วันที่เจอคุณลุงครั้งแรก แม่จับไหล่พร้อมกับมองสบตาฉันตรงหน้าบ้าน อีกทั้งยังทำสีหน้าเคร่งขรึมแล้วพูดอย่างเด็ดขาด
“ฟังให้ดีนะยอนจิน เรื่องที่เราเจอคุณลุงวันนี้เป็นความลับนะ ห้ามบอกพ่อหรือคุณปู่คุณย่าเด็ดขาด ห้ามบอกคุณป้าแม่บ้านหรือว่าใครทั้งนั้นด้วย”
แม่คงไม่เชื่อฉันที่เงยหน้ามองด้วยดวงตาเป็นประกาย จึงพูดเน้นย้ำอีกครั้ง
“ถ้ายอนจินไม่ยอมรักษาสัญญาแล้วบอกคนอื่น ก็อาจจะไม่ได้เจอแม่อีกเลยก็ได้นะ ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นใช่ไหม”
หลังจากฉันพยักหน้า แม่ก็ยืดตัวตรงแล้วจับมือฉัน พอเงยหน้ามองก็เห็นแม่กำลังทอดสายตามองบ้านด้วยดวงตาสั่นระริกอย่างกระสับกระส่าย
แล้วแม่ก็ไม่เคยพูดเกี่ยวกับคุณลุงในบ้านเลยจริงๆ ไม่พูดเรื่องการพบเจอในวันนั้นกับคำถามของคุณย่าที่ถามว่าไปไหนมาเช่นเดียวกัน
ท่าทางของแม่ที่ตั้งใจปกปิดทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นทำให้ฉันรับรู้ด้วยจิตใจของเด็กน้อยว่าถ้าหากเรื่องนี้ถูกเล่าออกไปแล้วต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นแม่ก็ยังออกไปเจอคุณลุงอีกหลายครั้ง และคงรับรู้ได้ถึงสายตาของคุณย่า เพราะแม่มักจะจะพาฉันออกไปด้วยเสมอทุกครั้งที่ทำแบบนั้น แต่ตอนออกไปข้างนอกคนเดียวครั้งอื่นๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปเจอเขาหรือเปล่า
ยิ่งเจอกันต่อไปอีกนานแค่ไหน ยิ่งเขาใจดีกับฉันมากเท่าไหร่ ฉันก็เริ่มเปิดใจให้คุณลุงทีละนิด ถ้าเป็นสิ่งที่ฉันต้องการ ไม่ว่าอะไรเขาก็จะรับฟัง เอาใจใส่ฉันเป็นอันดับหนึ่งพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น แถมยังปฏิบัติต่อฉันอย่างอ่อนโยนและใจดีด้วย นั่นเป็นอะไรที่ยั่วยวนไม่น้อยสำหรับเด็กที่ขาดแคลนความรักจากพ่อแท้ๆ ผู้เย็นชา
มีอยู่วันหนึ่ง ฉันตื่นเต้นมากๆ ก็เลยพูดออกไปว่า ‘ถ้าพ่อเป็นเหมือนคุณลุงก็คงจะดีสิ’ ทว่าแม่กลับย้อนถามคำพูดของฉันด้วยน้ำเสียงมีความลับ
“แล้วถ้าคุณลุงเป็นคุณพ่อแล้วจะดีไหม”
ฉันไม่รู้เลยว่าคำพูดของตัวเองกับคำพูดของแม่มันมีความหมายแตกต่างกัน เพราะอย่างนั้นก็เลยพยักหน้าให้แม่แล้วตอบกลับอย่างเห็นด้วย
แม่ทอดสายตามองฉันด้วยสายตาที่ฉันไม่เข้าใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า ‘ได้จ๊ะ’ และบทสนทนาก็จบลง เพราะหลังจากนั้นแม่ก็จมอยู่ในห้วงความคิดอันลึกซึ้งของตัวเอง
***
บางทีคงเป็นตอนนั้นหรือเปล่านะ ที่แม่ตัดสินใจแบบนั้นลงไป
“หนูคิดอยู่หลายครั้งเลยค่ะ ว่าถ้าไม่เจอคุณลุง แม่ก็อาจจะไม่ตายก็ได้”
“นั่นสินะ เป็นความผิดของลุงเอง”
“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณลุง หนูก็อาจจะไม่โกรธแม่จนถึงตอนนี้ก็ได้…”
“ยอนจิน แม่ของหนูน่ะ…”
