[18+] คนที่อยากจะฆ่าที่สุดเป็นอันดับ 1 กลับกลายมาเป็นเมียเฉยเลย - ตอนที่ 3.1 จับโฉมงามมาโม๊คไอ้จ้อนพร้อมเอาท่าหมา
- Home
- [18+] คนที่อยากจะฆ่าที่สุดเป็นอันดับ 1 กลับกลายมาเป็นเมียเฉยเลย
- ตอนที่ 3.1 จับโฉมงามมาโม๊คไอ้จ้อนพร้อมเอาท่าหมา
“ไปร้องคาราโอเกะกันเถอะ! ทุกคน”
ในห้องเรียนหลังเลิกเรียน เสียงอันร่าเริงของเพื่อนร่วมชั้นดังก้องขึ้น
“เอาดิ! คาราโอเกะ! ไปกันๆ”
“ เดี๋ยวชั้นหาคูปองในเน็ตแป๊ป……เจอล่ะ! มันลดตั้งครึ่งหนึ่งแหนะ”
“ลดครึ่งหนึ่งสำหรับนักเรียน แจ๋วเลย ไปกันเถอะทุกคน หลังจากหารกันเเล้วคือไปร้องเพลงและดื่มน้ำอัดลมเท่าไรก็ได้ในราคา 200 เยน”
ตาย ตายห่าไปซะให้หมด ไอ้พวกร่าเริงทั้งหมดน่ะตายๆไปซะก็ดี
เขาเรียงลำดับคนที่เขาอยากจะฆ่าในใจ เริ่มจากอันดับ 1
เขาเปิดตู้ที่เก็บของทำความสะอาดแล้วเอาถุงขยะที่พับอยู่ออกมา
ถุงขยะมีเสียง ”แฟ่บ” ในขณะที่เขาสะบัดมันออกและก็มันก็พองขึ้นด้วยอากาศ
“คือว่าพวกเราไปด้วยได้หรือเปล่า”
“ได้อยู่เเล้วิ เรามีร้องประสานเสียงในงานเทศกาลวัฒนธรรมด้วย เพราะงั้นชั้นก็อยากให้ให้ไปร้องคาราโอเกะด้วยกันและเลือกว่าเราจะร้องเพลงประเภทไหน เหมือนโฮมรูมคาราโอเกะน่ะ”
“เลย์ลา เธอเองก็ควรมาด้วยนะ”
“คาราโอเค?”
“ถ้าเธอไม่รู้จักก็ไม่เป็นไรหรอกนะ เดี๋ยวชั้นจะคอยสอนเธอเอง พวกเราร้องเพลงด้วยกันมันต้องสนุกแน่ๆเลยจ้าา”
“ชั้นเป็นคณะกรรมการเจ้าค่ะ ทิ้งขยะเจ้าค่ะ เป็นด้วยกันกับคาเงโอะเจ้าค่ะ”
“อ๋อ เข้าใจแล้ว ถ้างั้นไปทิ้งขยะด้วยกันเถอะ นายเองก็ไปคาราโอเกะด้วยกันได้นะโยรุซากิ”
“เอ๊ะ ผมก็ไปด้วยได้เหรอ?”
“ก็นายตัวติดกับเลย์ลาตลอดเลยนี่นาา”
“มาๆ เดี๋ยวชั้นจะช่วยเก็บขยะเอง ชั้นจะไปเก็บตึกใหม่ชั้น 2 นะ”
“ส่วนชั้นจะเก็บชั้นแรกตึกเก่าเอง”
“ส่งถุงขยะมาให้ชั้นด้วยสิ”
เขายื่นถุงขยะให้แต่ละมือที่ยื่นออกมาหาเขา แล้วทุกคนก็รีบพุ่งออกไปทันที
“ถามจริง? ขยะเยอะเกินปุยมุ้ย”
ถามจริง? ศัพท์สาวแกลแปลว่าประมาณว่า “จริงเหรอ?”
