ บ้าบินเกินไปแล้ว”
“ลุงมีพิมพ์เขียวของรถไหม?” จางเฮงถามชายคนนั้นที่กําลังง่วนอยู่กับกองก้นบุหรี่
“นักแข่งรถที่ยอดเยี่ยมนั้นต้องรู้จักฟังเสียงและสามารถบอกแรงม้าของเครื่องยนต์ได้ แต่ฉันคงจะรุนแรงกับมือใหม่อย่างแกไม่ได้ใช่ไหม?” ทาเคดะ เท็ตสึยะตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูเห็นใจ เหมือนว่าชายคนนี้มีอะไรบางอย่างที่กําลังฆ่าเขา เขาปวย หลังจากหยุดไปชั่วครู่เขาก็พูดต่อว่า “ฉันมีรูปวาดของแบบที่ดัดแปลงมาอยู่ในคอมพิวเตอร์ของฉัน แกลองไปดูด้วยตัวเอง อย่าไปเอาชนะมัน ไปทําความรู้จักกับอารมณ์ของรถยนตร์สิ แล้วแกจะควบคุมมันได้ดี”
จางเฮงเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์และได้รับการต้อนรับอย่างฉับพลันด้วย ไฟล์ลับ” ของทาเคดะ เท็ตสึยะ ท่ามกลางบรรดาสื่อลามกที่มีอยู่เป็นภูเขา จางเฮงก็พบในสิ่งที่เขาต้องการ และด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เพียงพบพิมพ์เขียวสําหรับรถ L300 เท่านั้น แต่ยังเจอพิมพ์เขียวสําหรับรถคันอื่นๆอีกด้วย แม้ว่าพวกนั้นจะเป็นรุ่นก่อนหน้าทั้งหมดแต่ดูเหมือนว่าจะได้รับการดัดแปลงโดยนายทาเคดะ เท็ตสึยะไปแล้วทั้งสิ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีสําเนาคู่มืออยู่อีกต่างหาก
ทาเคดะ เท็ตสึยะส่งเสียงขึ้นมาจากชั้นล่าง “สนใจศึกษาแต่รถ L300 ไม่ต้องไปสนใจอย่างอื่น แกยังไม่ถึงระดับนั้น อย่าพยายามที่จะวิ่งก่อนที่แกจะหัดคลาน!”