“หนูรู้ค่ะ ว่ามันไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น แม่คงเหนื่อยมาก แล้วก็ถึงขีดจำกัดกับหลายเรื่องๆ พ่อเองก็รักแม่ แต่มันไม่ตรงกับวิธีที่แม่ต้องการเท่านั้นเองค่ะ เพราะแม่ก็คงต้องการความรักที่แสดงออกให้เห็นมากกว่านี้อีกหน่อย”
ตอนแรกมันเป็นการแต่งงานด้วยความคิดว่าอยากหลุดพ้นจากสภาพแวดล้อมของครอบครัวตัวเอง แต่พอใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ก็ยากจะอดทนเพราะเรื่องนั้นเรื่องเดียว
คุณย่าปฏิบัติต่อแม่ราวกับมองสิ่งสกปรก และแม่ก็ต้องการให้สามีผู้เป็นที่พึ่งพิงปกป้องตัวเองท่ามกลางพวกญาติๆ ที่ดูหมิ่นดูแคลน แต่พอเรื่องนั้นไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรก็เลยเหนื่อยล้า ประจวบเหมาะกับมีผู้ชายคนที่สามารถเติมเต็มทุกอย่างให้ได้ปรากฏตัวขึ้นพอดี
“แต่วันนั้น…หนูลืมไม่ลงเลยค่ะ ว่าแม่เลือกคุณลุงไม่ใช่หนู จนถึงตอนนี้หนูก็ยังไม่เข้าใจแม่ที่เลือกชีวิตตัวเองในฐานะผู้หญิงคนนึงมากกว่าฐานะแม่”
ยิ่งตอนนี้ฉันกลายเป็นแม่คนเหมือนกัน ก็ยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ ถึงลูกฉันจะยังเติบโตเป็นรูปเป็นร่างสมบูรณ์ แต่แค่รู้ว่ามีลูกอยู่ก็ยังรู้สึกถึงความสำคัญและห่วงใยมากขนาดนี้ แต่แม่กลับทิ้งฉันไปได้ยังไงนะ
***
ตอนแรกแม่เองก็ตั้งใจจะพาฉันไปด้วยเหมือนกัน มันเป็นวันที่ผู้ชายทุกคนในครอบครัวต้องเข้าบริษัท กระทั่งคุณย่าก็ออกไปพบปะสังสรรค์ เพราะฉะนั้นบ้านเลยไม่มีใครอยู่สักคน แม้แต่คุณป้าแม่บ้านก็ออกไปตลาดด้วย แม่จึงเริ่มเตรียมตัวด้วยความรวดเร็วอยู่ภายในห้อง
แม่รีบทำนู่นทำนี่ก่อนจะยื่นกระเป๋าใบนึงให้ฉันงุนงงว่าแม่ทำอะไรพร้อมกับพูดขึ้น
“เก็บของที่ยอนจินอยากเอาไปด้วยนะ”
“แม่ พวกเราจะไปไหนเหรอ”
“อื้อ เราจะไปที่ที่ไกลมากๆ กันจ้ะ เพราะฉะนั้นไปเตรียมเสื้อผ้ากับของที่จำเป็น แล้วก็ของที่อยากเอาไปใส่กระเป๋าใบนี้นะ”
ฉันเลยเดินกลับไปที่ห้องแล้วเริ่มเก็บของโดยไม่มีความสงสัยเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ระหว่างที่กำลังเก็บของลงในกระเป๋าทีละอย่างสองอย่าง แม่คงเก็บข้าวของของตัวเองเสร็จแล้วถึงลากกระเป๋าเข้ามาในห้องฉัน จากนั้นก็จับตัวฉันที่มัวแต่ยืดยาดไปข้างหลังแล้วรีบเอานู่นนี่เก็บใส่กระเป๋าแทนพร้อมรูดซิปอย่างว่องไว
ในที่สุดแม่ก็ถือกระเป๋าฉันกับกระเป๋าตัวเองแล้วจับมือฉันออกจากห้อง รู้สึกเจ็บมือข้างที่ถูกจับเพราะแม่ออกแรงต่างจากปกติ ฉันจึงบิดตัวแล้วร้องเรียกแม่
“พวกเราจะไปเที่ยวที่ไหนเหรอ”
“…”
“พ่อล่ะ พ่อไม่ไปด้วยกันเหรอ”
“ไม่ไปด้วยหรอก เราจะไปกับคุณลุงที่ยอนจินชอบไง”
“กับคุณลุงเหรอ”
“อื้อ คุณลุงกำลังรออยู่ เพราะงั้นเราต้องรีบไปนะ”
“ถ้าไปแล้วจะกลับบ้านเมื่อไรล่ะ”
“…ไม่กลับบ้านหรอก”
“หื้อ?”