“นี่ ใครมันมาเหยียบขยะนี่กันนะ เหยียบซะเละตุ้มเป๊ะ๊ะเลย อีแบบนี้จะเก็บไปทิ้งก็ลำบากซะด้วยสิ”
อย่างที่คิดไว้เลยพวกคนร่าเริงเนี่ยเก็บขยะไปด้วยเอะอะโวยวายไปด้วย
พวกนักเรียนพากันแบกถุงขยะกลมๆเดินผ่านทางเดินอย่างกับซานต้าครอสช่วงคริสต์มาส
ถึงแม้ว่าคาเงโอะจะทำงานคนเดียวอย่างน่าสลดใจพร้อมกับสาปแช่งไปด้วย แต่ตัวเขาก็รู้สึกมีชีวิตชีวาราวกับงานเทศกาล
พวกคนร่าเริงค่อยๆหายไปจากการจัดอันดับคนที่เขาอยากฆ่า
เขาตัวสั่นเทิ้มเพราะถูกจู่โจมด้วยความรู้สึกประหลาดใจที่พุ่งเข้ามา
ถึงอย่างนั้นผมก็คิดว่าพวกเขาแค่อำผมเล่นเฉยๆแหละ
“คาเงโอะ เหม่ออะไรอยู่เจ้าคะ? ทิ้งขยะเจ้าค่ะ”
ในขณะที่เลย์ลาพูด เขาก็รีบทันที
“อ่า นั่นสินะ ต้องรีบเอาไปทิ้งก่อน”
มาโยนมันทิ้งไปพร้อมกับความรู้สึกตื้นตันแปลกๆนี่เถอะ
คาเงโอะคลุมถุงไนลอนบนถังขยะแล้วพลิกมันกลับอย่างกระตือรือร้น
ในห้องคาราโอเกะขนาดใหญ่ เสียงปรบมือ แทมโบรีนและเสียงร้องเพลงที่ซ้อนทับกันไม่ว่าจะชนชั้นกลางหรือชั้นล่างก็ต่างพากันอยู่ที่นี่จำนวนคนมันมากพอที่จะทำให้คิดว่าพากันยกโขยงมากันทั้งห้องเรียน
เพราะงั้นมันจึงกลายเป็นความโกลาหลที่คึกคักสุดๆยามที่คนร่าเริงมาสุมหัวกันสินะ
คาเงโอะรู้สึกทึ่งขณะดื่มน้ำส้มฟรีไปด้วย
“ชั้นต้องการรีโมทเจ้าค่ะ”
“เลย์ลา ก็บอกเเล้วไงว่าเธอน่ะยังไม่ไหวหรอก เดี๋ยวชั้นจัดการให้เองนะ แล้วเธออยากจะร้องเพลงไหนล่ะ? …….โอเคได้ล่ะ ชั้นจัดการให้ล่ะ”
ตาของเลย์ลาหรี่ลงและเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง
อ๊ะ เลย์ลา เธอโกรธอยู่งั้นเหรอ
โธ่เอ้ยย ยามามุระ ไม่เห็นรึไงว่าเลย์ลาไม่พอใจน่ะ?
มีการเลือกเพลงที่หลากหลายแนว บางคนก็ร้องเพลงไอดอลพร้อมกับเต้นบ้าๆบอๆๆบางคนก็ร้องเพลงอนิเมะ
แล้วถึงตาของคาเงโอะ คาเงโอะเลือกร้องเพลง “夜に駆ける(yoru ni kakeru)” ของ YOASOBI เพลงนี้ร้องโดยนักร้องหญิง คีย์เสียงก็สูงซะเหลือเกิน แต่ก็เข้ากันได้ดีกับเสียงธรรมชาติของคาเงโอะที่ถูกเรียกว่าเสียงสูงจนน่าขยะแขยง
“นายร้องได้ดีเลยนี่หว่า”
เสียวผิวปากและเสียงปรบมือและเสียงแทมโบรีน แล้วอิโซซากิก็หยิบไมค์ขึ้นมาแล้วเริ่มร้องประเสียงคู่กันกับเขา
“โยรุซากิ นายร้องเพราะมากเลยนะ”
“เป็นนักร้องได้เลย”
“เสียงเพราะจริง”
“เดี๋ยวจะเป็น FC ให้เอง”
การร้องเพลงทำให้เขามีความสุข มันสนุกมากซะจนเขาหยุดยิ้มไม่ได้
เอ๊ะ นี่เรากำลังสนุกอยู่อย่างนั้นเหรอ?
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังคิดว่า “พนันได้เลยว่าพวกนี้มันพูดยอเราไปงั้นแหละพวกมันคงแค่ล้อกันเล่นแหงๆ”
แต่ยังไงซะการร้องเพลงมันก็ทำให้รู้สึกดีจริงๆ คาเงโอะรู้สึกสนุกไปกับตัวเองได้อย่างแท้จริง ไม่มีความอาฆาตพยาบาทใดๆในเสียงเชียร์ของเหล่าชายหญิง
ดูเหมือนคนที่เอาแต่พูดด่าทอคนอื่นน่ะจะเป็นเราเองสินะ
เขานั่งลงบนโซฟาแล้วคุโรทากิก็เข้ามาคุยด้วย
“จะว่าไปโยรุซากิ นายนี่ร้องคาราโอเกะเก่งดีนะ เคยร้องมาก่อนเหรอ?”
“พอดีพ่อแม่ชอบร้องคาราโอเกะก็เลยชอบพามาด้วยบ่อยๆตอนยังเด็กน่ะ”
“วันนี้ดูสนุกดีนะถึงแม้ตอนปกติจะชอบจะชอบทำตัวเย็นชาก็เถอะ”
“เย็นชาแบบ ‘การโต้ตอบอย่างเย็นชา’ หมายความว่าไม่เป็นมิตรแบบนั้นสินะ”
“ก็คงแบบนั้นมั้งนะ”
“คือว่าขอโทษด้วยแล้วก็ขอบคุณนะ”
เขารู้สึกสับสนที่อยู่ดีๆคุโรทากิก็พูดขอโทษออกมา
“เอ๊ะ?”
“เป็นคณะกรรมการเทศกาลนี่ยุ่งเรื่องประชุมแล้วก็หลายๆอย่างเลยใช่ไหมล่ะ”
“ใช่ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เป็นคณะกรรมการด้วยเพราะงั้นถึงได้รู็สึกตกใจมากพอสมควรเลยล่ะ”
แล้วฟุจิคาวะพูดแทรกเข้ามา
“ตอนที่ชั้นคิดได้ว่านายทำงานเพื่อพวกเราทั้งหมดเลยจนถึงตอนนี้แล้วมันก็….ขอโทษด้วยนะ”
“รู้อะไรมะ ถึงเราจะรักสนุกแต่เราไม่ชอบสร้างปัญหาให้ใครนะ แต่เราก็เพิ่งรู้ว่าเรายัดปัญหาให้นายฝ่ายเดียวเลยโยรุซากิ”
“เอ๊ะ? เพราะงั้นพวกเธอถึงได้เอาจริงเอาจังกับการมาเป็นคณะกรรมการแบบนั้นสินะ?”
เขาถามอีกครั้งในสิ่งที่เขาไม่คาดคิดออกไป
ผมคิดว่าพวกเขาคงจะทำตัวเหลวแหลกต่อไปแท้ๆ
“แหงอยู่เเล้วน่ะสิ! พวกเราเองก็เป็นคณะกรรมการนะ อย่าได้ดูถูกสาวแกลที่คิดจะเอาจริงเอาจังนะยะ เข้าใจ๊?”