พอฉันย้อนถามอย่างสงสัยเพราะไม่เข้าใจ แม่ก็ถอนหายใจเหมือนฉันทำให้ลำบากใจ ก่อนจะเริ่มพูดอธิบาย แค่มันก็แค่เพียงประโยคเดียวเท่านั้น
“จากนี้ไป พวกเราจะไปอยู่กับคุณลุงที่อื่น ไม่ใช่ที่นี่”
“ทำไมล่ะ แล้วพ่อล่ะ”
“ฟังให้ดีนะยอนจิน ยอนจินชอบคุณลุงใช่ไหม ถ้าคุณลุงเป็นพ่อก็จะดีใช่ไหม”
เมื่อฉันส่ายหน้าปฏิเสธ แม่เลยขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับพูดราวกับไล่ต้อน
“ครั้งก่อนยอนจินพูดแบบนั้นนี่นา ใช่ไหม”
“…ไม่รู้”
“คุณลุงเอ็นดูยอนจินมากๆ เหมือนลูกสาวเลยนะ เขาบอกว่าอยากอยู่กับแม่กับยอนจินไง จากนี้ไปคุณลุงก็จะกลายเป็นพ่อของยอนจิน”
“ทำไมคุณลุงถึงเป็นพ่อล่ะ ตอนนี้พ่ออยู่ที่บริษัทไม่ใช่เหรอ!”
แม่ทำหน้าตาเคร่งขรึมแล้วเริ่มพูดเหมือนโกรธฉันที่เอาแต่ส่ายหน้า
“ยอนจินก็เคยบอกว่าถ้ามีพ่อที่มาเล่นด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน ให้ของขวัญแล้วก็จัดปาร์ตี้วันเกิดให้เหมือนเด็กๆ คนอื่นก็ดีไม่ใช่เหรอ ถ้าไปกับคุณลุง คุณลุงเขาจะทำอะไรแบบนั้นให้ยอนจินทุกอย่างเลยนะ”
“…”
“เพราะฉะนั้นจากนี้ไป พ่อที่อยู่ที่บริษัทก็จะไม่ใช่พ่อของยอนจินแล้ว พ่อของยอนจินคือคุณลุงนะ”
“ไม่เอา พ่อของยอนจินไม่ใช่คุณลุง ทำไมแม่เอาแต่เรียกคุณลุงว่าพ่ออยู่ตลอดเลย”
“ฟังที่แม่พูดนะ ตอนนี้แม่อยู่บ้านหลังนี้ไม่ได้แล้ว แม่เหนื่อยมากเลย แม่อยากอยู่กับคุณลุง”
ใบหน้าของแม่บิดเบี้ยว แสดงความเศร้าโศกกับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงให้เห็นอย่างชัดเจน
“ถ้ายอนจินไม่ไปกับแม่ แม่ก็อยู่กับยอนจินไม่ได้นะ ถึงไม่ได้เจอแม่อีกแล้วก็โอเคเหรอ”
“…ไม่เอา”
“เพราะฉะนั้นยอนจินต้องเลือก ว่าจะไปกับแม่ หรือจะอยู่ที่นี่กับพ่อ ตอนนี้ยอนจินก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว แม่จะให้ยอนจินตัดสินใจเองนะ”
บางทีแม่อาจจะมั่นใจว่าฉันจะเลือกแม่ก็ได้ เพราะฉันใช้เวลาอยู่กับแม่มากกว่าพ่อที่ไม่มีเวลาดูแลครอบครัว และมันก็เป็นความจริงที่ฉันรักและผูกพันกับแม่มากกว่าด้วย
แต่ตอนนั้นฉันหวาดกลัวกับท่าทางที่ไม่คุ้นเคยของแม่ และกังวลว่าพ่อจะต้องอยู่คนเดียวไม่ใช่น้อย
“ก็แค่ไม่ไปไม่ได้เหรอ แม่ พวกเราไม่ไปกันเถอะ นะ แค่อยู่บ้านด้วยกัน”
“แม่บอกว่าไม่ได้ไง! ไม่มีเวลาแล้ว รีบตัดสินใจเร็ว”
“ไม่เอา! หนูไม่ไป! ถ้าจะไปแม่ก็ไปคนเดียวเลย!”