“โยรุซากิ ขอบคุณแล้วก็ขอโทษด้วย”
“ฝากด้วยล่ะไอ้คุณหัวหน้าห้อง”
เขาโดนตบหลัง
รู้สึกได้ถึงความเข้มแข็งที่อยู่ภายในใจของเขา
ลึกๆภายในอกเหมือนมีกระแสน้ำวนและเขารู้สึกเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมาแต่ก็กระพริบตาถี่ๆกลบเกลื่อน
งั้นคนที่ไม่พยายามแม้แต่การสนทนาก็คือเราเองสินะ
ไม่มีทางคุยกันได้หรอก คิดเองเออเองตัดสินใจไปโดยพลการว่าพวกเขาเป็นคนต่างเชื้อชาติและสาปแช่งพวกเขาอยู่ในใจ
ทำให้เขาจัดอันดับคนที่เขาต้องการจะฆ่าและสร้างความโกรธแค้นขึ้นอยู่ฝ่ายเดียว
เรื่องนั้นเลย์ลาก็เคยบอกอยู่
-ภาษาญี่ปุ่นเจ้าค่ะ ไม่เข้าใจคำศัพท์เจ้าค่ะ!-
ถึงอย่างนั้นเลย์ลาที่เติบโตที่อเมริกาาก็พยายามที่จะสนทนาภาษาญี่ปุ่น
ตอนนี้ถึงตาของเลย์ลาเธอกำลังร้องเพลง “Amazing Grace “ เพลงกลอนที่ได้ยินบ่อยๆในทีวี
“เลย์ลา เธอเก่งภาษาอังกฤษจริงๆ”
“มันแน่อยู่แล้ว”
“ยอดไปเลย”
“เจ๋งจริงๆล่ะนะ”
อย่างไรก็ตาม แววตาของเลย์ลายังคงเยือกเย็นอยู่่
นี่เลย์ลาโกรธอยู่เหรอ?
คาเงโอะหาเพลง “Amazing Grace” ในมือถือ จากนั้นก็……
“เอ่อ….”
มันเขียนไว้ว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ไว้ใช้ร้องในงานศพ……..
อีแบบนี้หล่อนก็ต้องโกรธแหงอยู่เเล้วน่ะเซ่!!
เหมือนที่คาเงโอะสาปแช่งให้ตายๆไปซะและจัดอันดับคนที่เขาอยากจะฆ่า เลย์ลาเธอเองก็คงคิดเหมือนกันว่าคนที่ทำเหมือนเธอเป็นสัตว์เลี้ยงน่ะให้ตายๆไปซะก็ดี
คาเงโอะและเลย์ลาเป็นคนประเภทเดียวกันจริงๆ
แล้วเลย์ลาก็ยิ้มตอนจบเพลงแล้วยื่นไมค์ให้คนต่อไป
หลังจากที่ร้องเพลงที่เลือกกันจบแล้ว คุโรทากิหยิบไมค์แล้วเริ่มพูด
“ชั้นอยากให้เราเลือกเพลงที่จะร้องในงานเทศกาล มีใครอยากขอเพลงไหนไหม?”
“Amazing Grace”
“คงยากไปหน่อยนะนั่น”
“Usseewa (เพลงของ Ado)”
“คงไม่ไหว เอาเพลงที่มันสุภาพหน่อยเป็นเพลงที่ทุกคนรู้จักและร้องตามได้”
“งั้นเพลงโรงเรียน?”
“ไม่เอา!!”
“งั้นก็ของ YOASOBI หรือ โยเนะซึ เคนชิ?”
“ดีเลย!”
“โยรุซากิ ร้องเพลง ‘夜に駆ける(yoru ni kakeru)’ ละกันชื่อนายก็เข้ากันด้วย”
“ขะ-เข้าใจเเล้ว”
“ผมเล่นเปียโนให้”
“เอ๊ะ-อิเคอิเล่นเปียโนเป็นด้วยเหรอ?”
“ให้ตายสิ เธอเนี่ยไม่เชื่อกันเลยนะ ชั้นเนี่ยเรียนเปียโนมาตั้งนานล่ะ พูดเเล้วก็อย่าขยะแขยงกันล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงไปหรอกน่าเราไม่พูดหรอก เท่ดีออกแถมนายก็ดูท่าทางเข้ากับเปียโนดีนะ”
“นี่พวกเราเต้นกันด้วยดีมะ?”
“ดีสิๆ! งั้นมาลองคิดท่าเต้นกันเลย”
“วางใจได้เลย! ชั้นอยากเป็นนักเต้นก็เลยไปเรียนโรงเรียนสอนเต้น่พอดี จะให้ทุกคนเต้นได้ด้วยท่าที่จำง่ายๆนะ”
“โอเค๊ ฝากด้วยล่ะ”
“เปิดเพลงล่ะ มาร้องเพลงยก 2 กันโล้ดดดดด”
พอคาเงโอะออกมาจากห้องคาราโอเกะ พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว
“เจอกัน บ๊ายบาย”
“เจอกันพรุ่งนี้”
พอโบกมือลาเพื่อนร่วนชั้นแล้วแยกทางกันเสร็จ เขาก็เดินทางกลับบ้านพร้อมเลย์ลาา
“สนุกเจ้าค่ะ”
“ก็คงงั้นมั้ง เหนื่อยดีนะ”
เป็นเรื่องสนุกที่ได้เห็นเพื่อนร่วมชั้นของเข้าในมุมที่ไม่คาดคิดมาก่อน
หนุ่มฮ็อตร่าเริงอย่างอิเคอิที่เรียนเปียโนมาโดยตลอดหรือสาวจืดจางอย่างอาคิตะที่รักการเต้นมันทำให้แปลกใจซะจนเวียนหัวไปหมด
ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นคนร่าเริงหรือมืดมน
มีแค่เราที่คอยจัดอันดับชาวบ้านเขาตามอำเภอใจ ด่าทอพวกเขา และทำตัวเย็นชาใส่พวกเขา
“เลย์ลา เธอโกรธเรื่องรีโมทรึเปล่า?”
“..!? รู้ด้วยเหรอเจ้าคะ?”
“ก็นะ….มองหน้าเธอก็รู้เเล้วแถมเธอยังร้องเพลง ‘Amazing Grace’อีกเธอคงจะโกรธที่ถูกปฏิบัติเหมือนเด็กใช่ไหมล่ะ”
“Great! คาเงโอะสุดยอด”
คาเงโอะถูกโผเข้ากอด
“แต่ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เหนื่อย สนุกดีเจ้าค่ะ”
สมกับเป็นเลย์ล่า
คาเงโอะคงได้แต่บ่นและคิดมากเรื่องนี้แต่เลย์ลาเด็กสาวชาวอเมริกันผู้ร่าเริงคนนี้ไม่ได้กังวลอะไรกับเรื่องนี้เลย้
“คาราโอเกะสนุกดีใช่ไหมล่ะ”
“ค่ะ สนุก ญี่ปุ่น สนุก! ที่ญี่ปุ่นมีแบบนี้ตลอด อยากเจ้าคะ”
“ทำไมเธอถึงไม่อยู่ที่นี่ไปเลยซะล่ะ เธอก็เป็นคนญี่ปุ่นด้วยนี่น่าา”
เลย์ลาได้แสดงสีหน้าซับซ้อนในขณะนั้น แต่คาเงโอะที่อารมณ์ดีจากการร้องคาราโอเกะครั้งแรกกับเพื่อนร่วมชั้นเลยไม่ทันได้สังเกตเห็น
เธอเข้ามากอดอย่างแนบแน่นงัวเงียและเอาแก้มมาแนบเขา
กลิ่นตัวช่างหอมหวานและร่างกายที่อบอุ่นก็แนบชิดตัวเขาทำให้หัวใจเต้นรัว
“……อยากผ่อนคลายกันหน่อยไหมล่ะเจ้าคะ?”