และฉัน…ก็มั่นใจว่าแม่จะเลือกฉัน คาดการณ์ด้วยสัญชาตญาณว่าแม่จะไม่ทิ้งฉันที่เป็นสายเลือดเดียวกันแล้วเลือกคุณลุง
แต่แม่กลับกัดริมผีปากแน่นพร้อมทอดสายตามองฉันแล้วหมุนตัวเดินไป แม่ก้าวเดินอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันจ้องมองภาพด้านหลังของแม่ห่างออกไปเรื่อยๆ อย่างเหม่อลอย
“แม่!”
ขณะที่แม่เปิดประตูบ้าน ฉันถึงตระหนกตกใจแล้ววิ่งตามหลังแม่ด้วยเท้าเปล่า
“แม่!”
แต่แม่ไม่หันกลับมามองเลยเหมือนไม่ได้ยินเสียงฉัน แม่ก้าวเดินอย่างรวดเร็วกระทั่งออกจากประตูใหญ่ของบ้านไปจนถึงถนนใหญ่
พื้นคอนกรีตร้อนระอุเพราะถูกแสงแดดแผดเผา ถึงแม้ว่าฝ่าเท้าจะสัมผัสพื้นคอนกรีตแข็งๆ แล้วรับความร้อนอย่างเต็มที่ แต่มากกว่าความรู้สึกแสบร้อน ฉันเพียงแค่คิดว่าต้องรั้งแม่ไว้ให้ได้เท่านั้น
และฉันก็สามารถตามทันขณะที่แม่หยุดยืนตรงริมถนนเพื่อโบกแท็กซี่ ฉันไม่สนใจอาการหอบรัวของตัวเองแล้วขยับเข้าไปใกล้แม่อย่างรวดเร็วพร้อมกับจับข้อมือของแม่ไว้ ฉันยื้อตัวแม่เอาไว้สุดชีวิตพลางร้องไห้อ้อนวอน
“แม่ อย่าไปนะ พวกเราอยู่ด้วยกันที่นี่เถอะ อย่าไปนะ!”
ทว่าแม่กลับปิดปากแน่นไม่ตอบอะไรและจ้องมองไปที่ถนนเท่านั้น ก่อนจะยื่นมือไปโบกเรียกแท็กซี่เมื่อมีแท็กซี่ว่างขับผ่านมาพอดี
พอรถจอดลงตรงหน้า แม่ถึงยอมมองฉันแล้วก็พูดขึ้น
“อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังทัน ไปกับแม่นะ หืม”
‘…’
แต่ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว หลังจากมองท่าทางของฉัน แม่ก็ถอนหายใจสั้นๆ แล้วก้าวขึ้นแท็กซี่ไป
ฉันทอดสายตามองแท็กซี่ที่ค่อยๆ ไกลออกไปจนสุดสายตา จนถึงตอนนั้นก็ยังไม่สามารถยอมรับความจริงได้ ยังรู้สึกเหมือนแม่จะกลับมาหากันอีก
ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างมองเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ยืนเท้าเปล่าอยู่ข้างถนนแล้วพากันกระซิบกระซาบ หรือไม่ก็เข้ามาใกล้ๆ ด้วยใบหน้าแฝงความเป็นห่วง แต่ท่าทางของคนรอบข้างไม่ได้เข้ามาในหัวของฉันเลย
ทั้งตอนถูกพาตัวมาหาตำรวจที่รับแจ้งความแล้วถูกดูแลอยู่ในสถานีตำรวจ ตอนที่คนในครอบครัวคิดว่าแม่เพียงแค่ออกไปข้างนอกเพิ่งตระหนักถึงเรื่องนี้ในช่วงพลบค่ำแล้วออกตามหาฉัน กระทั่งตอนที่ครอบครัวได้ยินข่าวเรื่องอุบัติเหตุของแม่ในคืนนั้นแล้วเคลื่อนไหวกันอย่างวุ่นวาย ฉันก็ยังเหม่อลอยอยู่แบบนั้น