มือเลย์ลาลูบคลำที่เป้าของคาเงโอะอย่างนุ่มนวล
“อึกก…….”
“แข็งโป้กเชียวนะเจ้าคะ ไปจัดกันที่สวนดีไหมเจ้าคะ?”
“ดะ-เดี๋ยวก่อน! ที่สวนมันก็ออกจะ…..คือว่า…ครั้งก่อนผมกังวลแทบตายเลยนะ”
“งั้นบ้านชั้น อยากไปไหมเจ้าคะ? อยู่ใกล้เจ้าค่ะ”
เลย์ลาหยุดกอดและเริ่มเดินจูงมือคาเงโอะ
“ที่บ้านของเธอ มีแค่เธออยู่งั้นเหรอ”
“Grandma มีคุณยายอยู่ด้วยก่อนหน้านี้ เธอส่ง Line มาว่าวันนี้ Dinner อยู่กับคนรักเจ้าค่ะ”
“ดูท่าทางกำลังสนุกอยู่เลยนะ”
“เจ้าค่ะ”
บ้านของเลย์ลาเป็นบ้านไม้เก่า 2 ชั้น
“ขอรบกวนด้วยนะครับ”
“เชิญเจ้าค่ะ”
ก่อนอื่นเลยเขาไหว้แท่นบูชาอย่างรวดเร็วแล้วรีบเดินขึ้นไปข้างบนห้องของเธอพอเขาสบตากับโปสเตอร์ของวง Kinki Kids สมัยยังหนุ่ม
“โอ๊ะ เลย์ลาเธอชอบ คิงกิคิดส์ สินะ แม่ของผมเธอชอบอาราชิน่ะ”
“ห้องนี้เป็นห้องของแม่ชั้นเจ้าค่ะ แม่เป็นคนญี่ปุ่น พ่อเป็นคนอเมริกัน เธอเรียนอยู่ที่อเมริกาแล้วได้เจอกันที่นั่น”
“หืม อย่างงี้นี่เอง”
(TL NOTe : คิงกิคิดส์ เป็นชื่อวงดนตรียุคเก่าวงหนึ่ง)
แน่นอนว่าช่วงเวลานั้นได้จบลงก่อนที่คาเงโอะและเลย์ลาจะเกิดทันเครื่องเล่นวิทยุเทปขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นแผ่นเทป L’Arc-en-Ciel หรือแผ่น CD-R กับพวกเครื่อง Playstation และคอมพิวเตอร์ยุคเก่าๆ
ลูกสาวอาศัยอยู่ห้องของแม่ของเธอสมัยสาวๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ว่าจะที่ไหนแม่ของเลย์ลาก็ยังคงอยู่กับเธออยู่
เขารู้สึกว่าถ้าทำเรื่องอย่างว่ากันคงไม่ดีแหงๆ
“ชั้น…คนอเมริกันกับคนญี่ปุ่น 2 สัญชาติเจ้าค่ะ สัญชาติ เลือกได้ตอนอายุ 20 เจ้าค่ะ”
“อย่างงี้นี่เอง งั้นนี่คือสาเหคุที่เธอมาที่ญี่ปุ่นอย่างงั้นสินะ”
“ใช่เจ้าค่ะ เพื่อเรียนรู้ญี่ปุ่นเจ้าค่ะ”
“แล้วเธอเลือกอย่างไหนล่ะ?”
“สัญชาติอเมริกันก็ยังไม่อยากทิ้ง สัญชาติญี่ปุ่นก็ยากเกินที่จะเป็น ชั้นเป็นอเมริกันแต่ดันชอบญี่ปุ่น อยากอยู่ที่ญี่ปุ่นเจ้าค่ะ”
“ก็เลยเป็นไปไม่ได้ที่จะถือ 2 สัญชาติสินะ “
“เป็นไปไม่ได้เจ้าค่ะ ยุ่งยากจังเจ้าค่ะ..”
บรรยากาศหม่นลงทันที
คาเงโอะเสียใจที่เขายกหัวข้อบทสนทนาที่ซับซ้อนขึ้นมาพูด
“ดื่มชาไหมเจ้าคะ?”
“ขอบใจนะ ไว้เดี๋ยวดื่มเสร็จผมขอตัวกลับก่อนละกัน”
“ไม่ทำเหรอเจ้าคะ?”
ดวงตาสีฟ้าของเลย์ลาเบิกกว้างราวกับลูกแมวหลง
“เอาไว้พรุ่งนี้ไปเดทกันแทนนะ”
“Date? พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนเหรอเจ้าคะ?”
“ใช่ พอดีมีบางอย่างอยากให้เธอได้ดูน่ะว่าแต่เลย์ลาขี่จักรยานเป็นไหม?”
“ได้เจ้าคะ But ไม่มีจักรยานเจ้าค่ะ”
“โอเค”
“ว้าววววววว สวยเจ้าคjะ แดงจ๋าเลยเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นท่าทางร่าเริงของ เลย์ลา คาาเงโอะก็ปาดเช็ดหน้าผากที่ชุ่มเหงื่อด้วยหลังมือ
พวกเขาขี่จักรยานซ้อนมาด้วยกันใช้เวลาร่วม 20 นาทีจากโรงเรียน
เขาให้เลย์ล่านั่งซ้อนท้ายส่วนเขาเป็นคนปั่น มันทรงตัวยากและตัวเขาก็เหงื่อซกไปหมด
“ศาลเจ้านิชิกิมีชื่อเสียงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงล่ะนะ”
“ศาลเจ้านิชิกิ มหัศจรรย์ ใบไม้ร่วง สวยงามเจ้าค่ะ พึ่งเคยได้เห็นเป็นครั้งแรกเลยเจ้าค่ะ… ญี่ปุ่นสุดยอดเจ้าค่ะ”
แสงอาทิตย์ยามเย็นทำให้ใบไม้สีแดงสดเจิดจ้ายิ่งขึ้นไปอีก
เลย์ลาย่อตัวลงไปหยิบใบไม้ที่ร่วงขี้นมาแล้วเอาไปใส่ในสมุดจดอย่างระมัดระวัง
“สมบัติ…สวยงาม… ประทับใจจังเลยเจ้าค่ะ”
ข้างๆเลย์ลาก็ส่องแสงภายใต้แสงอาทิตย์ยามเย็นเช่นกัน
เธอต่างหากล่ะที่งดงาม นัยน์ตาสีฟ้าของเธอเต็มไปด้วยความอบอุ่น ผมสีบลอนด์ของเธอช่างเปล่งประกายราวกับว่ามันส่องประกายออกมาจากภายใน
แม้ดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้าและสายลมเริ่มเย็นขึ้น เลย์ลาก็มองขึ้นไปบนยอดต้นไม้ที่ว่างเปล่านั้น
“เราควรกลับกันเลยไหม?”
“ชั้น จักรยาน จะขี่เจ้าค่ะ คาเงโอะซ้อนหลัง ชั้นขี่เองเจ้าคะ”
“เอ๊ะ”
“คาเงโอะ ตอนมาที่นี่ เป็นคนปั่นมาเจ้าค่ะ ขากลับ ชั้นจะปั่นเองเจ้าค่ะ”
“อืม… กะ-ก็ได้”
พวกเขาขี่จักรยานผ่านตัวเมืองช่วงพลบค่ำ เลย์ลากำลังปั่นจักรยานส่วนคาเงโอะซ้อนท้าย
นั่งจักรยานกับหญิงสาวมันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขของลูกผู้ชายแต่มันน่าอายที่ลูกผู้ชายดันมาซ้อนท้ายนี่ล่ะ
ไม่ต้องสงสัยเลยเพราะเลย์ลาเธอเป็นผู้หญิงอยู่เห็นๆ
ผมโดนหัวเราะเยาะแหงๆ น่าอายจริงๆ สมเพชตัวเองชะมัด
“ โอ๊ะ ดีๆ ความเท่าเทียมทางเพศล่ะ”
“โอ้ ผู้หญิงปั่นจักรยานส่วนผู้ชายซ้อนท้าย เวลาเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยนสินะ”
“คู่รักในอุดมคติล่ะ”
เอ๊ะ? มันดูเป็นงั้นเหรอ?