หลังจากจัดการงานศพของแม่เสร็จเรียบร้อย ฉันถึงสามารถยอมรับความจริงว่าแม่จากฉันไปแล้วได้ พวกญาติๆ ที่ได้ยินข่าวของแม่ล้วนรวมตัวกันพูดเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวเกี่ยวกับการทำผิดศีลธรรมของแม่ จนฉันต้องออกไปนั่งอยู่ตรงม้านั่งข้างนอกงานศพราวกับถูกผลักออกมาเพราะท่าทีรุนแรงพวกนั้น
ความเคียดแค้นต่อแม่พุ่งตรงมาหาฉัน ซึ่งถือว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของแม่ คนที่ต้องเอาชนะความเกลียดชังลอยละล่องไม่มีที่ไปก็คือฉันเอง
ในสายตาของพวกผู้ใหญ่ในครอบครัว ฉันกลายเป็นเพียงลูกสาวของคนที่ทรยศต่อลูกชายของพวกเขาด้วยการหนีไปกับผู้ชายคนอื่นแล้วเสียชีวิต กลายเป็นของไร้ค่าที่ลูกสะใภ้ทิ้งไว้
ขณะที่ฉันกำลังก้มมองเท้าตัวเอง ก็มีใครคนหนึ่งสวมชุดสูทสีดำมายืนอยู่ตรงหน้าฉัน
พอเงยหน้าก็เห็นคุณลุงที่แม่ตั้งใจจะหนีไปอยู่ด้วยกำลังยืนทำหน้าเศร้า ถึงดวงตาจะเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยเหมือนจะร้องไห้เดี๋ยวนั้น แต่คุณลุงก็ไม่ได้ร้องไห้ออกมา
ฉันกลับเป็นคนร้องไห้แทน ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ทว่าพอเห็นใบหน้าของเขา ความโศกเศร้าทุกอย่างก็ระเบิดออกมาจนหมด
“หนูเกลียดคุณลุง! เกลียดมาก!”
“…ยอนจิน ลุงขอโทษ ลุงขอโทษจริงๆ”
“เกลียด! ไม่อยากเห็น! ไปให้พ้น!”
“ลุงขอโทษ”
“เป็นเพราะคุณลุง ทุกอย่างเป็นเพราะลุง!”
“…ใช่ ใช่แล้ว เป็นเพราะลุงเอง”
คุณลุงโอบกอดฉันที่ร้องไห้พร้อมกับตะเบ็งเสียงต่อว่าแล้วยอมรับทุกคำพูดนิ่งๆ พอฉันดิ้นรนต่อว่าจนหมดแรงแล้วเงียบลง เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ถึงอย่างนั้นลุงก็รักแม่หนูมาก แม่เขาก็รักยอนจินมากเหมือนกัน เพราะฉะนั้น…เพราะฉะนั้นลุงก็เลยอยากได้ยอนจินมาเป็นลูกสาวของลุง”
“คุณลุงไม่ใช่พ่อของหนู!”
ฉันเค้นแรงเฮือกใหญ่ผลักอีกฝ่ายออกอย่างแรงด้วยพละกำลังของเด็กน้อย แต่เขาก็ยอมปล่อยตัวฉัน
“หนูจะไม่มาเจอคนแบบคุณลุงอีกแล้ว! อย่ามาให้หนูเห็นหน้าอีกนะ!”
หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้เจอเขาอีกเลย อาจจะทำตามคำพูดของฉัน หรือไม่ก็คงไม่มีเหตุผลจะมาเจอฉันเพราะแม่ไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว
MANGA DISCUSSION