มันรู้สึกตื้นตันเพราะคาเงโอะเคยคิดว่าเขานั้นถูกเสมอ พวกคนร่าเริงเหมือนเป็นคนละสัญชาติและไม่ได้พูดภาษาเดียวกัน
เขาเคยคิดว่าผู้หญิงเป็นสัตว์เจ้าเล่ห์ที่แสร้งทำเป็นอ่อนแอชอบแสดงความเห็นอกเห็นใจและใช้ผู้ชายเป็นเหมือนกับตู้ATM
แต่ทว่าเลย์ลาได้ทำลายความคิดแบบนั้นของคาเงโอะไปจนหมดสิ้น
“แฮ่กๆ …..ฟู่ววววว..”
ขณะที่ถีบแป้นจักรยานและหายใจเหนื่อยหอบเลย์ลาก็กำลังปั่นจักรยานด้วยแก้มที่เปล่งประกายไปด้วยหยาดเหงื่อ
“ไหวไหม? ให้ผมขี่แทนไหม?”
“มะ…….ว้ายยยย!”
ทันใดนั้นจักรยานก็ส่ายไปมาล้อรถไปกระแทกกับทางเท้า เสียงเบรกดังขึ้นและจักรยานก็เด้งขึ้นลง
“ระวัง!”
เขาโอบเอวเธอแล้ววางเท้าบนพื้นและพยุงเธอ
เลย์ลาเกือบโดนจักรยานทับต้นขาเธอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“เหมือนตอนตกบันไดลงไปข้างล่างเลยเจ้าค่ะ คาเงโอะปกป้องชั้นเจ้าค่ะ โล่งอก ตอนที่ตกบันได ชั้นถึงได้ชอบคาเงโอะ พูดออกมาเเล้วสิเจ้าคะ คาเงโอะ คอยเขียนฮิรากานะให้มาตลอดเลยเจ้าค่ะ ที่ว่าชั้นสวย คุโระทากิก็เคยบอกเจ้าค่ะ but ไม่เคยพูดเลยอะไรเลย คาเงโอะไม่เคยพูดว่าชั้นน่ารักเลยเจ้าค่ะ but ก็มาช่วยชั้น คาเงโอะเท่มากๆ Hero เลยเจ้าค่ะ”
คาเงโอะเกือบนํ้าตาซึมออกมา
“ผมว่าตัวเองก็ไม่ได้เท่อะไรขนาดนั้นหรอกน่า ในใจผมก็เอาแต่คิดว่าพวกคนร่าเริงทั้งหมดน่ะตายๆไปซะได้ก็ดีด้วยซํ้านะ”
“เหมือนกันเจ้าค่ะ ชั้นก็ได้ร้อง ’Amazing Grace’ เจ้าค่ะ อยากฆ่าให้ตายใจเพื่อให้รู้สึกสบายใจเจ้าค่ะจะได้ยิ้มออกเจ้าค่ะ”
“ฮะๆ…. อย่างงั้นเหรอ ฆ่าเพื่อให้สบายใจสินะ……..มาๆเปลี่ยนคนปั่นกันดีกว่า”
พวกเขาสลับสับเปลี่ยนที่กันแล้วกลับบ้าน เลย์ลาโอบกอดเขาอย่างแน่บชิด